ตอนที่ 302 ให้อาจารย์ของเธอมาคุกเข่าลงต่อหน้าฉัน!
.
“พวกนายคิดว่ายังไงหากฉันจะให้คนพวกนั้นคลานมาคุกเข่าและเลียรองเท้าพร้อมกับเรียกฉันว่าท่านพ่อ!” ซุยอ่าว มองไปรอบๆตัวเขาในขณะที่พูดออกมาอย่างไม่เป็นทางการ
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเขาพูดจบประโยคเขาก็หัวเราะออกมาและตอบคำถามของตัวเองว่า “ฮ่าๆๆ! ฉันคิดว่านั่นเป็นคำแนะนำที่ดีเลยทีเดียว”
หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน
ชายหนุ่มแห่งตระกูลซุยหรือซุยอ่าว คนนี้นั้นถือได้ว่าเป็นผู้นำกลุ่มของเด็กวัยรุ่นพวกนี้ กลุ่มเด็กวัยรุ่นที่เหลือจึงรีบเดินตามหลังซุยอ่าวมาติดๆ
“สาวๆกลุ่มนี้ค่อนข้างที่จะน่ารักและสวยมากเลยทีเดียว หากว่าฉันให้พวกเธอนั้นเลียรองเท้ามันคงจะมากเกินไปหน่อย! เอาอย่างนี้ก็แล้วกันฉันจะถอดรองเท้าเพื่อให้พวกเธอเลียเท้าเปล่าของฉันแทนจะดีกว่า!”
“ฮ่าๆๆ! พี่ชายซุย นายต้องการทำให้พวกเธอนั้นเหม็นจนตายด้วยกลิ่นเท้าเน่าๆ ของนายใช่หรือไม่ฮ่าๆๆ!”
“ใช่! เท้าของเขานั้นเหม็นมากเลยจริงๆ ฉันนั้นเคยได้กลิ่นเท้าของเขามาแล้วครั้งหนึ่ง ขนาดฉันยืนอยู่ห่างจากเขามาก ฉันยังอ้วกแตกออกมาทันทีเลย! นี่เขาจะให้พวกเธอเลียเท้าของเขา ฉันว่าพวกเธอคงจะต้องตาย อย่างแน่นอนเลยล่ะ ฮ่าๆๆ!”
ชายหนุ่มสองสามคนพูดจาหยอกล้อและส่งเสียงหัวเราะออกมาในขณะที่พวกเขาเดินตามซุยอ่าวเข้ามาที่บริเวณล็อบบี้ของโรงแรมด้วย
ชายหนุ่มวัยรุ่นสองสามคนนี้นั้นเป็นเพื่อนที่สนิทมากของซุยอ่าว พวกเขานั้นพูดจาหยอกล้อกันรุนแรงเช่นนี้เป็นปกติของพวกเขาอยู่แล้ว
พวกเขาทั้งหมดมาจากตระกูลระดับสูงในเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้ ตระกูลของพวกเขาแต่ละคนนั้นมีความแข็งแกร่งและเบื้องหลังที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะไม่มากเท่ากับตระกูลซุย แต่ก็ถือได้ว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน
เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาถึงภายในโรงแรมชายวัยกลางคนและชายชรายืนอยู่ทางซ้ายและทางขวาของซุ่ยอ่าว ตามลำดับทั้งสองคนนั้นให้ความรู้สึกที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ซุยอ่าวซึ่งยืนอยู่ตรงกลางมองไปที่หวังเสียนและเด็กสาวทั้งสี่คนด้วยสายตาที่ดูถูก เขาเดินไปที่เก้าอี้ด้านข้างและวางเท้าข้างหนึ่งไว้บนเก้าอี้
“ฉันซุยอ่าว! ปกติจะไม่ทะเลาะกับผู้หญิง แต่อย่างไรก็ตามพวกเธอทำให้พี่น้องในกลุ่มของฉันขุ่นเคืองและที่สำคัญคำพูดของพวกเธอเมื่อครู่ที่จะให้ฉันนั้นคุกเข่าทำความเคารพพวกเธอนั้นทำให้ฉันค่อนข้างที่จะรู้สึกโกรธมากเลยทีเดียว”
ซุยอ่าวชำเลืองมองกลุ่มหวังเสียนในแบบผู้ที่อยู่เหนือกว่าพร้อมกับสั่งออกมาว่า “มาที่นี่และคุกเข่าลง!”
“รีบทำตามคำสั่งของพี่ชายซุยอ่าวซะเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นพวกแกทั้งหมดจะได้รู้ว่านรกนั้นเป็นอย่างไร!” หยวนเฟย จ้องมองไปที่กลุ่มของหวังเสียนแล้วตะโกนออกมา ก่อนที่เขาจะเดินไปยืนอยู่ข้างๆซุยอ่าว
“ฮึๆๆ! พวกเด็กวัยรุ่นเมืองหลวงแบบพวกนายนี่มันปัญญาอ่อนกันทุกคนหรือยังไงกันนะ?” หวังเสียนยิ้มเยาะออกมาพร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อย
“เฮ้ย! พวกแกทำอะไรอยู่กันวะ? เสียงดังมาก จนฉันนอนไม่หลับแล้วเนี่ย!”
“ทำไมพวกแกไม่รู้จักเกรงใจคนอื่นบ้างวะ! พวกแกรู้จักมารยาทกันบ้างไหม? มารยาทน่ะ! สะกดกันเป็นหรือเปล่าวะห๊าาา?”
แต่ในขณะนั้นเองมีแขกของทางโรงแรมบางส่วน เดินลงมาถึงที่ล็อบบี้ของโรงแรม พวกเขาตะโกนออกมาด้วยความหงุดหงิดเมื่อได้ยินเสียงดังรบกวนพวกเขาขณะที่กำลังนอนพักผ่อน
ชายวัยกลางคนเจ็ดถึงแปดคนอยู่ในชุดนอน พวกเขามีรอยสักทั่วทั้งตัวเหมือนกับยากูซ่า หุ่นของพวกเขานั้นเหมือนกับหมียักษ์ทำให้พวกเขานั้นดูน่าหวาดกลัวและดุร้ายเป็นอย่างมาก
พวกเขาพูดเสียงดังออกมาด้วยความหงุดหงิด แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเห็นกลุ่มชายหนุ่มวัยรุ่นยืนอยู่ในล็อบบี้พวกเขาถึงกับตกใจจนสะดุ้งโหยง และท่าทางของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเป็นอ่อนน้อมถ่อมตนไปในทันที
“คุณชายเจิ้ง, คุณชายเฟิง, คุณชายหลี่!”
กลุ่มชายวัยกลางคนที่มีรอยสักรีบเดินตรงเข้าไปเพื่อทักทายชายหนุ่มเหล่านั้นในทันที
แต่อย่างไรก็ตามชายหนุ่มวัยรุ่นเหล่านั้นไม่ได้ให้ความสนใจกับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย สายตาของพวกเขายังคงจับจ้องมองไปยังกลุ่มของหวังเสียน ด้วยความเย็นชา
“เฮ้ย! พวกแกอยากตายมากหรือยังไงวะ? ถึงได้บังอาจมาสร้างความขุ่นเคืองให้กับคุณชายเจิ้ง และเพื่อนๆของเขานะห๊ะ!”
ชายวัยกลางคนเหล่านั้นตะโกนไปที่กลุ่มของหวังเสียน เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่กลุ่มของคุณชายเจิ้ง
“ไสหัวไป!” โม่ชิงหลงมองไปยังกลุ่มชายวัยกลางคนและตะโกนออกมา ออร่าที่น่าสะพรึงกลัวและเจตนาสังหารกวาดเข้าหาพวกเขาโดยตรงในทันที
“อึก!…ผู้เชี่ยวชาญ!!..”
ตุบบ!
กลุ่มชายวัยกลางคนไม่สามารถทานกลิ่นอายอันทรงพลังของโม่ชิงหลงได้ พวกเขาน้ำลายฟูมปากและหมดสติล้มลงไปกับพื้น
[ฮะ!..ฮาคิราชันย์!!]
หลังจากนั้นโม่ชิงหลงก็หันไปมองที่ซุยอ่าว และกลุ่มของเขาด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามพร้อมกับพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าสามารถรับผลที่ตามมาของคำพูดพวกเจ้าที่ต้องการให้พวกข้าคุกเข่าได้อย่างนั้นเหรอ!”
“ฮึ! ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ! ไม่น่าแปลกใจเลยแม้แต่น้อยที่พวกเจ้านั้นทำไมถึงได้กล้าหยิ่งผยองกันมากอย่างนี้!”
ซุยอ่าวจ้องมองโมชิงหลงอย่างเย็นชาขณะที่เขาพูดต่อว่า “จากสำเนียงของพวกเจ้า ข้าเชื่อว่าพวกเจ้านั้นต้องมาจากถิ่นอื่นไม่ใช่คนเซี่ยงไฮ้โดยกำเนิดอย่างแน่นอน! แต่ข้าขอเตือนพวกเจ้าเอาไว้สักเล็กน้อยว่าในเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณก็ต้องหัดเจียมเนื้อเจียมตัวเอาไว้บ้าง มิฉะนั้น…!”
หลังจากที่ซุยอ่าวพูดจบ ชายวัยกลางคนและชายชราที่อยู่ข้างๆเขา ก็ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับแสดงพลังระดับก่อกำเนิดลมปราณโอบล้อมไปทางโม่ชิงหลงในทันที และพูดต่อประโยคของซุยอ่าวว่า “อาจจะตายได้โดยไม่ทันรู้สึกตัว!”
“ฮ่าๆๆ! ข้าสงสัยจริงๆว่าพวกเจ้าเอาความกล้ามาจากที่ไหนถึงได้คิดมาอวดดีในเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้! ข้าจะให้เวลาพวกเจ้า 5 วินาทีจงคุกเข่าลงต่อหน้าพวกเราซะ ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าอย่าคิดว่าจะสามารถออกไปจากเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้ได้เลยแม้แต่ก้าวเดียว!”
เสียงอันเย่อหยิ่งของหยวนเฟยดังขึ้นมาอีกครั้ง
“อย่าให้มันมากเกินไปนัก!” เมื่อกวนชูชิง ได้ยินและเห็นการกระทำของซุยอ่าว เธอก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมากและพูดต่อไปอีกว่า “นายชื่อซุยอ่าวเป็นคนของตระกูลซุยใช่หรือไม่? หากใช่ ฉันว่าพวกนายควรรีบออกเข้าไปให้พ้นโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งให้ท่านอาจารย์ของฉันได้รับรู้เรื่องนี้ในทันที!”
“ฮ่าๆๆ!” ซุยอ่าวระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “มีคนนอกเพียงไม่กี่คนที่กล้าพูดเช่นนี้กับฉัน เอาเลยสิโทรไปบอกอาจารย์เธอเลย ต่อให้อาจารย์ของเธอมาที่นี่เขาก็ต้องคุกเข่าลงต่อหน้าฉันทั้งคืนจนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้น ไม่อย่างนั้นฉันจะจับพวกเธอทั้งหมดเปลื้องเสื้อผ้าแล้วเอาไปโยนทิ้งไว้ที่ข้างถนน ฉันชื่อว่าผู้หญิงหน้าตาดีๆอย่างพวกเธอจะต้องเป็นจุดสนใจของผู้คนมากมายอย่างแน่นอน!”
“ฮิฮิ! พี่อ่าวสาวๆพวกนี้สวยงามมากเลยจริงๆ ก่อนที่พี่จะนำพวกเธอไปโยนไว้ข้างถนนฉันขอเล่นสนุกกับพวกเธอก่อนจะได้ไหม ฮิฮิ!”
“ฮ่าๆๆ! ฉันก็ชอบเช่นเดียวกันผู้หญิงที่พยศและดื้อรั้นเช่นนี้ฉันชอบมากเลยทีเดียว!”
“พวกนายนี่มันหื่นกามกันเสียจริงๆ หญิงสาวกลุ่มนี้มีด้วยกันตั้งสี่คน ฉันขอควบสองคนเลยก็แล้วกันเหลืออีกสองคนพวกนายก็เอาไปแบ่งกันนะฮ่าๆๆ!”
หลังจากที่ซุยอ่าวพูดจบ เด็กหนุ่มวัยรุ่นในกลุ่มของเขาก็พูดคุยเรื่องหยาบคายกันออกมาอย่างสนุกสนาน จากท่าทางของพวกเขานั้นพวกเขาไม่มีความกังวลกับความแข็งแกร่งในระดับก่อกำเนิดลมปราณของโม่ชิงหลงเลยแม้แต่น้อย
“พวกนาย!…ฮึ่ม! ดีมากฉันจะบอกอาจารย์เกี่ยวกับคำพูดของพวกนายทั้งหมดในวันนี้ให้ท่านอาจารย์ได้รู้!”
กวนชูชิง พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคือง ในตอนแรกเธอไม่ตั้งใจที่จะสร้างปัญหาให้กับเด็กหนุ่มตระกูลซุยคนนี้ เธอจึงตั้งใจพูดจาเตือนเขาให้เขากลับไปแต่โดยดี แต่ในตอนนี้พวกเขาไม่เพียงไม่ฟังคำพูดของเธอ แต่กลับพูดจาดูถูกพวกเธออย่างไม่น่าให้อภัยอีกด้วย
มันจึงทำให้เธอรู้สึกโกรธเป็นอย่างมากเธอรีบหยิบโทรศัพท์ของเธอแล้วโทรออกในทันที
“ฮ่าๆๆ! เอาเลยโทรได้เลยตามสบาย!” เมื่อหยวนเฟยเห็นกวนชูชิงหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา เขาก็มองไปที่เธออย่างเยาะเย้ย “ฉันจะให้เวลาเธอโทรหาใครก็ได้ที่เธอต้องการในเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้ หลังจากนั้นเธอจะได้รู้ว่าไม่มีใครหน้าไหนที่กล้าจะมาสร้างความขุ่นเคืองให้กับพวกเรา!”
“ต่อให้อาจารย์ของเธอมาที่นี่! มันผู้นั้นก็จะต้องมาคุกเข่าลงต่อหน้าฉันด้วยเช่นเดียวกัน!” ซุยอ่าว พูดออกมาด้วยท่าทางที่หยิ่งผยอง
เมื่อได้ยินในสิ่งที่ซุยอ่าวและหยวนเฟยพูด ความเย็นชาก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของกวนชูชิง
“ท่านอาจารย์~! มีคนกลั่นแกล้งข้า!”
เสียงของกวนชูชิงออดอ้อนอย่างน่าสงสารขึ้นมาในทันทีเมื่อผู้เฒ่าซุยหวางรับโทรศัพท์ น้ำเสียงของเธอนั้นคล้ายกับเด็กหญิงตัวน้อยๆที่ถูกรังแกและได้รับความอยุติธรรมอย่างที่สุด
“ห๊าาาา! มีคนกล้ารังแกศิษย์รักของข้าอย่างนั้นเหรอ? แล้วในตอนนี้น้องชายหวังเสียนนั้นอยู่ที่ไหนทำไมเขาถึงปล่อยให้เจ้าถูกรังแกได้? ไม่เป็นไรอาจารย์จะรีบส่งคนไปหาเจ้าเดี๋ยวนี้เลย!”
ในซื่อเหอเยวี่ยน [ 四合院 ] ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองเซี่ยงไฮ้ ซุยหวางกำลังนั่งสมาธิเพื่อฝึกฝนบ่มเพาะอยู่ เมื่อเขาได้รับโทรศัพท์จากลูกศิษย์คนโปรดของเขาเขารู้สึกโกรธขึ้นมาในทันที [1]
“เขาชื่อว่า ซุยอ่าว น่าจะเป็นเด็กในตระกูลของท่านอาจารย์นั่นแหละ! เขาพาคนมาเป็นจำนวนมากและล้อมรอบพวกเราไว้พร้อมกับสั่งให้พวกเราคุกเข่าลงต่อหน้าเขา หากพวกเราไม่ทำพวกเขาจะจับพวกเราเปลืองผ้าแล้วโยนเราไปที่ถนน ข้าก็เลยบอกกับเขาว่าจะแจ้งให้ท่านอาจารย์ทราบ แต่เขาบอกว่าต่อให้ท่านอาจารย์มาเขาก็จะให้ท่านอาจารย์นั่งคุกเข่าลงต่อหน้าเขาจนถึงเช้าเลยทีเดียว!”
กวนชูชิง ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสารและเน้นย้ำคำพูดของเธอทุกคำอย่างชัดถ้อยชัดคำในทุกๆสิ่งที่ซุยอ่าวได้พูดกับเธอในก่อนหน้านี้
“ฮ่าๆๆ! เธอโทรตามอาจารย์ของเธอมาจริงๆอย่างนั้นสินะ! ก็ดี! รีบให้เขามาเร็วๆเข้า เขาจะได้รีบมาคุกเข่าลงต่อหน้าฉัน ฮ่าๆๆ!”
ซุยอ่าวได้ยินในสิ่งที่กวนชูชิงพูดทางโทรศัพท์ เขาจึงหัวเราะและพูดออกมาเสียงดังอย่างเย้ยหยัน
………..
จบบท
EndNote: [1] ซื่อเหอเยวี่ยน [ 四合院 ] หรือเรือนสี่ประสาน คือคฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่จำลองมาจากพระราชวังจีนโบราณ ลักษณะของคฤหาสน์แบบนี้นั้นจะล้อมรอบด้วยกำแพงทั้งสี่ด้านมีลานที่พักอยู่ตรงกลาง เรือนสี่ประสานมีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ขึ้นอยู่กับความสมมาตรของเส้นกลางที่แบ่งพื้นที่ของคฤหัสถ์ พื้นที่จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนเพื่อประมาณขนาดของพื้นที่ คฤหาสน์แบบเรือนสี่ประสานนี้จะมีประตูบานใหญ่อยู่ที่ด้านนอกกำแพงของคฤหาสน์ เป็นเสมือนกับปราการป้องกันหรือกำแพงเมืองเพื่อแยกขอบเขตของโลกภายนอกกับพื้นที่ภายในเพื่อความปลอดภัยนั่นเอง