ตอนที่ 300 ตบหน้า!
.
ในขณะที่ เสี่ยวหยู, กวนชูชิงและคนในกลุ่มปฏิเสธพวกเขา หลิงยี่และชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเธอก็แสดงความไม่พอใจกันขึ้นมาในทันที
“สาวๆ! ได้โปรดเถอะถือว่าไว้หน้าฉันหน่อยได้ไหม? อย่างน้อยๆฉันก็เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง หากว่าพวกคุณยกห้องประธานาธิบดีห้องนั้นให้กับฉัน ฉันจะยอบรับพวกคุณเป็นเพื่อนสนิทของฉัน!”
หลิงยี่ ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดกับเสี่ยวหยูและสาวๆที่เหลือในกลุ่ม
“ห๊าา?” จากคำพูดของหลิงยี่ ทำให้สาวๆในคณะของหวังเสียน รู้สึกพูดไม่ออก พวกเธอพบว่านักร้องสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่หลงตัวเองจนน่าตลกมาก
เสี่ยวหยู และ กวนชูชิง ส่ายหัวและตอบว่า “ถึงแม้ว่าพวกเรานั้นจะเคยชอบผลงานเพลงของคุณมาก่อน แต่ตอนนี้พวกเริ่มจะไม่ชอบเพลงของคุณเสียแล้วล่ะ! แล้วอีกอย่างนึงพวกเราก็ไม่เคยคิดที่อยากจะเป็นเพื่อนกับคุณมาก่อนเลยด้วย!”
เพื่อพูดจบพวกเธอก็หยิบคีย์การ์ดของห้องพักจากเคาน์เตอร์ด้านหน้าและเดินตรงไปยังลิฟท์เพื่อไปที่ห้องของพวกเธอ
หลิงยี่รู้สึกตกใจและอับอายเป็นอย่างมาก
“เดี๋ยวก่อน!”
ในขณะนี้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆกับหลิงยี่ ได้ตะโกนหยุดกลุ่มของเสี่ยวหยูเอาไว้ เขาเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยมองไปที่เสี่ยวหยูและสาว ๆ แล้วพูดว่า “ห้องนี้ยังไม่ใช่ของพวกเธอ!”
หลังจากแสดงความคิดเห็นแล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์และโทรออก
“พวกคุณไปพักผ่อนกันเถอะ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น!”
หวังเสียนที่ยืนอยู่ข้างๆ และดูพวกเขาพูดคุยกันอย่างเงียบๆในก่อนหน้านี้ ได้หันไปพูดคุยกับกลุ่มสาวๆพร้อมพาพวกเธอเดินไปที่ลิฟท์
“ฉันบอกว่าให้พวกเธอยืนรออยู่ตรงนั้นก่อนไง!”
เมื่อเห็นว่ากลุ่มของหวังเสียนนั้นไม่ได้สนใจคำพูดของเขาใบหน้าของชายหนุ่มก็มืดมนลง “ฉันกำลังโทรหาผู้จัดการของโรงแรมนี้หากว่าพวกเธอไม่อยากถูกไล่ออกจากโรงแรมในขณะที่กำลังนอนอยู่ ฉันคิดว่าพวกเธอควรจะรอให้ผู้จัดการของโรงแรมมาเคลียร์ปัญหาเรื่องนี้ก่อน”
หวังเสียนหยุดเดินและหันไปหาชายหนุ่มแล้วพูดว่า “นายนี่มันปัญญาอ่อนมากจริงๆเลยนะ นายไม่ได้ยินที่เจ้าหน้าที่ของทางโรงแรมบอกหรอกเหรอว่าพวกเรานั้นได้จ่ายค่าห้องพักไปแล้ว?”
หวังเสียน ไม่สามารถเข้าใจความคิดของชายหนุ่มคนนี้ได้ บางทีเขาอาจจะรู้สึกว่าตัวเขานั้นเหนือกว่าคนอื่น ฉะนั้นตัวเขาต้องได้ในสิ่งที่ดีที่สุดและคนอื่นก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของเขาได้
“แกพูดว่าอะไรนะ?”
ชายหนุ่มคนนั้นกำโทรศัพท์ในมือของเขาจนแน่น ในขณะที่จ้องมองไปยังหวังเสียน ด้วยท่าทางที่โกรธเคือง
“ฉันบอกว่านายมันปัญญาอ่อนได้ยินชัดไหม! หรือว่านายเป็นคนปัญญาอ่อนไม่พอยังเป็นคนหูหนวกอีกด้วย?” หวังเสียนยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูดย้ำกับชายหนุ่มคนนั้น
“ฮ่าๆๆ! แกนี่มันช่างกล้ามากเลยจริงๆนะ อีกสักเดี๋ยวแกก็จะได้รู้ว่าคนที่มันกล้าหยิ่งผยองกับฉันในเซี่ยงไฮ้ ผลลัพธ์มันจะเป็นอย่างไร!” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเสียงเย็น เขาชี้นิ้วไปที่หวังเสียน และตะโกนพูดออกมาเสียงดัง
“ในเมืองเซี่ยงไฮ้ นายยิ่งใหญ่มากเลยอย่างนั้นรึ?” หวังเสียน ยิ้มออกมาเล็กน้อยขณะที่เขาได้ยินคำพูดของชายหนุ่มคนนั้น
“ฉันไม่รู้หรอกว่าฉันยิ่งใหญ่มากที่สุดในเซี่ยงไฮ้หรือเปล่า แต่เท่าที่ฉันรู้ในเมืองเซี่ยงไฮ้แห่งนี้ไม่มีใครกล้าที่จะสร้างปัญหาให้กับตระกูลของฉัน!”
ชายหนุ่มเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับมองไปที่หวังเสียนด้วยท่าทางที่หยิ่งยโส ก่อนที่เขาจะหันไปมองยังเด็กสาวในกลุ่มของหวังเสียน พร้อมกับพูดออกมาว่า “เห็นแก่ที่พวกเธอนั้นเป็นหญิงสาวที่ค่อนข้างจะสวยงาม ฉันจะให้โอกาสพวกเธอออกไปเสียในตอนนี้ ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว…พวกเธออาจจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับมีผู้ชายหลายคนนอนอยู่ข้างๆพวกเธอก็ได้นะฮึๆๆ!” เขาจ้องมองไปยังกลุ่มของเสี่ยวหยูพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา
ตุบๆๆ!
“คุณชายหยวนครับ! คุณชายหยวน! ใครมันช่างตาบอดกล้ามาสร้างปัญหาและความขุ่นเคืองให้กับคุณชายหยวนกันครับ?”
ในทันใดนั้นชายวัยกลางคนคนหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาที่ล็อบบี้ของโรงแรมอย่างรีบร้อนพร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดัง
“ผู้จัดการซัน! การบริการของพวกคุณเดี๋ยวนี้นั้นมันแย่มากเลยนะ ผมไม่สามารถจองห้องประธานาธิบดีได้เลยแม้แต่ห้องเดียว หรือว่าบัตร VIP ระดับเพชรที่ผมได้ทำเอาไว้กับทางโรงแรมของคุณนั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลยอย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อชายหนุ่มคนนั้นเห็นผู้จัดการซันวิ่งเข้ามาหาเขา เขาก็พูดตำหนิออกไปด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคือง
“มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไรกันล่ะครับคุณชายหยวน! ตราบเท่าที่คุณชายต้องการเราสามารถหาห้องระดับประธานาธิบดีให้กับคุณชายได้ตลอดเวลา เว้นเสียแต่ว่าจะมีแขกเข้าไปพักจนเต็มอยู่ก่อนแล้วเพียงเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นแล้วผมสามารถนำห้องที่คุณชายหยวนต้องการมาให้คุณชายได้อย่างแน่นอนครับ!”
ผู้จัดการซันรีบเดินเข้าไปคุยกับคุณชายหยวนด้วยรอยยิ้มอย่างประจบเอาใจ
“ฮึ! ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วทำไมผมถึงไม่ได้รับห้องชุดประธานาธิบดีที่ยังเหลืออยู่อีกเพียงห้องเดียวห้องนั้นล่ะ! ทั้งๆที่ผมกับคนกลุ่มนั้นก็เข้ามาเกือบจะพร้อมๆกัน แต่คนกลุ่มนั้นกับได้ห้องที่ผมต้องการไปเพียงแค่เพราะว่าพวกเขาจ่ายเงินก่อนเท่านั้นเอง? หรือว่าบัตร VIP ระดับเพชรนี่มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยอย่างนั้นสินะ!”
คุณชายหยวนมองไปที่ผู้จัดการซันด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย เขาหยิบบัตรระดับเพชรของเขาออกมาและยื่นส่งคืนไปให้กับผู้จัดการซัน
“โธ่! คุณชายหยวนครับ! พวกเราจะไม่ให้ความสำคัญกับคุณชายได้อย่างไร คุณชายนั้นเป็นแขกคนสำคัญของทางโรงแรมเราเลยนะครับ!”
ผู้จัดการซันพยายามพูดประจบเอาใจคุณชายหยวนอย่างเต็มที่เพื่อคลายความขุ่นเคืองของเขา ก่อนที่เขาจะหันกลับไปพูดกับเจ้าหน้าที่ต้อนรับของโรงแรม “คุณทำงานกันอย่างไร? เรื่องง่ายๆแบบนี้พวกคุณทำกันไม่ได้อย่างนั้นเหรอ บัตร VIP ระดับเพชรที่คุณชายหยวนถืออยู่นั้น ถือได้ว่าเป็นแขกระดับสูงของทางโรงแรมเรา พวกคุณต้องใส่ใจในเรื่องนี้ให้มากที่สุด ส่วนแขกคนอื่นๆนั้นพวกคุณไม่ต้องสนใจมากนักหรอก พวกคุณเข้าใจที่ผมพูดหรือไม่? จัดการทุกอย่างตามที่คุณชายหยวนต้องซะเดี๋ยวนี้ ถ้าพวกคุณจัดการไม่ได้ก็ไม่ต้องมาทำงานที่นี่อีกต่อไป!”
“ผู้จัดการ!…พวกเรา…” พนักงานและเจ้าหน้าที่ต้อนรับของทางโรงแรม ก้มหัวลงและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก ใบหน้าของพวกเขานั้นหมองคล้ำขึ้นมาในทันทีเพราะกลัวว่าผู้จัดการซันจะไล่พวกเขาออก
“แกได้ยินในสิ่งที่ผู้จัดการซันพูดหรือเปล่าไอ้หนุ่มหน้าอ่อน รีบออกไปให้พ้นพ้นสายตาฉันซะ ก่อนที่ฉันจะอารมณ์เสียขึ้นมามากกว่านี้ แล้วพวกแกทั้งหมดจะเดือดร้อน!” ชายหนุ่มคนนั้นหันไปพูดกับกลุ่มของหวังเสียนด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดังพร้อมกับยิ้มเยาะเย้ยออกมา
“พวกคุณออกไปได้แล้ว! ส่วนเงินค่าห้องของพวกคุณทางโรงแรมก็จะคืนให้กับพวกคุณอย่างแน่นอน!” ผู้จัดการซัน โบกมือไล่กลุ่มของหวังเสียน อย่างไม่ใยดี
“พวกคุณ!…”
เสี่ยวหยู, กวนชูชิง, หลานชิงเยว่และผู้อาวุโสฟาง จ้องมองไปที่ชายหนุ่มคนนั้นและผู้จัดการซัน อย่างโกรธเคือง
พวกเธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าผู้จัดการของโรงแรมที่นี่จะไร้จรรยาบรรณมากขนาดนี้
คิ้วของหวังเสียนขมวดหากันในทันที โม่ชิงหลงที่ยืนอยู่ข้างๆกับเขา จ้องมองไปยังคนทั้งคู่ด้วยสายตาที่เย็นชา เขาก้าวเดินออกมาอย่างช้าๆ
“สวัสดีครับคุณชายและคุณหนูทุกๆท่าน!”
ในขณะที่โม่ชิงหลง กำลังเตรียมจะเดินเข้าไปสั่งสอนคนทั้งคู่อยู่นั้น เสียงกล่าวคำทักทายของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาในทันที
ชายคนนี้นั้นคือชายวัยกลางคน คนที่ต่อสู้กันบนเครื่องบินนั่นเอง
เขามองเห็นกลุ่มของหวังเสียน ตั้งแต่ที่หน้าประตูโรงแรม เขาจึงรีบตรงเข้ามาทักทายในทันที
แต่ความหวาดกลัวนั้นยังคงปรากฏอยู่ในแววตาของเขา
“หืมม?”
เมื่อชายวัยกลางคนเดินเข้ามา ดวงตาของผู้จัดการซันก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ
“อ้าว! คุณนั่นเอง!” กวนชูชิง มองไปที่ชายวัยกลางคนแล้วพูดทักทายเขา
ใบหน้าของชายวัยกลางคนยังดูหมองคล้ำอยู่เหมือนกับตอนที่เขาอยู่บนเครื่องบิน
“สะ…สวัสดีครับคุณหนู!”
ชายวัยกลางคนรีบกล่าวคำทักทายเธออีกครั้งด้วยความเคารพ
ตัวเขานั้นยังคงกังวลเกี่ยวกับการต่อสู้ของเขาที่เกิดขึ้นบนเครื่องบินในก่อนหน้านี้ หลังจากที่นึกถึงเหตุการณ์ทั้งหมด สิ่งที่เขารู้สึกในตอนนี้นั่นก็คือความหวาดกลัว
ศัตรูของเขาใช้ประโยชน์จากบุคลิกที่โกรธง่ายของเขา ในขณะที่ตัวเขานั้นถูกปกคลุมไปด้วยความโกรธแค้น เพื่อบังคับให้เขานั้นต่อสู้บนเครื่องบิน จนเกือบจะต้องทำให้ผู้บริสุทธิ์คนอื่นนั้นต้องเสียชีวิตไปพร้อมๆกันกับเขาด้วย
ต่อจากนั้นจักรพรรดิซุยผู้น่าสะพรึงกลัวก็ปรากฏตัวขึ้นมา เขาได้สังหารศัตรูของเขาตายลงทั้งหมดด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
แล้วหลังจากนั้นจักรพรรดิซุยและชายหนุ่มที่น่าจะมีความแข็งแกร่งระดับเดียวกันกับจักรพรรดิซุย ก็ช่วยกันยกเครื่องบินนำกลับไปที่สนามบินได้อย่างปลอดภัย
และตอนนี้ชายหนุ่มคนนั้นก็ยังยืนอยู่ตรงนี้อีกด้วย!
แต่สิ่งที่เขานั้นหวาดกลัวมากที่สุดนั่นก็คือการรอคำตัดสินจากจักรพรรดิซุย ที่ได้พูดทิ้งท้ายกับเขาเอาไว้ตอนที่อยู่ในสนามบิน
ความเป็นและความตายของเขาตอนนี้นั้นอยู่ที่ความคิดและคำพูดของจักรพรรดิซุยเพียงคนเดียวเท่านั้น
ในช่วงบ่ายของวันนี้ เขานั่งสงบสติอารมณ์ของเขาอยู่เป็นเวลานาน ความกลัวตายก็เริ่มปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา ถ้าเขาตายไปแล้วคนในตระกูลของเขาทั้งหมดจะต้องถูกศัตรูของเขานั้นตามล้างแค้นและสังหารจนหมดอย่างแน่นอน!
เขานั่งคิดอยู่นานว่าเขาจะทำอย่างไรดีเพื่อให้จักรพรรดิซุยนั้นยอมยกโทษให้กับเขา
แต่ในขณะที่เขาเดินทางกลับมาที่โรงแรมของเขานั่นเอง เขาก็ได้มาพบกับเด็กสาวคนนี้อีกครั้ง
เด็กสาวคนที่จักรพรรดิซุยเรียกว่าลูกศิษย์สายตรงคนสุดท้ายของเขา!
เธอเป็นลูกศิษย์ของจักรพรรดิซุยคนที่แข็งแกร่งและมีอำนาจมากที่สุดในเมืองเซี่ยงไฮ้ และการแสดงออกของจักรพรรดิซุยที่ปฏิบัติกับเธอนั้นก็แสดงออกถึงความรักและเอ็นดูเธอเป็นอย่างมาก
ถ้าเขาสามารถโน้มน้าวเด็กสาวคนนี้ที่เป็นลูกศิษย์คนโปรดของจักรพรรดิซุย ให้ช่วยพูดยกโทษให้กับเขา เขาคงต้องรอดพ้นความตายอย่างแน่นอน
เขาจึงรีบตรงเข้ามาทักทายหวังเสียน และกวนชูชิง ด้วยความเคารพอย่างจริงใจ
“สวัสดีครับท่านประธานโจว!” ผู้จัดการซัน รีบกล่าวคำสวัสดีทักทายเจ้านายของเขาด้วยความตกใจ
เขานั้นรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่เจ้านายของเขานั้นโค้งตัวลงทักทายชายหนุ่มและเด็กสาวคนนั้นช่วยท่าทางที่เคารพ
และตัวเขานั้นเพิ่งจะตะโกนขับไล่คนกลุ่มนี้ออกไปเมื่อสักครู่นี้เอง…
เพี๊ยะ!
ชายวัยกลางคนสะบัดมือตบไปที่ใบหน้าของผู้จัดการซัน “คราวหน้าจงระวังคำพูดของคุณเอาไว้ด้วย! นี่เป็นคำเตือนสุดท้ายของผมที่จะพูดกับคุณ!”
“ผม!…ผมต้องขออภัยจริงๆครับท่านประธานโจว!” ผู้จัดการซันถอยหลังไปสองสามก้าว หลังจากที่โดนตบ เขารีบตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่หวาดกลัว
“ส่วนพวกคุณ! ออกไปจากโรงแรมของผมซะเดี๋ยวนี้ แล้วในอนาคตพวกคุณไม่จำเป็นต้องมาที่โรงแรมของผมอีกต่อไป!”
ชายวัยกลางคนมองไปที่คุณชายหยวนและกับพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ฮิฮิ! สมน้ำหน้า คนพวกนี้นั้นสมควรต้องได้รับบทเรียนแบบนี้นี่แหละ!”
เมื่อกวนชูชิงและสาวๆเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้พวกเธอก็ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
………
จบบท