ตอนที่ 319 ลูกแก้วจิตวิญญาณแห่งธาตุไม้!
.
หวังเสียนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เขาได้รับอาวุธวิญญาณทั้ง 2 ชิ้นนี้มา ไม่ว่าจะเป็นดาบซานลู่ หรือพิณห่าวจง พวกมันถือได้ว่าเป็นสุดยอดอาวุธวิญญาณในโลกยุทธภพของยุคนี้เลยก็ว่าได้
ถึงแม้ว่าพิณคันนี้จะไม่มีประโยชน์ต่อเขามากนัก แต่มันก็เป็นถึงอาวุธวิญญาณระดับ 10 และยังมีกระบี่บางหยุนสุ่ยที่เป็นคู่ของมันซึ่งเป็นอาวุธวิญญาณระดับ 9 อีกด้วย
และแน่นอนสิ่งที่เขาชอบมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นดาบซานลู่ ถึงแม้ว่าตัวเขานั้นจะไม่เคยฝึกฝนวิชาดาบมาก่อนก็ตาม
แต่ความฝันสำหรับเด็กผู้ชายหลายๆคนนั่นก็คือการถือดาบหรือกระบี่ออกไปผจญภัยในโลกกว้าง ท่องยุทธภพอย่างอิสระเสรี ดื่มสุราเมามายภายใต้แสงจันทร์กับสหายร่วมเป็นร่วมตาย และคอยช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสเหมือนกับยอดวีรบุรุษในภาพยนตร์ดังหลายๆเรื่อง
แค่คิดเขาก็อยากลุกขึ้นมาร่ายรำเพลงดาบ จิบสุราพร้อมกับร้องเพลงเย้ยยุทธจักรเหมือนกับหลิงหูชงแล้ว!
และยอดยุทธในภาพยนตร์หรือซีรีย์ดังทางทีวีส่วนใหญ่นั้นมักจะใช้ดาบยาว ออกไปท่องยุทธภพพร้อมกับใบหน้าอันหล่อเหลาของพวกเขา
‘ดาบของข้านั้นรวดเร็วเหมือนกับสายฟ้าฟาด! หากเจ้าไม่อยากพบพระยายมราชก็จงหลบไปให้พ้น!’
‘กระบี่นั้นไร้ตา! แล้วเจ้าอย่าหาว่าข้าไร้ความปราณี!’
‘ว่ะ…ฮ่า ฮ่า ฮ่า !’ หวังเสียนยืนยิ้มและหัวเราะออกมาเบาๆอย่างมีความสุข ขณะที่เขากำลังสวมบทบาทเป็นจอมยุทธผู้มากฝีมือด้านเพลงดาบ ก่อนที่เขาจะละสายตาหันไปจับจ้องสมบัติระดับสูงชิ้นสุดท้ายนั่นก็คือกล่องหยกอันสวยงามที่วางอยู่ข้างๆพิณห่าวจง
‘กล่องหยกใบนี้นั้นแกะสลักได้อย่างปราณีสวยงามมากเลยทีเดียวและยังมีมรกตชิ้นใหญ่หลายชิ้นประดับประดาอยู่รอบด้านอีกด้วย มูลค่าของกล่องหยกชิ้นนี้น่าจะไม่ต่ำกว่า 200 ล้านหยวนอย่างแน่นอน!’
หวังเสียน อดที่จะตกตะลึงไม่ได้เมื่อเขาหยิบกล่องยกขึ้นมาดูอย่างใกล้ๆ มันไม่ได้มีน้ำหนักมากเป็นพิเศษแต่อย่างใด แต่ด้วยฝีมือการประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างปราณีตด้วยหยกชั้นยอดและมรกตชั้นเยี่ยม อีกทั้งมันยังเป็นของเก่าจากยุคสมัยโบราณ มันจึงมีมูลค่าในตัวมันเองเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
“ห๊ะ!…นี่มัน!” หวังเสียน ตกตะลึงจนตวงตาเบิกกว้างขึ้นมาในทันทีเมื่อเขาได้เห็นลูกแก้วสีเขียวเข้มอยู่ข้างในนั้น ข้อมูลจากระบบก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาในทันที
….
[ สมบัติจิตวิญญาณ: ลูกแก้วจิตวิญญาณแห่งธาตุไม้ ]
[ ระดับ : 10 ]
….
“จิตวิญญาณแห่งธาตุไม้! มันคือลูกแก้วจิตวิญญาณแห่งธาตุไม้! สมบัติจิตวิญญาณระดับ 10 !” หวังเสียนตะโกนออกมาเสียงดังอย่างลืมตัว
ก่อนหน้านี้ตัวเขานั้นเคยได้พบกับลูกแก้วจิตวิญญาณมาก่อนแล้วเป็นจำนวนมาก ตัวอย่างเช่นลูกแก้วเปลวเพลิงจิตวิญญาณแห่งธาตุไฟทั้ง 2 ลูกที่อยู่ในถ้ำของตระกูลซุย รวมถึงลูกแก้วจิตวิญญาณแห่งธาตุไฟที่เขาได้รับจากสำนักวังเปลวไฟและสำนักเทพอัคคี
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับสมบัติจิตวิญญาณของธาตุอื่นๆ
‘ข้าน่าจะสามารถปรับแต่งลูกแก้วจิตวิญญาณแห่งธาตุไม้ระดับ 10 ลูกนี้ให้มันกลายเป็นผลึกแก้วมังกรของธาตุไม้ได้!’ หวังเสียน พูดพึมพำออกมาเบาๆ ในขณะที่เขาดึงแก่นหยดเลือดออกมาจากปลายนิ้วมือและหยดลงไปบนลูกแก้วจิตวิญญาณแห่งธาตุไม้
หลังจากนั้นลูกแก้วจิตวิญญาณแห่งธาตุไม้ก็ดูดซึมแก่นหยดเลือดของหวังเสียนลงไปอย่างรวดเร็ว ลูกแก้วสีเขียวเข้มแผ่ออร่าสีเขียวที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาออกมาในทันที
หลังจากนั้นหวังเสียน ก็อ้าปากพร้อมกับดูดซับลูกแก้วจิตวิญญาณแห่งธาตุไม้เข้าสู่ร่างกายของเขาโดยตรงในทันที
เมื่อได้รับการหล่อเลี้ยงจากพลังมังกรศักดิ์สิทธิ์ ลูกแก้วจิตวิญญาณธาตุไม้จะเปลี่ยนกลายเป็นผลึกแก้วมังกรพฤกษาหนึ่งในอาวุธประจำตัวของหวังเสียน เช่นเดียวกับผลึกแก้วมังกรเพลิงโลกันตร์
และนอกจากนี้ผลึกแก้วมังกรพฤกษายังสามารถปรับปรุงย่นระยะเวลาของต้นยาจิตวิญญาณได้ทุกชนิดอีกด้วย เพียงแค่วางผลึกแก้วมังกรพฤกษาไว้ในสวนยาจิตวิญญาณ ออร่าแห่งมังกรศักดิ์สิทธิ์ธาตุไม้ในผลึกแก้วมังกรพฤกษาจะช่วยเร่งการเจริญเติบโตของสวนยาจิตวิญญาณได้หลายร้อยเท่าเลยทีเดียว
“ฮ่าๆๆ! ครั้งนี้ถือว่าได้รับผลกำไรมหาศาลเลยทีเดียว!” หวังเสียน หัวเราะออกมาอย่างครึ้มอกครึ้มใจ ไม่ว่าจะเป็นสวนยาจิตวิญญาณ, อาวุธวิญญาณและสมบัติล้ำค่าอื่นๆอีกมากมายที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ ในครั้งนี้ถือได้ว่าหวังเสียน ได้รับผลกำไรมากมายมหาศาลอย่างแท้จริง
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกาะลอยน้ำอันล้ำค่าเกาะนี้ซึ่งมาพร้อมกับกองกำลังอันแข็งแกร่งของยักษ์มัจฉาอีกกว่าร้อยตัว สิ่งนี้จึงเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นใหญ่มากที่สุดสำหรับเขาเลยทีเดียว
หลังจากนั้นเขาก็ตรวจดูสมบัติในห้องสมบัติอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้รับสิ่งของที่เป็นสมบัติจิตวิญญาณเพิ่มขึ้นมาอีกแต่อย่างใด มีแค่ทรัพย์สมบัติและเครื่องประดับที่มีอยู่อย่างมากมายมหาศาลในห้องสมบัติเพียงเท่านั้น
หวังเสียนออกจากห้องสมบัติของสำนัก และค้นหาต่อไปในห้องใกล้เคียง
เมื่อพวกเขามาถึงห้องหนึ่งในห้องโถงใหญ่ หวังเสียน ก็ได้อ่านบันทึกประวัติของเกาะและสำนักแห่งนี้จากแผ่นหินโบราณ
เกาะนี้มีชื่อว่า เกาะมู่ฮ่วนเต๋า [เกาะต้นไม้แห่งเซียน 木幻岛] ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับสำนักของพวกเขา
ตามบันทึกของสำนักมู่ฮ่วนเต๋า พวกเขามีเหล่าสาวกมากกว่าสองพันคน
ผู้อาวุโสเจ้าสำนักนั้นมีระดับการฝึกฝนอยู่ในขอบเขตเม็ดยาเซียนขั้นสูงสุด
“สำนักโบราณระดับชั้น 1 นั้นมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ในปัจจุบันนี้เลยทีเดียว!” หวังเสียน พูดพึมพำออกมาก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
หลังจากนั้นเขาก็เดินออกมายังด้านนอก เขายืนสังเกตมองรอยเท้าของสัตว์อสูรขนาดยักษ์ซึ่งมีขนาดประมาณ 4 เมตรอย่างพิจารณา
‘สัตว์อสูรที่มีรอยเท้าใหญ่มากขนาดนี้น่าจะมีส่วนสูงอยู่ที่ประมาณ 20 เมตร แค่เพียงความแข็งแกร่งทางด้านกายภาพของมันก็น่าจะถล่มอาคารเหล่านี้ได้อย่างสบายเลยทีเดียว!’ หวังเสียน คิดกับตัวเองในขณะที่เขากำลังประเมินความเสียหายรอบๆตัว
แต่หากคิดในแง่ความเป็นจริงแล้วมันก็ไม่น่าแปลกใจเท่าใดนักที่จะมีสัตว์อสูรขนาดใหญ่มากขนาดนี้อยู่ในมหาสมุทร
เฉพาะสัตว์ตัวใหญ่อย่างเช่นปลาวาฬสีน้ำเงินที่มนุษย์ได้ค้นพบในโลกของฆราวาสนั้นก็มีความยาวมากกว่า 20 เมตรแล้ว
และสัตว์บนพื้นดินที่มีขนาดใหญ่อย่างเช่นแมมมอธที่โลกรู้จักนั้นก็ยังมีขนาดถึง 4 เมตรและมีน้ำหนักมากกว่า 3.5 ตัน
และในโลกของผู้ฝึกตนที่ซ่อนเร้นแห่งนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตอยู่อีกมากมายที่ยังไม่ได้ถูกค้นพบ ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะมีสัตว์อสูรที่มีขนาดใหญ่มากกว่า 20 เมตรอยู่ใต้มหาสมุทร
แม้ว่าปลาวาฬสีน้ำเงินนั้นจะมีขนาดที่ใหญ่มหึมา แต่ความสามารถในการต่อสู้ของมันนั้นก็อ่อนแอเป็นอย่างมากมันจึงเป็นสายพันธุ์ที่ธรรมดาหรือเรียกว่าสัตว์โลกโดยปกติเพียงเท่านั้นไม่ได้ถูกเรียกว่าสัตว์อสูร
แสงแดดส่องขึ้นมาตรงขอบฟ้ายามรุ่งอรุณเริ่มเข้ามาเยือน เป็นเวลาเดียวกันกับที่หวังเสียนได้เสร็จสิ้นการเดินสำรวจรอบๆเกาะ เมื่อเขาเดินมาถึงที่ริมชายหาด เหล่ายักษ์มัจฉาที่นำโดย อ๋าวเยี่ยฉ๋า ได้มายืนรอต้อนรับเขาอยู่แล้ว
“ถวายพระพรองค์ราชามังกร!” อ๋าวเยี่ยฉ๋า และเหล่ายักษ์มัจฉาคุกเข่าลงคำนับทักทายหวังเสียนในทันที
“เราจะสามารถเคลื่อนย้ายเกาะแห่งนี้ได้อย่างไร? และความเร็วในการเคลื่อนที่ของมันนั้นมากน้อยเพียงใด?” หวังเสียน ถามอ๋าวเยี่ยฉ๋าในทันทีหลังจากที่เขาตอบรับคำทักทายของเหล่ายักษ์มัจฉาเรียบร้อยแล้ว
ในตอนนี้ถือได้ว่าหวังเสียนนั้นเป็นเจ้าของเกาะลอยน้ำแห่งนี้อย่างสมบูรณ์แล้ว เขาจึงต้องการที่จะปรับปรุงเกาะลอยน้ำแห่งนี้ขึ้นมาใหม่
เขาต้องการเปลี่ยนเกาะลอยน้ำแห่งนี้ให้เป็นสวนสวรรค์ในอุดมคติของเขา ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ตั้งของสำนักมังกรหรือสถานที่พักผ่อนและเที่ยวเล่นสำหรับคนในครอบครัวและกลุ่มเพื่อนๆของเขา
และต่อไปในอนาคตพวกเขาไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้เรือยอร์ชหรือเรือสำราญในการเดินทางอีกต่อไป เพียงแค่ใช้เกาะลอยน้ำแห่งนี้แทน การท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆทั่วโลกโดยเกาะลอยน้ำส่วนตัวที่มีทุกสิ่งครบครันอยู่บนเกาะเช่นนี้นั้นนับว่าเป็นความหรูหราอย่างมากที่สุดในโลกเลยทีเดียว และคงจะไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบเขาได้อย่างแน่นอน
เพียงแค่เขาคิดขึ้นมามันก็เป็นเรื่องที่สุดยอดมากๆแล้ว!
“ทูลองค์ราชา! การเคลื่อนย้ายเกาะลอยน้ำแห่งนี้นั้นต้องได้รับการช่วยเหลือจากพลังงานภายนอกซึ่งได้แก่กระแสน้ำ, พลังงานลม หรือความแข็งแกร่งทางกายภาพพะยะค่ะ!” อ๋าวเยี่ยฉ๋าอธิบาย
เขากล่าวต่อไปอีกว่า “เกาะนี้ไม่ได้หนักเกินไป แม้แต่พวกเราเหล่ายักษ์มัจฉาก็ยังสามารถน้ำมันเคลื่อนที่ไปได้เช่นเดียวกัน!”
“แต่ความเร็วในการเคลื่อนที่เกาะของพวกเรานั้นค่อนข้างจะช้ามาก เนื่องจากพวกเรามีจำนวนน้อย และระยะเวลาในการเคลื่อนที่เกาะนั้นทำได้เพียงช่วงพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกเท่านั้น!” อ๋าวเยี่ยฉ๋าอธิบายเพิ่มเติม
หวังเสียน พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ตราบใดที่เกาะสามารถเคลื่อนที่ตามจุดประสงค์ได้ อย่างอื่นก็ไม่มีปัญหาอะไรมากนัก
เพราะว่าในตอนนี้เขามียักษ์มัจฉาร้อยกว่าตัวรวมถึงเหล่าสาวกแห่งวังมังกรอีกเกือบพันตัว
“มหาเสนาบดีสูงสุดไท่ฝู่!” หวังเสียน ร้องเรียกออกมาเบาๆ ก่อนที่เต่ายักษ์จะรีบเคลื่อนไหวเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
“เฉิน อยู่นี่พะยะค่ะฝ่าพระบาท!” เต่ายักษ์รีบคุกเข่าลงและรายงานตัวต่อหวังเสียน [1]
“นำเหล่าแม่ทัพและทหารแห่งวังมังกรศักดิ์สิทธิ์ของเรา ไปช่วยแม่ทัพอ๋าวเยี่ยฉ๋า และทหารในหน่วยของเขาทำการเคลื่อนย้ายเกาะลอยน้ำกลับไปยังสถานที่ตั้งของสำนักมังกรในทะเลปั๋วไห่!” หวังเสียนสั่งงานออกมาทันที
มันจะเป็นการดีที่สุดที่จะย้ายไปยังเกาะเดิมของสำนักมังกรเพราะจะได้ อำพรางเกาะแห่งนี้ไปในตัว เพราะในระหว่างที่ให้บริษัทก่อสร้างเข้ามาทำการก่อสร้างตามแบบแปลนที่หวังเสียนคิดเอาไว้ คนนอกทั่วไปจะได้ไม่เกิดความสงสัยในการดำรงอยู่ของเกาะลอยน้ำแห่งนี้
“รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ!” เต่ายักษ์รับคำสั่งด้วยความเคารพ หลังจากนั้นมันก็รวบรวมสมาชิกของวังมังกรทั้งหมดเพื่อนำเกาะลอยน้ำกลับไปยังที่ทะเลปั๋วไห่ในทันที
หวังเสียนประเมินความเร็วของเกาะที่กำลังเคลื่อนที่โดยสาวกของวังมังกร เขาค่อนข้างจะพอใจกับความเร็วในระดับนี้มากเลยทีเดียวเพราะมันช้ากว่าความเร็วของเรือยอร์ชที่วิ่งเต็มกำลังเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
และหลังจากนี้หากว่าหวังเสียนได้รับสาวกของวังมังกรศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้น การย้ายเกาะลอยน้ำโดยใช้สาวกของวังมังกรก็จะเร็วมากขึ้นเช่นกัน
และในวันนึงหากความสามารถของเหล่าผู้นำระดับสูงแห่งสาวกวังมังกรศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งมากขึ้น เพียงแค่เต่ายักษ์ไท่ฝู่ หรืออ๋าวหนี่ตัวเดียวก็อาจจะสามารถเคลื่อนย้ายเกาะลอยน้ำได้ด้วยความเร็วสูงสุดเลยก็ได้
ในระหว่างที่เกาะลอยน้ำเคลื่อนที่ด้วยความเร็วอยู่นั้น หวังเสียนก็กำลังอยู่ในสวนยาจิตวิญญาณบนเกาะลอยน้ำด้วยเช่นเดียวกัน
เขากำลังจะทดสอบความสามารถการหลอมกลั่นและปรุงยาของเขา
ในขณะที่เขากำลังเดินเลือกยาจิตวิญญาณอยู่นั้น โม่ชิงหลงและโม่หยวนก็รีบเดินเข้ามารายงานเรื่องสำคัญกับเขาในทันที
“องค์ราชาขอรับ!” คนทั้งคู่คุกเข่าลงคาราวะหวังเสียน [2]
“มีเรื่องอะไรอย่างนั้นรึ?” หวังเสียนเห็นความรีบร้อนจากท่าทางของพวกเขา หวังเสียนจึงถามเข้าประเด็นในทันที
“เมื่อครู่นี้เหล่านักรบมังกรได้รายงานเกี่ยวกับความคืบหน้าของผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหาร อสูรที่ 23 และอสูรที่ 31 มาขอรับ!” โม่ชิงหลงรายงาน
“พวกเขาพบผู้ที่อยู่เบื้องหลังแล้วอย่างนั้นรึ?” หวังเสียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เหล่าสายข่าวของพวกเราได้รับแจ้งมาว่าวันคัดเลือกทายาทคนใหม่ของสำนักเสียงสวรรค์กำลังจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ และสถานที่ที่จัดงานก็คือที่อาณาเขตนอกภูเขาของสำนักเสียงสวรรค์ และในระหว่างจัดงานผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็จะเข้าร่วมในงานพิธีนี้ด้วยขอรับ!” โม่ชิงหลงอธิบายต่อ
“และในงานนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของสำนักต่างๆจะต้องมาเข้าร่วมกันอย่างมากมาย เพราะฉะนั้นมันคงจะเป็นเรื่องยากหากจะปล่อยให้เหล่านักฆ่าอเวจีทมิฬทั้งเจ็ดคนปฏิบัติงานกันเองความสำเร็จในการสังหารผู้ที่อยู่เบื้องหลังอาจจะเท่ากับศูนย์ก็ได้ขอรับ!”
“และตามกฎของโลกยุทธภพแล้วผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นโอรสสวรรค์และธิดาสวรรค์ซึ่งเป็นทายาทสายตรงของสำนักพวกเขาจะถูกคุ้มครองโดยผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณในทันที และจะมีสถานะเป็นว่าที่เจ้าสำนักคนใหม่ เหล่าผู้อาวุโสในสำนักก็จะต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขาด้วยเช่นเดียวกัน มันจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่เด็กๆของเราจะทำงานได้สำเร็จอย่างลุล่วง!” โม่ชิงหลงอธิบายออกมาโดยละเอียด
“องค์ราชาขอรับ! พวกเราควรจะจัดการเรื่องนี้ในทันทีหรือรอโอกาสในครั้งหน้าดีขอรับ!” โม่หยวนถามออกมา
“ไม่ต้องรออะไรทั้งนั้น!” หวังเสียน ตอบออกมาพร้อมกับแผ่กลิ่นอายสังหารอันเข้มข้นออกมา “ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารคนของพวกเราจะต้องเป็นหนึ่งในผู้ที่สมัครลงคัดเลือกเป็นทายาทของสำนักเสียงสวรรค์ในครั้งนี้อย่างแน่นอน เพราะพฤติกรรมที่แสดงออกมาของการจ้างวานนั้นจงใจกำจัดคู่แข่งโดยเฉพาะ!” หวังเสียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“พวกเราจะเดินทางไปแก้แค้นให้กับคนของพวกเราโดยเร็วที่สุด!” หวังเสียน ยังคงพูดออกมาพร้อมกับดวงตาที่สาดประกายอันเย็นยะเยือก อย่างน่ากลัว!
……….
จบบท
EndNote: [1] เฉิน คือคำเรียกแทนตัวเองของเหล่าข้าราชบริพาร เช่นเดียวกับคำว่าข้าน้อยหรือกระหม่อม แต่คำว่าเฉินนั้นจะเป็นภาษาทางราชการและเป็นการให้เกียรติองค์ราชาของตัวเองมากกว่า
[2] การเรียกขานและการพูดคุยกับหวังเสียนของเหล่านักรบมังกรและเหล่าสาวกวังมังกรศักดิ์สิทธิ์นั้นจะค่อนข้างแตกต่างกัน เนื่องจากเหล่านักรบมังกรส่วนมากจะอยู่บนพื้นดินที่สำนักมังกร ซึ่งเป็นสังคมของมนุษย์ หวังเสียนไม่ต้องการระเบียบและพิธีการที่วุ่นวายมากนัก ไม่เหมือนกับเหล่าสาวกแห่งวังมังกรที่เป็นสัตว์อสูร สาวกพวกนี้จะต้องติดตามเขาตลอดไปแม้กระทั่งก้าวเข้าไปสู่โลกใบอื่น….