ตูมตูมตูมมมม!
เมื่อเปลวไฟลุกโหมกระหน่ำขึ้นมา ท้องฟ้าเหนือแม่น้ำฮวงโหก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟอันร้อนแรงและสว่างไสว ราวกับภูเขาไฟกำลังปะทุ แม้กระทั่งผู้ที่อยู่ออกไปไกลกว่า 10 กิโลเมตรก็ยังสามารถเห็นเปลวไฟพวยพุ่งออกมาอย่างชัดเจน
ภายในฐานที่พักชั่วคราวกลุ่มเชี่ยวชาญทั้งหมด ต่างจ้องมองเปลวไฟสีแดงฉานที่กำลังลุกโชนขึ้นสูงสู่ท้องฟ้าเหมือนกับเสาเปลวไฟขนาดยักษ์ที่พุ่งขึ้นมาจากกลางแม่น้ำฮวงโห ด้วยความตกตะลึง
แม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนที่แพร่กระจายออกมาจากเสาเปลวไฟขนาดยักษ์ต้นนั้นได้
“นั่น…นั่นมันอะไรน่ะ?” เสียงของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณคนหนึ่งดังขึ้นมา
“พลังแห่งเปลวไฟที่พุ่งขึ้นมาจากกลางแม่น้ำนั้นช่างน่ากลัวมากเลยจริงๆ หากพวกเราไปสัมผัสกับเปลวไฟนั่นเข้าคงจะถูกแผดเผาเหลือแต่เถ้าถ่านอย่างแน่นอน!” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
“สิ่งมีชีวิตตัวนั้นมันคือตัวอะไรกันแน่ ในแม่น้ำฮวงโหจะมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเช่นนี้ได้อย่างไร?”
ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณต่างจ้องมองดูการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอยู่กลางแม่น้ำฮวงโหด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
กลุ่มสาวกหนุ่มสาวที่ยังไม่บรรลุถึงระดับขั้นก่อกำเนิดลมปราณ ต่างทรุดตัวลงนั่งด้วยท่าทางที่อ่อนแรง พวกเขาไม่สามารถต้านทานแรงกดดันอันมาศาลที่เกิดจากการต่อสู้ของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์และร่างมังกรศักดิ์สิทธิ์ของหวังเสียนได้ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ไกลเกินกว่า 10 กิโลเมตรก็ตาม
“ทุกคนเข้าไปดูใกล้ๆกันอีกหน่อยเถอะ!” นายทหารวัยกลางคนพูดออกมาอย่างลังเลใจเล็กน้อย ในขณะที่เขาพูดเขาก็สังเกตเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณหลายคนมีสีหน้าที่มืดมนลงพร้อมกับมีอาการปากกระตุก
“นี่!!.…” บรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณตอบออกมาเสียงตะกุกตะกักด้วยความลังเลใจ
“มัน…มันจะดีแน่หรือท่านผู้การฯ ถึงแม้ว่าระดับความแข็งแกร่งของพวกเรานั้นจะสามารถต้านทานแรงกดดันจากการต่อสู้ของสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดกลัวพวกนั้นได้ก็ตาม แต่มันคงจะไม่ดีแน่หากพวกมันสังเกตเห็นพวกเราและเข้ามาโจมตี….”
ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณสูงอายุคนหนึ่งหันไปพูดกับนายทหารวัยกลางคนด้วยความวิตกกังวล จากคำพูดของเขาก็สามารถบ่งบอกถึงการปฏิเสธทางอ้อมของเขาได้เป็นอย่างดี
“ข้าก็มีความเห็นเช่นเดียวกันกับท่านผู้อาวุโสไป๋ สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเหล่านั้นมันเกินกว่าความสามารถของพวกเราอย่างแท้จริง หากพวกเราเข้าไปใกล้มากกว่านี้ มันไม่เท่ากับส่งพวกเราไปตายอย่างนั้นหรอกหรือ?” ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณวัยกลางคนพูดออกมาอย่างชัดเจน
ระดับความแข็งแกร่งของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นไม่ต่ำกว่าระดับขอบเขตเม็ดยาเซียน การที่จะให้พวกเขาเข้าไปดูใกล้กว่านี้นั้นมันจะเป็นไปได้อย่างไร?
ต่อให้มีคนเอามีดมาจ่อคอบังคับให้พวกเขาเข้าไป พวกเขาก็ยินยอมจะสู้กับคนผู้นั้นเสียจะดีกว่า เพราะยังมีโอกาสที่จะรอดชีวิตอยู่
แต่หากพวกเขาเข้าไปใกล้การต่อสู้ของสิ่งมีชีวิตระดับนั้น พวกเขาต้องตายอย่างแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
และเมื่อบรรดาผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณแสดงความตั้งใจออกมาเช่นนั้น ก็คงจะไม่มีใครโน้มน้าวและเปลี่ยนใจให้พวกเขาเข้าไปใกล้มากกว่านี้ได้
ในขณะเดียวกันนายทหารวัยกลางคนก็ยืนถอนหายใจอยู่อย่างเงียบๆ
ให้ตัวเขาเข้าไปคนเดียว เขาก็ไม่กล้าเสี่ยงเช่นเดียวกัน!
….
‘พลังการป้องกันของพวกมันแต่ละตัวช่างน่าตกใจมากเลยจริงๆ!’
หวังเสียนบ่นพึมพำออกมาคนเดียวในขณะที่เขากำลังต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์มากกว่าหนึ่งโหล
ถึงแม้ว่าในตอนนี้ร่างกายของพวกมันทั้งหมดจะถูกเผาไหม้ด้วยเปลวไฟอันร้อนแรงของเขาจนดำเกรียม แต่พวกมันก็ยังคงพุ่งตรงเข้ามาโจมตีเขากันอย่างบ้าคลั่ง
พลังการป้องกันของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เหล่านี้นั้นถือได้ว่ายอดเยี่ยมมากที่สุดในระดับความแข็งแกร่งเดียวกัน!
ถึงแม้ว่าการโจมตีทางธาตุของหวังเสียนจะรุนแรงมากก็ตาม เขาก็ยังไม่สามารถสังหารพวกมันได้ หากไม่ใช้กรงเล็บมังกรของเขาในการโจมตีพวกมันร่วมด้วย
“เข้ามาเถอะ! ข้าจะได้สังหารพวกเจ้าไปพร้อมๆกัน!” หวังเสียนตะโกนออกมา ก่อนที่ร่างมังกรของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นสีทองของธาตุโลหะ เพื่อเพิ่มความสามารถด้านการสังหารให้มากขึ้น
โฮกกกกก!
“ตายยย!” หวังเสียนคำรามออกมาเสียงดัง ในขณะที่เขาพุ่งเข้าไปหาสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เหล่านั้นด้วยความรวดเร็ว
กรงเล็บมังกรขนาดมหึมาทั้งสองข้าง ตวัดฟาดไปยังกลุ่มสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์อย่างรุนแรงโดยไร้ความปราณี
ตูมมตูมม! ฉัวะ! โพล๊ะ!
พลังงานของธาตุโลหะจากกรงเล็บมังกรทั้งสองข้างของหวังเสียน พุ่งทะลุผ่านสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ทุกตัวที่ยืนขวางทางของเขาอยู่ และรัศมีภายใน 500 เมตรนั้นเต็มไปด้วยคมมีดของธาตุโลหะ จนพื้นหินที่ใต้แม่น้ำนั้นแหลกละเอียดกลายเป็นผุยผง!
สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ทั้งหมดกลายเป็นเศษซากชิ้นเนื้อเล็กๆ เลือดของพวกมันย้อมสีน้ำที่ขุ่นคล้ายกับโคลนให้กลายเป็นสีแดงไปในทันที
“ฮึ! ช่างน่าขยะแขยงเสียจริงๆ!” หวังเสียนจ้องมองไปยังเศษซากเลือดและเนื้อของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เหล่านั้นที่ลอยอยู่จนเต็มทั่วทั้งผืนน้ำด้วยท่าทางที่รังเกียจ
หลังจากนั้นเขาหันจ้องมองไปยังซากศพที่นอนอยู่ตรงกลางแม่น้ำด้วยสายตาอันเย็นยะเยือก
รูปร่างของซากศพตัวนี้นั้นมีโครงสร้างภายนอกคล้ายกับมนุษย์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น สีผิวทั่วทั้งตัวของมันมีสีเหลืองเข้มคล้ายกับสีของมัสตาร์ด
เมื่อเทียบกับมนุษย์แล้วมันไม่มีทั้งจมูกและปากแม้ว่ามันจะมีตาและหูที่เป็นลักษณะของมนุษย์ก็ตาม
ที่ด้านบนหัวของมันนั้นมีเขาสีเหลืองอ่อนสั้นๆอยู่คู่หนึ่ง
หวังเสียน ไม่ได้เข้าไปใกล้ตัวมันมากนัก เขาค่อนข้างจะระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นเพียงแค่ซากศพก็ตามที
ซากศพตัวนี้นั้นนอนอยู่บนหินที่ก้นแม่น้ำอย่างเงียบๆ ราวกับว่าที่นี่นั้นคือห้องส่วนตัวของมันเอง ที่ต้นขาทั้งสองข้างของมันนั้นผิวหนังและชิ้นเนื้อบางส่วนได้หายไป จนสามารถมองเห็นกระดูกที่คล้ายกับงาช้างสีขาวที่อยู่ข้างในได้อย่างชัดเจน
….
[ซากศพเทพเจ้าโบราณบรรพบุรุษแห่งคุนเผิง: ระดับ??]
[ไม่สามารถสกัดพลังงานมังกรได้]
….
“ซากศพเทพเจ้าโบราณบรรพบุรุษแห่งคุนเผิง?” หวังเสียนพูดพึมพำออกมาด้วยความตกตะลึงและสับสน หลังจากที่ข้อความของระบบปรากฏขึ้นในใจของเขา
“เทพเจ้าโบราณบรรพบุรุษแห่งคุนเผิง! ซากศพตัวนี้นั้นน่าจะเป็นบรรพบุรุษรุ่นแรกๆของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคุนเผิงอย่างนั้นหรือ?” หวังเสียน ค่อนข้างที่จะตกใจเป็นอย่างมาก สายเลือดมังกรศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายของเขานั้นเดือดพล่านและเต็มไปด้วยความกระหายเลือดขึ้นมาในทันที
นี่เป็นเจตนาฆ่าที่เกิดขึ้นจากสัญชาตญาณของสายพันธุ์มังกรศักดิ์สิทธิ์ในเลือดของเขา
“ฮึ่มมม!” หวังเสียนคำรามเสียงต่ำๆออกมา เพื่อสงบสติอารมณ์ไม่ให้ลงมือฉีกกระชากซากศพที่อยู่ตรงหน้าของเขา
หลังจากนั้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษแห่งคุนเผิงก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา จากความรู้ความเข้าใจผ่านทางสายเลือดมังกรศักดิ์สิทธิ์
ตามข้อมูลที่ถูกส่งผ่านมาทางสายเลือดของมังกรศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายของหวังเสียนนั้น เชื้อสายบรรพบุรุษแห่งคุนเผิงโบราณได้สูญพันธ์ไปจากจักรวาลนานมากแล้ว เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาพบกับกลุ่มสายพันธุ์คุนเผิงโบราณอยู่บนโลกของเขาได้
เทพเจ้าโบราณคุนเผิงสามารถเรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่าเป็นเทพผู้ก่อให้เกิดสายเลือดแห่งเผ่าพันธุ์คุนเผิง
ตระกูลเทพเจ้าโบราณคุนเผิงเหล่านี้นั้นถือได้ว่าเป็นตระกูลที่ทรงพลังและมีอำนาจอันดับต้นๆของจักรวาลเช่นเดียวกันกับตระกูลมังกรศักดิ์สิทธิ์ของหวังเสียน
ตระกูลของพวกมันมีความใกล้ชิดกับสิ่งมีชีวิตในทะเลเช่นเดียวกันกับเผ่าพันธุ์มังกรศักดิ์สิทธิ์ของหวังเสียน พวกมันจะเลือกปลาชนิดใหญ่ในทะเลพร้อมกับเพาะเลี้ยงโดยการใช้สายเลือดของพวกมันเพื่อเปลี่ยนสภาพปลาขนาดใหญ่ให้กลายเป็นเผ่าพันธุ์คุนเผิงของพวกมัน
เมื่อปลาเหล่านั้นเปลี่ยนร่างกลายเป็นคุนเผิง พวกมันก็สามารถบินไปบนท้องฟ้าและในอวกาศได้เมื่อระดับการบ่มเพาะของพวกมันไปถึงระดับที่สูงขึ้น
ขนาดทางร่างกายของคุนเผิงแต่ละตัวนั้นมีขนาดหลายพันกิโลเมตร ถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่บนท้องฟ้าเลยทีเดียว
เมื่อระดับการบ่มเพาะของพวกมันอยู่ในระดับสูง ปีกทางด้านหลังของพวกมันก็จะกลายเป็นสีทอง และความแข็งแกร่งของพวกมันนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเผ่าพันธุ์มังกรศักดิ์สิทธิ์เลยแม้แต่น้อย และที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือความแข็งแกร่งทางร่างกายของพวกมันเรียกได้ว่าเกือบจะเป็นอมตะเลยทีเดียว
แต่คุนเผิงที่กลายพันธุ์มาจากปลาตัวใหญ่และถูกบ่มเพาะโดยสายเลือดของเทพเจ้าคุนเผิง นั้นจะไม่สามารถสืบทอดสายเลือดคุนเผิงของมันไปสู่ลูกหลานได้
จะมีก็เพียงแต่เทพเจ้าโบราณซึ่งเป็นบรรพบุรุษแห่งคุนเผิงเพียงเท่านั้นที่จะสามารถเพาะเลี้ยงปลาในทะเลให้กลายเป็นคุนเผิงได้
และในบันทึกที่หวังเสียนได้รับมาทางสายเลือดของมังกรศักดิ์สิทธิ์นั้น เทพเจ้าโบราณบรรพบุรุษแห่งคุนเผิง และตระกูลมังกรศักดิ์สิทธิ์ ต่างช่วงชิงความเป็นใหญ่กันมาโดยตลอด
แต่เผ่าพันธุ์มังกรศักดิ์สิทธิ์นั้นมีข้อได้เปรียบมากกว่า เนื่องจากเผ่าพันธุ์มังกรศักดิ์สิทธิ์นั้นสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะมีสภาพร่างกายที่ด้อยกว่าเทพเจ้าโบราณคุนเผิง แต่การโจมตีของเผ่าพันธุ์มังกรศักดิ์สิทธิ์นั้นกลับรุนแรงมากกว่า
หลังจากที่ทั้งสองเผ่าพันธุ์นั้นได้ต่อสู้กันมานานหลายล้านปี พวกมันต่างตกลงสงบศึกและทำพันธสัญญาไม่เป็นศัตรูกันอีกต่อไป
และตามในบันทึกโบราณของเผ่าพันธุ์มังกรศักดิ์สิทธิ์ มีช่วงเวลาหนึ่งที่เผ่าพันธุ์เทพเจ้าโบราณคุนเผิงได้ให้กำเนิดผู้นำที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดในเผ่าพันธุ์ของพวกมัน
หลังจากนั้นเผ่าพันธุ์เทพเจ้าโบราณคุนเผิงก็ก่อสงครามและก่อศัตรูอย่างมากมายไปทั่วทั้งจักรวาล แต่พวกมันก็ไม่ได้รุกรานเผ่าพันธุ์มังกรศักดิ์สิทธิ์ตามพันธสัญญาเดิมแต่อย่างใด
แต่เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งอื่นๆทั่วทั้งจักรวาลนั้นได้รวมตัวกันเข้าต่อสู้กับเผ่าพันธุ์เทพเจ้าโบราณคุนเผิง จนทั่วทั้งจักรวาลแทบจะลุกเป็นไฟ
หลังจากก่อสงครามมานานนับแสนๆปี เผ่าพันธุ์เทพเจ้าโบราณคุนเผิงก็พ่ายแพ้ลงอย่างย่อยยับ
หลายกองกำลังทั่วทั้งจักรวาลนั้นถือว่าเผ่าพันธุ์เทพเจ้าโบราณคุนเผิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่วิปริตและผิดเพี้ยน
ลูกหลานแห่งเผ่าพันธุ์เทพเจ้าโบราณคุนเผิงจึงถูกไล่ล่าสังหารไปทั่วทุกๆที่
ในตอนนี้ใบหน้าของหวังเสียน แสดงความสับสนออกมาเล็กน้อยหลังจากที่เขาได้ทราบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ของเทพเจ้าโบราณคุนเผิง
เขากลับคืนสู่ร่างมนุษย์ก่อนที่จะเดินช้าๆไปที่ซากศพของเทพเจ้าโบราณคุนเผิง
เมื่อหวังเสียนเข้ามาพิจารณามองดูใกล้ๆ บางส่วนของซากศพนี้นั้นค่อนข้างที่จะแห้งเหี่ยวลงไปมาก และดูเหมือนว่ามันจะเสียชีวิตมานานหลายพันปีแล้ว
หวังเสียนจ้องมองมันอยู่ครู่ใหญ่ๆ เขาแสดงอาการลังเลเล็กน้อย
‘ซากศพเทพเจ้าโบราณซากนี้จะต้องไม่ถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่ เพราะมันอาจจะสร้างสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังขึ้นมาอีกมากก็ได้!’
และหากว่ามันสามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมา มันอาจจะกลายเป็นศัตรูของเขาในอนาคตก็ได้เมื่อได้รับรู้ว่าตัวเขานั้นมีสายเลือดแห่งมังกรศักดิ์สิทธิ์
‘คงจะต้องทำลายซากศพนี้ทิ้งเสียให้สิ้นซาก!’ หวังเสียนตัดสินใจโดยไม่ลังเลอีกต่อไป ผลึกแก้วมังกรเพลิงโลกันตร์ปรากฏขึ้นมาบนมือของเขา จากนั้นผลึกแก้วมังกรเพลิงโลกันตร์ก็ลอยไปกระทบกับซากศพของเทพเจ้าโบราณในทันที
ในไม่ช้าซากศพก็ถูกไฟลุกไหม้จนท่วมทั้งตัว
แต่หลังจากนั้นไม่นานหวังเสียนก็ขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความตกใจ ซากศพของเทพเจ้าโบราณคุนเผิงไม่ได้รับผลกระทบจากเปลวไฟของผลึกแก้วมังกรเพลิงโลกันตร์เลยแม้แต่น้อย
“ความแข็งแกร่งทางร่างกายของซากศพเทพเจ้าโบราณซากนี้นั้นเรียกได้ว่าแทบจะเป็นอมตะในโลกนี้เลยทีเดียว!” ในตอนนี้สีหน้าของหวังเสียนนั้นค่อนข้างที่จะเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นเขาก็ยื่นแขนของเขาออกไปวางไว้ที่บริเวณตรงหัวใจของซากศพเทพเจ้าโบราณ
“หัวใจของมันนั้นเป็นแหล่งกำเนิดของสายเลือดอันทรงพลัง หากขาดซึ่งหัวใจที่เป็นแหล่งกำเนิดของสายเลือดแล้ว มันคงจะไม่สามารถคืนชีพได้อย่างแน่นอน!” หวังเสียนคิดและวิเคราะห์ขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน
ซู่ววววว!
ด้วยการรับรู้ผ่านกระแสจิตวิญญาณของหวังเสียน เขาตรวจพบต้นกำเนิดของสายเลือดอันทรงพลังบนซากศพนี้ได้อย่างรวดเร็ว มันเป็นก้อนผลึกสีแดงขนาดเท่าเล็บมืออยู่ในใจกลางของซากศพ!
……….
จบบท
