Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ – ตอนที่ 383 อันดับเทียนเจียวสั่นสะเทือน!

ตอนที่ 383 อันดับเทียนเจียวสั่นสะเทือน!

“เกิดอะไรขึ้น? ลำแสงสีทองนั้นเกิดจากการใช้ธาตุโลหะใช่หรือไม่? อย่าบอกนะว่าหมอเทวะหวังสามารถใช้พลังงานธาตุโลหะที่ทรงพลังเช่นนี้ได้อีกด้วย หากเขามีความสามารถมากมายขนาดนี้แล้วพวกเราจะกล้าอยู่ในโลกยุทธภพนี้ได้อย่างไร!” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดออกมาด้วยความหดหู่ใจ

“ช่างน่าเกรงขามจริงๆ! ตอนนี้เขามีอายุเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้นยังมีความสามารถมากขนาดนี้ ในอนาคตหากหมอเทวะหวังผู้นี้ไม่ล้มลงเสียก่อนเขาจะต้องกลายเป็นยอดยุทธอันดับหนึ่งแห่งโลกยุทธภพอย่างแน่นอน!” เสียงของชายชราคนหนึ่งพูดออกมา

ชาวยุทธที่อยู่โดยรอบต่างรู้สึกหนาวเย็นไปถึงไขสันหลัง เมื่อได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องอันโหยหวนของคนจำนวนมาก แต่พวกเขาไม่สามารถตรวจสอบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในได้ เพราะลำแสงสีทองของธาตุโลหะนั้นได้ปกปิดการต่อสู้เอาไว้จนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย

เหล่าชาวยุทธที่อยู่ในเทือกเขาเทียมเมฆทุกคนจ้องมองไปยังลำแสงสีทองกลุ่มนั้นโดยไม่กระพริบตา พวกเขาไม่อยากจะพลาดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว

เมื่อแสงสีทองค่อยๆจางหายไปพวกเขาก็เริ่มมองเห็นได้อย่างเลือนลาง

ในไม่ช้าก็มีร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งยืนเด่นเป็นสง่า ในมือของเขานั้นถือดาบเล่มยาวเอาไว้ แต่ปลายคมดาบนั้นยังคงปักอยู่บนพื้นดิน

บนพื้นหินรัศมี 20 เมตรรอบๆตัวเขานั้นมีรอยกรีดลึกของคมดาบเกิดขึ้นอย่างมากมายเกินกว่าจะนับได้

เศษซากชิ้นส่วนศพของสาวกในสำนักเซิ่งเหมินถูและสาวกของสำนัก 9 ดอกบัวนอนตายกันอยู่อย่างเกลื่อนกลาด

อึก!

“เขาคนเดียวสามารถโค่นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นสูงได้พร้อมกันถึง 4 คน! และยังมีเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นต้นและขั้นกลางอยู่อีกนับสิบคนอีกด้วย!”

“ร้ายกาจมาก! นี่คือหมอเทวะหวังจากเมืองเจียงเฉิงที่เป็นหมอเทวะไร้สังกัดจริงๆอย่างงั้นเหรอ!”

เหล่าชาวยุทธที่อยู่โดยรอบต่างพูดคุยกันเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของหวังเสียน

“ด้วยระดับความแข็งแกร่งและความสามารถที่หลากหลายเช่นนี้ ยอดยุทธรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นแห่งโลกยุทธภพคงจะไม่มีใครสามารถเทียบกับหมอเทวะหวังคนนี้ได้อย่างแน่นอน แม้แต่บรรดาโอรสสวรรค์ที่มีรายชื่อในการจัดอันดับเทียนเจียวก็คงยังด้อยกว่าหมอเทวะหวังอยู่มาก!” ชายชราสองคนจากตระกูลหลิ่วหยุน จ้องมองไปที่หวังเสียนด้วยดวงตาที่เป็นประกาย

ตัวละครเช่นนี้นั้นถือได้ว่ามีความสำเร็จที่ท้าทายสวรรค์เป็นอย่างมาก คงอีกไม่กี่ปีหลังจากนี้เขาก็คงจะต้องขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดของท้องฟ้าอย่างแน่นอน

“โอ้ว! ข้าคงใช้พลังมากเกินไปหน่อย คนของพวกเจ้าทั้งหมดจึงไม่มีใครสามารถรอดชีวิตไปได้ แต่โชคของพวกเจ้ายังดีมากนักที่เพียงแค่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น !” หวังเสียนพูดออกมาในขณะที่เขาดึงดาบซานลู่ออกมาจากพื้นดิน

อ๊อกก!

แค่กๆๆ!

หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงไอและกระอักเลือดของคนสองคน พวกเขาค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งอย่างอ่อนแรง

คนทั้งคู่นั้นก็คือเจ้าสำนักแห่งสำนัก 9 ดอกบัวและผู้อาวุโสเฟิงแห่งสำนักเซิ่งเหมินถู

“ตายหมดแล้ว! ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณของพวกเราถูกฆ่าตายหมดแล้ว!” ชายวัยกลางคนร่างท้วมเจ้าสำนัก 9 ดอกบัว พูดพึมพำออกมาเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น จนถึงในตอนนี้เขายังไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมชายหนุ่มตรงหน้าเขาถึงต้องการทำลายล้างสำนัก 9 ดอกบัวของเขา

เขาเงยหน้าขึ้นมองหวังเสียนด้วยสายตาแห่งความเศร้าโศก “เจ้าช่วยบอกข้าได้หรือไม่ ว่าทำไมเจ้าถึงต้องการกวาดล้างสำนัก 9 ดอกบัวของข้า? พวกเราได้ไปสร้างความขุ่นเคืองให้เจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

เมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้น หวังเสียนก็ยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะเดินไปหยุดยืนจ้องมองหน้าเจ้าสำนัก 9 ดอกบัว

“น้องสาวของข้าถูกวางยาพิษจนเธอได้รับบาดเจ็บสาหัส และมันเกี่ยวข้องโดยตรงกับสำนัก 9 ดอกบัวของเจ้า!” หวังเสียนตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา และเขายังชี้ไปยังเสี่ยวหยูที่นั่งอยู่บนรถเข็น

“อะไรนะ?” เจ้าสำนัก 9 ดอกบัวตะโกนออกมาด้วยความตกใจเมื่อเขาเห็นว่ามีเด็กสาวที่ใบหน้าซีดเซียวนั่งอยู่บนรถเข็น

เขานึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ในทันที ในก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสเฟิงแห่งสำนักเซิ่งเหมินถู ที่นับได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของเขา ได้พูดคุยวางแผนและแนะนำให้นายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวใช้ยาพิษกับหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นธิดาสวรรค์แห่งสำนักกระบี่พฤกษาขจีที่เป็นสำนักระดับชั้น 2

ผู้อาวุโสเฟิงเคยบอกกับเขาไว้ว่าเด็กสาวคนนี้นั้นเป็นน้องสาวของหมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิง แต่ในตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะเด็กสาวที่เป็นธิดาสวรรค์แห่งสำนักระดับชั้น 2 และน้องสาวของหมอเทวะที่ไร้สังกัดนั้นนับได้ว่าเป็นคนตัวเล็กๆในสายตาของเขาเพียงเท่านั้นเอง

สำนักกระบี่พฤกษาขจีที่เป็นสำนักระดับชั้น 2 จะกล้ามีปัญหากับสำนัก 9 ดอกบัวของเขาได้เช่นไร? เพียงแค่เขาออกปากเพียงคำเดียวสำนักกระบี่พฤกษาขจีก็คงจะถูกกวาดล้างภายในวันนั้นอย่างแน่นอน!

และหมอเทวะที่ไร้สังกัดจะเทียบได้กับสำนักเซิ่งเหมินถูที่เป็นสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?

เขาจึงเห็นด้วยกับผู้อาวุโสเฟิงในทันทีแบบไม่ต้องคิดทบทวนเลยแม้แต่น้อย

แต่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าหมอเทวะที่ไร้สังกัดแห่งเมืองเจียงเฉิงที่เป็นพี่ชายของเด็กสาวคนนี้จะน่ากลัวมากขนาดนี้

อย่างน้อยระดับความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ก็น่าจะไม่ต่ำกว่าระดับครึ่งขั้นขอบเขตเม็ดยาเซียนอย่างแน่นอน แต่ระดับความแข็งแกร่งอันแท้จริงของเขานั้นจะอยู่ในระดับใด เจ้าสำนักแห่งสำนัก 9 ดอกบัวไม่กล้าจะจินตนาการ

“เจ้า!… แล้วเจ้าต้องการอะไร?” เจ้าสำนักแห่งสำนัก 9 ดอกบัว พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือในขณะที่เช็ดเลือดออกจากใบหน้าของตัวเอง

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าต้องการอะไรอย่างงั้นรึ? นี่เจ้ายังไม่รู้อีกหรือว่าข้าต้องการอะไร!” หวังเสียนหัวเราะเสียงดังในขณะที่เขายกดาบโบราณซานลู่ในมือขึ้นมา

“คนของสำนัก 9 ดอกบัวทั้งหมดจะไม่มีใครสามารถมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้!”

ฟวับบบ!

“เจ้า!…” เจ้าสำนักแห่งสำนัก 9 ดอกบัวอ้าปากพูดได้เพียงคำเดียว ลมเย็นๆที่เกิดจากดาบซานลู่ก็กระทบเข้ากับร่างกายของเขา เขารู้สึกเสียวแปลบที่ตรงบริเวณหน้าอก หลังจากนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างพร้อมกับหงายหลังล้มลงไปบนพื้น

หลังจากนั้นหวังเสียนก็หันไปมองผู้อาวุโสเฟิงที่อยู่ด้านข้าง

ผู้อาวุโสเฟิงมองดูเจ้าสำนักแห่งสำนัก 9 ดอกบัวถูกสังหารด้วยความตื่นตระหนก เขามองไปที่หวังเสียนอย่างหวาดกลัว

“ยา… ยาแก้พิษนั้นถูกเก็บไว้ในสำนักเซิ่งเหมินถู ถ้าเจ้าปล่อยข้าไป ข้าจะรีบนำยาแก้พิษกลับมาให้เจ้า หากไม่มียาแก้พิษโดยเฉพาะของมันเอง ก็จะไม่สามารถรักษาพิษชนิดนี้ได้อย่างแน่นอน!” ผู้อาวุโสเฟิงพูดออกมาเสียงต่ำ

“ฟางฮัวซือได้บอกกับข้าว่ายาพิษชนิดนี้นั้นไม่มียาแก้พิษ แม้แต่เจ้าสำนักของสำนักเซิ่งเหมินถูเอง ก็ไม่สามารถแก้พิษชนิดนี้ได้!” หวังเสียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาขณะที่เขามองไปยังผู้อาวุโสเฟิง

เมื่อได้ยินเช่นนั้นผู้อาวุโสเฟิงก็สะดุ้งด้วยความตกใจ แต่อย่างไรก็ตามเขายังคงรักษาอาการสงบนิ่งของเขาไว้ได้และพูดต่อไปอีกว่า “นั่นไม่จริงเลย! ตอนที่คนของสำนักเราได้ยาพิษชนิดนี้มา เขาได้ยาแก้พิษมาด้วย!”

“ฮึ! มันจะมียาแก้พิษหรือไม่ข้าไม่สนใจ! แต่ไม่ว่าจะยังไงในวันนี้เจ้าก็จะต้องตาย!” หวังเสียนตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดุดันในขณะที่เขายกดาบซานลู่ฟันไปที่ผู้อาวุโสเฟิงในทันที

ฟวับบบบ!

“ไม่! ไม่…. อย่าฆ่าข้าได้โปรด…” ผู้อาวุโสเฟิงตะโกนออกมาอย่างสิ้นหวัง

หวังเสียนไม่ได้ลังเลใจเลยแม้แต่น้อยในการที่จะสังหารผู้อาวุโสเฟิง

หากมียาแก้พิษชนิดนี้จริงเขาจะบุกไปที่สำนักเซิ่งเหมินถูและถามเจ้าสำนักของพวกเขาโดยตรง

“เขากล้าสังหารผู้อาวุโสของสำนักเซิ่งเหมินถูจริงๆด้วย!” เสียงของชาวยุทธคนหนึ่งตะโกนออกมาอย่างตกใจ

“ในเมื่อเขาสังหารผู้อาวุโสของสำนักเซิ่งเหมินถูอย่างตั้งใจเช่นนี้ แสดงว่าเขาก็คงจะต้องเตรียมใจรอรับการแก้แค้นของสำนักเซิ่งเหมินถูเอาไว้แล้วล่ะ!”

“แต่ข้าว่าเขาประเมินความสามารถของสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ต่ำเกินไป ถึงแม้ว่าสำนักเซิ่งเหมินถูจะเป็นสำนักทางการแพทย์โดยเฉพาะ แต่ด้วยระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยกว่ากองกำลังระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์อื่นๆเลยแม้แต่น้อย เพราะนี่คือสำนักที่อยู่ในโลกยุทธภพมาอย่างยาวนานนับศตวรรษ มิหนำซ้ำพวกเขายังมีกลุ่มชาวยุทธที่ทรงพลังกลุ่มอื่นๆอีกมากมายที่เต็มใจช่วยเหลือสำนักของพวกเขาอยู่อีกด้วย!” ชายชราคนหนึ่งแสดงความคิดเห็น

“แต่หมอเทวะหวังจากเมืองเจียงเฉิงนั้นก็ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่อันตรายอย่างแท้จริง ระดับความแข็งแกร่งของเขานั้นช่างน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เขาสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นสูงได้ถึงสี่คน แล้วยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณระดับกลางและระดับต่ำอีกหลายสิบคน และข้าคิดว่าเขายังไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งอันแท้จริงของเขาออกมา ฉะนั้นหากสำนักเซิ่งเหมินถูต้องการจะไล่ล่าสังหารเขา พวกเขาคงจะต้องคิดทบทวนดูหลายรอบอย่างแน่นอน!”

เหล่าชาวยุทธจากกลุ่มกองกำลังต่างๆที่เฝ้าจับตามองดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนถึงในตอนนี้ ต่างพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กับสิ่งที่เกิดขึ้นกันอย่างเมามัน

หลังจากนั้นหวังเสียนได้ถือดาบซานลู่เดินตรงเข้าไปหานายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวและหมอเทวะฟางฮัวซือ ก่อนที่จะไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเขา

ณ ตอนนี้บุคคลทั้งสอง ได้จมอยู่ในความสิ้นหวังไปเรียบร้อยแล้ว พวกเขามองไปยังหวังเสียนที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาราวกับจ้องมองไปที่ปีศาจร้าย

“ตอนที่พวกเจ้าทำร้ายน้องสาวของข้า! พวกเจ้าได้เคยคิดถึงจุดจบเช่นนี้เอาไว้บ้างหรือไม่?” หวังเสียนถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

ในตอนนี้ทั้งสองคนนั้นไม่สามารถโต้ตอบคำพูดของหวังเสียนได้แม้แต่คำเดียว ตัวของพวกเขานั้นสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวต่อความตาย

“คนชั่วช้าเช่นพวกเจ้า! จงตายไปเสียเถอะเผื่อแผ่นดินจะได้สูงขึ้นมาบ้าง!” หวังเสียนพูดออกมาขณะที่ชี้ดาบไปยังพวกเขา

ฉับบ! ฉับบ!

เมื่อเหล่าชาวยุทธที่อยู่รอบๆ ได้ยินเสียงของดาบที่ฟันผ่านลำคอของนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวและหมอเทวะฟางฮัวซือ พวกเขาก็รู้สึกไขสันหลังของพวกเขานั้นหนาวเย็นขึ้นมาในทันที

หลังจากนั้นพวกเขาก็ยังคงมองตามหวังเสียนที่กำลังเดินไปผลักรถเข็นให้น้องสาวของเขาด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่ทั้งคู่จะค่อยๆออกไปอย่างช้าๆ

ทางด้านหลังโม่ชิงหลงและโม่หยวน ได้เดินเข้าไปหยิบสิ่งของจากศพของเจ้าสำนัก 9 ดอกบัวและผู้อาวุโสระดับสูงในสำนักของพวกเขา สิ่งที่โม่ชิงหลงและโม่หยวนหยิบออกมานั้นได้แก่อาวุธจิตวิญญาณและทักษะวิชาดาบโบราณที่สำนัก 9 ดอกบัวนั้นได้มาจากสุสานโบราณ

“หมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิงผู้นี้ช่างน่าหวาดกลัวเสียจริงๆ!”

“ข้าคิดว่าหมอเทวะหวังน่าจะเป็นยอดยุทธรุ่นเยาว์ที่ทรงพลังมากที่สุดในยุทธภพอย่างแน่นอน!”

“พวกเจ้าคิดว่าระดับความแข็งแกร่งของเขานั้นน่าจะอยู่ในระดับครึ่งขั้นขอบเขตเม็ดยาเซียนใช่หรือไม่?”

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจในระดับความแข็งแกร่งของเขามากนัก แต่อย่างน้อยๆเขาต้องอยู่ในระดับครึ่งขั้นขอบเขตเม็ดยาเซียนแล้วอย่างแน่นอน!” ผู้อาวุโสจากตระกูลหลิ่วหยุนพูดออกมาอย่างมั่นใจ

“แต่ข้าว่าเขาน่าจะอยู่ในระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นสมบูรณ์แบบเพียงเท่านั้น ที่การโจมตีของเขานั้นทรงพลังมากก็คงจะเป็นเพราะอาวุธระดับก่อกำเนิดจิตวิญญาณของเขาอย่างแน่นอน!” ชายชราคนหนึ่งโต้แย้งออกมา

“ระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นสมบูรณ์แบบนั้นคงไม่สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นสูงสี่คนได้ง่ายๆเช่นนี้อย่างแน่นอน ต่อให้เขามีอาวุธระดับก่อกำเนิดจิตวิญญาณอยู่ในมือก็ตาม!”

การสำรวจสุสานโบราณในครั้งนี้ได้จบลงด้วยเหตุการณ์นองเลือดของสำนัก 9 ดอกบัวที่เจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสระดับสูงของพวกเขาทั้งหมดได้ถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น

และด้วยคำพูดจากปากต่อปากของชาวยุทธที่เห็นเหตุการณ์ในวันนี้ อันดับเทียนเจียวแห่งโลกยุทธภพคงจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาอีกครั้ง

ชื่อของหมอเทวะหวังหรือหมอบ้าแห่งเมืองเจียงเฉิง จะต้องอยู่ในอันดับต้นๆในโลกยุทธภพอย่างแน่นอน

Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ

Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ

Status: Ongoing

แปลงร่างเป็น มังกรศักดิ์สิทธิ์ และครองโลก! ด้วยระบบมังกร เขาจะเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์ผู้เดียวในมหาสมุทรที่ก่อตั้งวังมังกรใต้มหาสมุทร ด้วยทหารฝูงปลาและเหล่าขุนพลสัตว์ทะเลในฐานะผู้ติดตามของเขา รวมทั้งสัตว์ทะเลขนาดมหึมาในฐานะลูกน้องคนสนิทของเขา เขาคือจักพรรดิ์มังกรผู้ปกครองวังมังกรศักดิ์สิทธิ์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท