ตอนที่ 295 การต่อสู้บนเครื่องบิน!
.
บรูมมม!
ตูมมมม!
ดี๊ดี๊ดีย์..!
หวังเสียน และกลุ่มของเขากำลังนั่งเอนหลังพักผ่อนอยู่บนเครื่องบินอย่างสบายๆ ในทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงระเบิดพร้อมกับสัญญาณเตือนบนเครื่องบินดังขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด
“มีอะไร! เกิดอะไรขึ้น?”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมสัญญาณแจ้งเตือนบนเครื่องถึงดังขึ้นมาล่ะ? เกิดปัญหากับสภาพอากาศอย่างนั้นหรอ?”
ผู้โดยสารหลายคนลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นตระหนกในทันที พวกเขารีบตะโกนถามแอร์โฮสเตสที่อยู่ไม่ไกลด้วยความร้อนรน
“ผู้โดยสารทุกๆท่านคะ! ได้โปรดกรุณาอยู่ในความสงบและกรุณาคาดเข็มขัดเพื่อความปลอดภัยของทุกๆท่านด้วยนะคะ!”
แอร์โฮสเตสสาวพยายามระงับความตกใจของตัวเธอเองเพื่อให้น้ำเสียงของเธอกลับมาเป็นปกติอย่างเร็วที่สุด ก่อนที่จะพูดกับผู้โดยสารในเครื่องบินด้วยความสุภาพ
ตูมมมม!
ว๊ายยย!
อ๊าาาา!
เสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้เครื่องบินที่กำลังบินอยู่นั้นเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง จนผู้โดยสารบางคนตะโกนร้องออกมาด้วยความตกใจกลัว
“ทุกๆท่านกรุณาอยู่ในความสงบและคาดเข็มขัดนิรภัยของท่านให้เรียบร้อยด้วยนะคะ! ตอนนี้เราอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินกัปตันและเจ้าหน้าที่บนสายการบินกำลังแก้ปัญหากันอย่างเร่งด่วน ขอทุกๆท่านได้โปรดกรุณาอยู่ในความสงบและใจเย็นๆกันก่อนนะคะ!”
เสียงของแอร์โฮสเตสสาวสามคนพูดออกมาลักษณะคล้ายคลึงกัน พวกเธอพยายามควบคุมความสงบของผู้โดยสารบนตัวเครื่องบินกันอย่างเต็มที่
“เร็วเข้า! รีบหยุดพวกเขาเดี๋ยวนี้!”
ในเวลาเดียวกันเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 4-5 คนบนเครื่องบินได้วิ่งไปอีกด้านหนึ่งของตัวเครื่องในทันที
“เกิดอะไรขึ้น? มีผู้ก่อการร้ายบนเครื่องบินอย่างนั้นเหรอ?”
หวังเสียนลุกขึ้นจากที่นั่ง เขาหันมองไปทางด้านหลังด้วยความสับสนเล็กน้อย
กลุ่มของหวังเสียนนั้นนั่งอยู่ในชั้นเฟิร์สคลาส ดังนั้นที่ด้านหลังของตัวเครื่องจึงมีที่นั่งของชั้นธุรกิจและชั้นประหยัดรวมอยู่ด้วย
หวังเสียน หันไปมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ด้านหลังด้วยความสนใจ
ตูมมม!
ในทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังอีกครั้ง
“โอ้พระเจ้า!มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย!”
“ฉันกลัว! เครื่องบินกำลังจะตกใช่ไหม?”
“พระบิดาได้โปรดคุ้มครองลูกด้วย!”
ผู้โดยสารที่อยู่ในเครื่องบินต่างกรีดร้องกันออกมาด้วยความหวาดกลัว
“มีคนกำลังต่อสู้กันอยู่บนเครื่องบินทางด้านหลังของพวกเรา!”
ผู้เฒ่าซุยสังเกตเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางด้านหลัง ใบหน้าของเขานั้นเคร่งขรึมลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะปลดเข็มขัดนิรภัยออกพร้อมกับลุกยืนขึ้น
“พวกคุณรออยู่ที่นี่ก่อน! ผมกับผู้เฒ่าซุยจะไปตรวจดูเอง!”
หวังเสียน หันไปพูดกับเหล่าหญิงสาวก่อนที่เขาจะเดินออกจากที่นั่งของเขาไป
“ค่ะพี่! ระวังตัวด้วยนะคะ!”
“เสี่ยวเสียน ระวังตัวด้วย!”
เสี่ยวหยู, กวนชูชิงและหลานชิงเยว่ พูดเตือนหวังเสียด้วยความเป็นห่วง
“คุณผู้ชายคะได้โปรดกลับไปนั่งที่นั่งของพวกคุณด้วยค่ะ! พวกเราเจ้าหน้าที่ของสายการบินจะดำเนินการแก้ไขเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเองค่ะ!”
เมื่อแอร์โฮสเตสสาวสังเกตเห็นหวังเสียนและผู้เฒ่าซุย ลุกออกมาจากที่นั่งเดินไปทางด้านหลังเครื่อง เธอก็รีบตรงเข้ามาห้ามพวกเขาพร้อมกับพูดจาขอร้องอย่างสุภาพ
“สาวน้อยเจ้าหลบไปก่อน! ข้าจะเข้าไปดูเหตุการณ์เสียหน่อย!”
ผู้เฒ่าซุยพูดพร้อมกับหยิบบัตรประจำตัวของเขาออกมาแสดงให้แอร์โฮสเตสสาวได้เห็น
แอร์โฮสเตสสาวคนนั้นตกตะลึงในทันทีที่เห็นบัตรประจำตัวของผู้เฒ่าซุย “ได้ค่ะ! นายท่าน!” เธอรีบพูดออกมาอย่างรีบร้อนและไม่กล้าขัดขวางเขาอีกต่อไป
“หืม?” หวังเสียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นบัตรประจำตัวสีแดง และตราสัญลักษณ์ของนายทหารระดับสูงที่อยู่บนบัตรของผู้เฒ่าซุย
“เจ้าต้องการไหม? ถ้าเจ้าต้องการข้าสามารถหาบัตรแบบนี้ให้กับเจ้าได้นะ!” ผู้เฒ่าซุยหันมาพูดกับหวังเสียน พร้อมกับแสดงท่าทางภาคภูมิใจออกมาเล็กน้อย
หวังเสียน ส่ายหัว้บาๆและไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ไปกันเถอะ!” หลังจากนั้นพวกเขาก็รีบเดินตรงไปทางต้นเสียงในทันที
“หลบไปให้พ้น! ไม่ว่าจะอย่างไรในวันนี้ข้าก็จะต้องฆ่ามันให้ได้!”
เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาถึงตรงกลางของห้องโดยสารชั้นธุรกิจ พวกเขาก็เห็นร่างของชายคนหนึ่งกำลังพุ่งตรงมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็ว
หวังเสียน ขยับแขนของเขาเล็กน้อยและเอื้อมไปจับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งที่กระเด็นมาทางพวกเขาเอาไว้พร้อมกับพยุงตัวเขาเอาไว้ให้มั่นคง ก่อนที่จะจับตัวเขาวางลงพื้นเบาๆ
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นบาดเจ็บค่อนข้างมาก เขากระอักเลือดออกมาและสลบไปในทันที
“อยากแก้แค้นข้าอย่างนั้นเหรอ? เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้ามากหรืออย่างไร ตั้งแต่ที่ข้าได้สังหารลูกชายของเจ้า ข้าก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะสังหารเจ้าเป็นรายต่อไป ฮ่าๆๆ!”
ในขณะนั้นเองเสียงอันเย่อหยิ่งก็ดังขึ้นมาพร้อมกับแรงกดดันทรงพลังแผ่ขยายไปจนทั่วบริเวณ
อ๊ากกก!
หลังจากนั้นไม่นานเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นมา
ตูมมม!
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้เครื่องบินทั้งลำนั้นสั่นสะเทือนและโยกโคลงเคลงไปมาอย่างรุนแรง
แอร์โฮสเตสสาวคนหนึ่งถึงกับ เก็บทรงไม่อยู่ และล้มลงไปกระแทกกับผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆกันกับเธอ
ใบหน้าของผู้เฒ่าซุยนั้นแสดงออกถึงความเย็นชาขึ้นมาในทันที เมื่อเขาเห็นชายวัยกลางคนทั้งสองคนกำลังต่อสู้กันบนเครื่องบิน
ห้องโดยสารบนเครื่องบินในชั้นธุรกิจอยู่ในสภาพยุ่งเหยิงและพังเสียหาย ผู้โดยสารคนอื่นๆล้มลงไปนอนอยู่บนพื้นหลายคน และบางคนมีเลือดไหลออกมาจากใบหน้าและลำตัว ซึ่งแสดงว่าพวกเขานั้นบาดเจ็บค่อนข้างที่จะสาหัส
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสายการบินก็นอนหมดสติอยู่บนพื้นเลือดไหลออกมาจนท่วมตัวของพวกเขา ไม่ทราบว่าเป็นหรือตายเช่นเดียวกัน
บริเวณด้านข้างของชาวยุทธวัยกลางคนร่างผอม ยังมีชาวยุทธยืนอยู่อีก 4-5 คน คอยช่วยเหลือเขาอยู่ข้างๆอีกด้วย
มีรูขนาดใหญ่เท่ากำปั้น 2 รูอยู่ที่บริเวณผนังของเครื่องบินที่เกิดจากการต่อสู้
รูขนาดใหญ่บนตัวเครื่องบินส่งผลให้เกิดลมกระโชกพัดเข้ามาอย่างรุนแรง
ในขณะนี้ใบหน้าของนักบินหลักและนักบินร่วมในห้องนักบินต่างเคร่งเครียดกันเป็นอย่างมาก เนื่องจากเกิดความเสียหายในระบบเครื่องยนต์และระบบนำร่องการบินทำให้พวกเขาเริ่มที่จะไม่สามารถควบคุมเครื่องบินได้อีกต่อไป
บรึมมม!
ชาวยุทธระดับผู้เชี่ยวชาญก่อกำเนิดลมปราณทั้งสองคน พุ่งเข้าไปต่อสู้กันอีกครั้ง ผลจากการต่อสู้นั้นทำให้บริเวณรอบข้างสั่นสะเทือนและเกิดการระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ครึกๆๆๆๆ!
ลำตัวของเครื่องบินเกิดการสั่นสะเทือนอย่างหนัก มันไม่สามารถต้านทานและรองรับความแข็งแกร่งจากการต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณได้
ในตอนนี้รูที่ผนังของเครื่องบินเริ่มฉีกกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ
แรงจากการต่อสู้และผลจากการกระชากของแรงลมทำให้ผนังฉีกกว้างมากถึง 2.5 เมตร ด้วยความเร็วของเครื่องบินทำให้แรงของลมที่พัดเข้ามาในตัวเครื่องรุนแรงมากขึ้น จนสิ่งของในตัวเครื่องบินปลิวกระจัดกระจายไปทั่วทั้งลำ
บุคคลธรรมดารวมถึงเจ้าหน้าที่ทั้งหมดของสายการบินได้รับผลกระทบจากแรงกดดันของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณโดยตรง บางคนถึงกับล้มลงและกระอักเลือดออกมาในทันที
ความแข็งแกร่งอันทรงพลังของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถต้านทานได้
“หยุดนะ!”
ผู้เฒ่าซุยกวาดสายตามองไปยังผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณทั้งสองคน เขาใช้ออร่าอันทรงพลังของเขาสะกดข่มคนทั้งคู่เอาไว้โดยตรงในทันที
“อะไรกัน?”
คนทั้งคู่ต่างตกใจและรีบหันไปมองทางผู้เฒ่าซุยกันอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าจะฆ่ากันให้ตายหรืออย่างไรมันก็เรื่องของพวกเจ้า ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยว! แต่จะต้องไม่ใช่บนเครื่องบินลำนี้!”
ผู้เฒ่าซุยเดินเข้าไปหาคนทั้งคู่ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
“ไสหัวไปให้พ้นไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนใส่ผู้เฒ่าซุยด้วยดวงตาแดงก่ำ หลังจากนั้นเขาก็หันไปจ้องมองที่ชายวัยกลางคนที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขา “หากวันนี้ข้าไม่สามารถฆ่าเจ้าให้ตายด้วยมือของข้าได้ ข้าก็จะลากเจ้าลงไปนรกพร้อมๆกันกับข้าด้วย !”
“อาศัยเพียงแค่เจ้าคนเดียวเท่านั้นรึ! พวกข้าจะสังหารเจ้าเสียก่อนดูซิว่าเจ้านั้นจะสามารถทำอะไรได้อีก!”
ชายวัยกลางคนร่างผอม อีกคนหนึ่งมองเขาด้วยสายตาที่เยาะเย้ย
“ถึงแม้ว่าข้าจะตาย ข้าก็จะทำให้เครื่องบินลำนี้ตกและพวกเจ้าทั้งหมดในที่นี้ก็จะตายเช่นเดียวกัน! ข้าไม่สนว่าตัวข้านั้นจะอยู่หรือจะตาย แต่อย่างน้อยๆข้าก็สามารถล้างแค้นพวกเจ้าได้!” ชายวัยกลางคนพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ขมขื่น เขาจ้องเขม็งมองไปยังชายวัยกลางคนร่างผอมด้วยสีหน้าที่คลั่งแค้นสุดชีวิต
“ฮึ! เจ้ามั่นใจในความสามารถของตัวเองมากเกินไปแล้ว! เจ้าคิดว่าพ่อของข้านั้นลงมือเต็มที่กับเจ้าแล้วอย่างนั้นเหรอ ฮ่าๆๆ!”
ชายวัยกลางคนร่างผอมนั้นไม่ได้พูด แต่ชายหนุ่มที่อยู่ทางด้านหลังของเขาพูดออกมาด้วยท่าทางที่หยิ่งยโสและคึกคะนอง
“เสี่ยวจิ้ง เจ้าจะพูดกับคนที่กำลังจะตายไปเพื่ออะไร! หลังจากที่มันตายแล้วพวกเราจะไปจัดการกวาดล้างคนทั้งตระกูลของพวกมันให้สิ้นซาก!” ชายชราคนหนึ่งหันไปพูดกับชายหนุ่ม
“ข้าบอกให้พวกเจ้าหยุดพวกเจ้าไม่ได้ยินหรืออย่างไร?” ผู้เฒ่าซุยเริ่มมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเล็กน้อย เขาตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง
“นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า! อย่ามาวุ่นวายพูดจาอวดดีที่นี่ ไม่เช่นนั้นข้าจะจับเจ้าโยนลงไปจากเครื่องบินเสียเดี๋ยวนี้!” ชายชราสองคนที่อยู่ทางด้านหลังชายวัยกลางคนร่างผอมจ้องมองไปที่ผู้เฒ่าซุยด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
“ฮ่าๆๆ! ตาเฒ่าซุย ไม่มีใครสนใจคำพูดของเจ้าเลยแม้แต่น้อย ไหนเจ้าเคยคุยเอาไว้ว่าเจ้านั้นมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปจนทั่วไม่ใช่หรือยังไง? ฮ่าๆๆ!”
หวังเสียน หัวเราะเยาะออกมาและพูดจาล้อเล่นยั่วยุผู้เฒ่าซุยอย่างสนุกสนาน ก่อนที่เขาจะกวาดสายตามองไปยังชายวัยกลางคนที่ต่อสู้กัน พวกเขานั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นสูง และชายชราอีกสามคนที่เหลือนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นสูงสุด
“ฮึ! ข้ากลับไปเมืองหลวงเพียงแค่ 3 ครั้งในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา มันก็ยังถือได้ว่าไม่นานมากเท่าไหร่นัก แต่ทำไมคนพวกนี้ถึงได้ลืมจักรพรรดิซุยคนนี้ได้ง่ายดายยิ่ง!”
ดวงตาของผู้เฒ่าซุยเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาในทันที แต่เขาก็ไม่กล้าแสดงความแข็งแกร่งของเขาออกมาอย่างเต็มที่ เพราะเขากลัวว่ามันจะส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเครื่องบินโดยตรง
เขาจ้องมองไปยังกลุ่มชายวัยกลางคนร่างผอมและกลุ่มของเขา
“พวกเจ้าคือตระกูลเฟิงแห่งเมืองเซี่ยงไฮ้ใช่หรือไม่? พวกเจ้ากล้าอวดดีต่อหน้าจักรพรรดิซุยผู้นี้อย่างนั้นรึ? พวกเจ้ามันสมควรตายยิ่งนัก!”
ผู้เฒ่าซุยจ้องเขม่งไปยังคนทั้งห้า และพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
หลังจากที่ผู้เฒ่าซุยพูดจบชายวัยกลางคนก็หันไปจ้องมองใบหน้าของผู้เฒ่าซุยพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย “ซุย?..จักรพรรดิซุย!..”
ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยคผู้เฒ่าซุยก็ยื่นแขนของเขาออกไป
ฝ่ามือของเขาลุกขึ้นเป็นเปลวไฟพร้อมกับล็อคร่างกายของชายวัยกลางคนร่างผอมและกลุ่มคนของเขาจนพวกเขาไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้
“ฮึ่มม! ข้านี่แหละจักรพรรดิซุย! ไม่เคยมีใครกล้าเรียกข้าว่าจักรพรรดิซุยตรงๆเช่นนี้มานานมากแล้ว!
……….
จบบท