ตอนที่ 304 ยอมรับชะตากรรม
.
ชายชราอีกคนหนึ่งในกลุ่มของผู้อาวุโสถือไม้เท้าเดินมาอย่างช้าๆ เขาเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของซุยอ่าว พร้อมกับจ้องมองไปที่ชายหนุ่มด้วยความโกรธเคือง
“ท่านปู่เกิดอะไรขึ้น? มีเรื่องอะไรกันอย่างนั้นเหรอ….?” ซุยอ่าว ถามออกมาเสียงเบาเต็มไปด้วยความกังวล
“ฮึ่มม! มีเรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอออ!” ชายชราคำรามออกมาเสียงดังด้วยความโกรธ
และท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน ไม้เท้าในมือของชายชราผู้ที่เป็นปู่ของซุยอ่าว ก็ฟาดลงไปที่ขาของเขาอย่างรุนแรง
ผลั๊วะ!
กร๊อบบ!
ไม้เท้าเหวี่ยงฟาดไปที่ขาของซุยอ่าวอย่างเต็มแรง และในทันทีนั้นเสียงกระดูกแตกหักก็ดังจนทุกคนที่อยู่ในล็อบบี้ของโรงแรมได้ยินกันอย่างชัดเจน
“อ๊าคคค!….ทะ…ท่านปู่!”
ซุยอ่าวร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แต่เขาก็พยายามสะกดกั้นความเจ็บปวดเอาไว้ เพราะสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดนั้นไม่ใช่ความเจ็บปวดทางร่างกาย แต่เป็นการแสดงออกของท่านผู้นำตระกูลรวมถึงเหล่าผู้อาวุโสและท่านปู่ของเขา ในตอนนี้เขาเริ่มหวาดกลัวและเป็นกังวลมาก
และที่แสดงออกให้เห็นได้อย่างชัดเจนมากที่สุดนั่นก็คือ หลังจากที่ปู่ของเขาตีเขาจนขาหักด้วยไม้เท้าในมือของเขาแล้ว ปู่ของเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะหันมามองเขาอีกเลยแม้แต่น้อย
อึกก!
“นี่!…” กลุ่มวัยรุ่นชายที่อยู่โดยรอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ในตอนนี้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวกันเป็นอย่างมาก จนหายใจแทบจะไม่ทั่วท้องกันเลยทีเดียว
ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลซุยและผู้อาวุโสผู้มีอำนาจระดับสูงในตระกูลซุยทุกคนล้วนแล้วแต่อยู่ที่นี่ ผู้อาวุโสทั้งยี่สิบคนนี้ ถือได้ว่าเป็นตัวแทนของตระกูลซุยทั้งหมดเลยก็ว่าได้
พวกเขาสามารถตัดสินใจแทนทุกๆคนในตระกูลได้ และจะไม่มีใครสามารถละเมิดคำสั่งของพวกเขาได้อีกเช่นเดียวกัน
ทุกคนในที่นี้ถือได้ว่ามีอิทธิพลต่อตระกูลซุยเป็นอย่างมาก และซุยอ่าวผู้ที่เป็นเพียงแค่หลานชายรุ่นที่ 5 ของตระกูลซุยจากเด็กหลายร้อยคนที่อยู่ในตระกูลซุย คงจะไม่กล้าพูดอะไรออกมาต่อให้เขาโดนทุบตีจนตายก็ตาม
และถึงแม้ว่าตัวเขานั้นจะมีพรสวรรค์ในการฝึกฝนที่ค่อนข้างสูงมากก็ตามที แต่เด็กในตระกูลซุยรุ่นเดียวกันกับเขาก็ยังมีผู้ที่มีความสามารถเหนือกว่าเขาอยู่อีกหลายคน
และหลังจากนั้นไม่นานทุกคนที่อยู่ในล็อบบี้ของโรงแรมต่างต้องตื่นตระหนกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้งจนแทบจะหยุดหายใจ
เพราะผู้นำตระกูลซุยและผู้อาวุโสที่เหลืออีกสิบเก้าคน ได้เดินตรงเข้าไปหาเด็กสาวคนที่ได้โทรศัพท์ออกไปเมื่อครู่นี้ พวกเขาทั้งหมดประมือคารวะพร้อมกับก้มศีรษะโค้งตัวลงทำความเคารพให้กับเธอกันอย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับท่านป้าอาวุโส!”
“ท่านป้าสบายดีนะครับ!”
….
“ท่านป้าอาวุโส? ผู้นำตระกูลและเหล่าผู้อาวุโสรุ่นที่ 3 ของตระกูลซุย ต่างเรียกเด็กสาวคนนั้นว่าท่านป้าอาวุโส?!”
“นี่…นี่มัน…มันยังไงกันแน่?”
“ผู้นำตระกูลและสมาชิกของผู้บริหารระดับสูงของตระกูลซุยกำลังเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าท่านป้าอาวุโส! เธอ … เธอ … ตัวตนที่แท้จริงของเธอคืออะไร ?”
กลุ่มชายหนุ่มโดยรอบมองด้วยความหวาดกลัวและแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
เมื่อซุยอ่าวเห็นท่านปู่ของเขาและผู้นำตระกูลลดศีรษะลงต่อหน้าหญิงสาว ในตอนนี้ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ท่านป้าอาวุโส…ท่านป้าของท่านปู่…ถะ…ถ้างั้นก็…ก็ท่านย่าทวดของข้าน่ะสิ!!…” ซุยอ่าวพึมพำออกมาอย่างสับสนและมึนงง
ถ้าเด็กสาวคนนี้นั้นเป็นท่านป้าอาวุโสของท่านปู่ของเขา นั้นเท่ากับว่าเด็กสาวคนนี้ต้องเป็นลูกศิษย์ของท่านจักรพรรดิซุยบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งตระกูลของเขาน่ะสิ!
ท่านบรรพบุรุษจักรพรรดิซุย เป็นเหมือนเทพอมตะในตระกูลซุย และถือได้ว่าท่านนั้นเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่ของเมืองเซี่ยงไฮ้เลยก็ว่าได้
‘เชี่ยย! ถ้าอย่างนั้นคนที่เธอโทรไปหาในก่อนหน้านี้นั่นก็คือ?!!….’
เมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ตัวของเขาก็ทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง ใบหน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ
“มันจบแล้ว!…อนาคตของฉันจบสิ้นลงแล้ว!”
ในเวลานี้กวนชูชิง รู้สึกอายเป็นอย่างมากเมื่อกลุ่มคนชรากว่ายี่สิบคนกล่าวสวัสดีเธอในฐานะท่านป้า เพราะความห่างระหว่างอายุของเธอกับพวกเขานั้นห่างกันมากจนเกินไป
“พอเถอะ!…ไม่ต้องใส่ใจกับมารยาทมากขนาดนั้นหรอก!” กวนชูชิง รีบพูดห้ามพวกเขา ก่อนที่พวกเขาจะแสดงความเคารพเธอมากไปกว่านี้
“พวกเราต้องขออภัยท่านป้าจริงๆ มันเป็นความผิดของพวกเราเองที่ทำให้ท่านป้านั้นต้องถูกรบกวนและสร้างความขุ่นเคือง ภายในเขตพื้นที่การปกครองของตระกูลซุยของพวกเรา!”
ผู้นำตระกูลตระกูลซุยยังพูดออกมาอย่างสำนึกผิดด้วยความเคารพ นี่คือศิษย์หลักสายตรงของท่านปู่ของพวกเขา เธอคนนี้สมควรจะได้รับความเคารพจากพวกเขาอย่างจริงใจอย่างที่สุด มันไม่สำคัญเลยว่าเธอนั้นจะอายุน้อยกว่าพวกเขามากขนาดไหน แต่ที่สำคัญคือในตอนนี้พวกเขานั้นได้ถือว่าเธอเป็นผู้อาวุโสระดับสูงในตระกูลซุยของพวกเขาแล้ว
ชายชราผู้ที่เป็นปู่ของซุยอ่าว จ้องมองไปยังซุยอ่าวด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกับพูดด้วยเสียงอันดุดันว่า “คลานมาคุกเข่าแล้วกราบขอขมาท่านย่าทวดของแกซะเดี๋ยวนี้!”
“ครับๆๆ ท่านปู่!”
เมื่อซุยอ่าวได้ยินคำพูดของท่านปู่เขา เขาก็รีบคลานเข้าไปที่เท้าของกวนชูชิงในทันที หน้าผากของเขาในตอนนี้นั้นปกคลุมไปด้วยเหงื่อจนเหมือนกับเปียกน้ำมา
“ทะ…ท่านย่าทวดครับกระผมผิดไปแล้ว ท่านย่าทวดได้โปรดให้อภัยหลานชายผู้ที่โง่เขลาคนนี้ด้วยเถอะนะครับ ได้โปรดให้โอกาสกระผมอีกสักครั้งนะครับ!”
ในตอนนี้ซุยอ่าวได้สูญเสียความภาคภูมิใจและความเย่อหยิ่งของเขาไปแล้วอย่างสิ้นเชิง เขาคลานมาคุกเข่ากราบขออภัยกวนชูชิง ด้วยท่าทางที่น่าสมเพชเป็นอย่างยิ่ง
กลุ่มชายวัยรุ่นที่มาพร้อมกันกับเขาที่อยู่ทางด้านหลัง ต่างรู้สึกหวาดกลัวกันเป็นอย่างมาก
ส่วนหยวนเฟยนั้น ในตอนนี้เขารู้สึกว่าร่างกายของเขานั้นมึนชาไปหมดทั้งตัว เขาสูญเสียการควบคุมของร่างกายและทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง หลังจากนั้นเขาก็รีบคุกเข่าหมอบตัวลงอย่างรวดเร็ว
“ผู้น้อยผิดไปแล้ว! ผู้น้อยมันเป็นคนหูหนวกตาบอด บังอาจล่วงเกินผู้อาวุโสขอได้โปรดให้อภัยให้กับผู้น้อยด้วยเถอะครับ!”
เมื่อกลุ่มชายวัยรุ่นเห็นหยวนเฟยคุกเข่าลงพร้อมกับกราบขออภัย พวกเขาก็รีบคุกเข่าลงด้วยความตกใจเช่นเดียวกัน
ซุยอ่าวเป็นผู้นำของพวกเขา ส่วนหยวนเฟยก็เป็นเด็กหนุ่มที่มีเบื้องหลังยิ่งใหญ่มากกว่าพวกเขา แต่ในตอนนี้คนทั้งคู่ยังต้องคุกเข่าและกราบขอโทษเด็กสาวคนนั้นด้วยท่าทางที่หวาดกลัว พวกเขาที่เป็นเพียงเด็กหนุ่มของตระกูลที่ร่ำรวยธรรมดาทั่วไปไม่ได้มีเบื้องหลังอะไรมากมายนัก จึงต้องรีบคุกเข่าลงเพื่อขออภัยอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
“ฮึ!” กวนชูชิงส่งเสียงออกมาอย่างประชดประชัน เธอมองไปที่ซุยอ่าวและหยวนเฟยด้วยสายตาที่เย็นชา
“เมื่อครู่พวกนายพูดอะไรเอาไว้จำไม่ได้แล้วเหรอ? แล้วทำไมในตอนนี้ต้องมาคุกเข่าขออภัยฉันเช่นนี้ล่ะ?”
“ท่านป้าครับ! ท่านปู่บอกให้พวกเราจัดการกับเด็กพวกนี้ให้กับท่านป้าครับ ท่านป้าอย่าได้กังวลไปเลยนะครับ พวกเราจะจัดการเรื่องนี้ให้ท่านป้าพอใจได้อย่างแน่นอนเลยครับ!”
เมื่อเห็นว่า กวนชูชิง ยังคงไม่พอใจ ชายชราผู้นำตระกูลซุยจึงรีบพูดขึ้นมาในทันที
“อืม! ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องรบกวนพวกท่านจัดการเรื่องที่เหลือด้วยก็แล้วกันนะคะ!”
เมื่อเห็นกลุ่มชายชราแสดงความเคารพและอาสาจัดการเรื่องนี้ให้กับเธอ กวนชูชิงจึงรีบตอบรับในทันที เธอจะรู้สึกแย่มากหากยังคงปล่อยให้ชายชราเหล่านี้เรียกเธอว่าท่านป้าต่อไป
“ไม่เป็นไรครับท่านป้า! มันเป็นเรื่องที่พวกเราสมควรทำอยู่แล้วครับ แล้วท่านป้ากับเพื่อนๆต้องการกลับไปผักผ่อนที่ตระกูลกับพวกด้วยหรือไม่ครับ?” ชายชราผู้นำตระกูลซุยถามออกมาอย่างเคารพ
“ไม่ล่ะขอบคุณมาก! ฉันต้องการพักที่นี่สักคืนก่อน แล้วพรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปหาท่านอาจารย์ที่ตระกูลซุยเอง!”
“เอาล่ะ! ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะไม่รบกวนท่านป้าแล้วล่ะครับ!” ชายชราผู้นำตระกูลซุยกล่าว หลังจากนั้นเขาก็มองไปยังกลุ่มชายชราที่มากับเขา
“ท่านปู่ของพวกเราไม่พอใจกับพฤติกรรมของลูกหลานตระกูลซุยในปัจจุบันนี้เป็นอย่างมาก ปัจจุบันนี้ลูกหลานตระกูลซุยหยิ่งผยองมากเกินไป มันคงถึงเวลาที่จะต้องแก้ไขและสอนบทเรียนให้กับพวกเขาบ้างแล้วล่ะ!”
“บางทีลูกหลานเรานั้นอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ว่ากว่าที่ท่านปู่และท่านพ่อของพวกเราจะก่อตั้งและสร้างความมั่นคงให้กับตระกูลของพวกเราจนมาถึงระดับชั้นตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้นั้น พวกท่านต้องเสียเลือดและน้ำตามามากกันเท่าไหร่แล้ว!”
“ในวันนี้มันถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะต้อง สั่งสอนคนรุ่นหลังให้รู้ถึงการเสียสละของบรรดาบรรพบุรุษของพวกเรา!”
เมื่อซุยอ่าวได้ยินในสิ่งที่ผู้นำตระกูลและบรรดาผู้อาวุโสพูดคุยกัน ใบหน้าของเขาก็ซีดราวกับแผ่นกระดาษขาวในทันที
“ลูกหลานแห่งตระกูลซุยรุ่นที่ 5 ซุยอ่าว ได้ล่วงเกินผู้อาวุโสระดับสูงและละเมิดกฎของตระกูลซุย ในฐานะลูกหลานและเป็นผู้สืบทอดวิชาความรู้คนหนึ่งของตระกูลซุย ผลประโยชน์ต่างๆรวมถึงทรัพยากรในการบ่มเพาะที่เจ้าเคยได้รับมา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจะถูกยกเลิก และเจ้าจะถูกลดระดับขั้นกลายเป็นชนชั้นระดับทั่วไปของคนในตระกูล ซุยและเจ้าจะถูกส่งไปทำงานเป็นพนักงานทั่วไปในบริษัทสาขาของตระกูลซุย!” ชายชราผู้นำตระกูลซุย ออกคำสั่งในทันที
เมื่อได้ยินการลงโทษเช่นนี้ ซุยอ่าว นั่งตัวซีดขาวและหมดสิ้นความหวังลงในทันที
ด้วยการยกเลิกสิทธิและผลประโยชน์ทั้งหมดที่เขาเคยได้รับในฐานะลูกหลานและผู้ฝึกตนในตระกูล จากนี้ไปเขาจะกลายเป็นเพียงแค่สมาชิกสามัญระดับคนงานทั่วไปของตระกูลซุยเท่านั้น และจะต้องทำงานให้กับตระกูลอย่างหนักจนแทบจะไม่มีเวลาฝึกฝนและบ่มเพาะ อนาคตของเขาในตอนนี้แย่เสียยิ่งกว่าผู้ฝึกตนระดับชั้นล่างของตระกูลซุยเสียอีก!
บรรดาชายหนุ่มที่อยู่โดยรอบต่างรู้สึกตกใจกันเป็นอย่างมาก
ซุยอ่าวถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ในการฝึกฝนค่อนข้างสูง ในระดับต้นๆของตระกูลเลยทีเดียว นอกจากนี้เขายังถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 10 ของเทียนเจียว ในการจัดอันดับยอดยุทธรุ่นใหม่ของโลกยุทธภพอีกด้วย
แต่ในตอนนี้อนาคตของเขานั้นถูกดับลงแล้ว เพราะเขาเปลี่ยนจากเยาวชนแกนหลักไปเป็นสมาชิกระดับธรรมดาทั่วไปของตระกูลซุย และถูกสั่งให้ไปทำงานในบริษัทสาขาที่ตระกูลซุยประกอบธุรกิจที่นอกเมืองเซี่ยงไฮ้
มันคงจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะสามารถกลับมาฝึกฝนจนก้าวเข้าไปสู่ขอบเขตระดับก่อกำเนิดลมปราณได้
และหากไม่มีทรัพยากรที่ตระกูลซุยคอยสนับสนุนแล้วล่ะก็ อย่าว่าแต่ขอบเขตระดับก่อกำเนิดลมปราณเลย ไม่แน่ว่าระดับการบ่มเพาะของเขาอาจจะตกต่ำลงกว่าเดิมเสียอีกด้วย!
ตอนนี้ชีวิตที่สุขสบายเหมือนกับคุณชายของเขานั้นจบสิ้นลงอย่างสมบูรณ์แล้ว
กวนชูชิงมองไปที่ซุยอ่าว ด้วยสายตาที่เฉยชา หลังจากที่บอกลากับกลุ่มผู้นำตระกูลและผู้อาวุโสของตระกูลซุยแล้ว เธอก็เดินตามหวังเสียนและสาวๆอีกสามคนกลับไปยังห้องพักของพวกเธอ
ชายชราผู้นำตระกูลซุย มองไปยังชายวัยกลางคนเจ้าของโรงแรม ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากกลุ่มของหวังเสียน
“ในครั้งนี้ข้าได้รับมอบหมายจากท่านปู่ให้พิจารณาความผิดของเจ้าด้วย แต่เนื่องจากในวันนี้เจ้าได้ทำความชอบโดยการปกป้องท่านป้าอาวุโสของตระกูลซุย ฉะนั้นความผิดที่เจ้าได้ก่อให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายบนเครื่องบิน ก็ถือได้ว่าชดเชยกับความดีความชอบในครั้งนี้ไป ตระกูลซุยของพวกเราจะไม่เอาผิดเจ้าในครั้งนี้ แต่หากมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกครั้งข้าจะสังหารเจ้าด้วยมือของข้าเอง!”
“ครับท่านผู้นำตระกูลซุย! ขอบพระคุณมากจริงๆเลยครับ!”
เมื่อโจวชิงกงได้ยินคำพูดของชายชราผู้นำตระกูลซุย เขาก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจและโล่งใจอย่างที่สุด
ในที่สุดชะตากรรมชีวิตของเขาที่ถูกคาดโทษเอาไว้ ก็ได้รับการให้อภัยแล้ว
ในตอนนี้สายตาของเขาจ้องมองไปยัง ซุยอ่าว ที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยความสิ้นหวัง เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
“มันคงเป็นความโชคร้ายอย่างที่สุดของเด็กหนุ่มคนนี้ เขาในฐานะเยาวชนรุ่นเยาว์ของตระกูลซุย กล้าที่จะออกมาเป็นตัวแทนของผู้อื่น รุกรานและล่วงเกินผู้อาวุโสระดับสูงที่เป็นถึงลูกศิษย์ของบรรพบุรุษตัวเอง นี่ไม่เท่ากับเป็นการขุดหลุมศพและแสวงหาความตายให้กับตัวเองอย่างนั้นหรอกหรือ?”
………
จบบท