Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ – ตอนที่ 260

ตอนที่ 260

ตอนที่ 260 รวบรวมสมบัติ
เปลวไฟร้อนแรงโหมกระหน่ำ มังกรไฟศักด์ิสิทธ์ิบินวนรอบตัวของ
พวกเขาอย่างดุร้าย
หญ้าและต้นไม้ที่อยู่บริเวณโดยรอบได้ถูกเผาวอดวายพินาศสิ้น
กลายเป็นเถ้าถ่านไปจนหมด
โฮกกกกก!
มังกรไฟศักด์ิสิทธ์ิส่งเสียงคำรามจนอากาศสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ
มันค่อย ๆ หันหัวกลับมามองที่หวังเสียนอย่างช้า ๆ
ร่างของมังกรไฟศักด์ิสิทธ์ิขนาดใหญ่บินเข้าไปหาหวังเสียนทันที
หวังเสียน ยื่นมือออกไปอย่างช้า ๆ มังกรไฟศักด์ิสิทธ์ิค่อย ๆ หดร่าง
เล็กลง จนกลับไปเป็นผลึกแก้วมังกรอยู่บนมือเขาตามเดิม
ลมในฤดูใบไม้ร่วงกำลังโบกพัดกิ่งไม้ใบหญ้าพริ้วไหวไปมา เสียง
ของการต่อสู้ที่เคยดังกึกก้องและร้อนแรงด้วยเปลวเพลิงก็เงียบสงบ
ลงกลับสู่สภาพแวดล้อมเดิมอีกครั้ง
มีเพียงชายชราในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญจากสำนักเทพอัคคีเท่านั้น ที่ยังนอน
โชกเลือดและหายใจรวยรินอยู่ กลุ่มคนที่เหลือของพวกเขานั้นกลาย
เป็นเถ้าถ่านล่องลอยปลิวไปกับสายลมหมดสิ้นแล้ว
บนพื้นดินโดยรอบบริเวณมีสิ่งของต่าง ๆ วางอยู่อย่างกระจัดกระจาย
รวมถึงกระเป๋ าที่มีสมบัติที่สำนักเทพอัคคีปล้นมาจากสำนักวังเปลวไฟ
“โอ้ว ๆ ๆ ว้าว ๆ ๆ ! ยอดเยี่ยมที่ซู้ดดด! นายท่านผู้ชายคือไอดอลของ
ข้า! ช่างหล่อเหลาสง่างามโดดเด่นยอดเยี่ยมและเลิศเลอเพอร์เฟค สม
กับเป็นนายท่านผู้ชายของข้าจริง ๆ !”
หมอโลหิตใบหน้าแดงก่ำพร้อมกับตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
ไม่มีใครรู้ว่าเขาคนนี้รวบรวมคำพูดยกย่องและชื่นชมอย่างคล่องแคล่ว
มากขนาดนี้ได้อย่างไร
“นายท่านขอรับ! พวกเราจะไปรวบรวมสมบัติมาให้นะขอรับ!” โม่
ชิงหลงและโม่หยวน รีบเดินไปเก็บรวบรวมสิ่งของที่ตกอยู่บนพื้น
ในทันที
แม้ว่าองค์ราชามังกรของพวกเขาจะพ่นลมหายใจทำลายท้องฟ้าหรือ
ใช้แค่นิ้วเดียวทำลายภูเขา พวกเขาก็จะไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย
ในความคิดและจิตใจของพวกเขาราชามังกรนั้นอยู่ยงคงกระพัน
อย่างแท้จริง พวกเขาเหล่ามนุษย์มังกรทุกคนต่างเชื่อในความสามารถ
ของหวังเสียนกันอย่างหัวปักหัวปำ
หวังเสียน พยักหน้าเบา ๆ ในขณะที่เขามองไปยังบอลลาวาที่อยู่บน
พื้นตรงหน้าเขา
ผลึกแก้วมังกรในมือของเขาบินอยู่เหนือบอลลาวาพร้อมกับดูดมัน
ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ผลึกแก้วมังกรกำลังกลืนกินบอลลาวาทีละน้อยมันค่อย ๆ ดูดซับ
และหลอมรวมกันอย่างช้า ๆ
แสงจากผลึกแก้วมังกรสว่างขึ้นเรื่อย ๆ จนหวังเสียน สามารถสัมผัส
ได้อย่างเลือนลางว่ามีมังกรศักด์ิสิทธ์ิกำลังเคลื่อนที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขา
ภายใต้การควบคุมโดยจิตสำนึกของหวังเสียน ผลึกแก้วมังกรก็บิน
ตรงไปที่ชายชราที่ครอบครองเปลวไฟสีน้ำเงิน
เปลวไฟถูกดึงออกมาจากร่างของชายชราในทันที หลังจากนั้น
ร่างกายของชายชราก็เหลือเพียงแต่เถ้าถ่าน
แต่อย่างไรก็ตามเปลวไฟสีน้ำเงินขนาดเท่ากำปั้นก็ยังคงลอยอยู่กลาง
อากาศและมันยังคงไม่ถูกผลึกแก้วมังกรกลืนกินเข้าไป
‘เปลวไฟสีน้ำเงินนี้ช่างทรงพลังมากจริง ๆ มันสามารถต้านทานพลัง
ของผลึกแก้วมังกรเพลิงโลกันต์ของฉันได้!’
หวังเสียน มีความลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะดึงเปลวไฟสีน้ำเงินเข้า
มาหาตัวเขาเองพร้อมกับผลึกแก้วมังกร
เขาจ้องมองไปที่เปลวไฟสีน้ำเงินพร้อมกับส่งพลังจิตวิญญาณเพื่อ
กระตุ้นให้ระบบวิเคราะห์ในทันที

เปลวไฟน้ำเงินแห่งสวรรค์ : ระดับ 9

‘เปลวไฟระดับ 9! ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันสามารถต้านทานผลึกแก้ว
มังกรที่อยู่ในระดับ 10 ได้!’
เมื่อหวังเสียน มองไปที่ลูกบอลเปลวไฟแห่งจิตวิญญาณ หรือที่ระบบ
เรียกว่าเปลวไฟน้ำเงินแห่งสวรรค์ เขาค่อนข้างที่จะตกใจเล็กน้อย
เขายืนคิดใคร่ครวญอยู่ครู่นึง ก่อนที่จะตัดสินใจยังไม่ให้ผลึกแก้ว
มังกรดูดกลืนมันเข้าไป
ถ้าผลึกแก้วมังกรดูดกลืนเปลวไฟน้ำเงินแห่งสวรรค์เข้าไป สมบัติจิต
วิญญาณชิ้นนี้ก็จะหายไปอย่างสมบูรณ์ และมันก็คงจะไม่สามารถ
เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผลึกแก้วมังกรได้มากเท่าไหร่นัก
เพราะว่าหากพูดกันตามจริงแล้วประสิทธิภาพในการหลอมรวมของ
มันนั้นแย่มากกว่าลูกบอลลาวาเสียอีก
เมื่อผลึกแก้วมังกรดูดกลืนลูกบอลลาวาลงไป มันยังคงสภาพความ
สามารถของลูกบอลลาวาเอาไว้ได้ แต่อย่างไรก็ตามหากการดูดกลืน
เปลวไฟสีน้ำเงินแห่งสวรรค์ลงไป จิตวิญญาณที่อยู่ภายในเปลวไฟสี
น้ำเงินแห่งสวรรค์ก็จะหายไปและความสามารถของมันก็จะหายไป
ด้วยเช่นเดียวกัน
เปลวไฟของผลึกแก้วมังกร นั้นมีจิตวิญญาณของตัวมันเอง เมื่อพบ
เปลวไฟชนิดอื่นที่มีจิตวิญญาณคล้ายกันมันจะทำการกลืนกินทั้งหมด
โดยตรงในทันทีและสิ่งที่กลืนกินไปนั้นเพียงแค่จะนำไปเพิ่มพลังงาน
เพียงเท่านั้น ซึ่งไม่เหมือนกับลูกบอลลาวาที่ไม่มีจิตวิญญาณเป็นของ
ตัวเองมันมีแต่ความสามารถเฉพาะด้านของมัน เมื่อผลึกแก้วมังกร
ดูดกลืนมันเข้าไปแล้วจึงสามารถใช้ความสามารถดั้งเดิมของลูกบอล
ลาวาได้อย่างเต็มที่
“นายท่านขอรับ! พวกเราได้รวบรวมสมบัติทั้งหมดนำมารวมกันไว้
อยู่ตรงนี้แล้วขอรับ!”
โม่ชิงหลงและโม่หยวน ได้ทำการขนย้ายและรวบรวมสมบัติทั้งหมด
ที่คนของสำนักเทพอัคคีได้ทิ้งเอาไว้ก่อนตายเอาวางไว้ที่ตรงด้านหน้า
ของหวังเสียน
“หินจิตวิญญาณประมาณ 1,500 ก้อน ยาจิตวิญญาณระดับ 6 สามต้น
และยาจิตวิญญาณระดับ 5 สิบต้น ยาจิตวิญญาณทั้งหมดนี้เป็นของ
ธาตุไฟโดยเฉพาะ!”
“และยังมีสิ่งที่มีค่ามากที่สุดนั่นก็คือสิ่งนี้ขอรับนายท่าน!” โม่ชิงหลง
พูดออกมาพร้อมกับนำลูกบอลเปลวไฟจิตวิญญาณขนาดเท่าลูก
บาสเกตบอลให้กับหวังเสียน

วิญญาณแห่งธาตุไฟ : ระดับ 9
ใช้เพื่อหลอมรวมและปรับแต่งร่างกายเพื่อสร้างจิตวิญญาณแห่งธาตุ
ไฟ

ระบบรายงานผลให้กับหวังเสียนทางจิตสำนึกในทันที
หลังจากที่หวังเสียน ได้รับข้อมูลจากระบบเขาก็ค่อนข้างที่จะแปลก
ใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
การใช้วิญญาณแห่งธาตุไฟเพื่อปรับแต่งร่างกายนั้นมีผลที่ทรงพลัง
เป็นอย่างยิ่ง ผู้ที่ปรับแต่งร่างกายโดยใช้วิญญาณแห่งธาตุไฟนั้นจะ
สามารถสร้างแก่นธาตุไฟในจุดตันเถียนและสามารถควบคุมเปลว
ไฟได้ เหมือนกับเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย
อีกทั้งด้วยคุณสมบัติของการปรับแต่งร่างกายหลังจากที่ใช้วิญญาณ
แห่งธาตุไฟแล้ว พวกเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนธาตุ
ไฟได้เป็นอย่างดีเมื่อได้รับทรัพยากรในการฝึกฝนที่เกี่ยวข้องกับธาตุ
ไฟ
และเมื่อมีสมบัติจิตวิญญาณชิ้นนี้ มันก็จะสามารถทำให้ผู้ที่ติดอยู่คอ
ขวดของระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณนั้นสามารถก้าวเข้าสู่ระดับ
ก่อกำเนิดลมปราณได้อย่างรวดเร็วเลยทีเดียว
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าสำนักแห่งสำนักวังเปลวไฟนั้นกล้าเสี่ยงเข้า
ไปขโมยมันมาจากสำนักเทพอัคคี สิ่งนี้มีค่ามากอย่างแท้จริง!”
หวังเสียน ถอนหายใจออกมาเบา ๆ การที่สำนักวังเปลวไฟได้รับ
วิญญาณแห่งธาตุไฟมาในก่อนหน้านี้ จึงทำให้สำนักวังเปลวไฟ
สามารถสร้างผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณได้หลายคน และ
ด้วยเหตุผลนี้เองสำนักวังเปลวไฟจึงก้าวเข้าไปสู่สำนักระดับชั้น
ศักด์ิสิทธ์ิได้อย่างรวดเร็ว
แต่อย่างไรก็ตามการพัฒนาของพวกเขานั้นรวดเร็วเกินไป ทำให้
รากฐานของพวกเขานั้นไม่แข็งแกร่งมากพอ จึงทำให้สำนักของพวก
เขานั้นต้องถูกกวาดล้างดังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในก่อนหน้านี้
“ถ้าอย่างนั้นจิตวิญญาณแห่งธาตุไฟชิ้นนี้ก็อาจจะถูกดูดกลืนโดย
ผลึกแก้วมังกรได้ และเมื่อผลึกแก้วมังกรได้ดูดซับความสามารถของ
มันแล้วผลึกแก้วมังกรก็น่าจะสามารถใช้ในการปรับแต่งร่างกายได้
เช่นเดียวกันกับความสามารถเดิมของมัน!”
ปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ ขึ้นที่มุมปากของหวังเสียน ขณะที่เขาวางผลึก
แก้วมังกรไว้บนจิตวิญญาณแห่งธาตุไฟ
ในทันใดนั้นผลึกแก้วมังกรก็ค่อย ๆ ส่งพลังงานล้อมรอบลูกบอลจิต
วิญญาณแห่งธาตุไฟเพื่อหลอมรวมมันในทันที
“พวกเราไปกันเถอะ! นำสมบัติทั้งหมดไปกับพวกเราด้วย!”
หวังเสียน มองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะออกคำสั่งกับโม่ชิงหลงและคน
อื่น ๆ ในกลุ่ม
“ขอรับนายท่าน!” โม่ชิงหลงและโม่หยวนตอบรับด้วยความเคารพ
คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าตอบรับด้วยเช่นเดียวกัน
ซุนหลิงซิ่วยิ้มและเดินตามหลังหวังเสียน ไปอย่างใกล้ชิด คนอื่น ๆ
ก็รีบทยอยเดินตามเขามาเช่นเดียวกัน
ดาบคลั่งโลหิตจี มองไปที่หวังเสียน ด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน การ
เดินทางในครั้งนี้ได้สร้างความตื่นตระหนกตกใจให้กับตัวเขาไม่รู้กี่
ครั้งต่อกี่ครั้ง หากเขาเดาไม่ผิดในก่อนนะนี้ตอนที่เขานั้นไปช่วยหวัง
เสียน กวาดล้างตระกูลหลิว [ตอนที่ 190-193] หากพูดกันตามตรงแล้ว
เพียงแค่หวังเสียน เพียงคนเดียวก็คงจะสามารถกำจัดคนของตระกูล
หลิวได้ทั้งตระกูลอย่างง่ายดาย แต่ดูเหมือนว่าเขาขี้เกียจเกินไปที่จะ
ลงมือด้วยตัวเองก็เท่านั้น
ในกลางดึกร่างคนหกคนค่อย ๆ หายไปจากบริเวณทางเข้าประตู
สำนักวังเปลวไฟอย่างเงียบ ๆ
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเลยว่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ
ขั้นสูงสุดที่เข้ามาทำลายล้างสำนักวังเปลวไฟ จะถูกสังหารลงได้
อย่างง่ายดายเพียงนี้

หลังจากนั้นไม่นานมีคนกลุ่มใหญ่หลายสิบคนมุ่งหน้าตรงไปทาง
สำนักวังเปลวไฟด้วยความเร็วสูง
บางคนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งอยู่ในระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณ
ในขณะที่อีกหลาย ๆ คนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ
ที่มีพลังอันแข็งแกร่งและน่ากลัว
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดที่อยู่ในเมืองเปลวไฟและเมืองใกล้เคียงต่าง
มุ่งหน้าเข้ามาที่สำนักวังเปลวไฟกันอย่างรวดเร็ว
“ดูนั่น! สำนักวังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิถูกทำลายจนพินาศย่อยยับไป
หมดแล้ว!” เสียงของชายชราคนนึงดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศอัน
เงียบสงบ
“มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน? สำนักวังเปลวไฟนั้นพึ่งจะเลื่อนระดับ
ชั้นกลายเป็นสำนักศักด์ิสิทธ์ิไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมสำนักของพวกเขา
จึงถูกทำลายลงอย่างนี้เล่า!”
“โอ้ว! พระเจ้าสำนักวังเปลวไฟ ถูกทำลายพร้อมกับเผาทิ้งจนแทบจะ
จำภาพลักษณ์เดิมไม่ได้เลย!”
“ตามที่ข้ารู้มาจากเหล่าสาวกของสำนักวังเปลวไฟที่สามารถหลบหนี
ออกมาได้ กลุ่มคนทั้งสิบคนที่เข้ามาทำลายสำนักวังเปลวไฟนั้นคือ
คนจากสำนักเทพอัคคี!”
“สำนักเทพอัคคีเป็นสำนักที่ทรงพลังในระดับสากลสำนักหนึ่งเลย
ทีเดียว พวกเขานั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน พอ ๆ กับสำนัก
เก่าแก่บางสำนักในประเทศจีนของเรา แต่ใครจะคิดว่าพวกเขานั้นจะ
นำกำลังคนเข้ามาทำลายล้างสำนักวังเปลวไฟอย่างนี้!”
“ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณสิบคน สามารถทำลายกวาดล้าง
สำนักวังเปลวไฟลงได้ภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง พวกเขามีความ
แข็งแกร่งระดับไหนกันแน่!…”
เหล่าชาวยุทธที่มารวมตัวกันที่ด้านหน้าของสำนักวังเปลวไฟต่าง
จ้องมองไปยังกองซากศพและเศษซากอาคารที่ถูกทำลายลงอย่างไร้
ความปราณี ด้วยความตกตะลึงและสังเวชใจ
“ฮึ! แต่ในความคิดของข้า ข้ารู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ดีมากเลยทีเดียว ตั้งแต่
สำนักวังเปลวไฟเลื่อนระดับชั้นกลายเป็นสำนักศักด์ิสิทธ์ิเหล่าสาวก
ของพวกเขาก็หยิ่งผยองและทำตัวอวดดีไปทั่ว ข้าคิดว่ามันสมควร
แล้วที่สำนักของพวกเขาจะถูกทำลายลงไป!”
“ข้าเห็นด้วย! ในระยะหลัง ๆ มานี้เหล่าสาวกของสำนักวังเปลวไฟ
ค่อนข้างที่จะหยิ่งผยองและไร้เหตุผล พวกเขาทำการกดขี่และข่มเหง
คนตระกูลใหญ่ ๆ หลายสิบตระกูลเพื่อบีบบังคับเอาผลประโยชน์
จากตระกูลเหล่านั้น หากตระกูลไหนไม่ยินยอม พวกเขาเหล่านั้นก็
จะถูกสังหาร คนของสำนักวังเปลวไฟสมควรที่จะได้รับผลกรรม
แล้ว!”
หลังจากที่สำนักวังเปลวไฟนั้นล่มสลายลง ชาวยุทธบางคนนั้นรู้สึก
ตกใจกับเหตุการณ์ที่น่าสลดใจนี้ แต่บางคนก็รู้สึกยินดีที่สำนักวัง
เปลวไฟนั้นถูกกวาดล้างลงไป เนื่องจากพวกเขานั้นเคยถูกเหล่าสาวก
ของสำนักวังเปลวไฟนั้นกลั่นแกล้งและทำร้ายมาก่อน
เมื่อไม่นานมานี้เหล่าสาวกของสำนักวังเปลวไฟนั้นหยิ่งผยองเกินไป
พวกเขาไม่สนใจกองกำลังอื่น ๆ เลยแม้แต่น้อย
การกระทำของพวกเขาบางครั้งนั้นแทบไม่ต่างจากการกระทำของ
กลุ่มโจร สิ่งไหนที่พวกเขาพอใจก็จะทำการปล้นฆ่าแย่งชิง บางครั้ง
ยังรวมถึงหญิงสาวที่หน้าตาดีบางคนก็ยังถูกฉุดคร่าไปเป็นนางบำเรอ
ให้แก่พวกเขา แต่กองกำลังที่ถูกรังแกเรานั้นก็ไม่มีกำลังมากพอที่จะ
ต่อต้านการกระทำของเหล่าสาวกของสำนักวังเปลวไฟ
เมื่อพวกเขาเห็นเหล่าสาวกของสำนักวังเปลวไฟพวกเขาต้องรีบก้ม
หัวลงหรือไม่ก็ต้องรีบหลบหนีไปให้ไกล จะได้ไม่ต้องตกเป็นเป้า
การโจมตีของพวกเขา
ตอนนี้สำนักวังเปลวไฟถูกทำลายลงแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกตกใจแต่ก็
ยังรู้สึกยินดีและพอใจกันเป็นอย่างยิ่ง
จากสิ่งนี้จึงสามารถบอกได้อย่างง่ายดายเลยว่า ชื่อเสียงของสำนักวัง
เปลวไฟนั้นไม่เป็นที่ชื่นชอบมากนัก
พฤติกรรมของเหล่าสาวกวังเปลวไฟนั้นคล้ายกับคนที่ร่ำรวยในชั่ว
ข้ามคืน
“พวกเราควรไปหาที่พักค้างคืนกันก่อน แล้วเราจะกลับกันในวัน
พรุ่งนี้!”
ในตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้วหวังเสียน, ซุนหลิงซิ่ว และคน
อื่น ๆ กำลังเดินทางไปที่ใจกลางเมืองเปลวไฟ
เมืองเปลวไฟเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีภูมิทัศน์ที่สวยงามและเงียบสงบ
สถานที่บางแห่งในเมืองได้อนุรักษ์อาคารจากสมัยโบราณ จัดวาง
เรียงกันอย่างเป็นระเบียบดูสวยงามและภูมิฐาน
อย่างไรก็ตามเนื่องจากพวกเขาอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ตอนเที่ยงคืนจึง
ค่อนข้างเงียบและไม่ค่อยมีผู้สัญจรไปมามากนัก
ตุบ ๆ ๆ !
ในขณะที่หวังเสียนและกลุ่มคนของเขาเดินอยู่บนถนนสายเล็ก ๆ
พวกเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังวิ่ง
ร่างเล็ก ๆ สองร่าง พยายามวิ่งอย่างรวดเร็ว บางครั้งพวกเขาจะหัน
หลังกลับไปมองด้วยท่าทางที่เป็นกังวล
พวกเขาค่อนข้างที่จะคล่องแคล่วและว่องไว เมื่อมองดูแล้วสามารถ
บอกได้ทันทีเลยว่าพวกเขานั้นต้องเป็นผู้ฝึกฝนวิชายุทธอย่างแน่นอน
“ไอ้หนู! แกทั้งสองคนหนีพวกเราไม่พ้นหรอกน่า ยอมมอบตัวเสีย
โดยดีเถอะ พวกเราเสียเวลาค้นหาพวกแกมามากกว่าหนึ่งเดือนแล้ว
อย่าทำให้พวกเราต้องโมโหมากไปกว่านี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะจับพวกเจ้า
ทรมานจนต้องร้องขอความตายเลยเชียวละ!”
ทางด้านหลังของพวกเขามีชายวัยกลางคนมากกว่าหนึ่งโหลกำลังไล่
ตามพวกเขามาอย่างกระชั้นชิด

Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ

Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ

Status: Ongoing

แปลงร่างเป็น มังกรศักดิ์สิทธิ์ และครองโลก! ด้วยระบบมังกร เขาจะเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์ผู้เดียวในมหาสมุทรที่ก่อตั้งวังมังกรใต้มหาสมุทร ด้วยทหารฝูงปลาและเหล่าขุนพลสัตว์ทะเลในฐานะผู้ติดตามของเขา รวมทั้งสัตว์ทะเลขนาดมหึมาในฐานะลูกน้องคนสนิทของเขา เขาคือจักพรรดิ์มังกรผู้ปกครองวังมังกรศักดิ์สิทธิ์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท