ตอนที่ 297 เหมือนดั่งเทพเจ้า
.
คลึกกๆๆ!
คลืนนนน!
เสียงคำรามของเครื่องบินโดยสารที่ยาวกว่า 40 เมตรและหนักกว่าหลายร้อยตัน ดิ่งลงแหวกอากาศอย่างควบคุมไม่ได้ดังปะปนกับเสียงกรีดร้องของผู้โดยสารบนเครื่องบิน ฟังแล้วเหมือนเสียงเรียกของพญามัจจุราช
ฮ้าาา!
ฮึ่มมม!
ในขณะเดียวกันเสียงคำรามคล้ายเสียงของสัตว์ร้ายอันทรงพลังสองเสียง ก็ดังออกมาจากที่ด้านล่างของลำตัวเครื่องบิน
เอี๊ยดดด!
กึงงงงง!
เสียงเสียดสีของโลหะขนาดใหญ่ปะทะกันดังแทรกอากาศออกมา หลังจากเสียงคำรามของสัตว์ร้ายทั้งสอง
ร่างของหวังเสียนและผู้เฒ่าซุย กระตุกเล็กน้อยขณะที่พวกเขายกแขนขึ้นแบกลำตัวของเครื่องบิน จนส่วนล่างของลำตัวเครื่องบินที่รองรับน้ำหนักระหว่างมือของทั้งสองคนนั้นยุบลงไปเป็นหลุมขนาดใหญ่
แสงสว่างสีแดงเพลิงเจิดจ้ากระจายออกมาจากทางด้านหลังของพวกเขา
ในทันใดนั้นแสงสีแดงเพลิงก็ค่อยๆรวมกันจนกลายเป็นปีกขนาดใหญ่สองคู่สยายกางออกมาจากทางด้านหลังของคนทั้งคู่
สีแดงเพลิงเหมือนกับสีของเลือด ปีกทางด้านหลังของผู้เฒ่าซุยมีลักษณะคล้ายกับหินลาวาหลอมเหลวสีแดงเข้ม เมื่อกางออกอย่างเต็มที่แล้วความยาวปีกของเขานั้นยาวประมาณ 10 เมตร
ลักษณะปีกของผู้เฒ่าซุยนั้นคล้ายกับปีกของนกอินทรีย์
ส่วนทางด้านของหวังเสียนนั้น ปีกของเขาก็เป็นสีแดงเพลิงเช่นเดียวกันแต่มันค่อนข้างที่จะมีลวดลายและสีสันที่สวยงามมากกว่า
ลักษณะปีกของเขานั้นเหมือนกับปีกของมังกรศักดิ์สิทธิ์ ดูแล้วทรงพลังและน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง
เมื่อกางออกอย่างเต็มที่แล้วปีกของหวังเสียน นั้นมีขนาดประมาณ 8-9 เมตร เล็กกว่าของผู้เฒ่าซุยเพียงเล็กน้อย
นอกจากนี้แล้วปีกที่อยู่ข้างหลังของหวังเสียน นั้นค่อนข้างคล่องตัวและยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก ด้วยปลายปีกที่ลู่ลงทำให้ความเร็วในการบินของหวังเสียนนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก ส่วนทางด้านล่างของปลายปีกและกระโดงปีกบนนั้นมีลักษณะคล้ายกับปลายหอกของอัศวิน มันสามารถใช้แทนอาวุธได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
คลืนนนน!
ชายทั้งสองคนหันไปสบตากันเล็กน้อยพร้อมกับมีรอยยิ้มที่มุมปาก
พวกเขาปลดปล่อยพลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย เพื่อที่จะสามารถรองรับน้ำหนักของเครื่องบินทั้งลำได้ พวกเขาไม่กล้าปลดปล่อยพลังของพวกเขาออกมาอย่างเต็มที่ เนื่องจากกลัวว่าเครื่องบินนั้นจะไม่สามารถรองรับพลังของพวกเขาได้
คราวนี้เครื่องบินทั้งลำนั้นหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศไม่ได้ตกลงไปอีกเลยแม้แต่น้อย
“นี่มัน!…เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมเครื่องบินถึงหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศได้อย่างนี้?”
“ระบบต่างๆของเครื่องบิน ฟื้นตัวกลับมาใช้ได้เหมือนเดิมแล้วเหรอ?”
“พวกเรารอดตายแล้วใช่ไหม?”
ในขณะนี้ผู้โดยสารบนเครื่องบินไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นที่ใต้ท้องเครื่องบิน พวกเขารู้เพียงแต่ว่าในตอนนี้เครื่องบินนั้นไม่ได้ดำดิ่งตกลงไปอีกแล้ว
หลายคนตะโกนโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ บางคนยิ้มออกมาทั้งน้ำตา พวกเขาแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
ก่อนหน้านี้ทุกคนบนเครื่องบินรู้สึกสิ้นหวังและหดหู่กันเป็นอย่างยิ่ง พวกเขารู้ชะตาชีวิตของตัวเองดีว่าพวกเขานั้นต้องตายอย่างแน่นอนอยู่แล้ว
ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้นั้นมันเป็นเหมือนปาฏิหาริย์และพรจากเทพเจ้าเลยทีเดียว
แม้แต่เจ้าหน้าที่บนเครื่องบินก็ยังรู้สึกสับสนมึนงงกันเป็นอย่างมาก
“อาจจะเป็นนายท่านผู้อาวุโสและชายหนุ่มคนนั้นก็เป็นได้?”
เจ้าหน้าที่บนเครื่องบินบางคนพูดออกมาพร้อมกับมองไปทางหน้าต่างของห้องนักบินที่ทั้งสองคนกระโดดออกไป
เนื่องจากคนพวกนี้นั้นเป็นเจ้าหน้าที่ของสายการบิน พวกเขาย่อมพบเจอคนอย่างมากมายในแต่ละวัน ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจมากนักที่พวกเขาพอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับผู้ฝึกฝนวิชายุทธและโลกยุทธภพมาไม่มากก็น้อย
“พวกเรายังคงมีความหวังนายท่านผู้อาวุโสกับชายหนุ่มคนนั้นน่าจะเป็นผู้ฝึกฝนวิชายุทธที่ทรงพลัง!”
ความตื่นเต้นฉายชัดอยู่ในดวงตาของบรรดาเจ้าหน้าที่ของสายการบิน
“เรารอดแล้ว! วิเศษมาก พวกเราปลอดภัยแล้ว!”
พวกเขาตะโกนออกมาด้วยความดีใจ แอร์โฮสเตสสาวคนหนึ่งรีบเดินไปที่เครื่องกระจายเสียงด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นยินดี
“เรียนท่านผู้โดยสารทุกๆท่าน ในขณะนี้เครื่องบินโดยสารของเราสามารถทรงตัวได้แล้ว ขอให้ทุกๆท่านโปรดอยู่ในความสงบและกลับเข้าไปนั่งประจำที่ของท่านและล็อคเข็มขัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัยด้วยนะค่ะ!”
แอร์โฮสเตสสาวพูดซ้ำประโยคเดิมอีก 2-3 ครั้ง
“อะไรนะ!”
“โอ้พระเจ้า! นี่เรื่องจริงใช่ไหม! พวกเรารอดตายแล้ว!”
“ฮ่าๆๆ! ฉันรอดแล้วเยี่ยมเลย! ขอบคุณสวรรค์!”
“วิเศษที่สุดเลย! กลับไปฉันจะรำแก้บนและถวายหัวหมูพร้อมกับเหล้าขาว 1 ลัง!”
เมื่อผู้โดยสารบนเครื่องบินได้ยินการประกาศของแอร์โฮสเตสพวกเขาก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจกันเป็นอย่างมาก ต่างตะโกนโห่ร้องกันออกมา บางคนหันไปกอดคนที่อยู่ข้างๆพร้อมกับร้องไห้ด้วยความดีใจทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ใบหน้าของผู้โดยสารบนเครื่องบินทุกคนนั้นมีแต่รอยยิ้มและคราบน้ำตาแห่งความดีใจ พวกเขาไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตของตนเองนั้นมีค่ามากขนาดนี้มาก่อน จนเมื่อความตายเฉียดใกล้เข้ามา จึงได้รู้สึกเห็นคุณค่าของชีวิตตัวเองและคนที่พวกเขารัก
“นี่..! นี่คือระดับความแข็งแกร่งของท่านจักรพรรดิซุย ผู้นำแห่งตระกูลซุยอย่างนั้นเหรอ? ช่างน่าหวาดกลัวมากเลยจริงๆ!”
ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณวัยกลางคนที่กำลังใช้พลังของเขาอุดช่องโหว่ที่ผนังของเครื่องบิน รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นปีกขนาดใหญ่ของผู้เฒ่าซุย
“อีกประมาณ 10 กิโลเมตรเท่านั้นไปกันเถอะ!” หวังเสียนหันไปพูดและพยักหน้ากับผู้เฒ่าซุย
“ฮ่าฮ่าไปกันเลย!” ผู้เฒ่าซุยหัวเราะออกมาเสียงดัง ทั้งสองคนยกเครื่องบินด้วยแขนทั้งสองข้างของพวกเขาและค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ
เมื่อทั้งสองคนบรรทุกเครื่องบินที่มีน้ำหนักหลายร้อยตันขึ้นไปในอากาศความเร็วของพวกเขาก็ไม่เร็วเท่าไหร่นัก แต่ก็สามารถรักษาความเร็วคงที่ไว้ได้ประมาณ 40-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
“โอ้พระเจ้า!”
“จะบ้าตาย! นี่ฉันตาฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย? มันจะน่าเหลือเชื่อมากเกินไปแล้ว!”
“คนมีปีกสองคน? กำลังแบกเครื่องบิน?”
เจ้าหน้าที่ของสำนักงานใหญ่หลายคนต่างตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เมื่อพวกเขาเห็นสิ่งที่ดาวเทียมจับภาพเอาไว้ได้
ภาพที่ปรากฏออกมาบนหน้าจอ มันเป็นเหมือนกับหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ใช้เพียงร่างกายของพวกเขานั้นแบกเครื่องบิน
คนสองคนที่มีปีกขนาดมหึมาอยู่ทางด้านหลังของพวกเขากำลังแบกเครื่องบินทั้งลำ บินไปในอากาศด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย
ถึงแม้ความเร็วในการบินของพวกเขาจะไม่เร็วมากนัก แต่การที่ได้เห็นมนุษย์บินได้และยังแบกเครื่องบินหนักหลายร้อยตันเช่นนี้มันเป็นเหมือนกับเทพเจ้าในสายตาของพวกเขาเลยทีเดียว
พวกเขาทั้งคู่ยังเป็นมนุษย์ใช่หรือไม่?
หรือว่าพวกเขานั้นอาจจะเป็นเทพเจ้า!
บรรดาผู้บริหารระดับสูงของสายการบินที่อยู่ในสำนักงานใหญ่ต่างจ้องมองไปที่หน้าจอมอนิเตอร์ ด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า
“ติดต่อเจ้าหน้าที่ทั้งหมดบนสนามบิน ให้พวกเขาจัดเตรียมเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดเพื่อให้เครื่องบินโดยสาร A934J จอดได้อย่างสะดวกและปลอดภัยมากที่สุด จัดเตรียมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและหน่วยกู้ภัยทั้งหมดเพื่อเตรียมรองรับการลงจอดของเครื่องบินให้เร็วมากที่สุด! รีบไปปฏิบัติตามคำสั่งเดี๋ยวนี้!” ผู้บริหารคนหนึ่งรีบสั่งเจ้าหน้าที่อยู่โดยรอบ
“ครับ/ค่ะ!”
“นี่มันปาฏิหาริย์จริงๆ! ยอดเยี่ยมมาก! ช่างยอดเยี่ยมอะไรอย่างนี้ ผู้ฝึกวิชายุทธพวกนี้ทรงพลังอย่างแท้จริง พวกเขาสามารถแบกเครื่องบินและบินอยู่ในอากาศได้อย่างสบายเลยทีเดียว!”
“ในตอนนี้วิกฤตที่พวกเรากำลังเผชิญได้รับการแก้ไขแล้ว! ดีจริงๆ! ช่างดีมากเลยจริงๆ!”
เหล่าผู้บริหารบางคนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเนื่องจากอาการตื่นเต้นดีใจ
“เปิดวิทยุและติดต่อไปยังเครื่องบินโดยสาร A934J ไปเรื่อยๆ พยายามหาสาเหตุที่เกิดขึ้น และต้องให้เกียรติผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนให้มากๆด้วย!”
“ครับ/ค่ะ!”
หลังจากนั้นประมาณ 10 นาทีเครื่องบินโดยสาร A934J ที่ถูกแบกมาโดยหวังเสียนและผู้เฒ่าซุย ก็เดินทางมาถึงสนามบินเซี่ยงไฮ้
“เจ้าหน้าที่ที่อยู่ทางด้านล่างกำลังโบกแท่งไฟเพื่อให้พวกเราลงไปข้างล่าง ไปกันเถอะลงไปที่ด้านล่างกัน!”
ผู้เฒ่าซุยมองไปที่รันเวย์ทางด้านล่างและเห็นเจ้าหน้าที่หลายคนโบกธงพร้อมกับแท่งไฟสีแดงส่งสัญญาณให้พวกเขาลงจอดได้อย่างสะดวก
“โอเค! ไปกัน!” หวังเสียน พยักหน้ารับ
พวกเขาตั้งคู่กระพือปีกขนาดใหญ่ของพวกเขา ก่อนที่จะค่อยบินดิ่งลงไปตามทางที่เจ้าหน้าที่ของสนามบินได้ให้สัญญาณไฟกับพวกเขา
หลังจากถึงจุดที่กำหนดหวังเสียน และผู้เฒ่าซุย ดึงพลังออกจากปีกทางด้านหลังของพวกเขา ปีกมหึมาของคนทั้งคู่นั้นหายไปภายในพริบตาในขณะที่พวกเขายังแบกเครื่องบินลอยอยู่กลางอากาศ
อึก!
เอื๊อก!
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโดยรอบและเหล่าผู้บริหารสายการบินที่อยู่ด้านล่างต่างกลืนน้ำลายลงคอกันอย่างฝืดคอ
ชายสองคนกำลังยกเครื่องบินอยู่ในอากาศโดยมือทั้งสองข้างของพวกเขา มันช่างดูองอาจและสง่างามเหมือนกับเทพเจ้าเลยทีเดียว
ตึงงงง!
เครื่องบินโดยสารถูกวางลงบนพื้นรันเวย์อย่างนุ่มนวลที่สุด แต่ด้วยน้ำหนักของเครื่องบินโดยสารที่หนักหลายร้อยตันจึงเกิดแรงกระแทกเสียงดังไปบ้าง
“นี่!…พวกเขาเป็นเทพเจ้าใช่หรือไม่?”
เหล่าผู้บริหารสายการบินรีบวิ่งตรงเข้าไปหาหวังเสียนและผู้เฒ่าซุย พร้อมกับโค้งตัวลงคำนับด้วยความกลัวและความเคารพราวกับว่าพวกเขานั้นได้พบกับเทพเจ้า
“สวัสดีครับ!…และขอขอบคุณท่านจอมยุทธทั้งสองคนมาก!”
พวกเขาไม่รู้จะพูดอะไรออกมา ความกลัวและความประหม่าทำให้เหงื่อออกจนเต็มหน้าผากของพวกเขาไปหมด
“โอเค! ข้าขอฝากพวกเจ้าจัดการเรื่องที่เหลือด้วยนะ!”
ผู้เฒ่าซุย ไม่ต้องการเป็นจุดสนใจมากนัก เมื่อเห็นว่ามีผู้บริหารระดับสูงของสายการบินเดินเข้ามาทำความเคารพพวกเขา ผู้เฒ่าซุยจึงควักบัตรประจำตัวสีแดงของเขาออกมายื่นให้ดู!
“นี่…นี่มัน!”
เมื่อพวกเขาเห็นบัตรประจำตัวสีแดงของผู้เฒ่าซุย พวกเขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และรีบแสดงความเคารพมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“ขอรับนายท่าน!”
กลุ่มผู้บริหารสายการบินรีบตอบออกมาเสียงดังด้วยความเคารพ
……..
จบบท