“มันจะเป็นไปได้อย่างไร?!”
ในขณะที่นายทหารวัยกลางคน พูดคุยและมอบหมายหน้าที่การปรับแต่งยาให้กับหวังเสียน เปี่ยนเหยาฉวน ที่ยืนอยู่ใกล้ๆกันนั้นก็เบิกตากว้างและรู้สึกไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เขาจ้องมองไปที่ด้านหลังของคนทั้งคู่ พร้อมกับกำหมัดจนแน่นด้วยความโกรธแค้น
ในก่อนหน้านี้ตัวเขานั้นคิดว่าเขาเป็นลูกศิษย์ที่มีความสามารถและพรสวรรค์โดดเด่นมากที่สุดของสำนักสวนศาลาสมุนไพรในรุ่นนี้ เขาเป็นนักปรุงยาระดับ 3 ตอนอายุ 30 ปี และคนในสำนักต่างเคยบอกกับเขาว่าเขานั้นเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่งในรอบร้อยปี
พ่อกับแม่ของเขายังเคยบอกกับเขาด้วยอีกว่า ความเป็นอัจฉริยะและพรสวรรค์ของเขาจะดึงดูดความสนใจของชาวยุทธในโลกยุทธภพ จนสามารถมีชื่อเสียงที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำของเหล่าชาวยุทธได้อย่างแน่นอน เขาจะเป็นยอดยุทธอันดับ 1 ในหมู่เยาวชนรุ่นเยาว์ในยุคนี้
แต่วันนี้เขานั้นได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจครั้งแล้วครั้งเล่า!
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาศึกษาทักษะการปรุงยามาทั้งชีวิต และถือได้ว่าเชี่ยวชาญเรื่องนี้เป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการกลั่นต้นยาจิตวิญญาณให้กลายเป็นของเหลว หรือกระทั่งอัตราส่วนผสมของยาจิตวิญญาณรวมถึงการบีบอัดควบแน่นจนกลายเป็นเม็ดยา ถือได้ว่าเขานั้นมีพรสวรรค์และความเร็วมากที่สุดในสาวกระดับเดียวกัน
แต่ในวันนี้เขาต้องมาพบเจอชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขาและสามารถกลั่นต้นยาจิตวิญญาณให้กลายเป็นของเหลวจนสามารถได้น้ำยาจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที มิหนำซ้ำยังสามารถหลอมรวมและขึ้นรูปเม็ดยาได้ไม่ถึง 1 นาที และอัตราความสำเร็จยังอยู่ที่ร้อยเปอร์เซนต์อีกด้วย!
หมอเทวะไร้สังกัดที่ไม่มีแม้กระทั่งกองกำลังที่แข็งแกร่งจะสนับสนุน แต่มีความสามารถด้านการหลอมกลั่นและปรุงยาเหนือกว่าเขาที่ศึกษาและร่ำเรียนมาจากสำนักที่สอนการปรุงยาโดยเฉพาะ!
สิ่งนี้จะไม่ทำให้เขาหดหู่และรู้สึกขาดความเชื่อมั่นได้อย่างไร
เปี่ยนเหยาฉวนยังคงยืนมึนงงอยู่ตรงที่เดิม แรงระเบิดทางด้านจิตใจในครั้งนี้กระทบกับจิตวิญญาณความเชื่อมั่นของเขาโดยตรง
“หมอเทวะหวังจากเมืองเจียงเฉิงคนนี้ คงจะมีโอกาสที่ดีได้พบโชคลาภวาสนาบางอย่างมาแน่ ไม่เช่นนั้นมันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถประสบความสำเร็จในระดับนี้ได้ทั้งๆที่เขาอายุเพียงแค่ 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นทักษะทางการแพทย์และทักษะการปรุงยาของเขานั้นอยู่ในระดับสูงมากเลยทีเดียว!” ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ พูดในเชิงวิเคราะห์กับกลุ่มคนรู้จักของเขา
“อายุเพียงแค่ 20 ปีก็ติดอันดับที่ 9 ของการจัดอันดับหมอเทวะศักดิ์สิทธิ์ มิหนำซ้ำยังมีความชำนาญทางด้านทักษะการปรุงยาระดับสูงอีกด้วย ต่อไปในอนาคตหมอเทวะหวังคนนี้คงจะมีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน!”
“เขามีความยอดเยี่ยมมากเช่นนี้นี่เอง ไม่น่าแปลกใจเลยที่ข้าเคยได้ยินมาว่าหมอเทวะหวังคนนี้มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณหลายคนคอยช่วยเหลือเขา จริงๆแล้วเขาเป็นนักปรุงยาที่ทรงพลังนี่เอง ถึงได้มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญมากมายที่ยินดีจะเป็นพันธมิตรกับเขา!”
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณหลายคนกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับหวังเสียน ชายหนุ่มหลายคนที่ตามผู้อาวุโสของพวกเขาออกมาหาประสบการณ์ยังโลกยุทธภพ ต่างรู้สึกอิจฉาหวังเสียนกันเป็นอย่างมาก
มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของสังคมมนุษย์ เมื่อมีคนที่โดดเด่นก็จะต้องมีคนที่คอยอิจฉาและปองร้ายอยู่อย่างเงียบๆ!
“นี่นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเลยทีเดียว!”
ชายชราสองสามคนจากสำนักเซิ่งเหมินถูกำลังยืนพูดคุยกัน ดวงตาของพวกเขาแสดงความโลภออกมาอย่างชัดเจน
พวกเขากระซิบกระซาบพูดคุยกันอยู่อย่างเงียบๆ
“นายน้อย!”
ชายชราสองคนจากสำนักสวนศาลาสมุนไพร เดินไปที่เปี่ยนเหยาฉวน พร้อมกับเรียกชื่อของเขาออกมาเบาๆ ก่อนที่เขาจะกระซิบพูดคุยเรื่องบางอย่างที่ข้างหูของเปี่ยนเหยาฉวน ก่อนที่พวกเขาทั้งสามคนจะเดินออกไปจากเต็นท์กองอำนวยการ
คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก!
หวังเสียนในฐานะผู้บ่มเพาะจอมขี้โกงแห่งโลกใบนี้ ที่ฝึกฝนโดยการกลืนกินพลังงานมังกรเพื่อเพิ่มระดับความแข็งแกร่งและความสามารถด้านอื่นๆของเขา ในตอนนี้เขาไม่รู้ว่าในสายตาของผู้อื่นเขานั้นเป็นเหมือนขุมสมบัติที่หลายคนจ้องมอง เตรียมตัวที่จะขุดค้นและปล้นชิงสมบัติของเขากันอย่างเต็มที่!
แต่ถึงเขาจะรู้เขาก็ไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อย เพราะทักษะทางด้านการแพทย์และทักษะการปรุงยาที่คนอื่นๆ คิดว่าเขานั้นได้รับมาจากซากโบราณสถานหรือพื้นที่มิติทับซ้อนนั้นมันไม่มีอยู่จริง
มันเป็นเพียงแค่ความสามารถของระบบที่มอบให้กับเขา รวมถึงโชคดีของตัวเขาเองที่สามารถเปลี่ยนสายเลือดของราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ที่ระบบมอบให้ จนกลายพันธุ์เปลี่ยนไปเป็นสายเลือดของราชันย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุ!
และความสามารถต่างๆที่เขาแสดงออกมานั้น มันเป็นความสามารถชนิดที่ติดตัวและคงจะไม่มีใครสามารถเลียนแบบหรือปล้นชิงไปจากตัวเขาได้!
ต่อให้มีคนคิดไม่ดีกับเขามันก็คงจะไม่สามารถทำอะไรกับเขาได้ มิหนำซ้ำอาจจะเป็นการกระทำที่แสวงหาความตายให้กับตัวเองและพวกพ้องเท่านั้นเอง
….
“ฮู้วววว! เสร็จสิ้นเสียที!”
ในที่สุดหวังเสียน ก็สามารถปรับแต่งเม็ดยาล้างเลือดได้จำนวน 330 เม็ด เมื่อเวลาล่วงเลยเข้ามาถึงยามค่ำคืนแล้ว
มียาเพิ่มอีกขึ้นมาอีก 30 เม็ด!
“ท่านผู้การฯ เม็ดยาที่ผมได้ปรับแต่งทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว!”
หวังเสียนเดินออกมาจากเต็นท์หลังหนึ่ง เขาเดินตรงเข้าไปหานายทหารวัยกลางคน ที่นั่งจิบกาแฟรอเขาอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย
หวังเสียนยิ้ม พร้อมกับส่งขวดกระเบื้องลายครามที่บรรจุยาล้างเลือดให้กับเขา
“นี่คือเม็ดยาจิตวิญญาณระดับ 3 เม็ดยาล้างเลือดจำนวน 300 เม็ด ส่วนต่างที่เหลืออีก 30 เม็ด ผมขอเก็บเอาไว้ส่วนตัวก็แล้วกันนะ!” หวังเสียนพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“โอ๊ะ!” นายทหารวัยกลางคนรู้สึกตกตะลึงและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่ในไม่ช้าเขาก็พยายามสงบสติอารมณ์ของเขาลง ในขณะที่เขาเปิดขวดกระเบื้องลายครามเพื่อสำรวจดูคุณภาพของเม็ดยาที่อยู่ข้างใน
หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “เม็ดยาจิตวิญญาณจำนวนมากถึง 300 เม็ด นั้นเกินความคาดหมายของเราจริงๆ หลังจากผมได้คุยกับทางเบื้องบนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้ว พวกเขาตกลงที่จะรับไว้เพียงแค่ 200 เม็ดเท่านั้น ส่วนที่เหลือนั้นถือได้ว่าเป็นความสามารถของหมอเทวะหวังที่สมควรจะได้รับมัน!”
นายทหารวัยกลางคนยิ้มให้กับหวังเสียน อย่างสุภาพ เขาลังเลเล็กน้อยก่อนที่พูดเป็นประโยคคำถามออกมา “ทางเบื้องบนให้ผมถามกับหมอเทวะหวังเกี่ยวกับความร่วมมือกับกองทัพ หมอเทวะหวังสามารถเรียกร้องค่าตอบแทนได้โดยตรง ทางผู้ใหญ่เบื้องบนหวังว่าจะได้รับเกียรติร่วมมือกับหมอเทวะหวังเป็นอย่างยิ่ง!”
“อืมม! ผมขอโทษจริงๆ ผมไม่ค่อยชินกับการอยู่ใต้กฎระเบียบและข้อบังคับสักเท่าไหร่ ผมชอบเป็นอิสระมากกว่า!” หวังเสียนแสร้งทำท่าคิดใคร่ครวญเล็กน้อยก่อนที่จะส่ายหัวปฏิเสธอย่างสุภาพ
“น่าเสียใจจริงๆ! แต่พวกเราก็เคารพการตัดสินใจของหมอเทวะหวัง แต่ต่อไปในอนาคต หากทางกองทัพมีเรื่องขอร้องหมอเทวะหวัง ผมหวังว่าพวกเราคงจะมีโอกาสได้ทำงานร่วมกันอีกนะครับ!”
นายทหารวัยกลางคนยื่นมือออกไปจับมือกับหวังเสียนด้วยรอยยิ้มอย่างสุภาพ
“นั่นแน่นอนอยู่แล้วครับ! อย่างน้อยผมก็เป็นคนจีนคนนึง ผมยินดีจะช่วยเหลือประเทศอย่างเต็มที่หากผมสามารถทำได้!” หวังเสียน ยื่นมือไปจับมือกับนายทหารวัยกลางคนด้วยรอยยิ้ม การทำงานร่วมกับกองทัพของรัฐบาลเป็นครั้งคราว นั้นถือได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อตัวเขามากเช่นเดียวกัน
“หมอเทวะหวังครับ ผมจะนำทางคุณไปยังที่พักของคุณให้เอง ในพรุ่งนี้เช้าพวกเราทั้งหมดจะเข้าไปสำรวจในพื้นที่ที่ค่อนข้างจะอันตราย!” นายทหารวัยกลางคนพูดออกมา ขณะเดินนำหวังเสียนไปยังที่พักของเขา
บรรยากาศด้านนอกนั้นมืดสนิท มีเสียงสัตว์ร้ายร้องอยู่ในระยะไกลๆฟังดูโหยหวนจนน่าขนลุกขนพอง!
แต่ในความมืดเช่นนี้ไม่มีผลใดๆ ต่อสายตาของหวังเสียนเลย ในสายตาของเขายังคงเห็นได้อย่างชัดเจนเพียงแต่มืดครึ้มมากกว่าเวลากลางวันเพียงเล็กน้อย
เมื่อเขามาถึงเต็นท์ที่พักของเขา ครู่ต่อมาก็มีคนนำอาหารค่ำมาส่งให้เขาถึงที่เต็นท์ หลังจากนั้นไม่นาน ซุนหลิงซิ่วและหมอโลหิตก็เดินเข้ามาหาเขา
“เสี่ยวเสียน!”
ซุนหลิงซิ่วนั่งข้างเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“หลิงซิ่ว คุณพบอะไรเกี่ยวกับสัตว์กลายพันธุ์พวกนี้หรือไม่!” หวังเสียนหันไปถามซุนหลิงซิ่วที่นั่งอยู่ข้างๆเขา
“ฉันไม่พบอะไรที่ผิดปกติเกี่ยวกับสัตว์กลายพันธุ์ทั้ง 4 ชนิดพวกนั้นเลย อาจจะเป็นเพราะว่าฉันไม่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้!”
ซุนหลิงซิ่วส่ายหัวช้าๆขณะที่เธอหันไปมองหมอโลหิต ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา
“นายหญิงและนายผู้ชายครับ! กระผมสามารถรับรู้ได้ว่ามีพลังสายเลือดที่น่ากลัวอยู่ทางฝั่งริมแม่น้ำฮวงโหไม่ไกลจากจุดที่พวกเราพักมากนัก ฉะนั้นการสำรวจในวันพรุ่งนี้พวกเราควรจะต้องระวังตัวกันเอาไว้ให้มาก!” หมอโลหิตตอบพร้อมกับใบหน้าที่ดูเคร่งเครียด
เมื่อได้ยินคำพูดของหมอโลหิต หวังเสียน ก็ค่อนข้างจะมั่นใจเกี่ยวกับความรู้สึกและการคาดเดาของตัวเขาในก่อนหน้านี้ “นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง! พวกเราควรระมัดระวังตัวกันเอาไว้ให้มากๆ ผมเองก็สามารถสัมผัสได้อย่างเลือนลางว่าสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เหล่านี้ได้รับสายเลือดที่ทรงพลังมาจากสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งมากเลยทีเดียว แต่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งตัวนั้นอาจจะตายลงแล้วก็ได้ ไม่เช่นนั้นสัตว์และแมลงเหล่านี้คงจะไม่กลายพันธุ์และมีลักษณะที่แปลกประหลาดเช่นนี้อย่างแน่นอน!”
หวังเสียน คาดเดาเอาจากความรู้สึกของเขา ว่าสิ่งมีชีวิตที่มีสายเลือดทรงพลังตัวนั้นจะต้องตายไปแล้วอย่างแน่นอน และเลือดของสิ่งมีชีวิตทรงพลังตัวนั้นคงจะแพร่กระจายไปทั่วบริเวณ เมื่อสิ่งมีชีวิตตัวอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆได้รับสายเลือดที่ทรงพลังนั้นมาพวกมันจึงกลายพันธุ์และเกิดการวิวัฒนาการขึ้น
“ฉันจะระวังตัว! อย่างที่คุณบอก!” ซุนหลิงซิ่วพยักหน้าและยิ้มให้กับหวังเสียน หลังจากนั้นพวกเขาก็พูดคุยกันอยู่อีกครู่หนึ่ง ก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนยังที่พักของตัวเอง
หวังเสียน ยังคงไม่ได้พักผ่อนในทันที เขาเดินออกมาจากเต็นท์เพื่อสูดอากาศพร้อมกับเงยหน้าจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วปล่อยความคิดของเขาให้ล่องลอยไปอย่างอิสระท่ามกลางค่ำคืนที่เงียบสงบ
….
เช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนมารวมตัวกันที่เต็นท์ของกองอำนวยการหลังจากที่ทานอาหารเช้ากันแล้ว
ผู้คนประมาณ 150 คนรวมตัวอยู่ตรงกลางเต็นท์ ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณมีทั้งหมด 20 คน และในจำนวนคนกว่า 150 คนผู้ที่อ่อนแอมากที่สุดนั้นก็ยังคงอยู่ในระดับนักรบขั้นที่ 8
“วันนี้พวกเราจะไปตรวจสอบสถานการณ์ภายในจุดกึ่งกลางของบริเวณที่คาดว่าจะมีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส และมันค่อนข้างจะมีอันตรายเป็นอย่างมาก ขอให้ทุกคนได้โปรดเตรียมตัวกันให้พร้อมและระมัดระวังความปลอดภัยของตัวเองกันให้ดี ทุกคนสามารถรับยาล้างเลือดเพื่อเก็บไว้ป้องกันตัวกรณีเกิดอุบัติเหตุได้คนละ 1 เม็ด!”
นายทหารวัยกลางคน พูดออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมและจริงจังขณะที่กวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนทั้งหมด
ทุกคนต่างพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้และรับเม็ดยาล้างเลือดจากกลุ่มนายทหารหนุ่มที่เดินเข้ามาแจกจ่ายให้กับพวกเขา
ทุกคนต่างมีสีหน้าที่ซับซ้อนขณะที่มองไปยังหวังเสียน
ชายคนนี้สามารถปรับแต่งเม็ดยาจิตวิญญาณ 300 เม็ดได้โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน สิ่งนี้สามารถแสดงให้เห็นถึงทักษะการปรุงยาและความแข็งแกร่งของเขานั้นสูงเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
“ไปกันเถอะ! การสำรวจในครั้งนี้อาจจะเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อขอให้ทุกคนจงสามัคคีและร่วมแรงร่วมใจกัน ภารกิจของเราในครั้งนี้จะได้เสร็จสิ้นโดยเร็ว!” นายทหารวัยกลางคนพูดย้ำขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็เดินผ่านรั้วเหล็กไฟฟ้าแรงสูง ออกไปยังด้านนอก
พวกเขามาถึงพื้นที่เป็นเนินราบแห่งหนึ่งหลังจากนั้นไม่นาน บริเวณพื้นที่แห่งนี้สามารถมองเห็นพื้นที่โดยรอบได้ในระยะไกล
จากสายตาของพวกเขาสามารถมองเห็นบ้านพักที่เป็นคล้ายกับหมู่บ้านเล็กๆ สร้างขึ้นอยู่ตามรายทางเป็นระยะๆ ชุมชนเหล่านี้นั้นไม่ได้อยู่กันอย่างหนาแน่นมากนัก และผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณแถบนี้นั้นได้อพยพกันไปหมดแล้ว
บริเวณรอบด้านส่วนอื่นนั้นก็เป็นทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่และจากสายตาของพวกเขาที่กำลังสังเกตดูอย่างระมัดระวัง ก็ไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติ
ด้วยจำนวนของพวกเขาเกือบ 200 คนและระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งหมดในที่นี้เทียบเท่าได้กับกองกำลังระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว
ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เป็นเรื่องยากอะไรมากนักหากพวกเขาต้องจัดการกับกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่มีความสามารถเทียบเท่ากับนักรบระดับขั้นที่ 7 หรือขั้นที่ 8
พวกเขาเร่งความเร็วในการเดินทางของพวกเขาเพิ่มขึ้น หลังจากที่ได้รู้ข้อมูลจากนายทหารวัยกลางคนว่าสิ่งมีชีวิตที่กลายพันธุ์เหล่านั้นส่วนมากจะอยู่ใกล้กับบริเวณริมแม่น้ำฮวงโห
และพื้นที่ที่พวกเขาทั้งหมดต้องทำการสำรวจและตรวจสอบในครั้งนี้นั้นมีความยาวกว่า 10 กิโลเมตรและกว้างกว่า 1,000 เมตร
หลังจากที่พวกเขาเดินผ่านพื้นที่ราบเรียบมากว่า 1 ชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงอาณาเขตที่มีต้นหญ้าสูงเกือบ 50 เซนติเมตร
“ระวังด้วย! มีบางอย่างกำลังเคลื่อนที่เข้ามาด้วยความเร็ว!” ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมา
ในทันใดนั้นทุกคนก็รู้สึกตกใจในทันทีเมื่อเห็นปลิงขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง อ้าปากจนเห็นฟันคล้ายใบเลื่อยของมันพุ่งเข้ามาโจมตีหมอเทวะคนหนึ่งด้วยความรวดเร็ว
เฟี้ยววว!
ควับบบ!
แสงของดาบสว่างวาบเข้ามาผ่าครึ่งตัวปลิงออกเป็น 2 ส่วนในทันที
“ทุกคนระวังตัวไว้ด้วย! ต้นหญ้าที่สูงขนาดนี้สามารถเป็นที่ซ่อนตัวของปลิงพวกนี้ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ผู้ที่มีระดับต่ำกว่าขอบเขตก่อกำเนิดลมปราณ ถอยมาอยู่ที่ด้านหลังก่อน!”
นายทหารวัยกลางคน ตะโกนเตือนสติทุกคนขึ้นมาอีกครั้ง
ในก่อนหน้านี้เขาได้สูญเสียทหารไปแล้วหลายพันคนในทุ่งหญ้าแห่งนี้
แต่อย่างไรก็ตามในครั้งนี้มันควรจะง่ายกว่ามาก เพราะระดับความแข็งแกร่งของทุกคนในกลุ่มไม่มีใครต่ำกว่าระดับนักรบขั้นที่ 8
อ๊บบบ! อ๊บๆ?
ในทันใดนั้นเอง เสียงอันแหบแห้งแต่ทรงพลังที่คล้ายกับเสียงของกบร้อง ก็ดังสั่นสะเทือนแทรกผ่านอากาศมาจากในระยะไกล ทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ล้วนแล้วแต่สะดุ้งตกใจกันในทันที!
………
จบบท
EndNote: บางวรรคบางตอนผู้แปลจะใช้คำพูดสมัยใหม่และคำพูดสมัยโบราณสลับปะปนกันไป เพื่อความเหมาะสมกับบทบาทของตัวละครในช่วงเวลานั้นๆ อย่างที่เคยชี้แจงเอาไว้แล้วในบทก่อนๆนะครับ