ตอนที่ 303 พวกเราต้องคุกเข่าให้เจ้าใช่หรือไม่?
.
ซุยหวางถือโทรศัพท์ในมือแน่น และลุกขึ้นยืนด้วยอารมณ์โกรธ
ในตอนแรกเขาค่อนข้างสับสนเล็กน้อยเมื่อลูกศิษย์คนโปรดของเขาโทรมาบอกว่าถูกรังแก แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มอันโอหังดังเล็ดลอดผ่านโทรศัพท์เข้ามา ใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึมลงในทันที
จากเสียงที่ได้ยินผ่านโทรศัพท์มานั้นอีกฝ่ายต้องการให้ตัวเขาไปที่นั่นและคุกเข่าลงต่อหน้าของเขา และยิ่งไปกว่านั้นเด็กหนุ่มคนนี้น่าจะเป็นลูกหลานของตระกูลซุยอย่างที่ลูกศิษย์ของเขาได้บอกเอาไว้
สายตาของซุยหวางในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา ไม่เพียงแต่ลูกหลานในตระกูลซุยของเขากลั่นแกล้งรังแกลูกศิษย์คนโปรดของเขาเท่านั้น แต่เด็กคนนี้ยังต้องการให้ตัวเขานั้นคุกเข่าลงกับพื้นอีกด้วย
ถึงแม้ว่าลูกหลานที่เกเรและไม่ซื่อสัตย์คนนี้อาจจะไม่รู้ความจริงว่า กวนชูชิงนั้นเป็นลูกศิษย์ของเขาก็ตามที แต่มันก็ยังน่าอับอายและขายหน้ามากเกินไปอยู่ดี ที่ลูกหลานในตระกูลซุยของเขานั้นกลายเป็นอันธพาลรังแกคนอื่นไปทั่วเช่นนี้ มันเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจเป็นอย่างมากและไม่น่าให้อภัยได้เลยจริงๆ
“ดูเหมือนลูกหลานรุ่นหลังๆในตระกูลซุยของข้า จะเคยชินกับความมีอำนาจมากเกินไป จนเกิดความหยิ่งยโสและโอหังเช่นนี้!”
ใบหน้าของซุยหวางนั้นมืดมนลง ในฐานะเสาหลักและผู้ก่อตั้งตระกูลซุยเขาต่อสู้และดิ้นรนมาอย่างยากลำบาก เพื่อให้ตระกูลของเขานั้นยกระดับชั้นจนกลายเป็นตระกูลระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์และคงความยิ่งใหญ่จนมาถึงในปัจจุบันนี้
และในตอนนี้ตัวเขานั้นอายุค่อนข้างที่จะมากแล้ว ช่วงชีวิตของเขานั้นเหลือเพียงอีกไม่กี่สิบปี หากเขาไม่มีความก้าวหน้าในการบ่มเพาะเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นในระยะหลังกว่า 20 ปีมานี้ เขาจึงออกท่องเที่ยวไปทั่วประเทศเพื่อค้นหาลูกศิษย์ผู้ที่จะได้รับการสืบทอดวิชาความรู้ต่างๆของเขา
และในตอนนี้เขานั้นก็ได้พบกับ ลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์ระดับยอดเยี่ยมมากที่สุด ความแข็งแกร่งของเธอคงจะสามารถแซงหน้าเขาได้โดยใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น
เมื่อเขาแก่ตัวลงลูกศิษย์ของเขาก็ยังคงรักษาความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลซุยเอาไว้ได้อย่างน้อยก็อีกหลายศตวรรษ
แต่เด็กหนุ่มจากตระกูลซุยของเขากล้าที่จะยั่วยุผู้อาวุโสของตัวเองและยังกล้าแสดงท่าทีที่หยิ่งผยองด้วยการที่จะให้เขาผู้ที่เป็นบรรพบุรุษของตระกูลคุกเข่าลงตลอดทั้งคืนจนเช้าอีกด้วย
ในตอนนี้ความโกรธของผู้เฒ่าซุยหวางปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง “ศิษย์รักในตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหน อาจารย์จะให้คนไปที่นั่นภายใน 5 นาที!”
“ฮึ่มม! ข้านั้นไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการจัดการเรื่องภายในตระกูลมากว่า 20 ปีแล้ว ดูเหมือนว่าลูกหลานในตระกูลพวกนี้จะหลงลืมไปแล้วว่าบรรพบุรุษของพวกเขานั้นทำงานหนักมากแค่ไหนและก่อตั้งตระกูลมาด้วยความยากลำบากเพียงใด?”
ซุยหวางวางสายโทรศัพท์และโทรออกไปยังผู้นำตระกูลซุยคนปัจจุบันในทันที “ไปที่ฟางหัวเลิฟโฮเตลเดี๋ยวนี้ ลูกศิษย์ของข้าถูกดูหมิ่นโดยเด็กหนุ่มจากตระกูลซุยของเราเอง เขาหยิ่งผยองมากเกินไป และยังกล้าพูดว่าจะให้ข้านั้นคุกเข่าขอโทษตัวเขาอีกด้วย พวกเจ้าทั้งหมดไปจัดการเรื่องนี้ให้ข้าให้เร็วที่สุด!”
ผู้นำตระกูลซุยคนปัจจุบันอายุ 75 ปีเป็นหลานของซุยหวาง เมื่อเขาได้ยินคำพูดที่รุนแรงและเจือไปด้วยความโกรธของท่านปู่ของเขา เขาก็ตกใจกลัวจนฉี่แทบจะราดกางเกง
เขาหวาดกลัวท่านปู่ของเขาอย่างแท้จริง ในสายตาของคนตระกูลซุยนั้น ท่านปู่ของเขานั้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่และมีชีวิตเหมือนเทพเจ้าสำหรับพวกเขาเลยทีเดียว
คนในตระกูลซุยและในเมืองเซี่ยงไฮ้รุ่นเก่าๆทุกคนต่างรู้กันดีว่าจักรพรรดิซุยหรือซุยหวางนั้นปกติแล้วเป็นคนที่รักและให้เกียรติมิตรสหายเป็นอย่างมาก เขานั้นมีจิตใจที่ดีและชอบช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้ที่ด้อยโอกาสกว่าตัวเองเสมอๆ
แต่ใครก็ตามที่กล้ายั่วยุจักรพรรดิซุยแห่งตระกูลซุยแล้วล่ะก็ นั่นเท่ากับว่าเป็นการขุดหลุมฝังศพให้ตัวเองอย่างแท้จริง
“ขอรับท่านปู! ผมจะรีบพาคนไปจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยอย่างดีที่สุดเลยครับ และได้โปรดมั่นใจว่าผมจะดูแลความปลอดภัยของท่านป้าอาวุโสได้อย่างแน่นอนเลยขอรับ!”
เหงื่อเย็นๆไหลปกคลุมไปทั่วทั้งใบหน้าของชายชราผู้นำตระกูลซุยในทันที ในฐานะที่เขาเป็นอันดับ 1 ใน 3 ผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ในเมืองเซี่ยงไฮ้ ในชีวิตนี้เขาไม่เคยหวาดกลัวและตื่นตระหนกมากขนาดนี้มาก่อน!
“ห้ามมิให้เส้นผมของเธอนั้นหลุดไปแม้แต่เส้นเดียว และต้องจัดการเรื่องทั้งหมดให้เสร็จภายใน 5 นาที!”
ซุยหวางวางสายโทรศัพท์ทันทีที่เขาพูดจบ
“ขอรับ!”
แม้จะได้ยินเสียงสัญญาณการวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว แต่ชายชราก็ยังคงตอบและพยักหน้าลงหงึกๆด้วยความหวาดกลัว
หลังจากนั้นเขารีบเรียกเหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดในตระกูลมาอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“ในตอนนี้ท่านปู่โกรธเป็นอย่างมาก! ไปตรวจดูเดี๋ยวนี้ว่าใครนั้นเป็นผู้ที่ก่อปัญหาในครั้งนี้!”
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ผู้อาวุโสของตระกูลซุย ทั้งหมดต้องออกมาด้วยความรีบร้อน
ผู้อาวุโสในตระกูลซุยแต่ละคนนั้นค่อนข้างมีอิทธิพลเป็นอย่างมากในเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้ ทุกครั้งที่พวกเขานั้นออกไปที่ใดก็ตามในเมืองเซี่ยงไฮ้ พวกเขาจะต้องได้รับเกียรติและความเคารพอย่างสูงเสมอๆ
แต่ในครั้งนี้พวกเขาต้องรีบออกมากันอย่างร้อนรน แม้แต่เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายของพวกเขาก็ใส่ออกมาแบบลวกๆ มีเพียงชุดคลุมประจำตระกูลเท่านั้นที่ยังคงดูดีอยู่
เพราะพวกเขาทั้งหมดตระหนักได้ว่าปัญหาในครั้งนี้นั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก
สิ่งที่พวกเขาหวาดกลัวมากที่สุดนั้นก็คือท่านปู่ของพวกเขานั่นเอง
ถ้าหากท่านปู่ของพวกเขาโกรธขึ้นมาแล้วล่ะก็ แม้แต่พวกเขาที่เป็นหลานแท้ๆก็คงต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรงแน่นอน
รถหรูราคาแพงหลายสิบคันขับออกจาก คฤหาสน์ซื่อเหอเยวี่ยนอย่างรวดเร็ว
ในระดับขั้นของตระกูลซุยในตอนนี้มีสมาชิกของตระกูลถึงรุ่นที่ 5 เมื่อรวมเหล่าลูกหลานและสาวกในเครือทั้งหมดของตระกูลซุยแล้ว ก็น่าจะมีสมาชิกอยู่หลายพันคน
“ฮ่าๆๆ! โทรเสร็จแล้วอย่างนั้นใช่หรือไม่? ถ้าอย่างนั้นเราก็มารอดูกันว่าอาจารย์ของเธอนั้นจะเป็นใคร ถ้าเป็นสาวสวยรุ่นใหญ่นั่นก็คงจะดีมากเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นผู้ชายแก่หนังเหี่ยวแล้วล่ะก็ฉันจะตบให้คว่ำไปเลยทีเดียว!”
ซุยอ่าวหัวเราะออกมาเสียงดัง
“พี่อ่าวนี่มีรสนิยมที่ไม่เหมือนใครเลยจริงๆ ฮ่าๆๆ!”
“ฮ่าๆๆ! นายมันจะไปรู้อะไร พี่อ่าวนั้นเล่นกับสาวๆหรือแม้กระทั่งโลลิน้อยๆมามากเสียจนเขานั้นเบื่อสาวเอ๊าะๆไปนานแล้ว ในตอนนี้เขาจึงอยากเปลี่ยนรสนิยมไปเล่นสาวใหญ่อายุกว่า 40 ปีขึ้นไปบ้าง ฮ่าๆๆ …พวกเราเองก็ควรจะเรียนรู้จากเขาเอาไว้บ้างนะ เหอๆๆ!” กลุ่มชายหนุ่มวัยรุ่นพูดออกมากันด้วยรอยยิ้มอย่างสนุกสนาน
“ฮึ! หลังจากที่คนของอาจารย์ฉันมาแล้วหวังว่าพวกนายคงจะหัวเราะออกมาได้อย่างนี้กันนะ!”
เมื่อเห็นใบหน้าที่อวดดีและคำพูดตลกไร้สาระของพวกเขา กวนชูชิง ก็พูดออกมาด้วยความรังเกียจ
“ก็เอาสิ! ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าไอ้คนที่มานั้นมันจะยิ่งใหญ่มากขนาดไหน!”
หยวนเฟยจ้องมองไปที่กวนชูชิงและสาวๆที่เหลือ ด้วยรอยยิ้มที่เยาะเย้ย
“ฮึ่ม!” เสี่ยวหยู, กวนชูชิง, หลานชิงเยว่และผู้อาวุโสฟาง จ้องมองไปที่กลุ่มชายหนุ่มวัยรุ่นพวกนั้นด้วยสายตาที่เย็นชา
ในตอนนี้พวกเธอนั้นรู้สึกเยาะเย้ยความโง่เขลาของชายหนุ่มกลุ่มนี้กันอย่างเต็มที่ ทั้งๆที่พวกเขาน่าจะได้ยินการพูดคุยโทรศัพท์ของกวนชูชิงบ้าง แต่พวกเขาก็ไม่นึกเอะใจอะไรบ้างเลยหรืออย่างไร?
ช่างเป็นกลุ่มคนที่โง่เง่าเสียจริงๆ!
กลุ่มชายหนุ่มวัยรุ่นยังคงพูดคุยแสดงความคิดเห็นและหัวเราะกันออกมาเสียงดังเกี่ยวกับกลุ่มของเด็กสาว ชายหนุ่มบางคนถึงกับยืนมองพวกเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่หื่นกระหาย
ในตอนนี้หวังเสียน และโม่ชิงหลงได้แต่ยืนยิ้มออกมาบางๆเพื่อรอดูละครสนุกฉากใหญ่ พวกเขาต่างนิ่งเงียบและไม่ได้พูดอะไรกันออกมา
“ผ่านมา 5 นาทีแล้ว เวลาของพวกเธอนั้นหมดเสียแล้วล่ะ สงสัยว่าอาจารย์ของเธอคงจะไม่กล้ามาเสียแล้วกระมัง ถ้าอย่างนั้นในตอนนี้พวกเธอทั้งหมดคุกเข่าลงเสียดีๆ! ฉันไม่ได้มีเวลาที่จะมาพูดเล่นกับพวกเธอมากนัก!”
ซุยอ่าวมองไปที่นาฬิกาของเขาหลังจากผ่านไปห้านาที เขาจึงตะโกนพูดออกมาอย่างหมดความอดทน
บรืนนนน!
เอี๊ยดดดด!
ในเวลานี้มีรถหรูราคาแพงหลายคันวิ่งเข้ามาจอดที่ทางเข้าของโรงแรมอย่างรวดเร็ว
“ผู้อาวุโส!?”
“ท่านผู้นำตระกูล!?”
เหล่าชายชราและชายวัยกลางคนที่ยืนปิดล้อมอยู่ทางด้านนอก รู้สึกสับสนและตกใจเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาก็รีบตรงเข้าไปทักทาย กลุ่มชายชราที่กำลังเดินตรงเข้ามาที่ล็อบบี้ของโรงแรม บนชุดคลุมของเหล่าผู้อาวุโสนั้นปักด้วยตัวหนังสือสีทองว่า ‘ตระกูล sui’
“อยู่ตรงนั้น! รีบไปกันเถอะ!”
ชายชราผู้นำตระกูลซุยกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณล็อบบี้ของโรงแรม ก่อนที่พวกเขาจะเห็นกลุ่มแก๊งเด็กวัยรุ่นยืนปิดล้อม กลุ่มของหญิงสาวทั้งสี่คนเอาไว้ ด้วยท่าทางที่ยโสโอหัง
ในตอนนี้ใบหน้าของผู้นำตระกูลซุยเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก
กลุ่มผู้อาวุโสที่ติดตามเขามาอยู่ทางด้านหลังก็ดูเคร่งเครียดมากด้วยเช่นเดียวกัน
ลูกหลานในตระกูลซุยบัดซบคนนี้ บังอาจล่วงเกินผู้อาวุโสระดับสูงในตระกูลแบบนี้ได้อย่างไร?
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่ทำให้ตระกูลของพวกเขานั้นต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงและต้องอับอาย แต่ที่สำคัญที่สุดนั้นเขาทำให้ท่านปูของพวกเขานั่นต้องโกรธมากอีกด้วย
“ในตอนนี้พวกเรามาแล้ว! พวกเจ้าจะให้พวกเรานั้นคุกเข่าลงต่อหน้าพวกเจ้าอย่างนั้นใช่หรือไม่?”
เสียงพูดดังสะท้อนก้องอยู่ในล็อบบี้ของโรงแรม ทำให้กลุ่มชายหนุ่มเหล่านั้นสะดุ้งตกใจกันในทันที
ซุยอ่าวรู้สึกมึนงงและสับสนเป็นอย่างมาก เขาไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีกลุ่มคนเดินเข้ามาทางด้านหลังของเขาในตอนนี้
“ใครกันวะ?”
เขาหันหลังกลับมาด้วยความโมโหพร้อมกับตะโกนด้วยเสียงอันดัง
“!!..นี่!..”
เมื่อเขาเห็นกลุ่มผู้อาวุโสที่กำลังเดินตรงเข้ามาในล็อบบี้ของโรงแรม ร่างกายของเขานั้นก็ยืนแข็งทื่อเหมือนกับหินไปในทันที
กลุ่มชายหนุ่มวัยรุ่นที่เหลือนั้นตกใจจนตาเหลือกออกมา เหงื่อหยดออกมาจากบนใบหน้าของพวกเขาเหมือนกับน้ำ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็นว่ากลุ่มชายชรากลุ่มนี้นั้นคือใคร
กลุ่มชายชราทั้งหมดยี่สิบคนเดินตรงเข้ามาในโรงแรมด้วยชุดคลุมของตระกูลซุยที่เด่นสะดุดตาเป็นอย่างมาก
ตรงกลางกลุ่มมีชายชราถือไม้เท้าหยกหัวมังกรและชุดคลุมของเขานั้นเด่นสะดุดตามากที่สุด
กลุ่มชายหนุ่มวัยรุ่นที่ปิดล้อมล็อบบี้ของโรงแรมอยู่ รีบแหวกทางหลบกันอย่างรวดเร็ว ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านจนเกือบจะทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยความหวาดกลัว
บรรยากาศในตอนนี้นิ่งสงบและเย็นยะเยือกจนสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองได้อย่างชัดเจน
“ผะ…ท่าน!…ท่านผู้นำตระกูล!”
ซุยอ่าวเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าสมาชิกรุ่นที่สามของตระกูลซุยรวมทั้งท่านปู่ของเขาก็มาอยู่ที่นี่ด้วย
ความรู้สึกของเขาในตอนนี้นั้น มึนงงและสับสนไปหมด
“ท่านผู้นำตระกูล, ท่านผู้อาวุโสและท่านปู่ ทำไมพวกท่าน…ทำไมพวกท่านถึง…?!” ซุยอ่าว พูดตะกุกตะกักออกมาไม่เป็นคำ ความไม่สบายใจและความหนาวเย็นเกาะกุมขั้วหัวใจของเขา จนร่างกายเริ่มสั่นสะท้าน แต่เขาไม่กล้าคิดในสิ่งที่เลวร้ายมากไปกว่านี้
ชายชราผู้นำตระกูลซุย มองไปที่ซุยอ่าวด้วยสายตาที่เย็นชา ถึงแม้เขาจะรู้ว่าลูกหลานคนนี้นั้นเป็นผู้ที่โดดเด่นมากที่สุดของตระกูลซุยก็ตาม
แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรในขณะนี้ เขาเปลี่ยนสายตาจ้องมองไปยังหวังเสียน และในที่สุดสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ กวนชูชิง และรีบเร่งฝีเท้าเดินตรงเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ข้างหลังเขาก็รีบเร่งเดินตามเขาไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
……….