Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ – ตอนที่ 377 ไม่มียาแก้พิษ?

ตอนที่ 377 ไม่มียาแก้พิษ?

ตอนที่ 377 ไม่มียาแก้พิษ?

.

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองเทียนเฉิง สถาปัตยกรรมต่างๆรอบเขตเทือกเขาเทียมเมฆนั้นสวยงามและกลมกลืนกับธรรมชาติเป็นอย่างมาก

เทือกเขาแห่งนี้มีความสูง 142 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และมีถนนที่สวยงามยาวกว่า 3 กิโลเมตรที่สร้างขึ้นคล้ายกับถนนสายธรรมชาติลัดเลาะไปตามแนวเขา ที่เชิงเขายังมีรูปปั้นพระพุทธรูปที่สร้างจากหินขนาดใหญ่อันมีชื่อเสียงมากที่สุดในมณฑล มีตัวอักษรขนาดใหญ่จารึกอยู่บนหน้าผา มีศาลาปั้นจั่นสวยงามที่คล้ายกับศาลารูปทรงหกเหลี่ยมในสมัยโบราณ มีลานกว้างที่ปูด้วยหินสีแดงตรงกลางมีบ่อน้ำพุที่เป็นรูปนกกระเรียน ตรงด้านหลังมีวิหารขนาดใหญ่ที่คล้ายกับวัดซิงฮัวเซนแห่งราชวงศ์หมิง และยังมีรูปปั้นวีรบุรุษสงครามตั้งแต่อดีตจนถึงยุคปัจจุบันอยู่รายล้อมตามสถานที่ต่างๆตั้งเอาไว้อย่างสง่างาม

โดยปกติแล้วสถานที่แห่งนี้จะคึกคักและหนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมธรรมชาติในเทือกเขาเทียมเมฆ แต่ในตอนมันกลับดูเงียบเหงามากเป็นพิเศษ เนื่องจากว่าทางเข้าได้ถูกปิดกั้นโดยสาวกของสำนัก 9 ดอกบัว

“ทางเข้าของสุสานโบราณอยู่ทางด้านหลังยอดเขาแห่งนี้ค่ะพี่!” เสียงพูดของเสี่ยวหยู ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงบ ในขณะที่เธอนั่งอยู่บนรถเข็นที่ถูกผลักไปข้างหน้าโดยหวังเสียน

“นี่ก็เป็นเวลาประมาณ 3 วันแล้วนับตั้งแต่การค้นพบสุสานโบราณแห่งนี้ ฉันคิดว่าน่าจะมีสมบัติที่มีค่าเหลืออยู่อีกมากที่ยังไม่ถูกค้นพบ!” เสี่ยวหยูมองไปที่ทางเข้าของประตูสุสานในขณะที่เธอพูดกับพี่ชายของเธอ

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีน่ะสิ! เราอาจจะได้สมบัติระดับจิตวิญญาณติดมือกลับมาด้วยสัก 2-3 ชิ้น!” หวังเสียนตอบด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่เขาผลักรถเข็นของเสี่ยวหยูไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

พวกเขาทั้งหมดเดินผ่านศาลาหลังหนึ่งระหว่างทางขึ้นยอดเขา ด้านในศาลามีคนหลายคนกำลังนั่งพูดคุยกันอยู่อย่างออกรส

“สมาชิกจาก 3 สำนักและ 2 ตระกูลใหญ่ได้เข้ามารวมกันอยู่ที่นี่ ข้าสงสัยจริงๆว่าสมบัติที่อยู่ในสุสานโบราณฝ่ายไหนจะได้รับไปกันแน่?” เสียงของชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา

“สำนัก 9 ดอกบัวนั้นน่าจะทรงพลังมากที่สุดในหมู่ของพวกเขา แต่ปัญหาก็อยู่ที่ว่าในกลุ่มนั้นมีหมอเทวะที่มาจากสำนักเซิ่งเหมินถูอยู่ด้วย 2 คน!” ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาพูดตอบ

“แต่คนของตระกูลหลิ่วหยุน ก็มีความแข็งแกร่งมากเช่นเดียวกัน พวกเขานำผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณมาด้วยถึง 2 คน อย่างน้อยๆพวกเขาก็จะต้องได้รับส่วนหนึ่งของสมบัติที่อยู่ด้านในสุสานโบราณอย่างแน่นอน!” ชายวัยกลางคนอายุประมาณ 40 ปีแสดงความคิดเห็นออกมา

“ไม่กี่วันที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตไปแล้วหลายสิบคน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณด้วย ข้าว่าข้างในสุสานโบราณแห่งนี้จะต้องมีสมบัติจิตวิญญาณที่ล้ำค่าอยู่อย่างแน่นอน!” ชายชราคนหนึ่งกล่าวเสริม

กลุ่มของหวังเสียนที่กำลังเดินผ่านศาลาก็ได้ยินคำพูดของพวกเขาอย่างชัดเจน แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก พวกเขายังคงเดินกันต่อไปอย่างช้าๆ

หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มของหวังเสียนก็เดินมาถึงยังหน้าถ้ำใต้เขตภูเขาแห่งหนึ่ง

มีกลุ่มคนเกือบ 80 คนรวมตัวกันอยู่ห่างจากปากทางเข้าถ้ำพอสมควร พวกเขาแยกตัวกันออกเป็นกลุ่มๆ

ปากถ้ำแห่งนี้นั้นมีความกว้างมากกว่าสิบเมตร เมื่อสังเกตมองดูแล้วถ้ำแห่งนี้นั้นน่าจะมีความลึกเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

และที่บริเวณใกล้ปากทางเข้าถ้ำนั้นมีกลุ่มคนอยู่ประมาณ 20 คน พวกเขาจ้องมองไปยังคนกลุ่มใหญ่คล้ายกับว่ากำลังป้องกันไม่ให้คนกลุ่มนั้นบุกเข้าไปข้างในถ้ำ

การมาถึงของกลุ่มหวังเสียน ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของกลุ่มคนมากนัก

ในขณะเดียวกันสายตาของหวังเสียนก็จ้องมองไปยังทิศทางของกลุ่มคนที่สวมชุดสำนัก 9 ดอกบัวอย่างเย็นชา

เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มกองกำลังอื่นๆที่รวมตัวกันอยู่รอบๆปากถ้ำ สถานที่ที่กลุ่มของสำนัก 9 ดอกบัวพักอยู่นั้นสะดวกสบายกว่ากลุ่มอื่นๆมาก

กลุ่มพวกเขาอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ซ้ำยังมีโต๊ะและเก้าอี้จำนวนมากวางเรียงรายอยู่อีกด้วย มองดูคล้ายกับว่าพวกเขานั้นมาปิกนิกนอกสถานที่กันเสียมากกว่ามาหาสมบัติ

หลายคนในกลุ่มของพวกเขานั้นกำลังนั่งจิบชาพร้อมกับทานของว่างพูดคุยกันอย่างอารมณ์ที่ดี

“หือ?” หวังเสียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเขามองไปยังบุคคลคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มของสำนัก 9 ดอกบัว

มันคือคนที่เคยมีเรื่องบาดหมางกับเขาเมื่อนานมาแล้วเมื่อตอนที่เขาเปิดศูนย์การแพทย์มังกรศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาใหม่ๆ

หมอเทวะฟางฮัวซือ! (จากตอนที่ 127)

เมื่อเห็นร่างของบุคคลที่คุ้นเคย หวังเสียน ก็กวาดสายตามองกลุ่มคนที่อยู่รอบๆ ฟางฮัวซือในทันที

ฟางฮัวซือนั่งอยู่ทางซ้ายมือของชายหนุ่มคนหนึ่ง แขนของเขาที่ถูกทำให้พิการยังคงห้อยอยู่ข้างลำตัวเหมือนกับว่ามันเป็นส่วนเกินในร่างกายของเขา

แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของฟางฮัวซือ ราวกับว่าแขนทั้งสองข้างของเขานั้นไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตของเขาเลย

“พี่คะ! มันคือชายคนนั้น!” เสี่ยวหยูชี้นิ้วของเธอไปยังชายหนุ่มคนที่นั่งอยู่ข้างๆกับหมอเทวะฟางฮัวซือ เธอจ้องไปยังชายคนนั้นด้วยความโกรธแค้น

ชายหนุ่มคนนั้นก็คือนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวนั้นเอง!

“ไปกันเถอะ!” หวังเสียนจ้องมองไปทางชายหนุ่มคนนั้นพร้อมกับพูดออกมา

นายน้อยของสำนัก 9 ดอกบัวคนนี้ดูเหมือนว่าจะมีอายุประมาณ 30 ปี เขาปลดปล่อยออร่าของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณออกมาอย่างไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย

รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความภาคภูมิใจและความเย่อหยิ่ง

เขาถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ในการฝึกฝนและบ่มเพาะที่สูงเป็นอย่างมาก การที่เขาสามารถก้าวเข้าสู่ระดับก่อกำเนิดลมปราณได้ด้วยวัยเพียงแค่ 30 ปีนั้นถือได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจอย่างที่สุดของบิดาเขาที่เป็นเจ้าสำนักแห่งสำนัก 9 ดอกบัวเลยทีเดียว

“โอ้วว! นี่คงจะเป็นปรมาจารย์หนุ่มของสำนัก 9 ดอกบัวที่ถือได้ว่ามีพรสวรรค์ระดับสูงที่สุดของสำนักอย่างนั้นใช่หรือไม่? ข้าเคยได้ยินมาว่าเขานั้นเป็นเทียนเจียวอันดับที่ 5 ของยอดยุทธรุ่นเยาว์แห่งโลกยุทธภพ และมีคนเคยพูดเอาไว้ว่าเขาอาจจะก้าวเข้าสู่ระดับขอบเขตเม็ดยาเซียนในอนาคตก็ได้ ช่างนับได้ว่าเป็นบุญตาของข้าเสียจริงๆ ที่ได้มาพบตัวเป็นๆ ที่นี่ ฮึๆๆ!” หวังเสียนพูดล้อเลียนออกมาเสียงดัง ในขณะที่เขายังคงผลักรถเข็นของเสี่ยวหยูเดินตรงไปยังกลุ่มของสำนัก 9 ดอกบัวที่อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่

“หือ? คนพวกนั้นเป็นใครกัน?”

เสียงของหวังเสียนนั้นได้ดึงดูดความสนใจของบุคคลที่อยู่ใกล้ๆ คนจากหลายกองกำลังหันไปมองกลุ่มของหวังเสียน ด้วยความประหลาดใจ

“เด็กสาวที่นั่งอยู่ในรถเข็นคนนั้น เป็นคนเดียวกับเด็กสาวที่เคยประมือกับนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวเมื่อหลายวันก่อนใช่หรือไม่?”

“ถูกต้อง! นั่นเป็นเธอจริงๆด้วย ข้าเคยได้ยินมาว่าเธอนั้นเป็นธิดาสวรรค์จากกองกำลังระดับชั้น 2 ที่ชื่อว่าสำนักกระบี่พฤกษาขจี เธออยู่ในระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณและเป็นเด็กสาวที่มีพรสวรรค์สูงมากเช่นเดียวกัน!”

“ช่างน่าเสียดายจริงๆ ไม่ว่าเธอจะมีพรสวรรค์มากแค่ไหน แต่เธอกลับกล้าเข้าไปท้าทายประลองฝีมือกับปรมาจารย์หนุ่มแห่งสำนัก 9 ดอกบัวที่อยู่ในระดับก่อกำเนิดลมปราณ จนถูกปรมาจารย์หนุ่มแห่งสำนัก 9 ดอกบัวทำร้ายจนพิการ ช่างน่าเห็นใจยิ่งนัก!”

เมื่อเห็นเสี่ยวหยูนั่งบนรถเข็น กลุ่มชาวยุทธจากกองกำลังต่างๆ ก็พูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน พร้อมกับแสดงความสงสารเสี่ยวหยูออกมา

“แล้วเธอกลับมาทำอะไรที่นี่อย่างนั้นหรือ?”

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญหันไปพูดคุยและกระซิบกระซาบถามกันออกมาด้วยความสงสัย

เมื่อได้ยินเหล่าชาวยุทธพูดคุยเกี่ยวกับกลุ่มคนที่เพิ่งเดินเข้ามา นายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวและฟางฮัวซือ ซึ่งนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ก็หันไปมองยังกลุ่มของหวังเสียนในทันที

“ฮ่าๆๆ! มันมาที่นี่จริงๆด้วย!” ฟางฮัวซือ หัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อเห็นหวังเสียนที่กำลังผลักรถเข็นของเสี่ยวหยูเดินตรงเข้ามาทางพวกเขา

สายตาที่ฟางฮัวซือจ้องมองหวังเสียน นั้นเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและเกลียดชัง

“หมอเทวะฟางฮัวซือ นั่นคือหมอบ้าแห่งเมืองเจียงเฉิงอย่างนั้นรึ?” นายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวถามฟางฮัวซือ ในขณะที่เขากำลังจ้องมองและสังเกตหวังเสียนตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ถูกต้อง! มันคนนี้ก็คือหมอเทวะหวังหรือหมอบ้าแห่งเมืองเจียงเฉิง!” ฟางฮัวซือกัดฟันตอบออกมาอย่างเคียดแค้น

“แต่ทักษะทางด้านการแพทย์ของมัน ก็สูงมากจริงๆ มันกลับสามารถลดผลกระทบของพิษกระดูกดำที่ร้ายแรงเช่นนี้ได้!” ฟางฮัวซือพูดเสริมออกมา

“ฮ่าๆๆ! ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกหมอเทวะฟาง! ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถฟื้นคืนสติได้ แต่เธอก็คงจะพิการไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน!” นายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวหัวเราะเยาะเย้ยออกมาในขณะที่เขาจ้องมองไปยังเสี่ยวหยูที่นั่งอยู่บนรถเข็น

“ตลกมากอย่างนั้นรึ!” หวังเสียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาในขณะที่จ้องมองไปยังนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวและฟางฮัวซือ

สาเหตุที่นายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวจงใจหาเรื่องเสี่ยวหยูและใช้พิษกระดูกดำกับเธอ สาเหตุก็น่าจะเนื่องมาจากฟางฮัวซือต้องการจะแก้แค้นหวังเสียนผ่านทางเสี่ยวหยูนั่นเอง!

“นำยาแก้พิษออกมา!” หวังเสียนยังคงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเช่นเดิม

“ยาแก้พิษอย่างนั้นเหรอ! ฮ่าๆๆ!” ฟางฮัวซือหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

“เจ้าต้องการยาแก้พิษอย่างนั้นเหรอ? ฮ่าๆๆ! มันคือผลจากการต่อสู้อย่างยุติธรรม เหมือนที่เจ้าชอบยังไงล่ะ! ผู้แพ้ก็ต้องได้รับผลที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! แล้วเจ้าจะมาเรียกร้องขอยาแก้พิษเพื่ออะไรกัน?” ฟางฮัวซือยิ้มเยาะออกมาในขณะที่เขาพูดกับหวังเสียน

“ในตอนนั้นเจ้าได้ทำให้แขนของข้าต้องพิการหลังจากที่ข้าได้พ่ายแพ้ให้กับเจ้า และตอนนี้น้องสาวของเจ้าได้พ่ายแพ้และถูกยาพิษ เจ้าจะมาเรียกร้องขอยาแก้พิษนั้นมันถูกต้องแล้วหรือ? การกระทำของเจ้าช่างน่าตลกเสียจริงๆ ฮ่าๆๆๆ!” ฟางฮัวซือยังคงหัวเราะและพูดจาเยาะเย้ยถากถางออกมา

“ถึงข้าจะมียาแก้พิษข้าก็จะไม่มอบมันให้กับเจ้า นับประสาอะไรกับยาพิษชนิดนี้นั้นไม่มียาแก้พิษ ฮ่าๆๆ!”

“ยาพิษกระดูกดำชนิดนี้ โอรสสวรรค์แห่งสำนักเซิ่งเหมินถูของพวกเราได้พบมันโดยบังเอิญในซากอารยธรรมโบราณแห่งหนึ่ง และข้าคิดว่าในโลกนี้คงจะไม่มียาใดที่จะสามารถแก้พิษชนิดนี้ได้อย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ในสำนักของพวกข้าได้เคยศึกษาวิจัยพิษชนิดมาก่อนแล้ว ฉะนั้นเจ้าจงมั่นใจในสิ่งที่ข้าพูดเถอะว่าในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดจะสามารถแก้พิษชนิดนี้ได้อย่างแท้จริง ฮ่าๆๆ!” ฟางฮัวซือหัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความสะใจ

……..

จบบท

Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ

Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ

Status: Ongoing

แปลงร่างเป็น มังกรศักดิ์สิทธิ์ และครองโลก! ด้วยระบบมังกร เขาจะเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์ผู้เดียวในมหาสมุทรที่ก่อตั้งวังมังกรใต้มหาสมุทร ด้วยทหารฝูงปลาและเหล่าขุนพลสัตว์ทะเลในฐานะผู้ติดตามของเขา รวมทั้งสัตว์ทะเลขนาดมหึมาในฐานะลูกน้องคนสนิทของเขา เขาคือจักพรรดิ์มังกรผู้ปกครองวังมังกรศักดิ์สิทธิ์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท