ตอนที่ 315 จัดตั้งกองกำลังระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์!
.
“ที่นี่! สวนยาจิตวิญญาณอยู่ที่นี่!” ชายหนุ่มกลุ่มนั้นตะโกนออกมาเสียงดังลั่นไปทั่วทั้งเกาะ เหตุขัดแย้งทะเลาะวิวาทในพื้นที่อื่นๆก็หยุดนิ่งลงในทันที
ในชั่วพริบตานั้นเองกลุ่มคนจำนวนมากก็พุ่งเข้ามาจากหลายทิศทางด้วยความเร็วเหมือนสายฟ้าแลบ
บนท้องฟ้าในตอนนี้มีผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ 9 คน ดวงตาของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความโลภ พวกเขาพุ่งตัวกันมาอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าๆๆ! ยาจิตวิญญาณระดับ 6 ยอดเยี่ยมมากเลยจริงๆ นี่คือบัวปฐพีขาว 9 กลีบ ยาจิตวิญญาณระดับ 6 ที่หาได้ยากยิ่งนัก ในที่สุดวันนี้ข้าก็สามารถหามันเจอจนได้ ฮ่าๆๆ!” ชายชราคนหนึ่งหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความอิ่มเอมใจ
“นั่น! ต้นไม้พวกนั้นที่ออกผลสีเขียวอยู่จนเต็มต้นก็เป็นยาจิตวิญญาณเช่นเดียวกัน มันคือต้นยาจิตวิญญาณระดับ 6 และมันสามารถให้ผลไม้ที่เป็นยาจิตวิญญาณระดับ 5 ได้มากถึง 6 ผลต่อปีเลยทีเดียว เกาะลอยน้ำแห่งนี้เป็นขุมทรัพย์ที่น่ามหัศจรรย์มากเลยจริงๆ!” ชายชราอีกคนก็พูดออกมาอย่างตื่นเต้นเช่นเดียวกัน
“ดูนั่น! ทางนั้นเป็นโสมที่เป็นสมุนไพรจิตวิญญาณระดับ 5 และทางนั้นก็เป็นดอกไม้เลือดมังกร แล้วก็ยังมีต้นหลิงเทียนอยู่อีกด้วย และทางนั้นยังมียาจิตวิญญาณอีกหลายร้อยชนิดเลยทีเดียว นี่คือสวนยาจิตวิญญาณแห่งสรวงสวรรค์อย่างแท้จริง!”
“โอ้พระเจ้า! นั่นคือหญ้าหยาดน้ำค้าง 9 ใบ และทางนั้นก็ยังมีเถาวัลย์เจียวหลง ต้นหญ้าจิตวิญญาณพวกนี้สามารถรักษาอาการบาดเจ็บภายในและภายนอกได้ในทันที!”
เหล่าชาวยุทธที่เข้ามาในสวนยาจิตวิญญาณแห่งนี้เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง พวกเขาตะโกนกันออกมาเสียงดังเหมือนกับคนบ้า ลักษณะท่าทางของพวกเขาในตอนนี้เหมือนกับชายหนุ่มหื่นกระหายที่เห็นเทพธิดาเปลื้องผ้าอยู่ตรงหน้าเลยทีเดียว
สายตาของพวกเขาที่จ้องมองสวนยาจิตวิญญาณแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยความเร่าร้อน
หากว่าพวกเขาสามารถได้รับยาจิตวิญญาณเหล่านี้กลับไปได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากองกำลังของพวกเขานั้นจะสามารถก้าวทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้อย่างรวดเร็วเลยทีเดียว
และมันก็คงจะใช้เวลาเพียงไม่นาน ที่กองกำลังระดับชั้น 1 อย่างพวกเขาจะสามารถเลื่อนระดับกลายเป็นกองกำลังระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ ขอเพียงแค่พวกเขาได้ครอบครองสวนยาจิตวิญญาณแห่งนี้ทั้งหมดนี้ ในอนาคตอันใกล้นี้กองกำลังของพวกเขาจะครองความยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกาะลอยน้ำแห่งนี้นั้นเป็นสมบัติที่หายากมากที่สุด เพราะเกาะลอยน้ำแห่งนี้นั้นสามารถเคลื่อนที่ไปได้ทั่วทั้งมหาสมุทรแล้วแต่ผู้ที่เป็นเจ้าของเกาะจะปรารถนาให้มันไปอยู่ ณ ที่ใดมันก็สามารถเคลื่อนตัวไปได้ทุกสถานที่ที่มีน้ำ
เกาะลอยน้ำแห่งนี้จึงถือได้ว่าเป็นฐานที่ตั้งในอุดมคติของเหล่ากองกำลังในโลกยุทธภพเลยทีเดียว!
และนอกจากนี้รอบๆเกาะนั้นยังมีดอกไม้สีขาวที่เติบโตขึ้นตามแนวชายฝั่ง พวกมันสามารถปล่อยหมอกทมิฬสีขาวที่มีผลโดยตรงต่อสภาพจิตใจของผู้ฝึกยุทธที่ต่ำกว่าระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นสูงสุด หากชาวยุทธที่มีระดับขั้นต่ำกว่านะดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นสูงสุดอยู่ในหมอกทมิฬสีขาวนี้นานเกินไปมันจะส่งผลต่อจิตใจ จนทำให้คนผู้นั้นกลายเป็นคนวิกลจริตไปนานหลายวันเลยทีเดียว
และสิ่งที่พิเศษที่สุดของเกาะลอยน้ำแห่งนี้นั่นก็คือมันสามารถรวบรวมพลังงานแห่งจิตวิญญาณของสวรรค์และพิภพเข้ามาหล่อเลี้ยงตัวของมันและทุกสิ่งที่อยู่บนเกาะ ฉะนั้นผู้ที่ฝึกฝนและบ่มเพาะอยู่บนเกาะแห่งนี้จะสามารถดูดซับพลังงานทางจิตวิญญาณได้มากกว่าโลกภายนอกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
เหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณจากทั้งสามกองกำลัง ต่างจ้องมองหน้ากันอย่างเงียบๆ และในขณะเดียวกันเหล่าสาวกของกองกำลังต่างๆที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของพวกเขาก็เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กันได้ตลอดเวลา
ก่อนหน้านี้ในขณะที่พวกเขาได้เข้ามาที่เกาะและได้พบสมบัติอันมีค่าในที่ต่างๆบริเวณรอบๆเกาะ พวกเขาก็ได้ปะทะและต่อสู้กันระยะสั้นๆมาบ้างแล้ว สาวกบางส่วนของทั้งสามกองกำลังก็มีบางคนที่ได้รับบาดเจ็บแล้วด้วย
“พวกเราควรจะแบ่งสิ่งของบนเกาะนี้ออกเป็น 3 ส่วนอย่างยุติธรรมดีหรือไม่?” ชายชราคนหนึ่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร
ด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงความมีคุณธรรม เขาเหลือบมองไปยังผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณอีก 6 คน จากตระกูลเล่ยและสำนักพายุเทพ
ในขณะนี้กองกำลังทั้ง 3 ฝ่ายมีผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณฝ่ายละสามคนเท่าๆกัน
พวกเขาต่างกำลังจับจ้องและประเมินความสามารถของกันและกันอยู่
ในขณะนี้พวกเขาต่างนิ่งเงียบและไม่ได้พูดอะไรกันออกมา
ถึงแม้ว่าทั้ง 3 กองกำลังนั้นจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณเท่าๆกัน แต่ระดับความแข็งแกร่งของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณนั้นอาจจะต่างกันบ้างตามเทคนิคและวิธีการบ่มเพาะของพวกเขา แต่หากต้องต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ คงจะหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บและการสูญเสียคนในตระกูลของพวกเขาไม่ได้อย่างแน่นอน
ในตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณทั้ง 9 คนยังคงสังเกตซึ่งกันและกันอยู่อย่างเงียบๆ บรรยากาศในตอนนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียด
ในขณะเดียวกันเหล่าสาวกที่อยู่ข้างหลังของพวกเขา ก็กำชับอาวุธในมือของพวกเขาเอาไว้จนแน่น ท่าทางของเหล่าสาวกแต่ละกองกำลังในตอนนี้ต่างแสดงสีหน้าที่วิตกกังวลกันออกมาอย่างเห็นได้ชัด
เพราะในตอนนี้การต่อสู้ที่รุนแรงอาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและโอกาสที่จะเสียชีวิตนั้นก็ค่อนข้างจะสูง
“ข้าคิดว่ามันคงจะไม่ดีหากพวกเราต้องมาต่อสู้เพื่อแย่งชิงกันเอง เว้นเสียแต่ว่าจะมีใครสามารถทำลายล้างกลุ่มกองกำลังที่เหลือได้อย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นการต่อสู้ของพวกเขาในครั้งนี้ก็คงจะทำให้เกิดความเสียหายแก่พวกเราเองทั้งหมด!” ผู้อาวุโสจากสำนักพายุเทพพูดออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง
หากพวกเขาทั้งสามกองกำลังนั้นเริ่มการต่อสู้กันขึ้นมา มันจะก่อให้เกิดการสูญเสียสาวกในกองกำลังของพวกเขาเป็นอย่างมากแน่นอน
และสุดท้ายหากฝ่ายที่พ่ายแพ้หนีไปได้ เกิดคิดแก้แค้นโดยการนำข่าวของเกาะลอยน้ำแห่งนี้ไปแจ้งแก่กองกำลังอื่นๆ และท้ายที่สุดกองกำลังระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งต้องยื่นมือเข้ามายึดผลประโยชน์ทั้งหมดไปอย่างแน่นอน
เมื่อพิจารณาถึงผลได้ผลเสียที่จะเกิดขึ้นแล้ว ผู้นำของทั้งสามกองกำลังก็พยักเห็นชอบกับความคิดที่จะแบ่งปันทรัพยากรทั้งหมดบนเกาะนี้อย่างเท่าเทียมกัน
“แบ่งเท่ากันทุกๆอย่างเลยใช่หรือไม่?” ชายชราจากตระกูลเล่ย ถามหยั่งเชิงออกมาพร้อมกับพยายามสังเกตสีหน้าและปฏิกิริยาของกลุ่มกองกำลังทั้ง 2 แห่งที่เหลือ
“แล้วเราจะทำอย่างไรกับเกาะลอยน้ำแห่งนี้ที่เปรียบได้กับสมบัติชิ้นใหญ่ที่สุดกันดีล่ะ?” ผู้อาวุโสจากสำนักเฟิงเฉิน ถามออกมา
ชายชราจากสำนักพายุเทพยิ้มออกมาแล้วตอบว่า “ปกติสำนักของเรานั้นอยู่บนเกาะอยู่แล้ว ฉะนั้นเกาะลอยน้ำแห่งนี้พวกท่านก็มอบให้กับสำนักของข้าเถอะส่วนทรัพยากรทั้งหมดที่เหลือพวกท่านก็สามารถนำไปแบ่งกันเองได้! พวกท่านมีความเห็นเป็นเช่นไร?”
“ไม่! นั่นมันไม่ถูกต้อง!” ชายชราจากตระกูลเล่ย ตะโกนปฏิเสธออกมาเสียงดัง
เกาะลอยน้ำแห่งนี้นั้นมีมูลค่าไม่น้อยไปกว่าสวนยาจิตวิญญาณ หอคัมภีร์ทักษะและสิ่งของทั่วทั้งเกาะแห่งนี้รวมกัน
“แล้วพวกท่านเคยคิดจะก่อตั้งกองกำลังระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?” ชายชราจากสำนักเฟิงเฉิน เสนอความคิดเห็นออกมา
ในขณะที่เขาพูดจบ ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณจากสำนักพายุเทพและคนของตระกูลเล่ย ก็รู้สึกตกใจขึ้นมากันในทันที
พวกเขาทั้งหมดมองหน้ากันเองอยู่ครู่ใหญ่ๆ ก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆกันอยู่หลายครั้ง
หากทั้งสามฝ่ายผนึกกำลังกันคงจะใช้เวลาไม่เกิน 10 ปีกองกำลังของพวกเขาต้องก้าวเข้าสู่ระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างแน่นอน
นี่คือสิ่งล่อใจที่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ! กองกำลังระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์!
แต่การที่กองกำลังสามฝ่ายมารวมกันเพื่อจัดตั้งสำนักศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมานั้น นับได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่มีความซับซ้อนเกี่ยวกับผลประโยชน์ค่อนข้างสูงมาก พวกเขาจำเป็นจะต้องปรับตัวเข้าหากันนานพอสมควรเลยทีเดียว ไม่เช่นนั้นหากเกิดการผิดใจกันขึ้นมากองกำลังของพวกเขาคงต้องพินาศย่อยยับลงอย่างแน่นอน
“แต่สิ่งที่พวกเราควรจะต้องทำก่อนในตอนนี้นั่นก็คือพวกเราต้องซ่อนและปกปิดเกาะลอยน้ำแห่งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้กองกำลังอื่นๆได้รู้เกี่ยวกับมัน สำหรับการจัดตั้งกองกำลังระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรานั้นค่อยปรึกษาหารือกันในภายหลัง!” ชายชราจากตระกูลเล่ย พูดเสนอความคิดเห็นออกมา
“ตกลง!” ผู้อาวุโสทั้งหมดของทั้งสามกองกำลังต่างพยักหน้า เห็นชอบเกี่ยวกับข้อเสนอแนะนี้
“ฮ่าๆๆ! นี่นับเป็นสิ่งที่ดีมากเลยทีเดียว จากกลุ่มกองกำลังที่เกือบจะต่อสู้แย่งชิงกันจนตายไปข้างนึงแต่ในตอนนี้พวกเรานั้นได้มาร่วมมือกันจัดตั้งกองกำลังระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ได้เช่นนี้ ข้ารู้สึกอารมณ์ดีมากเลยจริงๆ ฮ่าๆๆ!” กลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณทั้ง 9 คนต่างพูดคุยและหัวเราะกันออกมาอย่างอารมณ์ดี สำหรับพวกเขาแล้วทางเลือกนี้ถือได้ว่า เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“ท่านสุภาพบุรุษ! ดูเหมือนว่าพวกท่านนั้นยังไม่ได้ขอความคิดเห็นจากพวกเราเลยนะ!” โม่ชิงหลงขัดจังหวะการพูดคุยกันของทั้งสามกองกำลัง ในขณะที่โม่หยวนและอสูรที่ 15 ก็แสดงรอยยิ้มออกมากันเล็กน้อย
“ฮ่าๆๆ! พวกเราก็ลืมคนนอกพวกนี้ไปเสียได้!” ชายชราคนหนึ่งพูดและหัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน
“ฮึๆๆ! คนนอกอย่างนั้นเหรอ? ข้าเป็นคนกลุ่มแรกๆที่ได้ค้นพบเกาะลอยน้ำแห่งนี้ และได้ทำข้อตกลงกลับกองกำลังต่างๆเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะทำการแบ่งส่วนแบ่งทุกอย่างที่ได้มาจากเกาะลอยน้ำแห่งนี้ให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม!” อสูรที่ 15 พูดในขณะที่เขาจ้องมองไปยังชายหนุ่มสองสามคนที่อยู่ด้านหลังชายชราพวกนั้น
“นั่นคือเรื่องจริงแต่ข้อตกลงที่เราทำกันไว้นั้นคือการแบ่งปันตามความสามารถและความแข็งแกร่งของแต่ละคนต่างหาก ฮึฮึ!” ชายวัยกลางคนในกลุ่มพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ใช่! หากเจ้ามีความแข็งแกร่งและหมัดที่ใหญ่มากพอ เจ้าก็สามารถนำสมบัติพวกนี้ติดตัวกลับไปได้ในทันที แต่ข้าต้องขอบอกเจ้าไว้อย่างหนึ่งว่าเจ้าจะกลายเป็นศัตรูกับพวกเราทั้งสามกองกำลังในทันที!” ชายชราอีกคนพูดออกมา
“ฮ่าๆๆ! อย่าว่าแต่สมบัติเลย แม้แต่ชีวิตของตัวพวกเขาเอง ข้าว่าคนพวกนี้ก็คงจะไม่สามารถนำมันออกไปจากเกาะแห่งนี้ได้อย่างแน่นอน ฮ่าๆๆ!” ชายหนุ่มอีกคนที่เคยอยู่บนเรือกับอสูรที่ 15 ในก่อนหน้านี้หัวเราะเยาะออกมา
หลังจากนั้นชายหนุ่มกลุ่มใหญ่จากทั้ง 3 กองกำลังก็ก้าวออกมา พร้อมกับจ้องมองไปยังกลุ่มของอสูรที่ 15 ด้วยสายตาที่เย็นชา
“เอาสิ! แสดงให้พวกข้าเห็นหน่อยสิว่าพวกเจ้านั้นมีคุณสมบัติที่จะสามารถแบ่งปันสิ่งของบนเกาะนี้ไปได้หรือไม่ ฮ่าๆๆ!” ชายหนุ่มคนนั้นพูดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับมองไปที่อสูรที่ 15 อย่างดูถูก
“เจ้าพวกคนเนรคุณ! หากไม่ได้ข้าช่วยพวกเจ้าทั้งสามคนเอาไว้ พวกเจ้าก็คงจะต้องถูกยักษ์มัจฉาเหล่านั้นฆ่าตายไปนานแล้ว!” อสูรที่ 15 พูดออกมาในขณะที่จ้องมองไปยังคนกลุ่มนั้น
“เฮอะ! เจ้าต่อสู้กับยักษ์มัจฉาตัวนั้นเพราะเจ้ากำลังปกป้องตัวของเจ้าเอง พวกเราก็เป็นเพียงผลพลอยได้จากเหตุการณ์นั้นต่างหาก! อย่าทำมาเป็นพูดดีเหมือนว่าตัวเองนั้นเป็นผู้ที่มีคุณธรรมอันสูงส่งเลย!” ชายหนุ่มคนนั้นพูดออกมา
“ท่านผู้อาวุโส! เราควรจะจัดการกับพวกเขาอย่างไรดีครับ!” ชายวัยกลางคนที่เคยอยู่กลุ่มเดียวกับอสูรที่ 15 หันไปถามชายชราจากตระกูลเล่ย
“คนพวกนี้ต้องการที่จะแย่งชิงสมบัติกับพวกเรา ฉะนั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกำจัดพวกเขาทิ้งไป!” ชายชราพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะค่อยๆเดินออกมาข้างหน้าอย่างช้าๆ
หลังจากนั้นก็มีผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ ของสำนักพายุเทพและสำนักเฟิงเฉิน เดินออกมาที่ด้านหน้าพร้อมกับจ้องมองไปที่กลุ่มของโม่ชิงหลงด้วยเจตนาสังหาร
กลุ่มของโม่ชิงหลงทั้งสามคนก็จ้องมองไปยังกลุ่มกองกำลังทั้งสาม ด้วยสายตาที่เย็นชาพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายสังหารอันรุนแรงออกมา!
……….
จบบท