Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ – ตอนที่ 246

ตอนที่ 246

ตอนที่ 246 เทียนเจียวอู๋ฉี!
“ว่าไงนะ?”
เสี่ยวหยู ที่ยืนอยู่บนเวทีตกใจมากเมื่อเห็นผู้อาวุโสที่ยืนขึ้นและ
ตัดสินใจเรื่องงานแต่งงานของเธออย่างกะทันหัน
นี่มันคือชีวิตของเธอและเรื่องงานแต่งงานของเธอ มันไม่ใช่สิ่งที่คน
อื่นจะมากำหนดแทนให้เธอได้
และผู้อาวุโสคนนี้เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังบอกให้
เธอแต่งงานกับหลานชายของผู้อาวุโสในสำนักวังเปลวไฟ ผู้ชายที่ดู
เหมือนจะมีปัญหาทางสมอง?
นี่เป็นการกระทำที่ถือได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้งรังแกกันโดยซึ่งหน้า
และพยายามที่จะสร้างความอับอายให้กับเธออย่างนั้นหรือ?
ในที่นั่งของกลุ่มสำนักกระบี่พฤกษาขจี ผู้อาวุโสฟางและเจ้าสำนัก
ถังต่างก็รู้สึกตกใจกันมากเมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสของสำนักวัง
เปลวไฟ
“ท่านผู้อาวุโสท่านไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการแต่งงานของธิดาสวรรค์
ของสำนักกระบี่พฤกษาขจีของพวกเรา ถ้าหากให้พูดกันตามตรงแล้ว
สำนักของพวกเรานั้นเป็นเพียงแค่กองกำลังระดับชั้น 2 อันต้อยต่ำไม่
เหมาะกับคุณชายผู้ที่มีความยิ่งใหญ่ที่อยู่สำนักวังเปลวไฟที่ยิ่งใหญ่
อย่างนี้หรอก!” เจ้าสำนักถังลุกขึ้นยืนแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่
ค่อนข้างแผ่วเบา
“ฮึ! ตราบใดที่ข้านั้นบอกว่าทำได้มันก็ต้องทำได้สิ!”
ผู้อาวุโสคนนั้นจ้องมองไปที่เจ้าสำนักถังอย่างไม่ใยดีพร้อมพูดออกมา
ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“มันจบแล้ว! อนาคตของเด็กสาวอัจฉริยะคนนั้นพังพินาศลงแล้วล่ะ!”
“แต่งงานกับคนโง่เง่าแบบนั้น อยู่เป็นโสดตลอดชีวิตยังดีเสียกว่า ต่อ
ให้เขาเป็นลูกหลานของผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักก็ตามทีเถอะ!”
“ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก สำนักกระบี่พฤกษาขจี อุตส่าห์ได้พบลูกศิษย์ที่
เป็นอัจฉริยะ แต่เธอก็ต้องถูกกำหนดให้มาแต่งงานกับคนปัญญาอ่อน
ของสำนักวังเปลวไฟ นี่น่าจะเป็นการกลั่นแกล้งและตัดอนาคตของ
สำนักกระบี่พฤกษาขจีอย่างแน่นอน!”
“เฮ้อ! เด็กสาวคนนี้เลือกสำนักผิดตั้งแต่แรก มันจะง่ายมากสำหรับ
เธอหากเธอนั้นเข้าร่วมกับสำนักระดับชั้น 1 หรือแม้แต่สำนักระดับ
ชั้นศักด์ิสิทธ์ิก็ยังเต็มใจที่จะรับเธอเข้าเป็นศิษย์ ป่ านนี้เธอคงจะติด
อันดับเทียนเจียวหรือการจัดอันดับจอมยุทธ์รุ่นใหม่ที่โดดเด่นของ
โลกยุทธภพไปแล้วก็ได้ เธอคงมีอนาคตที่สดใสมากกว่านี้!”
มีเสียงพูดคุยและวิพากษ์วิจารณ์จากชาวยุทธที่อยู่บริเวณโดยรอบ แต่
พวกเขาก็ไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับสำนักวังเปลวไฟมากนัก เนื่องจากอิทธิพล
และอำนาจของสำนักวังเปลวไฟ การวิพากษ์วิจารณ์ออกมาโดยตรง
นั่นก็เปรียบเสมือนการจงใจเป็นศัตรูกับพวกเขานั่นเอง แต่การกระทำ
ของสำนักวังเปลวไฟแบบนี้ มันเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจเป็นอย่าง
มากเลยทีเดียว แต่ก็ไม่มีใครอยากสร้างปัญหาให้กับตัวเองโดยการ
ออกมาต่อต้านหรือวิจารณ์พวกเขา
“ฮึฮึ! สำนักวังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิ ช่างน่าสนใจมากเสียจริง ๆ !”
ที่ด้านล่างของเวทีหวังเสียน ยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว พร้อมกับมีรังสี
สังหารวาบผ่านดวงตาของเขา
“สำนักวังเปลวไฟของพวกเจ้านั้นมีสิทธ์ิอะไรมาสั่งให้น้องสาวของ
ข้าแต่งงานอย่างนั้นหรือ?” หวังเสียน ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ พร้อมกับ
เดินไปข้างหน้าและจ้องมองชายชราของสำนักวังเปลวไฟด้วยสายตา
ที่เย็นชา
เสียงพูดของ หวังเสียน ทำให้ฝูงชนโดยรอบตกใจ
“โอหังนัก! เจ้าบังอาจต่อต้านคำพูดของผู้อาวุโสแห่งสำนักวังเปลว
ไฟอย่างนั้นรึ?”
“ไอ้หนุ่ม เจ้าสะกดคำว่าตายไม่เป็นหรืออย่างไร!”
เสียงของผู้อาวุโสจากสำนักวังเปลวไฟตะโกนออกมาค่อนข้างดัง
เหล่าบรรดาชาวยุทธโดยรอบต่างหันไปมองที่หวังเสียน พร้อมกับ
ขมวดคิ้ว
“เฮ้ย! นั่นมันหมอเทวะหวังไม่ใช่หรืออย่างไร? เด็กสาวอัจฉริยะที่มี
ตำแหน่งเป็นธิดาสวรรค์แห่งสำนักกระบี่พฤกษาขจีนั้นเป็นน้องสาว
ของหมอเทวะหวังอย่างนั้นเหรอ?”
“หมอเทวะหวัง?”
“เขาคือหมอเทวะหวังหรือหมอบ้าแห่งเมืองเจียงเฉิงอย่างนั้นหรือ?
น่าจะใช่! ดูจากหน้าตาของเขาแล้วอายุเขายังน้อยมากจริง ๆ เขาเป็น
หมอเทวะอันดับที่ 8 จากรายชื่อหมอเทวะศักด์ิสิทธ์ิแห่งโลกยุทธภพ
ได้ตั้งแต่อายุน้อยขนาดนี้ถือว่าได้ว่าเป็นอัจฉริยะอีกคนหนึ่งเลย
ทีเดียว!”
“พี่ชายเป็นเป็นอัจฉริยะทางด้านการแพทย์! ส่วนน้องสาวก็มีพรสวรรค์
ระดับสูงในการฝึกฝนบ่มเพาะ! พี่น้องคู่นี้ช่างน่ามหัศจรรย์ มากเลย
ทีเดียว!”
“เด็กสาวคนนั้นเป็นน้องสาวของ หมอเทวะอันดับ 8 ในการจัดอันดับ
หมอเทวะศักด์ิสิทธ์ิแห่งโลกยุทธภพอย่างนั้นรึ? ไม่น่าแปลกใจเลยที่
เธอความสามารถฝึกฝนได้เร็วมากขนาดนี้ ข้าก็ยังสงสัยอยู่ว่าสำนัก
เล็ก ๆ ระดับชั้น 2 อย่างสำนักกระบี่พฤกษาขจี จะสามารถนำทรัพยากร
การฝึกฝนจากที่ไหนมาส่งเสริมการฝึกฝนของเด็กสาวอัจฉริยะคนนี้
ได้ ที่แท้เธอก็เป็นน้องสาวของหมอบ้าแห่งเมืองเจียงเฉิงนี่เอง!” ทุก
คนโดยรอบต่างมองไปที่หวังเสียน พร้อมกับหันไปพูดคุยกันด้วย
ความตกตะลึง
“ฮึฮึ! หมอเทวะหวังฟังข้าพูดให้จบเสียก่อน!”
ในขณะนั้นเองผู้เฒ่าหลิวก็ลุกขึ้นยืนอย่างจะช้า ๆ พร้อมกับพูดขึ้นมา
“แต่แรกสำนักวังเปลวไฟของเรานั้นต้องการเจ้านั้นเข้าร่วมเป็นผู้
อาวุโสทางการแพทย์ของสำนักเรา แต่เจ้าก็ปฏิเสธและไม่ต้องการที่
จะเข้าร่วมกับสำนักของพวกเรา เรื่องนั้นข้าก็ไม่คิดจะบังคับฝืนใจเจ้า
ให้เข้าร่วมกับสำนักของพวกเราเลยแม้แต่น้อย แต่งานแต่งในครั้งนี้
ข้าคิดว่านี่น่าจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเราทั้งสองฝ่าย พวกเราจะได้มี
ความสัมพันธ์อันดีต่อกัน นี่ถือว่าเป็นประโยชน์ที่ดีกับฝ่ายของพวก
เจ้าอย่างแน่นอน!”
คำพูดของผู้อาวุโสหลิวทำให้ฝูงชนตกใจกันจนต้องขมวดคิ้ว ในตอนนี้
พวกเขาจ้องมองไปที่หวังเสียน ด้วยความมึนงงอีกครั้งหนึ่ง
“ใครจะคาดคิดว่าหมอเทวะหวังจะปฏิเสธคำเชิญการเข้าร่วมกับสำนัก
วังเปลวไฟ?”
“นี่เป็นคำเชิญของสำนักระดับชั้นศักด์ิสิทธ์ิเลยทีเดียว! ในฐานะที่พึ่ง
ได้รับการเลื่อนระดับชั้นเป็นสำนักศักด์ิสิทธ์ิ หากหมอเทวะหวังเข้า
ร่วมกับสำนักในตอนนี้ ระดับความสำคัญของหมอเทวะหวังคงจะสูง
อย่างมากเลยทีเดียว แต่ใครจะคาดคิดว่าเขานั้นกลับกล้าปฏิเสธโชค
ที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้ได้ ไม่รู้ว่าเขานั้นใช้อะไรคิดกันแน่ หรือว่าหมอเทวะ
หวังคนนี้จะเป็นเหมือนกับฉายาของเขา หมอบ้าแห่งเมืองเจียงเฉิง!”
เหล่าชาวยุทธ์ที่อยู่บริเวณโดยรอบต่างหันมาพูดคุยกันอย่างออกรส
พวกเขานั้นรู้สึกไม่เข้าใจความคิดหมอบ้าแห่งเมืองเจียงเฉิงคนนี้เลย
จริง ๆ
“ฮ่า ๆ ๆ ! เจ้าบอกว่าข้าสมควรจะดีใจที่น้องสาวของข้าได้แต่งงาน
กับคนปัญญาอ่อนอย่างนั้นรึ?” หวังเสียน มองไปที่ผู้อาวุโสหลิว
พร้อมกับแสยะยิ้มและพูดออกมาอย่าประชดประชัน
“เจ้านั้นเข้าใจผิดแล้วหมอเทวะหวัง! เขานั้นไม่ใช่คนปัญญาอ่อนเขา
เป็นหลานของผู้อาวุโสเผิง ซึ่งเป็นผู้อาวุโสระดับสูงคนที่ห้าของสำนัก
วังเปลวไฟของพวกเรา หากว่าน้องสาวของเจ้าได้แต่งงานกับหลานชาย
ของผู้อาวุโสเผิง สถานะของเธอในสำนักวังเปลวไฟจะไม่ต่ำชั้นอย่าง
แน่นอน!”
ผู้อาวุโสหลิวพูดออกมาด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งพร้อมกับหันไปจ้องมอง
หวังเสียน อย่างไม่ใส่ใจมากเท่าใดนัก
“งั้นเหรอ!” หวังเสียนหัวเราะเยาะเย้ย มีแสงวูบวาบในดวงตาของเขา
ขณะที่เขามองไปในทิศทางตรงกันข้าม
ณ ที่แห่งชายหนุ่มผมสั้นหน้าตาค่อนข้างหล่อเหลายืนอยู่ตรงนั้นด้วย
ท่าทางที่สงบนิ่งพร้อมกับมีออร่าแห่งปีศาจบาง ๆ ออกมาจากรอบตัว
เขา
ชายหนุ่มคนนั้นรู้สึกได้ถึงการจ้องมองของหวังเสียน เขาก้มหัวลง
คำนับด้วยความเคารพ
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็มองไปที่ใจกลางจัตุรัสด้วยสายตาที่เย็นชา
“คนปัญญาอ่อนจากสำนักวังเปลวไฟปรารถนาจะแต่งงานกับ ธิดา
สวรรค์แห่งสำนักกระบี่พฤกษาขจีผู้สูงส่งอย่างนั้นรึ พวกเจ้าฝัน
ละเมอเกินไปหน่อยแล้วกระมัง!”
เขาเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ พร้อมกับยิ้มเยาะอย่างเยือกเย็นโดยไม่
เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้รู้ว่าสำนักวังเปลวไฟแห่งนี้นั้นเป็น
สำนักระดับชั้นศักด์ิสิทธ์ิ
“โอ้ววว!”
ผู้คนโดยรอบต่างส่งเสียงกันออกมาด้วยความประหลาดใจ พร้อม
กับหันไปมองยังชายหนุ่มผมสั้นที่กำลังเดินออกมา
“เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นใครกัน? อยู่ ๆ ก็พูดออกมาเช่นนี้ เขานั้นอยากตาย
มากนักหรืออย่างไร?”
ทุกคนมองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าและรู้สึกสับสน
ผู้อาวุโสหลิวก็หันกลับมาทันทีและจ้องมองชายหนุ่มด้วยประกายตา
อันเย็นยะเยือก
และก่อนที่ผู้อาวุโสหลิวจะได้พูดอะไรออกมา ธิดาสวรรค์ หลัวฟาง
หัว ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยวว่า “ทายาทที่เป็นหนึ่งใน
สาวกของสำนักวังเปลวไฟ ไม่ใช่คนที่เจ้าจะสามารถพูดจาดูถูก
ออกมาอย่างนี้ได้ เจ้านั้นไม่ต้องการจะมีชีวิตอยู่อีกแล้วใช่หรือไม่?”
“ฮ่า ๆ ๆ !” ชายหนุ่มผมสั้นหัวเราะออกมาพร้อมกับพูดว่า “หากลูก
ศิษย์ของสำนักวังเปลวไฟของพวกเจ้านั้นเป็นขยะหรือคนปัญญาอ่อน
จริง ๆ คนในโลกยุทธภพก็ไม่สามารถจะพูดวิพากษ์วิจารณ์ลูกศิษย์
ของสำนักเจ้าได้อย่างนั้นเลยรึ? หรือว่าพวกเจ้านั้นถือว่าเป็นสำนัก
ระดับชั้นศักด์ิสิทธ์ิจึงสามารถกดขี่ข่มเหงชาวยุทธ์ในโลกยุทธภพได้
แต่ผู้อื่นไม่สามารถตอบโต้พวกเจ้าได้อย่างนั้นใช่ไหม!”
“หากข้าพูดว่าใช่แล้วเจ้าจะสามารถทำอะไรได้อย่างนั้นเหรอ! พวก
เราในตอนนี้กำลังเลื่อนระดับชั้นเป็นสำนักศักด์ิสิทธ์ิ และข้าเชื่อว่า
ในมณฑลทางตอนใต้ทั้งหมดนี้สำนักของพวกเรานั้นยิ่งใหญ่มาก
ที่สุดแล้ว!”
ธิดาสวรรค์หลัวฟางหัว แห่งสำนักวังเปลวไฟ จ้องมองไปยังชายหนุ่ม
ผมสั้นพร้อมกับชักดาบในมือของเธอออกมา ก่อนจะพูดขึ้นมาอีกว่า
“หากว่าปากสุนัขของเจ้ายังหลุดคำพูดออกมาแม้แต่ครึ่งคำข้าจะสังหาร
เจ้าทิ้งในทันที!”
“ฮ่า ๆ ๆ !” ชายหนุ่มผมสั้นคนนั้นหัวเราะออกมาเสียงดัง “ข้ามีนาม
ว่า อู๋ฉี [五十]( ห้าสิบ ) เนื่องจากธิดาสวรรค์แห่งสำนักวังเปลวไฟ
ต้องการที่จะสังหารข้า ฉะนั้นข้าก็เต็มใจที่จะรับคำท้าทายของเจ้า
เช่นเดียวกัน!”
อู๋ฉี เป็นชื่อที่ อสูรที่ 50 ใช้ในโลกยุทธภพ
อสูรที่ 50 กระโดดออกไปและร่อนลงบนเวทีอย่างสง่างาม พร้อมกับ
หันไปมองผู้อาวุโสทั้งสี่ของวังเปลวไฟด้วยรอยยิ้มที่เยาะเย้ยและพูด
ออกมาว่า “ข้าหวังว่าผู้อาวุโสของสำนักวังเปลวไฟคงจะไม่ลงมือ
แทรกแซงการต่อสู้ระหว่างผู้เยาว์หรอกนะ ฮึฮึ!”
“อู๋ฉี! เขาคืออสูรกระดูกขาวอู๋ฉี!! เขาเป็นเทียนเจียวอันดับที่ 19 ของ
รุ่นเยาว์ที่โดดเด่นในการจัดอันดับแห่งโลกยุทธภพ!”
“อู๋ฉี เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นมากคนหนึ่งในหมู่ยอดยุทธรุ่นเยาว์
เลยทีเดียว เขาออกมาท่องโลกยุทธภพเมื่อประมาณครึ่งเดือนก่อน
ในฐานะผู้ฝึกฝนวิชายุทธสายปีศาจ เขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเทียนเจียว
อันดับที่ 19 ของการจัดอันดับแห่งโลกยุทธภพ และในตอนนี้เขานั้น
มีอายุเพียงแค่ 26 ปีเท่านั้น!”
“เทียนเจียวอู๋ฉี เขาพยายามจะทำอะไรกันแน่? เขาต้องการที่จะท้าทาย
สำนักวังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิจริง ๆ อย่างนั้นรึ?”
“ข้าได้ยินมาว่า อู๋ฉี ได้แต่ตระเวนออกท้าทายยอดยุทธรุ่นเยาว์ในโลก
ยุทธภพไปทั่ว เขาสามารถเอาชนะยอดยุทธรุ่นเยาว์ที่มีรายชื่อในการ
จัดอันดับของโลกยุทธภพไปหลายคนแล้ว จนในตอนนี้อันดับเขา
นั้นเลื่อนมาอยู่อันดับที่ 19 แล้ว!”
เมื่อฝูงชนได้ยิน อสูรที่ 50 เปิดเผยชื่อของเขาพวกเขาต่างก็ตกใจ
ผู้อาวุโสทั้งสี่คนแห่งสำนักวังเปลวไฟจ้องมองไปทางเขาด้วยสายตา
ที่ไม่เป็นมิตรทันที
ธิดาสวรรค์หลัวฟางหัวแห่งสำนักวังเปลวไฟจ้องมองไปที่ อสูรที่ 50
อย่างเย็นชาพร้อมก็พูดขึ้นมาว่า “ถึงเจ้าจะเป็นเทียนเจียวอันดับที่ 19
แต่เจ้าโอหังมากเกินไป สำนักวังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิของพวกเราไม่ใช่
สถานที่ที่คนอย่างเจ้าจะสามารถดูหมิ่นได้ วันนี้ข้าจะสังหารเจ้าเพื่อ
เป็นตัวอย่าง ต่อไปจะได้ไม่มีคนที่อวดดีเยี่ยงเจ้ามาพูดดูหมิ่นสำนัก
วังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิของพวกเราได้อีก!”
หลัวฟางหัว มีรอยยิ้มเย็นชาอยู่ที่มุมปากของเธอพร้อมกับชักกระบี่
ในมือออกมาและพูดว่า “อสูรกระดูกขาว อย่างนั้นเหรอ ฮึ! วันนี้ข้า
จะเปลี่ยนชื่อให้เจ้ากลายเป็น อสูรที่ไร้หัว!”
“ฮ่า ๆ ๆ ! เพียงแค่ฝีมือระดับเจ้าเพียงเท่านั้นรึ ที่คิดจะเอาชีวิตของข้า
แม่เทพธิดาสวรรค์ตัวน้อย ยอดยุทธรุ่นเยาว์ทั้งหมดของสำนักวัง
เปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิของพวกเจ้า มันก็เป็นเพียงแค่เศษขยะในสายตา
ของข้าเท่านั้นเอง!” อสูรที่ 50 ตะโกนออกมาอย่างเยาะเย้ย ในขณะที่
เขาจ้องมองไปที่ หลัวฟางหัว
ความอวดดีและหยิ่งผยองของเขานั้นช่างมากมายทะลุฟ้าเสียจริง ๆ !
เหล่าชาวยุทธโดยรอบจ้องมองไปที่ อสูรที่ 50 ที่กำลังแสดงความ
อวดดีและหยิ่งผยองออกมาอย่างหน้าด้าน อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
ตัวเอง
“มีอะไรผิดปกติในหัวของเขาหรือไม่? หรือว่าเขานั้นต่อสู้มากเกินไป
จนกลายเป็นบ้าไปเสียแล้ว เขานั้นถึงกับพูดจาเยาะเย้ยธิดาสวรรค์
และโอรสสวรรค์แห่งสำนักวังเปลวไฟศักด์ิสิทธ์ิ ในเขตสำนักของ
พวกเขาอย่างไม่หวาดกลัวความตายแบบนี้เลยหรือ?”

Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ

Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ

Status: Ongoing

แปลงร่างเป็น มังกรศักดิ์สิทธิ์ และครองโลก! ด้วยระบบมังกร เขาจะเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์ผู้เดียวในมหาสมุทรที่ก่อตั้งวังมังกรใต้มหาสมุทร ด้วยทหารฝูงปลาและเหล่าขุนพลสัตว์ทะเลในฐานะผู้ติดตามของเขา รวมทั้งสัตว์ทะเลขนาดมหึมาในฐานะลูกน้องคนสนิทของเขา เขาคือจักพรรดิ์มังกรผู้ปกครองวังมังกรศักดิ์สิทธิ์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท