ตอนที่ 324 เริ่มพิธีคัดเลือกธิดาสวรรค์!
.
กระบี่เล่มนี้อยู่คู่กับพิณห้าวจงเพื่อคอยปกป้องผู้เป็นเจ้าของพิณนั้นมีชื่อเรียกว่ากระบี่คู่รัก
ตามบันทึกในประวัติศาสตร์ในตอนท้ายสุดของพิณห่าวจง มันได้ถูกมอบให้กับหญิงสาวนางหนึ่งโดยสามีของนาง และยิ่งไปกว่านั้นสามีของนางได้นำกระบี่บางหยุนสุ่ยเข้ามารวมเก็บไว้เป็นส่วนหนึ่งของพิณห่าวจงเพื่อให้ภรรยาของเขานั้นเอาไว้ป้องกันตัวเอง
กระบี่บางหยุนสุ่ยนั้นเป็นหนึ่งในกระบี่ที่มีชื่อเสียงที่ดีมากเล่มหนึ่งเลยทีเดียว ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีชื่อเสียงเท่ากับดาบโบราณที่มีชื่อทั้งสิบก็ตาม แต่มันก็ได้รับการยกย่องจากชาวยุทธหลายๆคนว่าเป็นกระบี่ที่ยอดเยี่ยมเล่มหนึ่งเลยทีเดียว
กระบี่เล่มนี้นั้นเหมาะสำหรับผู้หญิงเป็นอย่างมาก ด้ามดาบนั้นเป็นสีแดงเพลิงแกะสลักคล้ายกับขนนก ส่วนตัวกระบี่มีลักษณะบางคล้ายกับปีกจักจั่นแต่สีของตัวกระบี่นั้นเป็นสีฟ้าครามคล้ายกับสีของหยดน้ำทะเล มันถูกหลอมขึ้นมาจากโลหะที่ก่อตัวขึ้นจากบ่อเหมันต์หมื่นปี
คุณสมบัติของกระบี่เล่มนี้เป็นอาวุธวิญญาณที่เกี่ยวกับธาตุน้ำโดยตรง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงอาวุธวิญญาณระดับ 9 แต่ความแข็งแกร่งของธาตุน้ำในตัวกระบี่นั้นมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับอาวุธวิญญาณระดับ 10 บางชิ้นได้เลยทีเดียว
และเนื่องจากมันถูกเก็บและหลอมรวมไว้กับพิณห่าวจง นักประวัติศาสตร์บางคนจึงตั้งชื่อของมันเอาไว้ว่า ‘เสียงแห่งสวรรค์พิณห่าวจง กระบี่บางหยุนสุ่ยปกป้องคู่รัก’
หลังจากผ่านกาลเวลาและประวัติศาสตร์อันยาวนาน ชาวยุทธในโลกยุทธภพรุ่นหลังๆ จึงจดจำและกล่าวขานสั้นๆเพียงว่า ‘พิณห่าวจง กระบี่คู่รัก’ ทั้งสองสิ่งนี้ไม่สามารถแยกห่างจากกันได้ เปรียบดังคู่สามีและภรรยาที่จะไม่แยกจากกัน
เมื่อนึกถึงข้อมูลและตำนานคู่รักที่เกี่ยวกับ พิณห่าวจงและกระบี่คู่รัก ถังหยินซวง ก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงพร้อมกับทำหน้ามุ่ยออกมาอย่างน่ารัก
เธอดึงกระบี่คู่รักออกมาจากพิณห่าวจง ก่อนที่จะดึงมันออกจากฝักอย่างช้าๆ
ชิ้งงงงง!~~
เสียงที่สั่นสะท้านดังออกมาจากจิตวิญญาณของกระบี่เหมือนกับเสียงของสายน้ำไหลดังก้องกังวานแสดงออกถึงความคมของตัวกระบี่
ด้ามกระบี่สีแดงเพลิงและตัวกระบี่ที่เป็นสีฟ้าครามบอบบางเหมือนกับหยดน้ำทะเล มองดูแล้วเป็นการเล่นสีระหว่างตัวด้ามจับและตัวของกระบี่สวยงามและลงตัวเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
ตัวกระบี่นั้นมีน้ำหนักที่เบาเป็นอย่างมาก แต่ความคมและความแข็งแกร่งของมันนั้นก็ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน
ถังหยินซวง กวาดแกว่งกระบี่เบาๆพลังออร่าแห่งธาตุน้ำก็โหมกระหน่ำออกมาจากตัวกระบี่อย่างรุนแรง ถึงแม้ว่าตัวเธอนั้นจะไม่เชี่ยวชาญเพลงกระบี่มากนัก แต่ตัวเธอก็พอจะมีพื้นฐานทางด้านนี้อยู่บ้างเช่นเดียวกัน
หลังจากนั้นเธอมองไปที่ช่องด้านล่างของพินห่าวจง ที่ด้านล่างของช่องเก็บกระบี่นั้นมีม้วนคัมภีร์เกี่ยวกับเพลงกระบี่อยู่ด้านใน มันเป็นจริงอย่างที่จิตวิญญาณของกระบี่ส่งถึงเธอ
ทักษะวิชาเพลงกระบี่หยุนสุ่ย! [เพลงกระบี่เมฆาวารี 云水]
ถึงแม้ว่าพิณห่าวจงจะเป็นอาวุธวิญญาณระดับ 10 และกระบี่หยุ่นสุ่ยจะเป็นเพียงอาวุธวิญญาณระดับ 9 แต่อาวุธวิญญาณทั้งคู่นั้นกับสื่อถึงกันได้อย่างน่าแปลกประหลาด มันเป็นเหมือนอาวุธวิญญาณที่สร้างขึ้นมาคู่กันอย่างแท้จริง
ถังหยินซวง กอดอาวุธวิญญาณทั้งคู่เอาไว้อย่างรักใคร่ด้วยดวงตาที่พร่ามัวและเหม่อลอย
เมื่อเธอได้สติขึ้นมาและนึกถึงความหมายแฝงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังอาวุธวิญญาณทั้งคู่นี้ ใบหน้าของเธอนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับพูดพึมพำออกมาเบาๆ
“เนื่องจากข้าได้ยอมรับอาวุธวิญญาณทั้งคู่นี้เป็นอาวุธคู่กายของข้าแล้ว ข้าก็คงไม่อาจละทิ้งความสัมพันธ์ตามชื่อของอาวุธวิญญาณทั้งคู่นี้ได้ นั่นก็หมายความว่าผู้ที่มอบอาวุธวิญญาณทั้งคู่นี้ให้กับข้านั้น…”
แววตาของเธอนั้นเปลี่ยนไปเป็นเหมือนกับแสงดาวระยิบระยับยามค่ำคืน เธอยิ้มออกมาบางๆอย่างอ่อนโยนก่อนจะเก็บกระบี่คู่รักกลับเข้าไปในตัวพิณห่าวจง พร้อมกับห่อมันไว้ด้วยผ้าไหมชิ้นที่หวังเสียนได้นำมามอบให้กับเธออย่างระมัดระวัง
เธอแหงนหน้ามองไปที่ดวงจันทร์กลมโตและสว่างไสวนอกห้องนอนของเธอด้วยรอยยิ้ม
ในเวลานี้เธอนั้นรู้สึกอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก เธอจึงกลับไปนอนที่เตียงของเธอพร้อมกับหลับไปด้วยรอยยิ้ม
….
เช้าวันรุ่งขึ้นบนลานกว้างของเขตภูเขาทั้ง 9 แห่ง ในอาณาเขตของสำนักเสียงสวรรค์ ถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่รื่นเริงสามารถได้ยินเสียงดนตรีที่ไพเราะและเสียงนกร้องขับขานพร้อมกับบินไปมาเหมือนกับว่าพวกมันนั้นกำลังเต้นรำอยู่บนท้องฟ้า
นอกเหนือจากเสียงดนตรีที่ไพเราะและมีเสน่ห์แล้วเสียงนกร้องและเสียงลมพัดใบไม้ไหวยังก่อให้เกิดเสียงสำเนียงและออร่าทางธรรมชาติที่ฟังแล้วรู้สึกเบากายและเบาสบายใจเป็นอย่างมาก
นกหลายหมื่นตัวกระพือปีกและเคลื่อนไหวไปตามสายลมและเสียงดนตรี
เหล่าสาวกทั้งหมดของสำนักเสียงสวรรค์ ต้องออกมาฝึกฝนเล่นเครื่องดนตรีกันตั้งแต่ในตอนเช้าตรู่
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง วันนี้เป็นวันที่ภูเขาทั้ง 9 ของสำนักเสียงสวรรค์นั้นเต็มไปด้วยเสียงดนตรีที่ไพเราะทุกประเภท
การคัดเลือกโอรสสวรรค์นั้นได้สิ้นสุดลงไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน สำหรับในวันนี้นั้นจะเป็นการคัดเลือกธิดาสวรรค์แห่งสำนักเสียงสวรรค์
ถังหยินซวงอุ้มพิณห่าวจงออกมาจากบ้านพักของเธออย่างทะนุถนอม เมื่อเธอเดินมาถึงสวนหลังบ้านส่วนบนของยอดเขา เธอได้กระทำเช่นเดียวกันกับเช้าวันอื่นๆ เธอจะทำความสะอาด สถานที่ที่เธอจะวางพิณด้วยความสะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบเรียบร้อย
ถึงแม้ในขณะนี้ทั่วทั้งยอดเขาทั้ง 9 จะเต็มไปด้วยเสียงดนตรี ของสาวกคนอื่นๆที่กำลังฝึกซ้อมกันอย่างขะมักเขม้น แต่มันไม่ได้ส่งผลต่ออารมณ์ของเธอเลยแม้แต่น้อย
ดวงตาของถังหยินซวง สว่างขึ้นในขณะที่เธอมองไปยังพิณห่าวจงที่วางอยู่อย่างเรียบร้อยตรงหน้า เธอวางนิ้วเรียวยาวของเธอลงบนสายพิณเบาๆ
บริ๊งงงง!~♪♩♫♭ ♪ノ♫ ♬♩♪~
เสียงดนตรีและเสียงตัวโน๊ตดังขึ้นก้องกังวานไปทั่วรัศมีกว่าหนึ่งพันเมตร
“เกิดอะไรขึ้นทำไมพิณของข้าถึงไม่มีเสียง”
“นี่มันแปลกๆเกิดอะไรขึ้นเสียงของโน๊ตดนตรีเมื่อครู่นี้นั้นได้ลบเสียงโน๊ตดนตรีอื่นๆ ออกไปจนหมดสิ้น!”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมเอ้อหู ของข้าถึงไม่ส่งเสียงอะไรออกมาเลย [1]
[ซอเอ้อหูหรือซออู้ 2 สาย 二胡]
ในขณะนี้มีเสียงการพูดคุยที่ประหลาดใจของเหล่าสาวก อยู่รอบๆตัวเธอ
ถังหยินซวงเองก็รู้สึกตกใจมากเช่นเดียวกัน เธอจ้องมองไปที่พิณห่าวจงซึ่งวางอยู่ตรงหน้าเธอด้วยรอยยิ้มบางๆ เธอค่อยๆยกมันขึ้นมาพร้อมกับอุ้มมันกลับไปที่ห้องของเธอในทันที
ในขณะนี้ผู้หญิงคนหนึ่งบนยอดเขาเก้ายอด ลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“นั่นมันเสียงอะไรกัน? หรือว่าจะเป็นเสียงของพิณแห่งสวรรค์!”
“ไม่!…มันไม่ใช่…มันไม่เหมือน…!”
หญิงสาวลุกขึ้นยืนหลับตาและต้องการฟังอย่างตั้งใจอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงของพิณที่ได้ยินในก่อนหน้านี้ดังขึ้นมาอีกเลย ในท้ายที่สุดเธอก็นั่งลงด้วยความสับสน
….
“เมื่อวานนี้ ฟางเฉินจื่อ ได้กลายเป็นโอรสสวรรค์ไปแล้ว และในวันนี้ข้าไม่รู้ว่าใครจะได้เป็นธิดาสวรรค์ของสำนักเรากันแน่!”
“ยังจะต้องถามอีกอย่างงั้นเหรอศิษย์พี่ ข้าว่ายังไงก็ต้องเป็นศิษย์พี่หญิงหูอย่างแน่นอน ในตอนนี้ศิษย์พี่หญิงหูนั้นเป็นครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณแล้ว และเธอก็ยังมีเครื่องดนตรีวิญญาณที่เป็นอาวุธวิญญาณระดับ 7 อยู่ในครอบครองอีกด้วย ในบรรดาลูกศิษย์หญิงเธอน่าจะมีความแข็งแกร่งมากที่สุด!”
“มันคงยังยากที่จะสรุปได้ว่าใครนั้นแข็งแกร่งมากที่สุดในบรรดาศิษย์รุ่นนี้ ถังหยินซวง, ฟางเฉินจื่อ และโอหยางหยาน ต่างก็อยู่ในระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณกันทั้งนั้น แล้วพวกเขาต่างก็เป็นคู่แข่งกันมานานแล้วด้วย!”
“แต่การแข่งขันชิงตำแหน่งธิดาสวรรค์ในครั้งนี้ข้าคิดว่า ศิษย์พี่หญิงหู มีเปอร์เซ็นที่จะสามารถได้เป็นธิดาสวรรค์มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เพราะเราไม่สามารถพิจารณาเพียงแต่ความแข็งแกร่งของศิษย์ที่เข้าแข่งขันเพียงอย่างเดียวได้ เราควรพิจารณาถึงอิทธิพลและคนที่สนับสนุนศิษย์พี่หญิงหูด้วย เพราะในตอนนี้ศิษย์พี่หญิงนั้นมีระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณถึง 2 คนอยู่ภายใต้บังคับบัญชา และหนึ่งในนั้นก็ยังติดเทียนเจียวอันดับที่ 20 อีกด้วย!”
เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นเหล่าสาวกของสำนักเสียงสวรรค์ก็ได้เดินทางไปยังสนามฝึกซ้อมหลัก
ระหว่างทางไปที่นั่นเหล่าสาวกหลายคนต่างจับกลุ่มพูดคุยสนทนากันอย่างดุเดือด และสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกันนั้นก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับเครื่องดนตรีของพวกเขาที่ไม่สามารถสร้างเสียงดนตรีออกมาได้เมื่อเช้านี้
ถังหยินซวงนำพิณติดตัวมาด้วย 2 คัน ในขณะที่เธอเดินไปที่สนามฝึกซ้อมหลักนั้น ระหว่างทางเหล่าสาวกคนอื่นๆต่างทักทายเธอด้วยความเคารพ
นอกจากนี้ยังมีสาวกบางกลุ่มที่มองมายังเธอด้วยสายตาที่เย็นชา
สนามฝึกซ้อมหลักของสำนักเสียงสวรรค์นี้อยู่ตรงกึ่งกลางของภูเขาทั้ง 9 ลูก สำนักเสียงสวรรค์แห่งนี้นั้นมีสาวกไม่มากเท่าไหร่นัก เมื่อนับรวมๆแล้วมีเหล่าสาวกชายหญิงอยู่ประมาณพันกว่าคนเพียงเท่านั้น
แต่เหล่าสาวกของสำนักเสียงสวรรค์ค่อนข้างที่จะโดดเด่นกันทุกคน พวกเขามีความหล่อเหลาและสวยงามในแง่ของรูปลักษณ์ รวมถึงท่วงท่าและน้ำเสียงของพวกเขาเองด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ถังหยินซวง นั้นยังคงเปล่งประกายมากที่สุดในบรรดาเหล่าสาวกทั้งหมด เพราะรูปร่างหน้าตาและทรวดทรงของเธอนั้นเหมือนกับนางฟ้าเลยทีเดียว
เหล่าสาวกที่มาถึงสนามซ้อมหลักก่อนหน้านั้น ต่างยืนรอกันอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย พวกเขาไม่ได้พูดคุยหรือส่งเสียงใดๆกันออกมาเลย
และการมาถึงของถังหยินซวง ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากในทันที
นอกจากเธอแล้วยังมีเด็กสาวอีก 2-3 คนที่สามารถดึงดูดความสนใจของเหล่าสาวกคนอื่นๆ ได้เช่นเดียวกัน
“ศิษย์พี่หญิงหูมาแล้ว!”
ในขณะนั้นเองมีเสียงตะโกนดังออกมาจากกลุ่มของเหล่าสาวก เมื่อทุกคนหันมองไปพวกเขาก็เห็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์และรูปร่างที่ร้อนแรง กำลังเดินตรงไปที่สนามฝึกซ้อมด้วยท่าทางที่สง่างาม
เธอแต่งกายด้วยชุดสีดำแนบสนิทกับทรวดทรงอันสมบูรณ์ของเธอ เมื่อมองดูแล้วเธอเหมือนกับซัคคิวบัสในยามรัตติกาล ทุกการกระทำและทุกท่วงท่าของเธอนั้นดึงดูดความสนใจของเหล่าสาวกชายให้ใจเต้นแรงได้ในทันที [2]
สาวกชายจำนวนมากอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอเหมือนคนที่กำลังหิวกระหาย
เธอเป็นหนึ่งในสาวกเพียงไม่กี่คนที่สามารถฝึกฝนทักษะคลื่นเสียงกระซิบแห่งภูตพรายได้
ทักษะคลื่นเสียงกระซิบแห่งภูติพรายนั้นเป็นทักษะที่สะกดและครอบงำจิตใจระดับสูงมากทักษะหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะหญิงสาวที่ฝึกฝนทักษะวิชานี้นั้นสามารถใช้เสน่ห์ของเธอครอบงำเหล่าเพศชายให้อยู่ใต้คำสั่งของเธอได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว
และในขณะนี้มีชายหนุ่มสองคนเดินตามหลังเธอมาด้วยท่าทางที่ภาคภูมิใจ ถึงแม้ว่าในขณะนี้เหล่าสาวกของสำนักเสียงสวรรค์จะรวมตัวกันอยู่อย่างมากมาย แต่พวกเขาก็ยังคงเชิดหน้าและมีความรู้สึกที่เหนือกว่าคนอื่นๆ
“โอ๊ะ! ทำไมศิษย์พี่หญิงหู ถึงไม่ได้นำพิณกู่ชาประจำตัวของศิษย์พี่มาด้วยล่ะ แต่เธอกลับนำพิณคันอื่นมาแทน!”
“ใช่เลยล่ะ! แล้วพิณคันนี้ที่ศิษย์พี่หญิงนำมานั้นดูธรรมดาเป็นอย่างมาก แต่จะไม่ว่าอย่างไรก็ตามความสามารถของศิษย์พี่นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเธอจะใช้พิณธรรมดาก็ตามที!”
ในขณะนี้โอรสสวรรค์เฉินจื่อสวมชุดเต็มยศแบบโบราณของสำนักเสียงสวรรค์ เดินออกมาด้วยท่วงท่าที่สง่างาม และมีเหล่าสาวกสิบกว่าคนเดิมตามหลังเขามาเหมือนกับเหล่าทหารองครักษ์
ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขานั้นจะค่อนข้างจะเย็นชาเป็นพิเศษ แต่ความความสง่างามก็ยังคงสาดประกายออกมาจากตัวของเขา
“คารวะโอรสสวรรค์!” เหล่าสาวกที่อยู่ใกล้ๆกันกับเขา ต่างรีบทักทายเขาด้วยความเคารพ
โอรสสวรรค์เฉินจื่อ พยักหน้ารับอย่างแผ่วเบา ก่อนที่เขาจะเดินไปที่ด้านล่างของเวทีแล้วนั่งลงยังตำแหน่งของเขา
นี่ถือได้ว่าเป็นที่นั่งที่สงวนไว้สำหรับกลุ่มผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักเสียงสวรรค์ และโอรสสวรรค์ของสำนักก็มีคุณสมบัติจะนั่งที่นี่เช่นเดียวกัน
ในไม่ช้าเจ้าสำนักและรองเจ้าสำนักรวมถึงเหล่าผู้อาวุโสของสำนักเสียงสวรรค์ก็เดินทางมาถึงสนามฝึกซ้อมหลักอย่างพร้อมเพียงกัน
…………
จบบท
EndNote : [1] ซอเอ้อหู เป็นเครื่องดนตรีประเภทสี มีประวัติตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง อายุมากกว่า 1,000 ปี ในสมัยนั้น เรียกว่า ซีฉิน เวลาต่อมาเผ่าหู ได้นำมาพัฒนาและเป็นที่นิยมเล่นเครื่องดนตรีนี้ถูกเรียกว่า หูฉินด้วยลักษณะซอที่มีสองสาย จึงถูกเรียกว่า เอ้อหู ในปัจจุบัน เพราะคำว่าเอ้อ แปลว่า สอง ในภาษาจีนนั่นเอง ลักษณะของเสียงที่เป็นเอกลักษณ์เสียงยามบรรเลงเพลงเศร้า ก็เปรียบเสมือนเสียงคนร้องไห้สะอึกสะอื้น บรรเลงเพลงครึกครื้นก็มีพลัง สร้างความตื่นตาตื่นใจได้ทันที
[2] ปีศาจแฝงฝัน หรือ ซัคคิวบัส (Succubus) ตามความเชื่อแล้ว ลักษณะของซัคคิวบัส จะเป็นปีศาจที่อยู่ในรูปของผู้หญิงที่มีเสน่ห์เย้ายวน ที่แฝงด้วยอาคมจนยากที่ชายใดจะปฏิเสธได้ เชี่ยวชาญด้านการหลอกล่อผู้ชาย ร่างจริงจะมีปีก ตาคล้ายงู แต่สามารถแปลงกายให้คล้ายมนุษย์ได้ จะล่าเหยื่อในฝัน โดยจะหลอกล่อเหยื่อ แล้วมอบความฝันสุดปรารถนาให้กับชายที่โดนสิง แลกกับไอชีวิตของเหยื่อ เหยื่อจะสูญเสียพลังงานอย่างมากบางทีอาจถึงชีวิต ปีศาจประเภทนี้ในขณะที่ยังไม่โตเต็มที่ จะเป็นได้ทั้งชายและหญิง เมื่อโตเต็มที่จึงจะเลือกเพศ โดยปีศาจประเภทนี้ที่เป็นชาย จะมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า อินคิวบัส (incubus) ซึ่งต่างก็มีพฤติกรรมการล่าคล้ายกัน หากแต่จะเลือกเหยื่อที่เป็นเพศตรงข้ามกับตนเอง พฤติกรรมของซัคคิวบัสนั้นเชื่อได้ว่ามีเค้าโครงมาจากลิลิมซึ่งเป็นลูกสาวของลิลิธในตำนานของชาวยิว
เป้าหมายที่เป็นเหยื่อของซัคคิวบัส มักจะอยู่ที่บาทหลวงหนุ่มๆ เพื่อเป็นการขโมยพลังที่จะใช้ต่อสู้กับซาตานไป เช่นเดียวกับอินคิวบัสที่ส่วนใหญ่จะมีเป้าหมายเป็นแม่ชีสาวๆ ซึ่งสิ่งที่ซัคคิวบัสขโมยไปจากผู้ชายคือน้ำอสุจิ เพื่อนำไปใช้ในการสร้างภูตผีใหม่ๆ ขึ้นมา โดยเชื่อกันว่าการที่ผู้ชายฝันเปียกเพราะการทำร้ายจากซัคคิวบัสนั่นเอง