ตอนที่ 379 มีความสามารถสูงหรือแค่คนบ้า!”
.
“ตายซะเถอะไอ้บัดซบบบ!” นายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวคำรามออกมาพร้อมกับกระโจนเข้าโจมตีหวังเสียน อย่างดุดัน
ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมเป็นอย่างมากในขณะที่ถุงมือสีน้ำเงินที่เขาสวมอยู่ส่องประกายสว่างเจิดจ้ามา ด้านหลังของถุงมือนั้นมีลวดลายของดอกบัวปักอยู่พร้อมกับมีไพลินขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง
ภาพลวงตาดอกบัวก่อตัวขึ้นเหนือฝ่ามือของเขาพร้อมกับปลดปล่อยแรงบีบบังคับอันรุนแรงออกมา
“คนชั่วร้ายเลวทรามที่ใช้ยาพิษอันร้ายกาจในการต่อสู้เช่นเจ้า อยู่ไปก็รกโลก ฉะนั้นวันนี้ข้าจะสังหารเจ้าเสีย เผื่อแผ่นดินจะได้สูงขึ้นมาบ้าง!” หวังเสียน พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาขณะที่เขายกดาบซานลู่ขึ้นมา
“แกอย่ามาอวดดีให้มันมากนัก! คิดว่าอยู่ในระดับก่อกำเนิดลมปราณแล้วข้าจะกลัวเจ้าเช่นนั้นรึ? ข้าจะบดขยี้เจ้าให้เละ แล้วจับผู้หญิงที่อยู่รอบๆตัวเจ้ามาทรมานให้สาแก่ใจเลยทีเดียว!” นายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวตะโกนออกมาเสียงดัง ในขณะเดียวกันภาพดอกบัวที่อยู่บนมือของเขาก็ลอยขึ้นมาพร้อมกับขยายใหญ่ขึ้น
ฟวับบบบ!
ดาบซานลู่ในมือของหวังเสียนโจมตีไปที่ภาพลวงตาของดอกบัวจนภาพของมันเลือนลางเอาไปอย่างรวดเร็ว และคมดาบยังคงพุ่งไปยังถุงมือสีน้ำเงินของนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวโดยไม่ผ่อนแรงลงเลยแม้แต่น้อย
“แย่แล้ววว!” นายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าภาพดอกบัวดวงตาที่ถูกสร้างโดยออร่าของถุงมือสีน้ำเงินนั้นถูกทำลายลงไปด้วยความคมของดาบยาวในมือของหวังเสียน
แต่เขาก็ยังคงมั่นใจในถุงมือสีน้ำเงินคู่นี้ของเขาเป็นอย่างมาก เพราะมันคืออาวุธจิตวิญญาณระดับ 9 ซึ่งโดยปกติแล้วมันไม่หวาดกลัวความคมของอาวุธทั่วๆไปถึงแม้ว่าจะเป็นอาวุธที่อยู่ในระดับเดียวกันก็ตาม
ฉัวะ!
แต่อย่างไรก็ตามในทันทีที่ฝ่ามือของเขาสัมผัสกับดาบซานลู่ ใบหน้าของนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัว ก็แสดงความหวาดกลัวออกมาในทันที
อ๊ากกกก!
เสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดดังก้องไปทั่วบริเวณ ทุกคนต่างจ้องมองไปยังฝ่ามือของนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
มือและแขนทั้งสองข้างของเขาถูกผ่าออกเป็น 2 ซีกจนเกือบจะถึงไหล่ แต่มันน่าแปลกใจตรงที่พวกเขาเห็นหวังเสียนลงดาบครั้งเดียวเพียงเท่านั้น
แต่ปรากฏว่าแขนทั้งสองข้างของนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวนั้นกลับถูกผ่าไปพร้อมๆกัน ซึ่งมันน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
“หนึ่งกระบวนท่า! เพียงแค่หนึ่งกระบวน ท่านายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวก็ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส!” เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งร้องออกมา
“นั่นมันดาบอะไรกัน? ทำไมมันถึงได้คมมากขนาดนี้ ถุงมือสีฟ้าของนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวนั้นเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับ 9 ไม่ใช่หรอกเหรอ?” เสียงชายอีกคนหนึ่งตะโกนออกมา
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าหมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิงมีความสามารถที่สูงมากถึงขนาดนี้!” ชาวยุทธอีกคนหนึ่งก็พูดออกมาด้วยความตกตะลึง
“กะ!… แก … แกตัดแขนของข้า! ….” นายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัว ตะโกนออกด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ในตอนนี้เขานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างแท้จริง เขาจ้องมองไปยังแขนทั้งสองข้างของเขาที่ถูกผ่าครึ่งด้วยใบหน้าที่ซีดขาว
“นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น! หลังจากนี้เจ้าจะได้รับรู้ถึงผลลัพธ์ของการที่บังอาจทำให้น้องสาวของข้านั้นได้รับบาดเจ็บ!” หวังเสียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ขณะที่เขายกดาบซานลู่ชี้ไปที่นายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัว พร้อมกับแสยะยิ้มออกมา
แต่ในสายตาของนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัว รอยยิ้มของหวังเสียนนั้นกลับดูน่ากลัวราวกับรอยยิ้มของปีศาจร้าย
“กะ… แกอย่าเข้ามานะ!” นายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวร้องออกมาเสียงหลง เขาก้าวถอยหลังด้วยความหวาดกลัว
ฟวับบบ!
เสียงของดาบตัดผ่านอากาศดังขึ้นอีกครั้ง นายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวยืนตัวแข็งทื่อ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ฉัวะ! ฉัวะ!
เสียงอันน่าขนลุกของดาบที่ตัดผ่านเนื้อและกระดูกดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ในทันใดนั้นขาทั้งสองข้างรวมถึงแขนที่ถูกผ่าครึ่งทั้งสองข้างของนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวก็ถูกตัดออกจากร่างกายของเขา เขานอนกองอยู่บนพื้นด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เลือดสดๆไหลทะลักออกมาจากบาดแผลจนพื้นดินบริเวณนั้นกลายเป็นสีแดงเข้ม
“ข้าคือนายน้อย… แห่งสำนัก 9 ดอกบัว! แก..ไม่สามารถฆ่าข้าได้! ไม่สามารถฆ่าข้าได้!” นายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวพูดพึมพำออกมาเหมือนคนเสียสติ เขายังไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในตอนนี้ว่ามันคือเรื่องจริง
เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเขายังเป็นปรมาจารย์หนุ่มที่ได้รับการยกย่องจากเหล่าชาวยุทธโดยทั่วไปว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ระดับสูงเป็นอันดับต้นๆของรุ่นเยาว์ในโลกยุทธภพ มิหนำซ้ำเขายังเป็นว่าที่เจ้าสำนักคนต่อไปแห่งสำนัก 9 ดอกบัวอีกด้วย
แต่ในตอนนี้เขากลายเป็นคนพิการที่ไร้ค่าอย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้เหมือนกับความฝันอันเลวร้าย เขาไม่สามารถยอมรับความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาได้
“หยุดมือ! ผู้อาวุโสของสำนักเรากำลังจะออกมาจากสุสานโบราณในไม่ช้านี้! หากว่าเจ้ากล้าสังหารนายน้อยของพวกเรา พวกเจ้าและญาติๆของพวกเจ้าจะต้องถูกสำนัก 9 ดอกบัวของเราไล่ล่าสังหารอย่างแน่นอน!” เหล่าสาวกหลายคนจากสำนัก 9 ดอกบัวรีบตะโกนข่มขู่หวังเสียนออกมาในทันที เมื่อพวกเขาเห็นว่านายน้อยของพวกเขานั้นถูกตัดแขนและขาจนทำให้พิการ แต่ก็ยังไม่ถึงกับเสียชีวิตลงไป หากพวกเขารีบพานายน้อยของพวกเขากลับไปยังที่สำนักย่อมจะต้องมีวิธีที่จะเชื่อมต่อแขนและขาของนายน้อยกลับมาเหมือนเดิมได้อย่างแน่นอน
หวังเสียนยังคงจ้องมองไปยังนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัว ด้วยสายตาที่เย็นชา เหมือนกับว่าเขานั้นไม่ได้ยินคำพูดของเหล่าสาวกแห่งสำนัก 9 ดอกบัวที่กำลังตะโกนพูดกับเขา
นายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวที่เคยหยิ่งผยองและห้าวหาญ ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ปากของเขายังคงพูดพึมพำออกมาตลอดเวลาเหมือนกับคนที่เสียสติ น้ำสีเหลืองๆจากหว่างขาของเขาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
เลือดสดๆยังคงไหลทะลักออกมาจากบาดแผลของเขาผสมกับกลิ่นของฉี่ที่เขาปลดปล่อยออกมา เมื่อมองดูแล้วสภาพของนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวนั้นช่างน่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้นหวังเสียนก็ยกดาบซานลู่ของเขาขึ้นมาพร้อมกับชี้มันไปที่ หมอเทวะฟางฮัวซือ ที่ยืนตกตะลึงดวงตาเบิกกว้างอยู่ไม่ไกลจากนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัว
“เจ้ากล้าดียังไง…ถึงได้ทำกับนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวเช่นนี้!” ฟางฮัวซือตะโกนออกมา ขณะที่จ้องมองไปยังหวังเสียน แต่ในแววตาของเขานั้นแสดงถึงความขลาดกลัวออกมาอย่างชัดเจน
“ฮึๆๆ! ไม่ต้องห่วงไปหรอก ข้าจะไม่ฆ่ามันในตอนนี้ ข้าจะปล่อยให้มันได้ดูคนในสำนักของมันตายไปจนหมดเสียก่อน!” หวังเสียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เมินเฉย ในขณะที่เขามองกลับไปยังฟางฮัวซือ “ก่อนหน้านี้ข้านั้นประมาทเกินไปจริงๆที่ไม่ได้ฆ่าเจ้าทิ้ง แต่ในครั้งนี้ข้าจะไม่ทำผิดซ้ำเดิมอีกอย่างแน่นอน!”
“เจ้า!… เจ้าไม่สามารถฆ่าข้าได้ ข้าเป็นสาวกของสำนักเซิ่งเหมินถู เจ้าต้องการจะเป็นศัตรูกับสำนักของพวกเราอย่างนั้นเหรอ?” ฟางฮัวซือ เอ่ยอ้างสำนักของเขาออกมาเพื่อข่มขู่หวังเสียนด้วยความกลัว
“ในตอนนี้เจ้าได้เป็นศัตรูกับสำนัก 9 ดอกบัวแล้ว หากเจ้ายังคิดจะเป็นศัตรูกับสำนักเซิ่งเหมินถูที่เป็นสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ เจ้าและคนรู้จักของเจ้าทั้งหมดจะต้องถูกไล่ล่า ถึงแม้ว่าเจ้าอาจจะสามารถหนีรอดออกไปได้แต่พวกเจ้าก็จะไม่สามารถอยู่ในแผ่นดินจีนได้อีกต่อไป!” ฟางฮัวซือเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อเขาเห็นว่าหวังเสียนยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาจึงคิดว่าหวังเสียนนั้นเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา เขาจึงพูดจาข่มขู่หวังเสียนด้วยท่าทางที่หยิ่งผยอง
“เจ้าคิดว่าข้ากลัวอย่างนั้นรึ? ที่เจ้ากล้าพูดจากับข้าเช่นนี้ข้าคิดว่าอาจารย์ของเจ้าก็คงจะอยู่ด้านในสุสานเช่นเดียวกันใช่หรือไม่? ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยข้าจะให้อาจารย์ของเจ้านั้นได้ตายก่อนเจ้าก็แล้วกัน!” หวังเสียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ก่อนที่เขาจะยกดาบซานลู่ขึ้นและฟันไปที่ขาของฟางฉัวซือโดยตรง
ฟวับบบ!
“เจ้ากล้า!!….อ๊ากกกก!”
ฟางฮัวซือพูดยังไม่ทันจบประโยคใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวพร้อมกับแหกปากร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ด้วยระดับความแข็งแกร่งของหมอเทวะฟางฮัวซือเขาย่อมไม่อาจต้านทานดาบซานลู่ในมือของหวังเสียนได้อย่างแน่นอน ขาทั้งสองข้างของเขานั้นขาดออกจากกันในทันที!
“อ๊าาา!…แก!… สำนักเซิ่งเหมินของข้าจะไม่ปล่อยแกไปอย่างแน่นอน! ไอ้บัดซบบบบบ!…” ฟางฮัวซือกรีดร้องออกมาอย่างโกรธแค้น เขายังคงตะโกนสาปแช่งหวังเสียนอยู่ตลอดเวลา
“มาเถอะ! ถ้าสำนักเซิ่งเหมินถูของเจ้ายังคงกล้าเข้ามาวุ่นวายกับข้า! ข้าก็จะกวาดล้างสำนักเซิ่งเหมินถูของพวกเจ้าออกไปจากโลกยุทธภพ!” หวังเสียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ แต่เจตนาฆ่าของเขานั้นกลับรุนแรงเป็นอย่างมาก
“เชี่ยยย! หมอเทวะหวัง แมร่งโครตโหดเลย!” ชาวยุทธหนุ่มคนหนึ่งตะโกนออกมาอย่างลืมตัว
“เขาบอกว่าเขาจะกวาดล้างสำนักเซิ่งเหมินถูอย่างงั้นเหรอ?” เสียงของชาวยุทธอีกคนดังขึ้นมา
“ฮึ! ก็อีแค่ลมปากหมาบ้าตัวหนึ่ง! จะพูดเช่นไรออกมาก็ได้!” เสียงของชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งพูดตอบโต้ออกมา
“เฮอะ! เรื่องจะทำได้หรือไม่นั้นข้าไม่รู้! แต่อย่างน้อยหมอเทวะหวังเขาก็กล้าพูดออกมา ท่านกล้าพูดเช่นเดียวกันกับเขาหรือไม่?” ชาวยุทธหนุ่มที่พูดออกมาเป็นคนแรก และดูเหมือนว่าจะกลายเป็นแฟนคลับของหวังเสียนไปแล้ว พูดแย้งออกมา
“เจ้า!….”
เหล่าบรรดาชาวยุทธที่อยู่บริเวณโดยรอบต่างพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการกระทำและคำพูดของหวังเสียนกันอย่างเมามัน
คำพูดที่ว่าจะกวาดล้างสำนักเซิ่งเหมินถูที่เป็นสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์นั้น ถือได้ว่าเป็นคำพูดที่หยิ่งผยองเป็นอย่างมาก แม้แต่กองกำลังระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์กองกำลังอื่นๆ ก็ยังไม่เคยมีใครกล้าพูดว่าจะสามารถกวาดล้างกองกำลังระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เท่าเทียมกันมาก่อน
แต่หมอเทวะหนุ่มแห่งเมืองเจียงเฉิงที่มีอายุเพียงแค่ 20 ปีผู้นี้ กลับกล้าพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ นี่อาจจะแสดงให้เห็นว่าเขานั้นมีความเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองสูงมาก หรืออาจจะเป็นเพียงแค่คนบ้าตามที่ชาวยุทธในโลกยุทธภพที่ต่างตั้งฉายาให้กับเขา
หมอบ้าแห่งเมืองเจียงเฉิง!
สาวกแห่งสำนัก 9 ดอกบัวนั้นตัวสั่นกันขึ้นมาในทันที พวกเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าหมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิงจะบ้าคลั่งได้มากถึงขนาดนี้
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขานั้นกล้าตัดแขนและขาของนายน้อยแห่งสำนัก 9 ดอกบัวจนพิการ เพราะแม้แต่สำนักเซิ่งเหมินถูที่เป็นสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ หมอเทวะหวังผู้นี้ก็ยังไม่มีความกลัวเกรงเลยแม้แต่น้อย
“เมื่อเหล่าผู้อาวุโสของพวกเราออกมาจากสุสานโบราณ ชะตากรรมของมัน จะต้องเลวร้ายยิ่งกว่าความตายหลายเท่าตัว!” ชายวัยกลางคนของสำนัก 9 ดอกบัวคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น
เหล่าสาวกคนอื่นแห่งสำนัก 9 ดอกบัวก็ยืนจ้องมองหวังเสียนจากในระยะไกล พวกเขาต่างรอดูความโชคร้ายของหวังเสียนอย่างใจจดใจจ่อ
“สังหารเหล่าสาวกแห่งสำนัก 9 ดอกบัวให้หมด!”
ในทันใดนั้นเหล่าสาวกแห่งสำนัก 9 ดอกบัวและชาวยุทธที่อยู่บริเวณโดยรอบ ต่างก็ได้ยินเสียงของหวังเสียนที่ตะโกนออกมา
“เขา!… เขาพูดว่าอะไรน่ะ?”
เหล่าชาวยุทธที่อยู่โดยรอบสะดุ้งตกใจกันขึ้นมาในทันที เพราะในบริเวณนี้มีสาวกของสำนัก 9 ดอกบัวมากกว่า 30 คน และความแข็งแกร่งของพวกเขาที่ต่ำที่สุดก็อยู่ในระดับนักรบขั้นที่ 8
หมอเทวะหวังคนนี้จะเริ่มการสังหารหมู่อย่างนั้นรึ? หรือว่าเขานั้นเป็นเพียงแค่คนบ้า!
ตูมมม! ตูมมม!
แต่ในทันใดนั้นเองพลังงานอันมหาศาล 2 ตำแหน่ง ก็ระเบิดขึ้นมาพร้อมๆกัน และพุ่งเข้าใส่สาวกของสำนัก 9 ดอกบัวอย่างรวดเร็ว
เหล่าชาวยุทธที่มองดูเหตุการณ์อยู่ หันไปมองทางโม่ชิงหลงและโม่หยวนด้วยความตกใจ
แรงกดดันและแรงบีบบังคับอันทรงพลังนั้นมากกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นสมบูรณ์แบบทั่วๆไปมาก ออร่าและกลิ่นอายของปีศาจอันรุนแรงแผ่กระจายออกมาอยู่รอบๆร่างกายของพวกเขาทั้งสองคน ราวกับว่าพวกเขานั้นหลุดออกมาจากขุมนรกเลยทีเดียว
สิ่งนี้ทำให้ชาวยุทธที่มีระดับความแข็งแกร่งที่ค่อนข้างต่ำ ถึงกับขาอ่อนทรุดตัวลงนั่งกับพื้นในทันที
การเคลื่อนไหวและท่าร่างของโม่ชิงหลงนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้เข้าไปโจมตีสาวกของสำนัก 9 ดอกบัว แต่เขากลับพุ่งตรงไปยังชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในกลุ่มของชาวยุทธ
ก่อนหน้านี้ชายวัยกลางคนคนนี้เรียกราชาของพวกเขาว่า หมาบ้า!
คนผู้นี้จึงสมควรตายเป็นอย่างยิ่ง!
ชายวัยกลางคนคนนั้นแทบจะฉี่รดกางเกงในทันที เมื่อเขามองไปยังโม่ชิงหลงที่มีกลิ่นอายคล้ายกับปีศาจร้ายจากขุมนรกที่อยู่ตรงหน้าเขา
“ไม่!… ผู้อาวุโสโปรดเมตตาด้วย… อย่าฆ่าข้า…” ชายคนนั้นวิงวอนด้วยความหวาดกลัวขณะที่เขาเดินถอยหลังด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
“ตายยย!” โม่ชิงหลงตะโกนออกมาขณะที่ฟาดกรงเล็บมังกรของเขาไปยังชายคนนั้น
“หยุดมื้อเดียวนี้! เจ้ากล้าลงมือทำร้ายสาวกของสำนักฟ่านจง เชียวรึ!”
ในขณะนั้นเองมีเสียงอันทรงพลังดังมาจากทางถ้ำที่เป็นปากทางเข้าของสุสานโบราณ
ในตอนนี้มีชายชราคนหนึ่งและชายหนุ่มอีกคนหนึ่งเดินออกมาจากปากถ้ำ บนชุดคลุมของพวกเขานั้นมีตัวอักษร ฟ่านจง ปักเอาไว้ทางด้านหน้า
เสียงที่ดังขึ้นมานั้นน่าจะเป็นเสียงของชายชราคนที่เดินมาพร้อมกับชายหนุ่ม
ชายชราคนนี้นั้นน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นสูง เขาจ้องมองไปยังโม่ชิงหลงที่กำลังฟาดกรงเล็บมังกรเข้าใส่สาวกในสำนักของเขา เขาจึงรีบพุ่งทะยานออกไปพร้อมกับใช้พลังฝ่ามือต้านรับกรงเล็บมังกรของโม่ชิงหลง
ตูมมมม!
เมื่อฝ่ามือของชายชราคนนั้นปะทะเข้ากับกรงเล็บมังกรของโม่ชิงหลง ตัวของเขานั้นก็กระเด็นถอยออกไปหลายก้าว หนวดเคราสีขาวบนปากของเขานั้นกระตุกอยู่หลายครั้งคล้ายกับว่าเขานั้นไม่สามารถควบคุมมันได้
“เจ้าบังอาจขัดขวางข้าที่กำลังจะลงทัณฑ์คนผู้นี้! ฉะนั้นข้าจะกวาดล้างสำนักของพวกเจ้าให้หมดเสียก่อน!” โม่ชิงหลงส่งเสียงคำรามออกมา กลิ่นอายสังหารอันน่าหวาดกลัวฟุ้งกระจายออกมาจากตัวเขาในทันที
เมื่อโม่ชิงหลงพูดจบ ร่างของโม่หยวนที่อยู่อีกทางด้านหนึ่งได้กระพริบเคลื่อนไหวมาโผล่อยู่ทางด้านหลังของชายชรา พร้อมกับฟาดกรงเล็บไปยังชายชราคนนั้นอย่างรุนแรง
“อะไรนะ! ชายคนนั้นพูดว่าจะกวาดล้างสำนักฟ่านจงด้วยอย่างนั้นรึ?” เหล่าชาวยุทธที่อยู่บริเวณโดยรอบต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจ