ตอนที่ 296 มาเถอะตาเฒ่าซุย!
.
“เป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่มีใครกล้าเรียกข้าว่าจักรพรรดิซุยโดยตรงเช่นนี้!” ผู้เฒ่าซุยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา หลังจากนั้นเปลวเพลิงในมือของเขาก็ตรงเข้าไปล็อคคอคนทั้งห้าเอาไว้อย่างแน่นหนา
“นี่มัน!…”
ชายวัยกลางคนร่างผอมและชายชราทั้งสามคนรวมถึงชายหนุ่ม ต่างตกใจกันเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นความสามารถและความแข็งแกร่งของผู้เฒ่าซุย
ฝ่ามือของผู้เฒ่าซุยได้ส่งเปลวเพลิงอันร้อนแรงออกมาล้อมรอบที่คอของพวกเขาเอาไว้เหมือนกับโซ่ที่คล้องคอนักโทษช่างน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง
ถึงแม้ว่าความร้อนจากเปลวไฟนั้นจะไม่ได้ทำอันตรายใดๆกับพวกเขาแต่พวกเขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากการถูกพันธนาการได้
นี่ย่อมแสดงให้เห็นถึงว่าความสามารถของชายชราที่อยู่ตรงหน้านั้นเหนือกว่าความสามารถของพวกเขาเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาหวาดกลัวนั้นไม่ใช่โซ่เปลวเพลิงที่ล็อคคอของพวกเขาอยู่ในขณะนี้ แต่มันเป็นสิ่งที่ชายชราเพิ่งพูดไปก่อนหน้านี้ต่างหาก
“จักรพรรดิซุย!….ผู้นำแห่งตระกูลซุย!…เขาเพิ่งพูดว่าเขานั้นคือจักรพรรดิซุยอย่างนั้นเหรอ?”
ตระกูลใหญ่ๆและทุกๆสำนักในโลกยุทธภพต่างรู้ว่าชื่อนี้หมายถึงอะไร
ชื่อนี้เป็นชื่อของชายชราที่ทรงพลังและน่ากลัวที่สุดคนหนึ่งในเมืองเซี่ยงไฮ้
“ท่าน!…ท่านจักรพรรดิซุย!…เรา…พวกเรานั้น…”
“หุบปาก! ข้าไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระของพวกเจ้า!”
น้ำเสียงอันเย็นชาและทรงพลังของผู้เฒ่าซุย ตวาดออกมาจนพวกเขาไม่กล้าพูดให้จบประโยค
แขนของผู้เฒ่าซุยขยับเบาๆ และสายโซ่แห่งเปลวเพลิงที่คล้องคอพวกเขาอยู่ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ฟูมมมม!
ดวงตาของพวกเขาทั้งห้าคนเบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมา พวกเขายังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับพวกเขา
ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรงก่อนที่จะล้มลงนอนแน่นิ่งไปกับพื้นพร้อมกับลมหายใจสุดท้ายของพวกเขา
พวกเขาตั้งใจจะขอร้องและกล่าวคำขอโทษเพื่อสำนักผิดแต่ไม่ทันได้พูดมันออกมาเลยแม้แต่น้อย
ตุบบ!
“ท่านจักรพรรดิซุย!…”
ชายวัยกลางคนที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับกลุ่มคนที่พึ่งตายไป เอ่ยชื่อของผู้เฒ่าซุยเบาๆ ก่อนที่เขาจะคุกเข่าลงด้วยอาการสงบ
“ข้าขอขอบคุณท่านจักรพรรดิซุยเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดศัตรูของข้าก็ได้ตายลงไปหมดแล้ว! ในตอนนี้ตัวข้าสามารถนอนตายตาหลับได้อย่างสบายใจแล้ว!”
ชายวัยกลางคนกล่าวคำขอบคุณผู้เฒ่าซุย ทั้งน้ำตาอย่างจริงใจ
หลังจากนั้นไม่นานเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและสงบลงอย่างรวดเร็ว เขาก้มหัวลงที่พื้นเพื่อทำความเคารพผู้เฒ่าซุยอีกครั้ง ก่อนที่จะยกฝ่ามือของเขาขึ้นฟาดไปที่หน้าผากของตัวเอง
เพี๊ยะ!
ผู้เฒ่าซุยสะบัดมือของเขาเบาๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ชายวัยกลางคนนั้นฆ่าตัวตาย หลังจากนั้นเขาก็พูดออกมาว่า “เจ้าจะสมควรตายหรือไม่หลังจากนี้ข้าจะพิจารณาดูอีกครั้ง แต่ในตอนนี้เจ้าไปปิดผนึกรอยรั่วที่บนตัวเครื่องบินทั้งสองรูนั้นซะ!”
“ครับ! ถึงแม้ว่าท่านจักรพรรดิจะต้องการให้ข้าตายข้าก็จะไม่บ่นเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย!”
ชายวัยกลางคนที่ยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้น เขาทำความเคารพผู้เฒ่าซุยอีกครั้ง เขารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณผู้เฒ่าซุยเป็นอย่างยิ่งที่ได้ช่วยแก้แค้นให้กับเขา
หลังจากนั้นเขาก็ลุกยืนขึ้นพร้อมกับโบกแขนทั้งสองข้างของเขา กระแสพลังงานตรงเข้าไปปิดกั้นรอยแตกของเครื่องบินในทันที
“น้องชายหวังเสียน เจ้าที่เป็นหมอเทวะช่วยรักษาอาการของผู้บาดเจ็บจะได้หรือไม่?” ผู้เฒ่าซุยหันไปถามหวังเสียน หลังจากที่เขาสังเกตเห็นผู้โดยสารบนเครื่องบินหลายคนได้รับบาดเจ็บสาหัส
“ได้สิ! ไม่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อยข้าเองก็ตั้งใจที่จะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของคนพวกนี้อยู่แล้ว!” หวังเสียน ตอบผู้เฒ่าซุยก่อนที่เขาจะยิ้มออกมาบางๆ
ถึงแม้ว่าภายนอกผู้เฒ่าซุยคนนี้จะดูเป็นคนโผงผางและป่าเถื่อนไปบ้าง แต่ลึกๆแล้วเขาเป็นคนมีจิตใจที่ดีมากคนหนึ่งเลยทีเดียว
หวังเสียน หันมองไปรอบๆตัวก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปนั่งลงเอื้อมมือไปสัมผัสกับผู้บาดเจ็บและฉีดพลังงานชีวิตแห่งธาตุไม้เข้าไปช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขา
ใช้เวลาเพียงไม่นานผู้บาดเจ็บทั้งหมดก็ได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติ
“นายท่านครับ! ได้โปรดกรุณาช่วยไปดูนักบินหลักและนักบินร่วมหน่อยได้ไหมครับ!…ในตอนนี้พวกเขานั้นหมดสติไปแล้ว!”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชายคนหนึ่ง เดินเข้ามาพูดกับผู้เฒ่าซุยและหวังเสียนด้วยอาการประหม่ากลัว
ในขณะนี้ระบบสัญญาณเตือนภัยของเครื่องบินก็ยังคงส่งเสียงดังอยู่ไปทั่วทั้งห้องโดยสาร
“ถ้าอย่างนั้นผมจะเข้าไปดูพวกเขาสักหน่อย!” หวังเสียน พูดกับเขาในขณะที่เดินไปยังห้องนักบิน
นักบินหลักและนักบินร่วมทั้งสองคนอยู่ภายในห้องนักบิน ทั้งคู่นั้นนอนอยู่บนพื้นในท่าทางที่ไม่ค่อยจะดีนัก
หวังเสียน เดินเข้าไปสัมผัสตัวของพวกเขาและขมวดคิ้วพร้อมกับหันมาพูดกับผู้เฒ่าซุย “ไม่ทันแล้วล่ะ! พวกเขาทั้งคู่นั้นเสียชีวิตไปแล้ว!”
“อะไรนะ?” ผู้เฒ่าซุยร้องออกมาด้วยความตกใจ ใบหน้าของเขานั้นเคร่งเครียดขึ้นมาในทันที
“อะไรนะครับท่าน!…เรื่องนี้…พวกเขา…เสียชีวิตแล้วจริงๆเหรอครับ!” เหล่าเจ้าหน้าที่ของสายการบินและแอร์โฮสเตสถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“ใช่! พวกเขาเสียชีวิตแล้ว!” หวังเสียน ตอบด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมพร้อมกับส่ายหัวช้าๆ
หนึ่งในสมาชิกทางเทคนิคของสายการบินคนหนึ่งรีบไปที่ส่วนควบคุมและหยิบวิทยุขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“เมย์เดย์! เมย์เดย์! เที่ยวบินที่ A934J จากเมืองเจียงเฉิงมุ่งสู่เมืองเซี่ยงไฮ้ ในขณะนี้นักบินหลักและนักบินร่วมบนเครื่องเกิดเหตุอันตราย ขอคำแนะนำและการสนับสนุนจากศูนย์การบินด้วย!”
“เมย์เดย์! เมย์เดย์! เที่ยวบินที่ A934J จากเมืองเจียงเฉิงมุ่งสู่เมืองเซี่ยงไฮ้ ในขณะนี้นักบินหลักและนักบินร่วมบนเครื่องเกิดเหตุอันตราย ขอคำแนะนำและการสนับสนุนจากศูนย์การบินด้วย!”
เจ้าหน้าที่ทางเทคนิคของสายการบินใบหน้าซีดแล้วเหงื่อออกจนเต็มใบหน้าของเขาในขณะที่เขาวิทยุขอความช่วยเหลือจากศูนย์วิทยุการบิน
“นี่!…มันแย่มาก! มัน…มันไม่ดีเสียแล้วล่ะ!”
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่เทคนิคของสายการบินก็กดปุ่มเรียกซ้ำอีก 2-3 ครั้ง ใบหน้าของเขาก็ยิ่งซีดมากขึ้นกว่าเดิม เขาพูดตะกุกตะกักออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ระบบ!…อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และระบบวิทยุได้รับความเสียหาย!…ตอนนี้มันไม่สามารถใช้งานได้!”
“จบแล้ว!…เรา…พวกเราช่างโชคร้ายมากจริงๆ!” ชายหนุ่มคนนั้นคร่ำครวญออกมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“ใจเย็นๆก่อนเจ้าหนุ่ม! เรื่องทุกๆอย่างย่อมมีหนทางแก้ไขเสมอ!” ผู้เฒ่าซุยขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดเตือนสติเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคการบินคนนั้น
“โอ้วพระเจ้า! พวกเราจะทำยังไงกันดี?” เจ้าหน้าที่ทั้งหมดบนเครื่องบินรวมถึงแอร์โฮสเตสสาวทั้งสามคน สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามตั้งสติและคิดวิธีแก้ปัญหา
“นักบินหลักและนักบินร่วมเสียชีวิตทั้งคู่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รวมถึงวิทยุและสัญญาณนำร่องก็เสียหาย!…”
เหล่าเจ้าหน้าที่บนเครื่องบินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ หลายคนถึงกับร้องไห้สะอื้นออกมาเบาๆ
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเขาขณะที่เขาพูด
“ฉันจะลองไปสอบถามผู้โดยสารที่ด้านนอกดูว่ามีใครขับเครื่องบินเป็นบ้างหรือไม่?” แอร์โฮสเตสสาวคนหนึ่งพูดออกมาพร้อมกับหันหลังเดินออกไป
เธอเดินไปกดปุ่มเครื่องกระจายเสียงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อตั้งสติเล็กน้อย “เรียนผู้โดยสารทุกๆท่านโปรดทราบ! ในตอนนี้สายการบินของเราประสบอุบัติเหตุที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง พวกเราขอความร่วมมือจากผู้โดยสารที่สามารถขับเครื่องบินได้หรือพอมีความรู้เกี่ยวกับการบิน ขอความกรุณามาที่ห้องนักบินโดยด่วนด้วยค่ะ!”
แอร์โฮสเตสประกาศย้ำหลายครั้งและเสียงของเธอก็ดังไปทั่วทั้งเครื่องบินโดยสาร
“อะไรนะ? ผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับการบินอย่างนั้นเหรอ?”
“น่าจะเป็นปัญหาใหญ่เสียแล้ว! ตอนนี้ในห้องนักบินน่าจะไม่มีผู้ที่สามารถขับเครื่องบินได้อย่างแน่นอน!”
“เครื่องบินกำลังจะตกอย่างนั้นเหรอ? แม่จ๋าา~ ฉันยังไม่อยากตาย!”
“เร็วเข้า! ได้โปรดเถอะใครที่พอรู้วิธีขับเครื่องบินรีบไปที่ห้องนักบินโดยเร็วเข้าเถอะ! ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าหัวเครื่องบินมันเริ่มดำดิ่งลงเรื่อยๆแล้ว!”
“ฉันยังไม่อยากตาย! ฉันยังมีครอบครัวและลูกเล็กๆอยู่อีกด้วย!”
“พระเจ้า! ท่านจะปล่อยให้ผมตายโดยที่ยังบริสุทธิ์อยู่อย่างนี้ใช่ไหม?”
เมื่อผู้โดยสารได้ยินการประกาศของแอร์โฮสเตสก็ตื่นตระหนกกันในทันที
อย่างไรก็ตามไม่มีใครลุกขึ้นยืน เพราะว่าไม่มีใครมีทักษะเกี่ยวกับการบินเลยแม้แต่คนเดียว
“มีใครพอรู้วิธีขับเครื่องบินบ้างกรุณามาที่ห้องนักบินทันทีเรากำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของทุกๆคนบนเครื่องบินลำนี้ !”
เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามก็ยังไม่มีใครแสดงตัวและลุกขึ้นยืน
ผู้โดยสารทุกๆคนต่างตื่นตระหนกเหลียวซ้ายแลขวาหันมองหาผู้ที่มีความสามารถในการขับเครื่องบินกันให้จ้าละหวั่น
“ใช้โทรศัพท์สิ! ลองโทรออกไปติดต่อสำนักงานใหญ่ดูว่ามีสัญญาณหรือไม่?” ผู้เฒ่าซุยขมวดคิ้วแล้วพูดออกมา
กฎในการห้ามใช้โทรศัพท์ขณะอยู่บนเครื่องบินถูกยกเลิกทันที ในสภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ย่อมไม่มีใครสนใจกฎดังกล่าวอย่างแน่นอน
“เครื่องบินเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงแบบนี้อาจจะส่งผลต่อสัญญาณโทรศัพท์ก็ได้! แต่ก็สมควรที่จะต้องทดลองดูก่อน!”
หนึ่งในสมาชิกของฝ่ายเทคนิคบนเครื่องบินรีบตอบออกมา
จากนั้นเขาก็ดึงโทรศัพท์ของเขาเพื่อทดลองโทรออก
“เราคือเที่ยวบินโดยสารหมายเลข A934J เรากำลังประสบกับเหตุการณ์วิกฤตที่สำคัญ ขณะนี้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์การส่งสัญญาณบนเครื่องบินได้รับความเสียหาย จึงแจ้งมาเพื่อขอความช่วยเหลือสำนักงานใหญ่อย่างเร่งด่วน!” เจ้าหน้าที่เทคนิคการบินตะโกนใส่โทรศัพท์เสียงดัง
ตรืดด! ครืดดดด!
เสียงตอบรับจากในโทรศัพท์อีกด้านหนึ่งนั้นเป็นเสียงคล้ายกับเสียงสัญญาณไม่เสถียร
“มัน!..มันไม่มีสัญญาณ! มันไม่สามารถใช้งานได้ ด้วยที่เครื่องบินอยู่บนที่สูงและใช้ความเร็วเช่นนี้คงไม่มีหวังที่จะสามารถใช้โทรศัพท์ได้อย่างแน่นอน!”
“มันจบแล้ว!….มันจบแล้วจริงๆ! ปัดโธ่เอ๊ย!…เราอยู่ห่างจากสนามบินเพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้น แต่เพราะเครื่องบินไม่สามารถควบคุมได้ ฉะนั้นการลงจอดแบบปลอดภัยจึงเป็นไปไม่ได้เลย!”
“อุปกรณ์ฉุกเฉินก็ทำงานผิดปกติเช่นกัน!”
พวกเขาหมดหนทาง จากแนวโน้มในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ เครื่องบินจะต้องตกอย่างรวดเร็วและรุนแรงอย่างแน่นอน
…
ในขณะนี้ที่ศูนย์ควบคุมการบินและวิทยุการบินในเมืองเซี่ยงไฮ้ ได้ตระหนักถึงปัญหาเกี่ยวกับเครื่องบินโดยสารของสายการบิน A934J แล้ว เนื่องจากพวกสัญญาณการติดต่อของพวกเขานั้นขาดหายไป
“ท่านผู้อำนวยการครับเที่ยวบินโดยสารของสายการบิน A934J ขาดการติดต่อไปเกือบ 10 นาทีแล้ว พวกเรายังไม่สามารถติดต่อกับพวกเขาได้เลยครับ ในตอนนี้ความน่าจะเป็นที่แน่นอนที่สุดก็คือพวกเขาคงอยู่ห่างจากสนามบินประมาณ 3 นาทีเพียงเท่านั้น!”
“ท่านผู้อำนวยการในตอนนี้เราเปิดการติดตามด้วยสัญญาณดาวเทียม! เราพบว่าการบินของเครื่องบินโดยสาร A934J หลุดออกนอกเส้นทางของสัญญาณนำร่อง ตอนนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าเครื่องบินต้องเกิดปัญหาอย่างแน่นอนเลยครับ!”
“ท่านครับ! เราได้รับโทรศัพท์ฉุกเฉินของเจ้าหน้าที่เทคนิคบนเครื่องบิน A934J แต่เราไม่สามารถรับข้อความใดๆจากพวกเขาได้เลยครับ คงเนื่องมาจากสัญญาณของโทรศัพท์มือถือไม่เสถียร!”
“เร็วเข้า! ล็อกตำแหน่งของพวกเขาด้วยดาวเทียมและระบุปัญหาที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ให้ได้! พยายามติดต่อพวกเขาต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินสั่งหน่วยกู้ภัยทุกหน่วยให้เตรียมความพร้อมกันอย่างเต็มที่!”
ในขณะนี้ผู้นำของศูนย์ควบคุมการบิน ต่างสั่งงานจนชุลมุนวุ่นวายเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกันอย่างเต็มที่
หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเครื่องบินโดยสารภายในประเทศ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะส่งผลที่ร้ายแรงต่อสายการบินในประเทศของพวกเขาเป็นอย่างมาก
และหากมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก พวกผู้บริหารระดับสูงของสายการบินคงจะต้องรับผิดชอบกันอย่างหนักหนาสาหัส
“ดูนั่น! เที่ยวบินโดยสาร A934J บินหมุนวนไร้ทิศทางโดยสิ้นเชิง ดูท่าทางแล้วพวกเขาควบคุมเครื่องบินไม่ได้อย่างแน่นอน “เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบนหอสังเกตการณ์วิทยุการบิน ตะโกนและชี้มือไปบนท้องฟ้า
หลายคนรีบวิทยุติดต่อแจ้งไปที่ศูนย์การบินใหญ่ในทันที
กลุ่มผู้บริหารทุกคนของสายการบินต่างเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า
พวกเขาเห็นเครื่องบินโดยสาร A934J บินหมุนวนส่ายไปมาอย่างไร้ทิศทางด้วยความเร็ว
พวกเขาต่างตัวสั่นและเต็มไปด้วยความหวาดผวา
….
“เรียนผู้โดยสารทุกๆท่านโปรดทราบ ในตอนนี้เครื่องบินโดยสารลำนี้กำลังเข้าสู่ในสภาวะฉุกเฉิน คาดว่าอีกประมาณ 3 นาทีเครื่องบินของเราจะตกอย่างแน่นอน แรงกระแทกอาจจะรุนแรงเป็นอย่างมาก ขอให้ผู้โดยสารทุกๆท่านได้โปรดเตรียมใจและช่วยกันภาวนาด้วยนะคะ!”
ในขณะนี้เจ้าหน้าที่บนเครื่องบินโดยสาร A934J ประกาศสภาวะฉุกเฉินเพื่อให้ผู้โดยสารทุกๆคนได้ทราบอย่างเป็นทางการแล้ว
“ไม่!…ม่ายยย…ฮือๆๆ!”
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ฉันกำลังฝันร้ายอยู่หรือเปล่า?”
“คุณแม่ขา! หนูกลัว~!”
“ฉันอยากโทรหาลูกๆและภรรยาของฉัน! ฉันมีคำพูดมากมายที่อยากจะบอกพวกเขา!”
ผู้โดยสารบนเครื่องบินต่างกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว บางคนรีบเปิดโทรศัพท์ของพวกเขาพยายามถ่ายทอดคำพูดสุดท้ายส่งทางข้อความ หรือทางสื่อโซเชียลมีเดีย
พนักงานและเจ้าหน้าที่ทั้งหมดบนเครื่องบินไม่ได้หยุดการกระทำของผู้โดยสาร แต่พวกเขาทั้งหมดต่างก็ควักโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาทำแบบเดียวกันเพื่อส่งข้อความครั้งสุดท้ายของพวกเขาไปหาคนที่เขารัก
ในตอนนี้พวกเขานั้นสิ้นหวังกันอย่างแท้จริง!
เปอร์เซ็นต์การรอดชีวิตจากเครื่องบินตกในครั้งนี้แทบจะไม่มีเหลืออยู่เลย!
“บัดซบที่สุด! คนบ้าเพียงไม่กี่คนกับสร้างปัญหาให้คนอื่นได้มากขนาดนี้!”
ผู้เฒ่าซุยรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ใบหน้าของเขานั้นเคร่งเครียดและกำหมัดของเขาจนแน่น
“ในตอนนี้พวกเรานั้นอยู่ไกลจากสนามบินมากแค่ไหนกัน?” หวังเสียน ขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามหนึ่งในบรรดาเจ้าหน้าที่บนเครื่องบินที่อยู่ข้างๆเขา
“เราอยู่ห่างจากสนามบินประมาณ 15 กิโลเมตร ตามความเร็วปกติในตอนนี้ก็ประมาณ 3 นาทีครับ!” เจ้าหน้าที่คนนั้นตอบด้วยน้ำเสียงที่สิ้นหวัง
ตูมมมม!
ในขณะที่เจ้าหน้าที่คนนั้นพูดอยู่ปีกเครื่องบินทางด้านซ้ายก็เกิดประกายไฟและระเบิดขึ้นมา
ตัวเครื่องบินหมุนคว้างในทันที ผู้โดยสารในเครื่องบินกลิ้งล้มกันระเนระนาด
‘ประมาณ 15 กิโลเมตรอย่างนั้นรึ?’ หวังเสียน นั้นยังคงยืนอยู่อย่างมั่นคง เขาพูดพึมพำ ก่อนที่จะมองไปที่ระบบควบคุมจากนั้นเขาก็ดึงวาล์วสีแดงทางด้านท้ายของเครื่องบินโดยสารในทันที
กึงงง! ฉิ่วววว..!
เมื่อระบบฉุกเฉินถูกดึงลงเครื่องยนต์ทั้งหมดบนเครื่องบินก็หยุดทำงานอย่างอัตโนมัติในทันที
“มาเถอะตาเฒ่าซุย! พวกเรามาออกกำลังกันเสียหน่อย!”
หวังเสียน ยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาหรี่ตาหันไปมองที่ผู้เฒ่าซุ่ย ก่อนจะพูดท้าทายออกมาด้วยน้ำเสียงที่สงบ
“ห๊ะ?” ผู้เฒ่าซุยตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะพยักหน้าพร้อมกับยิ้มออกมา “ถ้าข้าอยู่คนเดียวคงไม่มีความหวังที่จะสามารถทำได้อย่างแน่นอน แต่ในเมื่อตอนนี้เจ้านั้นอยู่ด้วยคงไม่มีอะไรที่จะต้องเป็นห่วงมากนัก ฮ่าๆๆ!”
“นี่นับเป็นประสบการณ์การมาเมืองเซี่ยงไฮ้ครั้งแรกของข้า ประสบการณ์ในครั้งนี้ค่อนข้างที่จะน่าประทับใจมากเลยจริงๆ ฮึๆๆ!” หวังเสียน หัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อย เขาทุบกระจกหน้าต่างทางด้านหน้าของห้องนักบินออก ก่อนที่เขาจะกระโดดออกจากเครื่องบินไป
“ฮ่าๆๆ! เอาล่ะการกลับมาที่เมืองเซี่ยงไฮ้ในครั้งนี้ของข้า นับได้ว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดที่สุดในชีวิตของข้าเลยทีเดียว แต่มันก็ช่างน่าตื่นเต้นดีจริงๆเลย ฮ่าๆๆ!” ผู้เฒ่าซุยหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนที่เขาจะกระโดดออกจากเครื่องบินตามหวังเสียนไป
พวกเขาทั้งสองคนลอยตัวมาที่ด้านล่างของเครื่องบิน ทั้งคู่ต่างหันมามองหน้ากันและยิ้มออกมาเล็กน้อย พวกเขาเหยียดแขนของพวกเขาชูขึ้นเหนือหัวพร้อมกับค่อยๆดันตัวเครื่องบินเพื่อยกขึ้นพร้อมๆกัน!
……..
จบบท