ตอนที่ 301 เรียกพ่อ!
.
“โจวชิงกงคุณแน่ใจแล้วหรือว่าต้องการให้ฉันออกไป?!”
ชายวัยกลางคนขับไล่เขาออกไปอย่างไม่ใยดีและยังประกาศห้ามเขาเข้ามาเหยียบโรงแรมแห่งนี้อีกด้วย เรื่องนี้จึงทำให้เขารู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก
ชายหนุ่มคนนั้นจ้องมองไปที่โจวชิงกงอย่างแค้นเคือง
“ฮึ!” โจวชิงกงหรี่ตาลงเล็กน้อยขณะที่เขามองไปที่ชายหนุ่มคนนั้น ต่อจากนั้นเขาก็กัดฟันแน่นเพื่อแสดงความมุ่งมั่นของเขา “ฉันบอกว่าให้คุณออกไปให้พ้น! คุณยังได้ยินไม่ชัดอีกอย่างนั้นเหรอ?”
“แมร่งงง..เอ้ยย..! ไอ้โจวชิงกง แกคิดว่าฉันนั้นกลัวแกมากอย่างงั้นเหรอ ต่อให้แกเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณแล้วแกคิดว่าแกแน่มากหรือยังไงกัน? ตอนนี้แกได้เป็นศัตรูกับคนของตระกูลเฟิงอยู่แล้ว และแกยังคิดตั้งใจจะเป็นศัตรูกับตระกูลหยวนของฉันอีกใช่ไหม!”
ชายหนุ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำพูดของโจวชิงกง เขาชี้ไปที่โจวชิงกงและตะโกนพูดหยาบคายออกมาอย่างไม่ไว้หน้า
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าโจวชิงกงเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความกลัวเลยแม้แต่น้อย เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าตระกูลของเขานั้นก็มีความแข็งแกร่งและทรงพลังมากเช่นเดียวกัน
“ฮ่าๆๆ! คุณชายหยวน คุณพูดเช่นนี้หมายความว่าคุณสามารถเป็นตัวแทนของคนทั้งตระกูลของคุณได้อย่างนั้นเหรอ? ฮ่าๆๆ หยุดคุยโม้เสียทีเถอะคุณชายหยวน! แต่ต่อให้สิ่งที่คุณพูดมานั้นเป็นความจริงฉันก็ไม่กลัวที่จะต้องเป็นศัตรูกับคนตระกูลหยวนของคุณ!”
โจวชิงกงพูดกับชายหนุ่มด้วยท่าทางที่เย้ยหยัน เขารู้ว่าในตอนนี้ตัวเขานั้นสมควรที่จะอยู่ข้างไหน
ตัวเขานั้นได้ถูกคาดโทษจากจักรพรรดิซุยเอาไว้อยู่แล้ว ฉะนั้นหากเขาทำให้ลูกศิษย์คนโปรดของจักรพรรดิซุยนั้นเกิดความขุ่นเคืองขึ้นมาอีก คราวนี้เขาคงได้ตายอย่างแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
แต่หากว่าเขานั้นสามารถทำให้เด็กสาวคนนี้ที่เป็นลูกศิษย์คนโปรดของจักรพรรดิซุยพอใจและได้รับการสนับสนุนจากเธอแล้วละก็ ตระกูลหยวนก็คงจะไม่กล้าที่จะมาสร้างปัญหาให้กับเขาอย่างแน่นอน
และต่อให้ต้องเป็นศัตรูกับตระกูลใหญ่ๆในเมืองเซี่ยงไฮ้เพิ่มอีกสักสองสามตระกูลเขาก็ไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
“ฮึ่มม! ไอ้บัดซบเอ้ยยย…แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!”
ชายหนุ่มคนนั้นสบถออกมาด้วยอารมณ์ที่โกรธเกรี้ยว ใบหน้าของเขานั้นแดงก่ำเขาชี้ไปที่โจวชิงกงและพูดออกมาอีกว่า “โจวชิงกง แกรอฉันก่อนเถอะ! หากว่าฉันไม่ทำลายโรงแรมของแกให้จนพังพินาศแล้วล่ะก็ ฉันหยวนเฟยจะยอมเขียนชื่อตัวเองกลับหลัง!”
“พล่ามเสร็จแล้วก็รีบไสหัวออกไปให้พ้น!” โจวชิงกง เริ่มรู้สึกมีอารมณ์โกรธขึ้นมาบ้างแล้วในตอนนี้ ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามนั้นไม่ได้ให้เกียรติเขาเขาก็ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติคนพวกนี้เช่นเดียวกัน
” 5 นาที! แกรอฉันอีก 5 นาทีแล้วพวกเราจะได้เห็นดีกัน!”
หยวนเฟยรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากโจวชิงกงที่พุ่งเป้ามาที่เขาโดยตรง ใบหน้าของเขาซีดเซียวลงในทันที
เขานั้นรู้จักนิสัยของโจวชิงกงเป็นอย่างดี คนคนนี้ได้ชื่อว่าเป็นคนที่อารมณ์ร้อนและขี้หงุดหงิด เมื่อเขาโมโหเขาจะระบายอารมณ์โกรธของเขาออกมาในทันทีโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
ในตอนนี้เขาได้แต่กัดฟันพูดออกมาอย่างโกรธแค้นและหันหลังกลับรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่ก่อนที่เขาจะจากไปเขาหันไปมองทางกลุ่มของหวังเสียน “พวกแกก็เช่นเดียวกัน! อีกไม่นานพวกแกจะได้รู้ซึ้งว่าการที่ทำให้ฉันนั้นโมโหนั้นมันจะเป็นยังไง!”
“ไปกันเถอะ!”
จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับหลิงยี่และเด็กวัยรุ่นอีก 3-4 คนที่อยู่ข้างๆเขา ในขณะที่เขาล้วงโทรศัพท์ของเขาออกมาด้วยท่าทางที่หงุดหงิด
“ฮึ่ม!” โจวชิงกงยังคงรู้สึกอารมณ์เสียอยู่เล็กน้อย เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆหลายครั้งเพื่อปรับอารมณ์ ก่อนที่เขาจะหันไปยัง กวนชูชิง “นับว่าเป็นเกียรติของผมเป็นอย่างยิ่งที่พวกคุณเข้ามาพักและใช้บริการในโรงแรมของผม หากว่าพวกคุณต้องการสิ่งใดๆสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ ผมหวังอย่างยิ่งว่าพวกคุณนั้นจะมีความสุขกับการพักผ่อนและการให้บริการในโรงแรมของเรา!”
“ขอบคุณค่ะประธานโจว!”
กวนชูชิง ยิ้มออกมาให้แก่เขาพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ เธอรู้สึกประทับใจในการแสดงออกของโจวชิงกงมาก เขานั้นออกมาขจัดปัญหาให้กับพวกเธอได้อย่างยุติธรรม
“ด้วยความยินดีเลยครับคุณหนู! แล้วพวกคุณนั้นพักอยู่ที่ห้องไหนอย่างนั้นหรอครับ? ผมจะบริการนำทางให้กับพวกคุณเอง!” โจวชิงกง พูดออกมาด้วยความเคารพ
“ไม่เป็นไรค่ะพวกเราไปกันเองได้!” กวนชูชิง ยิ้มออกมาและปฏิเสธเขาอย่างสุภาพ
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ! ผมยินดีที่จะให้บริการและอำนวยความสะดวกทุกๆอย่างให้กับพวกคุณครับ!”
โจวชิงกงโบกมืออย่างรีบร้อนในขณะที่เขารีบเดินไปช่วยยกกระเป๋าและสิ่งของที่วางอยู่บนพื้นและนำกลุ่มของหวังเสียนไปยังห้องพักด้วยท่าทางที่เป็นมิตรเหมือนกับว่าเขานั้นเป็นพนักงานยกกระเป๋าของโรงแรม
ผู้จัดการซันยืนตกตะลึงอยู่กับที่ เมื่อเขาได้เห็นการกระทำของท่านประธานโจวชิงกง ในตอนนี้เขาแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เด็กสาวคนนั้นเป็นใครกัน เพื่อประจบเอาใจเธอแล้ว เจ้านายของเขาถึงกับไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลหยวน!
หวังเสียนและเหล่าเด็กสาวได้เข้ามารวมกันอยู่ในห้องชุดประธานาธิบดีเพื่อพูดคุยกัน
บรืนนน!บรืนนน!
หลังจากที่พวกเขาจัดวางสิ่งของลงบนโต๊ะแล้วพวกเขาก็เปิดหน้าต่างของห้องพักเพื่อระบายอากาศ และในทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ที่ด้านนอกคำรามเสียงดังสนั่น
เพล๊งงง!
โครมมม!
ต่อจากนั้นก็ได้ยินเสียงกระจกแตกและสิ่งของพังเสียหาย
“หืออ?” หวังเสียน, กวนชูชิง, หลานชิงเยว่, เสี่ยวหยู, ผู้อาวุโสฟางและโม่ชิงหลง ต่างรู้สึกแปลกใจ พวกเขาต่างเดินไปมองที่หน้าต่างจากทางห้องพักของพวกเขาในทันที
“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้อาวุโสฟางที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
ในตอนนี้มีรถซูเปอร์คาร์หลายสิบคันจอดเรียงรายอยู่จนเต็มทางเข้าของโรงแรมพร้อมกับเหยียบคันเร่งกันจนเสียงดังสนั่น
กลุ่มรถซุปเปอร์คาร์หลายสิบคันมาพร้อมกับกลุ่มวัยรุ่นหลายสิบคน จากลักษณะท่าทางของเขานั้นเป็นกลุ่มแก๊งเดียวกันอย่างแน่นอน
พวกเขาจ้องมองไปที่โรงแรมด้วยท่าทางที่หยิ่งผยอง
และเสียงที่ดังโครมครามพร้อมกับเสียงกระจกแตกเมื่อสักครู่นี้เกิดจากที่รถซุปเปอร์คาร์คันนึงพุ่งเข้าชนประตูทางเข้าของโรงแรมด้วยความตั้งใจ
“โจวชิงกง! ไอ้คนบัดซบ ไสหัวของแกออกมาหาข้าเดียวนี้ รวมถึงกลุ่มนังเด็กโสเภณีพวกนั้นด้วย!”
เมื่อได้ยินเสียงของเด็กวัยรุ่นตะโกนเรียกชื่อโจวชิงกงและด่าผู้หญิงของเขาหวังเสียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับหันไปมองเด็กสาวคนอื่นๆ
“ลงไปดูกันสักหน่อยเถอะ!” หวังเสียน หันไปพูดกับกลุ่มสาวๆ
“พวกเขากล้าว่าพวกเราอย่างนั้นได้ยังไง!”
กลุ่มสาว ๆ ต่างโกรธเคืองกันเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินคำพูดของเด็กวัยรุ่นคนนั้น
พวกเขาทั้งหมดกดลิฟท์รีบลงไปที่ชั้นล่างของโรงแรมในทันที
โครมมม!
แต่เมื่อพวกเขาลงมาถึงบริเวณล็อบบี้ของโรงแรม ร่างของคนคนหนึ่งก็บินกระเด็นตกอยู่ใกล้ๆกับจุดที่พวกเขายืนอยู่
ผู้ชายคนนั้นกระอักเลือดออกมาจากปาก ใบหน้าของเขานั้นซีดขาวราวกับกระดาษ
“ประธานโจว!”
กวนชูชิงรู้สึกตกใจมาก เธอรีบเดินไปตรวจสอบอาการของเขาในทันที
“ขอบคุณมากครับคุณหนู! ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ!”
โจวชิงกงเช็ดเลือดที่มุมปาก เขายิ้มให้กับกวนชูชิงและกล่าวคำขอบคุณเธอ
“ฮ่าฮ่า! แกกล้ากวนประสาทเพื่อนของฉันอย่างงั้นเหรอ? โจวชิงกงแกเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?
เสียงหัวเราะอันเย่อหยิ่งดังขึ้นมาจากประตูทางเข้าของโรงแรม
ในตอนนี้ประตูของโรงแรมนั้นถูกรถชนจนพังยับเยิน
ในกลุ่มของวัยรุ่นมีหยวนเฟยยืนอยู่ด้วย
เขาเชิดหน้าขึ้นจ้องมองไปที่โจวชิงกงอย่างดูถูกเหยียดหยาม เมื่อเขาสังเกตเห็นหวังเสียนและกลุ่มของเขาเดินออกมาใบหน้าของเขาก็เย็นชาขึ้นมาในทันที
รถสปอร์ตหรูทั้งหมดได้ขวางทางเข้าของโรงแรมเอาไว้หมดแล้ว
ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนยิ้มอยู่ตรงกลางกลุ่มข้างๆรถสปอร์ตรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นของเขา
ทางด้านหลังของเขามีชายวัยกลางคนคนหนึ่งยืนอยู่อย่างเงียบๆ
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มวัยรุ่นอีกหลายสิบคนยืนหัวเราะและพูดคุยกันอยู่อย่างสนุกสนานที่บริเวณทางเข้าของโรงแรม จากการแต่งตัวและรถสปอร์ตหรูที่พวกเขาใช้แล้วนั้นพวกเขาคงจะต้องเป็นลูกหลานของตระกูลที่ร่ำรวยในเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้อย่างแน่นอน
และนอกเหนือจากกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ร่ำรวยพวกนี้แล้ว ยังมีชายวัยกลางคนอีกหลายคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณอยู่ในกลุ่มของพวกเขาด้วย
“พวกแกทั้งหมดจงเดินออกมาที่นี่เดี๋ยวนี้! แล้วก็คุกเข่าลงต่อหน้าพี่ชายซุยซะเดียวนี้ ถ้ายังไม่อยากตาย!”
หยวนเฟยมองไปที่กลุ่มของหวังเสียนด้วยใบหน้าเย็นชา
เขารู้สึกว่าในตอนนี้เขานั้นมีอำนาจมากเสียจนสามารถชี้เป็นชี้ตายให้กับผู้อื่นได้ หากคนผู้นั้นไม่ยอมทำตามคำสั่งของเขา
“ฮึ! เด็กวัยรุ่นพวกนี้คงได้รับการสนับสนุนและตามใจจากตระกูลของพวกเขาจนเสียคน ถึงได้หยิ่งผยองและอวดดีกันเช่นนี้ ยิ่งพวกเขารวมตัวกันด้วยแล้วในเมืองเซี่ยงไฮ้คงจะไม่มีใครกล้าขัดใจพวกเขาอย่างแน่นอน!”
หวังเสียน กวาดสายตามองไปที่เหล่าชายหนุ่มวัยรุ่นที่รวมตัวกัน ก่อนที่เขาจะหันไปจับตามองกลุ่มชายวัยกลางคนระดับผู้เชี่ยวชาญก่อกำเนิดลมปราณ ที่ยืนอยู่กับชายวัยรุ่นที่ยืนอยู่ตรงกลางกลุ่ม
“เด็กหนุ่มคนนี้นั้นเป็นคนในตระกูลซุยอย่างงั้นเหรอ?”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ชายหนุ่มคนนั้นพูด หวังเสียนก็กระซิบกับ เสี่ยวหยู, กวนชูชิงและหลานชิงเยว่ ที่อยู่ข้างๆเขา
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าสนใจมากน่ะสิ!”
เสี่ยวหยู ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ในขณะที่เธอมองไปยังชายหนุ่มคนนั้น แล้วพูดออกมาเสียงดังว่า “เฮ้! เจ้าหนุ่มตระกูลซุย นายมั่วยืนซื่อบื้ออยู่ตรงนั้นทำไม นายยังไม่รีบเข้ามาคุกเข่าทำความเคารพผู้อาวุโสของนายอีกอย่างนั้นเหรอ?”
!!…
(-_-;) …
เสียงของกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังคุยกันอยู่เงียบลงในทันที
คำพูดของเสี่ยวหยู ทำให้กลุ่มคนทั้งหมดนั้นรู้สึกตกใจกันเป็นอย่างมาก
มีคนกล้าพูดกับลูกหลานของตระกูลซุยอย่างนี้ได้อย่างไร?
พวกเขาเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วอย่างนั้นใช่หรือไม่?
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงกลางนั้นรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยเขามองไปที่ เสี่ยวหยู,กวนชูชิง, หลานชิงเยว่และผู้อาวุโสฟาง และแสยะยิ้มออกมา
“พวกนายไปพาเด็กพวกนั้นมาพร้อมกับให้พวกเธอคุกเข่าลงเลียรองเท้าของฉันและให้พวกเธอเรียกฉันว่าพ่อเดียวนี้!”
………
จบบท