“สถานการณ์เป็นยังไงกันแน่ท่านเจ้าสำนัก?” ชายวัยกลางคนในชุดสีดำที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของชายชราทั้งสองคน ถามขึ้นมาพร้อมกับหมวดคิ้วเมื่อเขาได้กลิ่นคาวเลือด
“นี่!…พวกเจ้ารีบออกไปดูสถานการณ์ที่ด้านนอกเดี๋ยวนี้เลย” ชายชราทั้งสองคนหันมามองหน้ากันเล็กน้อยก่อนที่จะออกคำสั่งกับกลุ่มคนที่อยู่ทางด้านหลังของพวกเขา
กลุ่มชายวัยกลางคนหลายคนรีบออกมาจากถ้ำตามคำสั่งของชายชราทั้งสองคน
เมื่อพวกเขาออกมาจากถ้ำ และหันมองไปรอบๆเพื่อประเมินสถานการณ์ กลุ่มคนทั้งหมดรู้สึกตกใจกันเป็นอย่างมากเมื่อเห็นภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า
พวกเขามองไปยังซากศพนับสิบที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นดิน ซากศพเหล่านั้นใส่ชุดสีขาวมีลวดลายของดอกบัวสีดำปักอยู่บนชุด เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าซากศพเหล่านี้นั้นคือเหล่าสาวกของสำนัก 9 ดอกบัว
และเมื่อสายตาของพวกเขาหันไปมองที่บริเวณด้านข้างของปากถ้ำ ใบหน้าของพวกเขาก็มืดครึ้มลงในทันที
ร่างของมนุษย์สองร่างที่ถูกตัดแขนและขานอนจมกองเลือดอยู่ที่ปากทางเข้าถ้ำ หนึ่งในนั้นสวมชุดคลุมสีขาวประดับด้วยลวดลายของดอกบัวสีดำ และดูคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
ในขณะที่ชายอีกคนหนึ่งก็มีลักษณะที่คล้ายกับคนที่ใกล้ชิดกับพวกเขา
“นั่น! เขาคือนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวและหมอเทวะฟางฮัวซือลูกศิษย์ของผู้อาวุโสเฟิงไม่ใช่หรือ?!” ชายวัยกลางคนตะโกนออกมาด้วยความตกใจ พวกเขาหันมองไปรอบๆ อีกครั้งในตอนนี้สาวกของสำนัก 9 ดอกบัวไม่มีใครรอดชีวิตเหลืออยู่อีกเลยแม้แต่คนเดียว
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ชายวัยกลางคนพยายามหันไปมองรอบๆอีกครั้ง ในทันใดนั้นเขาก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ทางด้านนอกถ้ำ พร้อมกับรถเข็นที่มีเด็กสาวนั่งอยู่
ชายหนุ่มคนนั้นยืนอยู่นอกถ้ำด้วยใบหน้าที่สงบนิ่งราวกับว่าเขานั้นไม่ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของซากศพที่อยู่รอบๆตัวเขาเลยแม้แต่น้อย
“รีบกลับไปรายงานผู้อาวุโสก่อนเถอะ!” ชายวัยกลางคนละสายตาจากหวังเสียน แล้วหันไปพูดกับกลุ่มคนที่อยู่ทางด้านหลังของเขา
หลังจากนั้นไม่นานกองกำลังที่เหลือที่อยู่ด้านในถ้ำก็เร่งรีบออกมาข้างนอก พวกเขาค่อนข้างที่จะเป็นกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นกันเป็นอย่างมาก
กลุ่มผู้อาวุโสของกองกำลังอื่นๆ ก็ออกมาจากสุสานโบราณพร้อมๆกัน พวกเขารีบตรงเข้าไปหาเหล่าสาวกของพวกเขาด้วยความกังวล หลังจากที่เห็นสาวกของสำนัก 9 ดอกบัวนอนตายกันอยู่อย่างเกลื่อนกลาด
“ท่านผู้อาวุโส!”
เสียงของเหล่าชาวยุทธจากกองกำลังต่างๆ รีบวิ่งไปทักทายผู้อาวุโสของพวกเขาอย่างร้อนรน
“เกิดอะไรขึ้น?” ผู้อาวุโสจากตระกูลหลิ่วหยุน ถามสาวกของพวกเขาด้วยไปหน้าที่เคร่งขรึม
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ขอรับท่านผู้อาวุโส…” เหล่าสาวกจากกองกำลังต่างๆหันมองไปยังกลุ่มของหวังเสียน พร้อมกับอธิบายและเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในก่อนหน้านี้ให้กับกลุ่มผู้อาวุโสของพวกเขาที่พึ่งออกมาจากสุสานโบราณได้ฟัง
หลังจากนั้นไม่นานสาวกจากกองกำลังอื่นๆที่เข้าไปในสุสานโบราณต่างก็ทยอยออกมากันจนเกือบครบทุกคน
พวกเขาล้วนตกตะลึงเมื่อเห็นภาพอันน่ากลัวที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าพวกเขา
“เกิดอะไรขึ้น? พวกเจ้าทั้งหมดหลบออกไปเดี๋ยวนี้!”
ในขณะนั้นเองก็มีเสียงตะโกนอันทรงพลังดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของถ้ำ
กองกำลังทั้งหมดรีบหลบออกไปทางด้านข้างเพื่อเปิดทางกันในทันที
พวกเขารู้ว่าเสียงที่ตะโกนออกมานั้นเป็นเสียงของผู้อาวุโสระดับสูงของสำนัก 9 ดอกบัวที่กำลังเดินออกมาจากปากถ้ำ
ในก่อนหน้านี้ได้มีคนมาส่งข่าวให้แก่พวกเขาว่าหมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิงได้มาที่นี่พร้อมกับพูดว่าต้องการจะกวาดล้างสำนัก 9 ดอกบัวของพวกเขา
และในทันทีที่พวกเขาออกมาจากสุสานโบราณ พวกเขาก็เห็นสภาพอันน่าอนาถใจของนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวและหมอเทวะฟางฮัวซือ
“หือ? ทำไมกลิ่นคาวเลือดถึงได้รุนแรงมากเช่นนี้!” ในทันใดนั้นชายวัยกลางคนร่างท้วมก็ถามออกมาในขณะที่เขาเพิ่งโผล่ออกมาจากถ้ำใต้ดิน
“ท่านเจ้าสำนัก!..” เสียงอันสั่นเครือของผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนัก 9 ดอกบัว เอ่ยคำทักทายเจ้าสำนักของพวกเขา แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีกต่อไป
เมื่อชายวัยกลางคนร่างท้วมออกมาสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น บรรยากาศรอบตัวเขาก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการสังหาร
“เส้าหลิง!… ทำไมเจ้าถึงกลายเป็นแบบนี้!” ชายวัยกลางคนร่างท้วมตะโกนร้องออกมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เขารีบพุ่งทะยานเข้าไปหานายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวในทันที
“ใคร? มันเป็นใครกันถึงได้กล้าสังหารเหล่าสาวกในสำนักของข้าเช่นนี้!” ชายวัยกลางคนร่างท้วมตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความเคียดแค้น
“ห๊ะ! ฮัวซือ!”
ในขณะนั้นเองก็มีเสียงอันทรงพลังอีกเสียงหนึ่งร้องตะโกนออกมา ชายชราคนนี้นั่นคือผู้อาวุโสของสำนักเซิ่งเหมินถูและเป็นอาจารย์ของหมอเทวะฟางฮัวซือ
เสียงตะโกนอันโกรธแค้นของคนหลายคนดังก้องไปทั่วทั้งหุบเขา
“เส้าหลิง! ใครเป็นคนที่ทำร้ายเจ้าบอกข้ามา! ถ้าจะฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ!” ชายกลางคนร่างท้วมตะโกนออกมา
“คนของสำนัก 9 ดอกบัวคงจะออกมากันหมดแล้วกระมัง!” หวังเสียนพูดออกมาด้วยรอยยิ้มขณะที่เขาจ้องมองไปยังสมาชิกทั้งหมดของสำนัก 9 ดอกบัว
“ห๊ะ?” เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่ออกมาจากถ้ำต่างรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจกับความหมายในคำพูดของหวังเสียน ทุกคนต่างหันไปจ้องมองเขาจนเป็นตาเดียว
ผู้อาวุโสเฟิงซึ่งอยู่ข้างๆกับฟางฮัวซือ ในเวลานี้ก็มองไปที่หวังเสียนด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“หมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิง!” ผู้อาวุโสเฟิงคำรามออกมาในขณะที่เขาจ้องมองไปยังหวังเสียน
“ทั้งหมดเป็นฝีมือของเจ้าอย่างนั้นใช่หรือไม่?” ผู้อาวุโสเฟิงจ้องเขม็งไปที่หวังเสียน ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
“ใช่นี่เป็นฝีมือของข้าเอง! และมันเป็นแค่การเริ่มต้นเพียงเท่านั้น!” หวังเสียนยิ้มออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่เขาจะชักดาบซานลู่ออกมาจากฝัก
“ไอ้สาระเลว! เจ้าบังอาจสังหารสาวกในสำนักของข้าจนหมด! เจ้ามันคือปีศาจร้าย ข้าจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆเพื่อเซ่นสังเวยดวงวิญญาณของเหล่าสาวกในสำนัก!” ชายชราที่เป็นผู้อาวุโสของสำนัก 9 ดอกบัวตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับพุ่งเข้าไปโจมตีหวังเสียนอย่างรวดเร็ว
“ฮึ! เจ้าคิดว่าสาวกในสำนักของพวกเจ้านั้นดีมากหรืออย่างไร? พวกมันลงมือทำร้ายน้องสาวของข้าก่อน การที่ข้าจะตอบโต้และลงมือสังหารพวกมันก็เป็นเรื่องที่สมควรจะกระทำอย่างยิ่งอยู่แล้ว!” หวังเสียนพูดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ขณะเดียวกันเขาก็ทะยานออกไปต่อสู้กับชายชราอย่างตรงไปตรงมา
“ไอ้เด็กบัดซบ! ไปตายซะ!” ชายชราตะโกนพร้อมกับปลดปล่อยพลังระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นสูงออกมา
“ฮึ!” หวังเสียนพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกอย่างดูถูก ในขณะที่เขาวาดดาบซานลู่ในมือของเขาไปยังชายชราที่เป็นผู้อาวุโสของสำนัก 9 ดอกบัว
ฟวับบบบ!
หนึ่งกระบวนท่าดาบของหวังเสียนและหนึ่งฝ่ามือของชายชราทะยานพุ่งเข้าสวนกันอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นชายชราที่เป็นผู้อาวุโสของสำนัก 9 ดอกบัวก็หยุดยืนนิ่งอยู่กับที่เหมือนต้องมนต์สะกด
“ได้เวลาสังหารคนของสำนัก 9 ดอกบัวทั้งหมดแล้ว!” หวังเสียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก ในขณะที่เขาควงดาบซานลู่พร้อมกับพุ่งเข้าหากลุ่มคนของสำนัก 9 ดอกบัวและเริ่มโจมตี
“ห๊ะ?” กลุ่มคนทั้งหมดของสำนัก 9 ดอกบัวร้องออกมาด้วยความมึนงง พวกเขายังคงจ้องมองไปยังชายชราที่เป็นผู้อาวุโสในสำนักของพวกเขา
เหตุใดท่านผู้อาวุโสใหญ่ถึงได้ยืนนิ่งอยู่กับที่เช่นนั้นกัน?
ตุบบบบ!
และแล้วภายใต้ความตกใจของทุกคน พวกเขาเห็นร่างของชายชราล้มลงกับพื้นเหมือนกับหุ่นเชิดที่สายขาด
ลมหายใจสุดท้ายของชายชรานั้นได้หมดสิ้นไปนานแล้ว!
“สามารถสังหารผู้อาวุโสใหญ่ได้โดยการใช้แค่เพลงดาบเดียวเพียงเท่านั้น!” สาวกชายคนหนึ่งของสำนัก 9 ดอกบัวพูดออกมา
“ไม่! มันเป็นไปไม่ได้!” ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งก็ตะโกนออกมาอย่างลืมตัว
เมื่อตระหนักได้ว่าผู้อาวุโสใหญ่ของพวกเขาเสียชีวิตไปแล้ว เหล่าสาวกจากสำนัก 9 ดอกบัว ก็มองไปยังหวังเสียน ที่กำลังพุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขาอย่างตื่นตระหนก
“ฆ่ามันนน!” ชายวัยกลางคนร่างท้วมที่เป็นเจ้าสำนัก 9 ดอกบัว จ้องมองไปยังหวังเสียนด้วยความเคียดแค้น
“ลงมือพร้อมกัน! สับมันให้เป็นชิ้นๆ!” เหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณทั้งหมดของสำนัก 9 ดอกบัว พุ่งเข้าไปโจมตีหวังเสียน อย่างพร้อมเพียงกัน
ฟวับบบ! ฟวับบบ! ฟวับบบ!
หวังเสียนกวัดแกว่งดาบซานลู่ในมือของเขาไปที่ร่างของเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณของสำนัก 9 ดอกบัวอย่างรวดเร็ว
การฟาดฟันดาบของหวังเสียนนั้นเป็นท่วงท่าพื้นฐานที่ธรรมดาเป็นอย่างมาก เพราะตัวเขานั้นไม่มีทักษะวิชาดาบใดๆ แต่ด้วยระดับความสามารถของเขาและความแข็งแกร่งของดาบโบราณซานลู่ ตัวเขาจึงคล้ายกับพยัคฆ์ร้ายที่กระโจนเข้าในฝูงแกะ การสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง
“มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน? ทำไมหมอเทวะหวังถึงได้แข็งแกร่งและทรงพลังมากถึงขนาดนี้!” เหล่าชาวยุทธจากกองกำลังอื่นๆ ที่กำลังจับตามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าพวกเขา รู้สึกตกตะลึงกันเป็นอย่างมาก
พวกเขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าหมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิงนั้นจะสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณได้ง่ายดายเหมือนกับการฆ่าไก่ตัวนึง
การที่หวังเสียนสามารถเอาชนะนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวที่อยู่ในระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นต้นก็ทำให้พวกเขานั้นประหลาดใจกันมากอยู่แล้ว แต่ในครั้งนี้หวังเสียนกลับสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นกลางและขั้นสูงได้มากมายหลายคน ด้วยการตวัดดาบหนึ่งครั้งเท่ากับหนึ่งชีวิตนั่นช่างน่าสะพรึงกลัวจริงๆ
สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันเกินกว่าสามัญสำนึกของพวกเขาที่จะสามารถเข้าใจได้
ในตอนนี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณของสำนัก 9 ดอกบัวค่อยๆถูกสังหารและล้มลงไปทีละคน!
………