ตูมมมม!
ถึงแม้ว่าโม่หยวนจะโจมตีในขณะที่ชายชราจากสำนักฟ่านจงไม่ทันได้ระวังตัว แต่ชายชราก็เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นสูง เขาจึงสามารถใช้ฝ่ามือของเขาต้านรับกรงเล็บของโม่หยวนได้ทันเวลา
“พวกเจ้า!….”
ชายชรากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในทันทีนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว เขาเห็นว่าโม่ชิงหลงและโม่หยวนไม่ได้สนใจจะพูดคุยกับเขาเลย ทั้งสองคนยังคงพุ่งเข้ามาที่เขาด้วยเจตนาฆ่าอันน่ากลัว
ชายสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นเหมือนกับคนบ้าที่ไม่ฟังเหตุผลใดๆเลย ในก่อนหน้านี้คนทั้งคู่กำลังจะโจมตีสาวกในสำนักของเขา เขาเพียงแค่ปิดกั้นการโจมตีของชายคนนั้นเพื่อช่วยสาวกของเขา หลังจากนั้นคนทั้งคู่ก็ตรงเข้ามาโจมตีและพยายามจะฆ่าเขา
นี่มันเป็นกลุ่มคนบ้าประเภทไหนกัน!
“หากว่าเจ้าไม่สามารถห้ามปากสาวกในสำนักของเจ้าไม่ให้พูดเรื่องไร้สาระได้ ข้าก็จะทำให้มันไม่สามารถพูดต่อไปได้อีกตลอดชีวิต และหากว่าเจ้าต้องการหยุดข้า ข้าจะสังหารเจ้าด้วย!”
โม่ชิงหลงกางกรงเล็บมังกรปีศาจออกมา ความแข็งแกร่งของออร่าปีศาจที่น่ากลัวและกระหายเลือด ทำให้ชายชราจากสำนักฟ่านจงรู้สึกหวาดกลัวจนร่างกายสั่นสะท้าน
แรงกดดันและแรงบีบบังคับที่ทรงพลังในระดับนี้เขาไม่สามารถรับมือได้อย่างแน่นอน!
นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญที่น่าหวาดกลัวอีกคนหนึ่งที่โจมตีเขาเมื่อครู่นี้ ชายคนนี้นั้นน่าจะมีความแข็งแกร่งระดับเดียวกันกับเขาอย่างแน่นอน
สิ่งนี้ทำให้ชายชรารู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก เขาไม่ต้องการจะเป็นศัตรูกับคนพวกนี้เลยแม้แต่น้อย
“ข้า… เพียงแค่พยายามปกป้องลูกศิษย์ของข้า…”
ชายชราพูดออกมาอย่างไม่เต็มใจ ดวงตาของเขานั้นแสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน
แต่กระนั้นชายชราก็ไม่มีทางเลือกอื่นเมื่อเห็นว่าโม่ชิงหลงและโม่หยวนยังคงพุ่งเข้ามาโจมตีเขา
“บัดซบบบ! ข้าจะสู้ตายกับพวกเจ้า!”
ชายชราปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่พร้อมกับกัดฟันตั้งใจจะต่อสู้อย่างสุดกำลังแลกเป็นแลกตายกับโม่ชิงหลงและโม่หยวน
ตูมมมม!
แต่อย่างไรก็ตามชายชราสามารถปิดกั้นการโจมตีของโม่หยวนได้เพียงเท่านั้น
ฉัวะ!
ในทันใดนั้นกรงเล็บมังกรปีศาจของโม่ชิงหลงก็แทงทะลุผ่านร่างของชายชราจากสำนักฟ่านจง และทุบเขาลงบนพื้นอย่างแรง
ชายชราจากสำนักฟ่านจงถูกสังหารภายในพริบตาโดยไม่ทันได้ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่คำเดียว
สาเหตุเพียงเพราะว่าสาวกจากสำนักของเขานั้นปากไม่ดี…
ฝูงชนรอบข้างสั่นสะท้านด้วยความกลัว แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ ก็ยังรู้สึกหนาวสั่นเมื่อเห็นความแข็งแกร่งของหมดโม่ชิงหลงและโม่หยวน
“ช่างแข็งแกร่งมากจริงๆ! ภายใต้อาณาจักรระดับก่อกำเนิดลมปราณ พวกเขาน่าจะอยู่ในระดับที่สมบูรณ์แบบกันแล้วอย่างแน่นอน โดยเฉพาะชายคนที่สังหารผู้อาวุโสจากสำนักฟ่านจงคนนั้น เขาอาจจะอยู่ในระดับครึ่งขั้นขอบเขตเม็ดยาเซียนแล้วก็ได้!”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขากล้าพูดว่าจะสังหารคนของสำนักฟ่านจงให้หมดหากมีใครเข้ามาขัดขวางการลงโทษของเขา!”
ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณหลายคนใบหน้าเคร่งขรึมกันขึ้นมาในทันที พวกเขาหันไปมองชายวัยกลางคนที่วิพากษ์วิจารณ์หวังเสียนในก่อนหน้านี้ด้วยความสงสาร ทุกคนนั้นรู้ดีว่าคำพูดของชายวัยกลางคนคนนั้นเป็นเพียงแค่คำพูดที่ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก แต่ดูเหมือนว่าสำหรับโม่ชิงหลงและโม่หยวนนั้นเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขามากเลยทีเดียว
คนทั้งคู่ไม่สามารถพูดคุยด้วยเหตุผลใดๆได้
และด้วยระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาเหล่าชาวยุทธที่อยู่ในที่นี้ย่อมไม่มีใครกล้าออกตัวแทนชายวัยกลางคนคนนั้นอย่างแน่นอน
“ไว้ชีวิตด้วย! ผู้อาวุโสข้าผิดไปแล้วได้โปรดเมตตาด้วย! อย่าฆ่าข้าเลย…”
ชายวัยกลางคนคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาอยู่บนพื้น สายตาของเขายังคงจ้องมองไปยังศพผู้อาวุโสของสำนักฟ่านจงด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง
บรึมมมม!
โม่หยวนจ้องมองไปยังชายคนนั้นพร้อมกับสะบัดมือของเขา เปลวไฟปีศาจสีดำทมิฬอันน่ากลัว ก็ระเบิดร่างกายของชายคนนั้นจนกลายเป็นจุลไม่เหลือแม้แต่เศษซาก
หลังจากนั้นโม่ชิงหลงและโม่หยวนก็หันไปจ้องมองสาวกของสำนักฟ่านจงที่เหลือ
“ไม่อย่าฆ่าพวกเรา … พวกเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาอย่าฆ่าเรา … “
สาวกจากสำนักฟ่านจงรู้สึกถึงการจ้องมองของโม่ชิงหลงและโม่หยวน พวกเขาก็เต็มไปด้วยความสยดสยองและรู้สึกหวาดกลัวต่อความตายกันเป็นอย่างมาก พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับร้องขอความเมตตา
มันเป็นความผิดของชายวัยกลางคนบัดซบคนนั้น! ปากของเขาได้สร้างความเดือดร้อนให้แก่คนทั้งสำนัก
โม่ชิงหลงและโม่หยวนยังคงมองเหล่าสาวกแห่งสำนักฟ่านจงด้วยสายตาที่ดูถูก แต่พวกเขาไม่ได้ดำเนินการใดๆกับกลุ่มสาวกของสำนักฟ่านจงที่เหลือ
หลังจากนั้นร่างกายของโม่ชิงหลงและโม่หยวนก็หายไปจากจุดที่ยืนอยู่ พวกเขาตรงเข้าไปโจมตีเหล่าสาวกของสำนัก 9 ดอกบัวอย่างรวดเร็ว
ตูมมม! บรึมมม!
อ๊ากกกก!
เสียงการโจมตีและเสียงร้องโหยหวนของเหล่าสาวกแห่งสำนัก 9 ดอกบัวดังก้องไปทั่วทั้งหุบเขาเทียมเมฆ
ในตอนนี้สาวกทั้งหมดของสำนัก 9 ดอกบัวไม่มีใครที่จะสามารถรอดพ้นจากความตายไปได้เลย
กลิ่นคาวเลือดและเสียงกรีดร้องที่น่าเวทนา ทำให้บรรยากาศโดยรอบหนาวเย็นลงในฉับพลัน ใบหน้าของเหล่าชาวยุทธที่เหลือล้วนซีดขาว เมื่อได้เห็นการสังหารหมู่อันน่าสยดสยองที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขา
“พวกเขากำลังกวาดล้างคนของสำนัก 9 ดอกบัวอย่างที่พูดเอาไว้จริงๆ”
ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณคนหนึ่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือขณะที่เขาหันมองไปยังหวังเสียนที่กำลังผลักรถเข็นของเสี่ยวหยูเดินไปที่หน้าถ้ำ
“เชิญคุณชายตามสบายเลยขอรับ…”
สาวกของกลุ่มกองกำลังอื่นๆที่ยืนเฝ้าปากทางเข้าถ้ำ ต่างรีบหลบเปิดเส้นทางให้กับหวังเสียนด้วยความหวาดกลัว
โฮ่งโฮ่ง!
เสียงของเห่าฟ้า ดังสะท้อนก้องไปทั่วปากทางเข้าถ้ำ มันหันมองไปทางหวังเสียนพร้อมกับกระดิกหางไปมา ก่อนที่มันจะกระโจนเข้าไปกัดที่ไหล่ของนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวและเหวี่ยงเขาไปที่หน้าปากถ้ำใกล้ๆกับหวังเสียนอย่างแม่นยำ
หลังจากนั้นมันก็กัดไปที่ไหล่ของหมอเทวะฟางฮัวซือและโยนเขาไปไว้ข้างๆนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัว
นายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวหายจากอาการมึนงง เขาหันมองไปรอบๆตัวและเห็นว่าสาวกทั้งหมดของสำนัก 9 ดอกบัวนั้นถูกสังหารเสียจนสิ้น ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ปากของเขานั้นยังคงตะโกนออกมาแย้งกับความรู้สึกตัวเอง
“พ่อของข้าและเหล่าผู้อาวุโสระดับสูงของสำนัก 9 ดอกบัวจะไม่ปล่อยแกเอาไว้แน่!”
เมื่อหวังเสียนได้ยินน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวพูดเช่นนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาก่อนที่เขาจะพูดออกมาว่า “ไม่ต้องห่วงไปหรอก! ข้าจะไม่ปล่อยให้คนของสำนัก 9 ดอกบัวมีชีวิตรอดไปแม้แต่คนเดียว ฉะนั้นในตอนนี้ข้าจึงไม่ได้ฆ่าเจ้า แต่ข้าจะให้เจ้าได้เห็นการล่มสลายของสำนัก 9 ดอกบัวก่อนที่เจ้าจะตาย!”
นายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัว เลือดสดๆไหลออกมาจากแขนขาที่ถูกตัดขาดของเขา ในขณะเดียวกันใบหน้าของเขาก็ค่อยๆหมองคล้ำลงไปเรื่อยๆ พลังงานชีวิตค่อยๆหดหายออกไปจากร่างกายของเขาอย่างช้าๆ
ไม่ว่าผลลัพธ์จากคำพูดของหวังเสียนจะเป็นเช่นไร แต่อนาคตของเขาก็ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าจะต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถเช่นนี้อย่างแน่นอน
จากนายน้อยหนุ่มผู้ที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ของสำนัก 9 ดอกบัว ซึ่งมีความแข็งแกร่งในระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นต้น แต่ในตอนนี้เขานั้นกลับกลายเป็นคนพิการที่ไร้ประโยชน์และกำลังจะจบชีวิตลงในไม่ช้านี้แล้ว
สิ่งนี้ทำให้เขายากจะยอมรับความจริงได้ในขณะที่เขานอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง
ทำไมข้าถึงได้โชคร้ายไปยั่วยุคนที่บ้าคลั่งเหมือนกับจอมปีศาจตัวนี้ได้?
“สำนักเซิ่งเหมินถูจะตามไล่ล่าสังหารเจ้าและครอบครัวของเจ้าอย่างแน่นอน ข้าขอสาปแช่งเจ้าให้ต้องตายอย่างไร้หลุมฝังศพ….” หมอเทวะฟางฮัวซือยังคงตะโกนสาปแช่งหวังเสียนไม่หยุดหย่อน
หวังเสียนหันไปมองเขาเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มที่เย้ยหยัน
ในขณะนี้รอบๆตัวของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยซากศพของสาวกแห่งสำนัก 9 ดอกบัว อากาศที่อยู่ในเทือกเขาเทียมเมฆในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
หวังเสียนยืนอยู่อย่างเงียบๆ ที่ปากทางเข้าถ้ำ เพื่อรอกลุ่มผู้อาวุโสของสำนัก 9 ดอกบัวและอาจารย์ของหมอเทวะฟางฮัวซือออกมาจากสุสานโบราณ
เหล่าชาวยุทธที่เป็นคนของกองกำลังอื่นๆ ยืนลังเลใจกันเล็กน้อยว่าพวกเขาสมควรจะกลับออกไปดีหรือไม่ และในที่สุดพวกเขาก็เลือกที่จะอยู่ดูเหตุการณ์ต่อไป
ความคิดของพวกเขานั้นค่อนข้างที่จะตรงกัน นั่นก็คือพวกเขาต้องการเป็นสักขีพยานในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
หลังจากนั้นไม่นานแสงของดวงอาทิตย์ก็เปลี่ยนกลายเป็นสีแดงและค่อยๆลาลับขอบฟ้าไปอย่างช้าๆ
พระอาทิตย์ตกในฤดูหนาวนั้นช่างสวยงามอย่างแท้จริง
ในขณะที่ลมหนาวพัดผ่านเข้ามาเหล่าชาวยุทธที่อยู่โดยรอบก็กระชับเสื้อผ้าบนร่างกายของพวกเขาอย่างไม่รู้ตัว
พวกเขาไม่แน่ใจว่าอาการหนาวของพวกเขานั้นเกิดจากอากาศที่หนาวเย็นหรือเกิดจากกลิ่นอายสังหารอันหนาแน่นที่อยู่ในบริเวณนี้กันแน่
ตุบ! ตุบ!
“นั่น!…พวกเขากลับมาจากสุสานโบราณกันแล้ว!”
เสียงฝีเท้าของคนจำนวนมากที่ดังขึ้นมาได้ทำลายความเงียบสงบที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้โดยตรง
เหล่าชาวยุทธรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขานั้นเต้นผิดจังหวะในขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังปากถ้ำอย่างใจจดใจจ่อฝ
“ฮ่าๆๆ! อาวุธวิญญาณระดับก่อกำเนิดจิตวิญญาณ และทักษะวิชาดาบของสำนักโบราณ ได้อยู่ในมือของสำนัก 9 ดอกบัวของพวกเราแล้ว ฮ่าๆๆ!”
“ทักษะวิชาดาบโบราณนี้ช่างทรงพลังเป็นอย่างมาก! ในบรรดาวิชาดาบทั้งหมดที่ข้ารู้จัก ทักษะวิชาดาบเล่มนี้ที่ได้มาจากสุสานโบราณสามารถเป็นหนึ่ง ในสามอันดับแรกในโลกยุทธภพได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว หากสำนัก 9 ดอกบัวของเราสามารถฝึกวิชาดาบโบราณในคัมภีร์เล่มนี้ได้สำนักของพวกเราก็จะแข็งแกร่งขึ้นมากอย่างแน่นอน!”
“ข้าก็เชื่อมั่นเช่นนั้นเช่นเดียวกัน! แต่พี่ว่านโปรดอย่าลืมในสิ่งที่สัญญากับข้าเอาไว้ว่าท่านจะมอบเมล็ดดอกบัวหลอมกระดูกให้แก่ข้า เพราะลูกศิษย์ของข้านั้นจะต้องใช้มันในการรักษาแขนของเขา!”
“มั่นใจได้เลยพี่เฟิง! ข้าย่อมทำตามคำสัญญาที่ข้าได้เคยให้ไว้กับท่านได้อย่างแน่นอน!”
หลังจากที่ได้ยินเสียงฝีเท้าแล้ว เสียงพูดคุยกันของกลุ่มคนก็ดังขึ้นมา จากนั้นไม่นานก็เห็นกลุ่มคนโผล่ออกมาจากปากถ้ำ
กลุ่มคนที่ออกมานั้นสวมชุดโบราณสีดำ ที่อยู่ตรงด้านหน้าของกลุ่มมีชายชรา 2 คนกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส แต่ใบหน้าของพวกเขานั้นดูอ่อนเพลียไปเล็กน้อย
แต่การบุกค้นสุสานโบราณในครั้งนี้นั้นทำให้พวกเขาได้รับรางวัลติดมือกลับมาอย่างมากมาย
“หือ?!! กลิ่นคาวเลือด?”
เมื่อชายชราทั้งสองคนเดินออกมาถึงปากถ้ำพวกเขาก็ขมวดคิ้วเข้าหากันในทันที
……….