ตอนที่ 312 (ตอนฟรี) สัตว์อสูรพิทักษ์เกาะ!
.
โว๊กกกก!
สัตว์อสูรตัวนั้นส่งเสียงร้องยาวออกมา เสียงของมันนั้นดังไปไกลหลายพันเมตรทีเดียว
“สิ่งมีชีวิตนั้นคืออะไร” หวังเสียน ถามอสูรที่ 15 ในขณะที่เขาพยายามสังเกตสัตว์อสูรหน้าตาประหลาดตัวนั้นอย่างตั้งใจ
“ราชามังกรนั่นคือยักษ์มัจฉา [เยี่ยฉ๋า 夜叉] สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในตำนาน!”
อสูรที่ 15 มองไปที่สัตว์อสูรตัวนั้นก่อนจะพูดต่ออีกว่า “ตามบันทึกในตำนานนั้นจะมีเกาะลึกลับบางแห่งที่เรียกว่าเกาะเซียนอมตะ เกาะเหล่านี้นั้นจะลอยตัวอยู่เหนือผิวน้ำทะเลและมันสามารถเคลื่อนที่ได้ ความพิเศษของเกาะประเภทนี้อีกอย่างนั่นก็คือมันสามารถอำพรางและซ่อนตัวเองได้ และส่วนมากเกาะเซียนอมตะที่ว่านี้ก็จะมีสัตว์อสูรที่ดุร้ายและทรงพลังคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา สัตว์อสูรชนิดนี้นั้นเรียกว่ายักษ์มัจฉา พวกมันจะมีท่อนล่างเป็นปลา ใบหน้าคล้ายกับจระเข้ มีลำตัวช่วงบนคล้ายกับยักษ์ และมีเกล็ดทั่วทั้งตัวเหมือนกับปลา!”
“ในตำนานนั้นได้กล่าวเอาไว้ว่าสัตว์อสูรยักษ์มัจฉานั้นเป็นสัตว์อสูรที่อยู่ในระดับชั้นสูง มันมีสติปัญญาที่คล้ายคลึงกับมนุษย์มาก ยักษ์มัจฉาบางตัวสามารถฝึกฝนและบ่มเพาะบำเพ็ญตบะได้ เมื่อผ่านพ้นเวลาไปถึงจุดหนึ่งระดับการฝึกฝนและการบ่มเพาะของพวกมันสูงมากขึ้นพวกมันจะสามารถก้าวข้ามเข้าไปสู่ระดับขอบเขตของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ และในบันทึกโบราณนั้นกล่าวไว้ว่าสัตว์อสูรประเภทนี้จะมีพลังที่น่ากลัวเป็นอย่างมากเลยทีเดียว!”
ในขณะที่อสูรที่ 15 กำลังพูดอยู่และมองไปที่ ยักษ์มัจฉา ใบหน้าของเขาก็แสดงความหวาดกลัวออกมา “พวกมันจะลาดตระเวนไปรอบๆเกาะแห่งนี้เหมือนกับหมาเฝ้าบ้าน และความแข็งแกร่งของพวกมันแต่ละตัวนั้นก็น่ากลัวเป็นอย่างมากเลยทีเดียว แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นสูงสุดหากต้องต่อสู้กับพวกมันในทะเลก็อาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยทีเดียว!”
“และยิ่งไปกว่านั้นจากการที่กระผมและเหล่าชาวยุทธคนอื่นๆได้ค้นพบความลับของเกาะนี้นั้น เกาะนี้สามารถลอยตัวอยู่บนผิวน้ำได้จริงๆ ถึงแม้ว่ามันจะไม่วิเศษเท่ากับเกาะเซียนอมตะในตำนาน แต่เกาะแห่งนี้ก็ถือได้ว่าเป็นสมบัติที่วิเศษเช่นเดียวกัน มันจึงถูกเรียกว่าเกาะลอยน้ำ!”
“เกาะลอยน้ำ?”
หวังเสียนรู้สึกตกใจเล็กน้อย คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันในทันที
เกาะลอยน้ำ … นี่ไม่ใช่เกาะที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า แต่ลอยอยู่บนผิวน้ำทะเล
หินจะยังคงจมเมื่อโยนมันลงในน้ำทะเล แต่นี่คือเกาะทั้งเกาะ มันสามารถลอยอยู่บนผิวน้ำทะเลได้ มันช่างน่ามหัศจรรย์อย่างแท้จริง
“พื้นที่ทั่วทั้งเกาะมีระยะทางหลายสิบกิโลเมตร มีเรือหลายลำที่พยายามวนรอบเกาะและเข้าไปในหมอกสีขาว แต่มันก็ถูกจมลงเสียก่อนโดยฝูงของยักษ์มัจฉาที่มีไม่ต่ำกว่า 30 ตัว!” อสูรที่ 15 ยังคงอธิบายเกี่ยวกับเกาะลอยแห่งนี้ต่อไป
“แล้วสถานการณ์โดยรวมในตอนนี้ของผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆนั้นเป็นอย่างไร? ทำไมดูเหมือนกับว่าพวกเขานั้นกำลังรออะไรบางอย่างกันอยู่เลยล่ะ?”
หวังเสียนมองไปบนท้องฟ้าที่กำลังจะมืด ก่อนที่จะหันมองไปยังเรือทั้งยี่สิบลำ ที่จอดอยู่อย่างนิ่งๆไม่ไกลจากเรือของพวกเขา
“ตามที่ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มหนึ่งได้กล่าวเอาไว้ เมื่อถึงเวลากลางคืนหมอกทมิฬสีขาวโดยรอบจะค่อยๆจางหายไปเอง หากต้องการจะเข้าไปที่เกาะลอยน้ำแห่งนี้ จะต้องเข้าไปในเวลาตอนกลางคืนมันจะปลอดภัยมากกว่าเข้าไปในเวลากลางวัน!”
อสูรที่ 15 พูดต่อ ” เมื่อดวงจันทร์เริ่มขึ้นและหมอกทมิฬสีขาวสลายตัวไป กองเรือทั้งหมดก็จะรีบพุ่งตรงไปข้างหน้าเพื่อยึดครองพื้นที่รอบๆเกาะ แต่การยึดครองพื้นที่บนเกาะก็จะต้องขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งและระดับความสามารถกลุ่มกองกำลังของพวกเขาด้วย!”
หวังเสียนพยักหน้าเล็กน้อย เขามองไปสัตว์อสูรยักษ์มัจฉา ที่ยังคงว่ายวนเวียนอยู่รอบๆเกาะ และในทันใดนั้นความคิดนึงก็เกิดขึ้นมาในทันที
“พวกเจ้าจงรอข้าอยู่ที่นี่ก่อน! เมื่อได้รับคำสั่งของข้าแล้วให้พวกเจ้ารีบตรงเข้าไปที่เกาะลอยน้ำนั้นในทันที ข้าจะจัดการกับสัตว์อสูรยักษ์มัจฉาพวกนั้นเอง ” หวังเสียนหันไปพูดกับกลุ่มของโม่ชิงหลง ก่อนที่เขาจะถอดนาฬิกาออกจากข้อมือวางไว้บนเรือยอร์ช แล้วเตรียมตัวที่จะลงไปในทะเล
“ขอรับองค์ราชา!”
ตูมมม!
เมื่อ หวังเสียน ดำลงไปในทะเลเขาสังเกตเห็นและรับรู้ได้ในทันทีว่าสมาชิกของวังมังกรศักดิ์สิทธิ์ได้ซ่อนตัวรอเขาอยู่ในส่วนลึกของก้นทะเลแล้ว
หลังจากนั้นเขาก็หันมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง
บริเวณใต้ทะเล รอบๆเรือยอร์ชทั้ง 20 ลำนั้นมีชาวยุทธหลายคนที่กำลังดำน้ำอยู่ในทะเล พวกเขากำลังจ้องมองไปที่เกาะลอยน้ำแห่งนั้นอย่างใจจดใจจ่อ
‘คนพวกนี้น่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่บ่มเพาะพลังแห่งธาตุน้ำอย่างนั้นสินะ?” หวังเสียนคิดกับตัวเอง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กลายร่างเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์ในทันที และเพื่อป้องกันการพบเห็นจากผู้อื่นเขาจึงรีบว่ายน้ำลึกลงไปยังก้นทะเลในทันที
เมื่อเขาไปถึงความลึกประมาณหนึ่งร้อยสิบเมตรพื้นที่โดยรอบนั้นก็มืดสนิท เมื่อมองบริเวณโดยรอบแล้วเหมือนกับว่าเขาอยู่ในเหวลึกของก้นทะเลเลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตามกลางวันหรือกลางคืนไม่แตกต่างกันสำหรับ หวังเสียน เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งในปัจจุบันและความสามารถของเขา
เขาว่ายน้ำลึกลงมาถึงจุดหนึ่งแล้วเขาก็ได้พบกับกลุ่มสมาชิกของวังมังกรศักดิ์สิทธิ์ของเขา หลังจากนั้นเขาก็ลอยตัวไปหยุดยืนอยู่บนหลังของเต่ายักษ์
“ถวายพระพรพะยะค่ะองค์ราชามังกร!”
กลุ่มสมาชิกของวังมังกรศักดิ์สิทธิ์ต่างคุกเข่าลงบนพื้นทะเลเพื่อทำความเคารพหวังเสียน จอมราชันย์ของพวกเขา
“ไปกันเถอะ!” หวังเสียนยืนอยู่บนหลังของเต่ายักษ์พร้อมกับโบกมือไปข้างหน้า
เต่ายักษ์ค่อยๆขยับร่างกายอันใหญ่โตของมันและว่ายน้ำขนานไปกับพื้นก้นทะเลอย่างช้าๆ
ไม่นานหลังจากนั้นหวังเสียนและเหล่าสาวกของวังมังกรศักดิ์สิทธิ์ก็เข้าสู่พื้นที่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีขาว
ในทันทีที่พวกเขาก้าวเข้ามาสู่หมอกสีขาว หวังเสียน ก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่ามีสายตาอันดุร้ายจ้องมองมายังกลุ่มของพวกเขา
‘การรับรู้ของพวกมันช่างน่ากลัวมากจริงๆ พวกมันสามารถค้นพบพวกเราได้เลยในทันที เมื่อก้าวเข้ามาในอาณาเขตของพวกมัน!’ หวังเสียน เงยหน้าขึ้นไปมองทางด้านบนเล็กน้อย
เมื่อสัตว์อสูรยักษ์มัจฉากว่าสิบตัวที่กำลังลาดตระเวนอยู่รอบๆเกาะ ได้สังเกตเห็นกลุ่มของหวังเสียน พวกมันก็รีบตรงมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็ว
ขนาดลำตัวของพวกมันที่ใหญ่มากที่สุดนั่นก็คือประมาณ 4 เมตร
กรงเล็กข้างหนึ่งของมันมีลักษณะคล้ายอาวุธอันทรงพลังและยาวกว่าร่างกายของพวกมันเสียด้วยซ้ำ
กว๊ากกก! ‘ออกไป!’
สัตว์ประหลาดเหล่านั้นร้องคำรามออกมาเสียงดัง และความหมายของเสียงร้องที่หวังเสียนสามารถเข้าใจได้นั่นก็คือการขับไล่ให้พวกเขานั้นออกไปจากอาณาเขตของพวกมัน
สัตว์ประหลาดยักษ์มัจฉาทั้งสิบตัว ลอยอยู่ในทะเลตรงหน้าของหวังเสียน พวกมันจ้องมองไปทางหวังเสียนและสาวกแห่งวังมังกรด้วยสายตาที่ดุร้าย
….
[สัตว์อสูรผู้พิทักษ์ยักษ์มัจฉา : ระดับ 9 ]
[พลังงานมังกรที่สกัดได้ : 38,756 ]
….
[สัตว์อสูรผู้พิทักษ์ยักษ์มัจฉา : ระดับ 10 ]
[พลังงานมังกรที่สกัดได้ : 155,434 ]
….
“สัตว์อสูรผู้พิทักษ์ยักษ์มัจฉาระดับ 9 และระดับ 10 อย่างนั้นเหรอ?”
หวังเสียนจ้องมองไปยังสัตว์อสูรเหล่านั้นด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งในขณะที่เขายืนอยู่บนหลังของเต่ายักษ์ “ยอมให้พวกข้าเข้าไปหรือว่าจะยอมตาย!”
พรึบบบ!
ในขณะที่หวังเสียนพูดจบ เต่ายักษ์, อ๋าวฉีเทียนและสมาชิกตัวอื่นๆของวังมังกร ต่างจ้องมองไปยังสัตว์อสูรยักษ์มัจฉาเหล่านั้นด้วยสายตาที่เย็นชา!
“พวกเจ้าจงออกไปจากที่นี่ซะเดี๋ยวนี้!”
สัตว์อสูรยักษ์มัจฉาก็ไม่ได้มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย พวกมันดึงหอยสังข์ที่มีลักษณะคล้ายกับแตรสงครามสมัยโบราณออกมา
วู้วววววว~!
เสียงเป่าหอยสังข์ส่งคลื่นความถี่สูงแพร่กระจายไปในทะเลไกลหลายกิโลเมตร แม้แต่บนพื้นผิวน้ำทะเลที่ไม่ไกลมากนักก็ยังคงได้ยินเสียงคลื่นความถี่นี้ด้วยเช่นกัน
“นั่นมันเสียงอะไร?”
บนผิวน้ำทะเลกลุ่มชาวยุทธที่อยู่บนเรือยอร์ชรู้สึกงุนงงเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆนั้น
“ดูนั่น! ดูสัตว์อสูรยักษ์มัจฉาที่อยู่ในหมอกทมิฬพวกนั้นหายไปกันหมดแล้ว!”
“พวกมันน่าจะดำลงไปรวมกันอยู่ที่ใต้ทะเล สัตว์อสูรพวกนี้นั้นมีความฉลาดที่สูงมาก เป็นไปได้ไหมว่าพวกมันจะรวมตัวกันและเตรียมซุ่มโจมตีพวกเรา?”
เหล่าบรรดาชาวยุทธต่างพูดคุยกันด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
ในเวลานี้ดวงจันทร์บนท้องฟ้าได้สาดแสงเรืองๆ ลงมาปกคลุมผิวน้ำทะเลจนเผยให้เห็นเกาะลอยน้ำอันลึกลับ
ด้วยที่พวกเขานั้นเป็นผู้ผู้ฝึกตนระดับสูง การมองเห็นของพวกเขานั้นจึงค่อนข้างที่จะมีวิสัยทัศน์ที่ดีมาก เกาะที่สวยงามเต็มไปด้วยพืชพันธุ์สมุนไพรและต้นยาจิตวิญญาณหลากหลายร้อยชนิดอันอุดมสมบูรณ์ก็พลันปรากฏขึ้นกับสายตาของพวกเขา
ดวงตาของพวกเขาทั้งหมดลุกโชนด้วยความตื่นเต้น อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังสามารถยับยั้งชั่งใจตัวเองเอาไว้ได้และไม่ได้รีบมุ่งหน้าตรงเข้าไปที่เกาะในทันที พวกเขาพยายามกวาดสายตามองและสังเกตบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวังตัว
ในขณะนี้กลุ่มสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ยักษ์มัจฉาประมาณร้อยกว่าตัวได้มารวมตัวกัน และยืนประจันหน้าอยู่กับกองทัพแห่งวังมังกรศักดิ์สิทธิ์ของหวังเสียน
ที่ด้านหน้าสุดมีสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ยักษ์มัจฉาที่สูงกว่า 6 เมตรเป็นผู้นำ
แขนของมันมีลักษณะคล้ายกับสามง่ามที่เป็นอาวุธอันทรงพลัง มีเกล็ดที่คล้ายกับเกล็ดปลาอยู่ทั่วทั้งตัว ใบหน้าที่เหมือนกับจระเข้พร้อมกับมีเขี้ยวยาวอันแหลมคมอยู่เต็มปากดูแล้วให้ความรู้สึกที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“ออกไปให้พ้นจากบริเวณนี้ไม่อย่างนั้นตายยย!” ยักษ์มัจฉาตัวที่เป็นเหมือนกับหัวหน้าคำรามออกมาเสียงดัง
หวังเสียน ยิ้มและมองไปที่ฝูงของยักษ์มัจฉา ในหมู่พวกมันทั้งหมดนั้นมีสัตว์อสูรระดับ 10 อยู่สิบตัว ส่วนที่เหลือนั้นเป็นสัตว์อสูรระดับ 9
“สัตว์อสูรผู้พิทักษ์ยักษ์มัจฉาอย่างนั้นเหรอ? เป็นชื่อที่ดีมากเลยทีเดียว!”
หวังเสียน กวาดสายตามองกลุ่มยักษ์มัจฉาทั้งร้อยกว่าตัว ในขณะที่กำลังลูบเคราที่ไม่มีอยู่จริงของเขา
ในความคิดของหวังเสียนสัตว์อสูรพวกนี้เหมาะกับการเป็นผู้พิทักษ์มากจริงๆ หากได้ยักษ์มัจฉาพวกนี้ คอยลาดตระเวนเป็นผู้พิทักษ์อยู่ที่ด้านนอกวังมังกรศักดิ์สิทธิ์ของเขา มันคงจะดีไม่น้อย
เพราะอีกไม่นานวังมังกรศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็กำลังจะถูกสร้างขึ้นมา และกลุ่มยักษ์มัจฉากลุ่มนี้นั้นก็โผล่ออกมาในจังหวะที่เหมาะสมเป็นอย่างมากเลยทีเดียว!
หากเขาสามารถนำพวกมันมาเป็นสาวกแห่งวังมังกรศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้ ยักษ์มัจฉาพวกนี้ก็จะกลายเป็นทหารยามลาดตระเวนที่คอยพิทักษ์วังมังกรศักดิ์สิทธิ์ชั้นเยี่ยมของเขาเลยทีเดียว
“อืม! หลังจากที่สร้างวังมังกรศักดิ์สิทธิ์เสร็จแล้วฉันควรจะเรียกพวกมันว่าอะไรดี ‘ทหารยามมังกร’ ไม่! ฉันควรจะเรียกพวกมันว่า ‘ผู้พิทักษ์วังมังกรศักดิ์สิทธิ์’… อืมมม! แต่มันก็ยังฟังแปลกๆอยู่ดี!”
“ไสหัวออกไปหรือตายยยยย!”
……..
จบบท
EndNote: เยี่ยฉ๋า 夜叉 หรือยักษ์มัจฉา น่าจะเป็นสัตว์ประหลาดในตำนานของจีน ไม่เหมือนกับสุพรรณมัจฉา ตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ที่เป็นเมียหนุมานหรอกนะครับ อันนั้นเธอสวยมากเลยทีเดียว ไม่งั้นหนุมานไม่จับปล้ำทำเมียหรอกเนอะ!