“ใช่! ไม่ว่าเรื่องนี้คนของเราจะถูกหรือจะผิด แต่ฆาตกรจะต้องชดใช้ เพื่อเป็นการประกาศบอกให้กับทุกๆคนในโลกยุทธภพได้รู้เอาไว้ว่าสำนักเซิ่งเหมินถูของพวกเราไม่ใช่จะถูกหยามหมิ่นกันได้โดยง่าย!”
ผู้อาวุโสเยี่ยเฉิงเพิ่งพูดจบ ชายชราสองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็จ้องมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและตะโกนออกมาเสียงดัง
“ทิ้งซากศพของเด็กคนนั้นให้ทุกคนในโลกยุทธภพได้เห็น พวกเขาจะได้รู้ว่าผู้ที่บังอาจยั่วยุสำนักเซิ่งเหมินถูของพวกเรานั้นจะต้องประสบกับชะตากรรมเช่นไร!”
“ส่งเหล่าผู้คุมกฎจากหอพิพากษาไปยังเมืองเจียงเฉิงเพื่อจับกุมเจ้าหนุ่มคนนั้นกลับมาลงโทษ หากว่าเขาแก้แค้นผู้อาวุโสเฟิงโดยการทำให้เขาพิการ ข้าก็จะไม่ติดใจเอาความกับเจ้าหนุ่มคนนั้น เพราะนั่นถือได้ว่าเป็นการแก้แค้นที่สมเหตุสมผล แต่นี่เขากลับสังหารผู้อาวุโสเฟิงและเหล่าสาวกคนอื่นๆของสำนักเซิ่งเหมินถู นี่เท่ากับเป็นการไม่ไว้หน้าและหยามเกียรติสำนักของพวกเราโดยตรงฉะนั้นเจ้าหนุ่มคนนี้จะต้องตาย!”
ชายชราสองคนตะโกนออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชา
ผู้อาวุโสเยี่ยเฉิงขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยสีหน้าท่าทางที่ลำบากใจ ก่อนที่เขาจะพูดกับผู้อาวุโสทั้งสองคนว่า “ข้าคิดว่าพวกเราควรจะรายงานเรื่องนี้ให้ท่านเจ้าสำนักทราบเสียก่อนจะเป็นการดีที่สุด!”
“ท่านเจ้าสำนักได้ออกทะเลไปเมื่อสามวันก่อน และข้าก็ไม่รู้ว่าท่านเจ้าสำนักนั้นจะกลับมาเมื่อไหร่ ทำไมท่านถึงได้ทำใจเย็นเช่นนี้ได้ล่ะผู้อาวุโสเยี่ยเฉิง? ท่านไม่นึกแค้นเคืองคนที่สังหารคนในสำนักของพวกเราบ้างหรืออย่างไร? หากท่านไม่เต็มใจเข้าร่วมท่านก็ช่วยอยู่อย่างเงียบๆไปจะดีกว่า อย่าได้เข้ามาขัดขวางการกระทำของพวกเราเลย!”
ในขณะนี้ชายชราคนหนึ่งยืนขึ้นและพูดอย่างเย็นชาเขาเหลือบมองทุกคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ข้ากับผู้อาวุโสในสำนักอีกสามสี่คนจะเข้าร่วมกับเหล่าผู้คุมกฎจัดการกับปัญหานี้เอง ส่วนพวกท่านที่เหลือก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ เพียงแค่รอฟังข่าวอยู่ที่นี่!” หลังจากที่ชายชราพูดจบเขาก็เดินออกไปข้างนอกพร้อมกับชายชราอีกสี่คน
ผู้อาวุโสเยี่ยเฉิงและกลุ่มชายชราที่เหลืออยู่อีกหลายคนต่างก็ส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรกันออกมา หลังจากนั้นพวกเขาก็ลุกเดินออกจากห้องประชุมและแยกย้ายกันกลับไปประจำหน้าที่ของตนเอง
……….
“น้องชายหวังเสียน! ตอนนี้คนในโลกยุทธภพกำลังสับสนวุ่นวายเนื่องมาจากการกระทำของเจ้า”
หลังจากที่กลุ่มของหวังเสียนได้เดินทางออกจากเทือกเขาเทียมเมฆได้ประมาณหกชั่วโมง พวกเขาก็เดินทางกลับมาถึงวิลล่าริมชายหาดของเขาในเมืองเจียงเฉิงในตอนค่ำ
เมื่อเขากลับเข้ามาในวิลล่าจักรพรรดิซุยที่นั่งอยู่บนโซฟาก็ทักทายหวังเสียนด้วยรอยยิ้ม
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยตาเฒ่าซุย ก็แค่ผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นสูงเพียงไม่กี่คนเท่านั้น!”
หวังเสียนมองไปที่จักรพรรดิซุย ในขณะที่เขาอุ้มเสี่ยวหยูแล้ววางเธอไว้บนโซฟาอย่างเบามือ
จักรพรรดิซุยมองไปที่เสี่ยวหยูและส่ายหัวช้าๆ “น้องชายหวังเสียนตอนนี้เจ้ากำลังก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกยุทธภพ การกวาดล้างผู้นำและเหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดของสำนัก 9 ดอกบัว รวมถึงผู้อาวุโสของสำนักเซิ่งเหมินถู มันทำให้เจ้านั้นขึ้นไปอยู่ในอันดับที่หนึ่งของยอดยุทธรุ่นเยาว์แล้ว ชื่อเสียงของเจ้าในตอนนี้ดีกว่าข้าในตอนสมัยหนุ่มๆเสียอีก!”
“แม้กระทั่งในตอนนี้ข้าก็คิดว่าข้ามีชื่อเสียงที่ดีกว่าท่านอย่างแน่นอน!”
หวังเสียนมองไปที่จักรพรรดิซุยและพูดติดตลกออกมาเล็กน้อย
จักรพรรดิซุยจ้องมองหวังเสียนด้วยสายตาดุร้ายก่อนที่เขาจะพูดออกมาด้วยความโกรธว่า “เจ้าหนุ่มอย่าหยิ่งผยองมากเกินไป! ด้วยประสบการณ์การต่อสู้อันยาวนานในนามจักรพรรดิซุยเช่นข้า ข้าสามารถเอาชนะเจ้าได้อย่างง่ายดาย!”
“เอาเถอะ! ข้าไม่อยากทะเลาะกับชายแก่วัยทองอย่างท่าน! แต่ว่าท่านนั้นว่างมากนักหรืออย่างไรตาเฒ่าสุยถึงได้มาอยู่ในบ้านข้าจนมืดค่ำเช่นนี้?”
หวังเสียนยิ้มออกมาขณะที่เขานั่งลงข้างๆจักรพรรดิซุย
“ทำไม? เจ้าไม่ต้อนรับข้าอย่างนั้นหรือ?” จักรพรรดิซุยจ้องมองหน้าหวังเสียนอย่างจริงจังก่อนที่เขาหรี่ตาลงและถามหวังเสียน “ข้าขอถามเจ้าตรงๆ ว่าเจ้านั้นเป็นนักปรุงยาระดับ 3 แล้วจริงๆอย่างนั้นหรือ?”
“อืมใช่แล้วล่ะ! ข้าเคยบอกท่านไปแล้วว่าข้านั้นเป็นยอดอัจฉริยะแห่งสรวงสวรรค์ คนที่มีพรสวรรค์เหนือคนธรรมดาทั่วๆไปเช่นท่านย่อมไม่เข้าใจสุดยอดอัจฉริยะอย่างข้าอย่างแน่นอน ฮึๆๆ!
หวังเสียนมีรอยยิ้มปรากฏที่มุมปากพร้อมกับแสดงท่าทางเยาะเย้ยจักรพรรดิซุย
“เจ้า!…” จักรพรรดิซุยจ้องมองหวังเสียนอย่าโกรธเคือง ก่อนที่เขาจะทำสีหน้าจริงจังพร้อมกับพูดเตือนหวังเสียน ออกมาว่า “ในช่วงนี้เจ้าควรจะต้องระมัดระวังตัวเอาไว้ให้มาก ข้าคิดว่าคนของสำนักเซิ่งเหมินถูคงไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆอย่างแน่นอน!”
“ข้ามีเพื่อนที่เป็นผู้อาวุโสอยู่ในสำนักเซิ่งเหมินถูอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ข้าจึงได้โทรไปเพื่อพยายามแก้ปัญหาให้กับเจ้า และเพื่อนของข้าก็ได้รับปากว่าจะพยายามแก้ไขเรื่องนี้ให้แล้ว แต่เนื่องจากยังมีกลุ่มผู้อาวุโสในสำนักเซิ่งเหมินถูที่ไม่ยอมฟังเหตุผลใดๆอยู่ด้วย พวกจึงจัดตั้งกลุ่มเพื่อออกมาตามล่าเจ้า!”
จักรพรรดิซุยพูดเตือนหวังเสียนด้วยความเป็นห่วง “แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็ยินดีที่จะช่วยเหลือเจ้าอย่างเต็มที่!”
หวังเสียนรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากกับคำพูดของจักรพรรดิซุย แต่เขาก็ไม่ได้มีความหวาดกลัวต่อสำนักเซิ่งเหมินถูเลยแม้แต่น้อย เพราะระดับความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องยากที่จะกวาดล้างสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วยตัวคนเดียว
“หากว่าคนของสำนักเซิ่งเหมินถูตั้งใจจะมาสร้างปัญหาให้กับข้า ข้าก็ยินดีต้อนรับเสมอ!”
ออร่าแห่งการสังหารเปล่งประกายในดวงตาของหวังเสียนอย่างรุนแรงในขณะที่เขาพูดออกมา
“ข้ารู้ว่าเจ้านั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก! แต่อย่าลืมว่าสำนักเซิ่งเหมินถูนั้นเป็นสำนักที่มีทักษะทางด้านการแพทย์ พวกเขาย่อมมีกลุ่มพันธมิตรที่เหนียวแน่นอย่างมากมายในโลกยุทธภพ มิหนำซ้ำก่อนที่เจ้าจะทำอะไรเจ้าต้องคำนึงถึงคนที่อยู่ใกล้ชิดกับตัวเจ้าด้วยว่าพวกเขานั้นอาจจะตกอยู่ในอันตรายด้วยก็ได้!”
จักรพรรดิซุยขมวดคิ้วขึ้นมาเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงเจตนาสังหารจากตัวของหวังเสียน เขาจึงกล่าวคำพูดออกมาเพื่อเตือนสติของหวังเสียน
หวังเสียนค่อยๆเอนกายลงบนโซฟาขณะที่มองไปยังเสี่ยวหยูที่กำลังพูดคุยอยู่กับกวนชูชิงและหลานชิงเยว่ ก่อนที่เขาจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ข้าไม่เคยเกรงกลัวสำนักเซิ่งเหมินถูเลยแม้แต่น้อย ท่านไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกตาเฒ่าซุย ต่อให้พวกเขาระดมคนของสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์มากถึงสองสำนักข้าคิดว่าข้าสามารถจัดการพวกเขาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก!”
“แต่ถ้าสำนักเซิ่งเหมินถูมียาแก้พิษที่สามารถใช้แก้พิษให้กับน้องสาวของข้าและผู้อาวุโสฟางได้ ข้าก็ยินดีที่จะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ แต่ถ้าหากพวกเขานั้นไม่มียาแก้พิษให้กับข้า ลูกศิษย์หลักของสำนักเซิ่งเหมินถูและลูกศิษย์ทุกคนของผู้อาวุโสเฟิงทั้งหมดจะต้องตาย!”
เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นยะเยือกก่อนที่จะหันไปพูดกับจักรพรรดิ์ซุยอีกว่า “หากท่านมีคนรู้จักภายในสำนักเซิ่งเหมินถูก็ช่วยส่งคำพูดของข้าไปให้พวกเขาได้รับรู้เอาไว้ด้วย และข้าจะไม่พูดเหตุผลใดๆกับพวกเขาอีกต่อไปทั้งสิ้น ตราบใดที่ยังไม่ได้รับยาแก้พิษ!”
หัวใจของจักรพรรดิซุยเต้นผิดจังหวะขึ้นมาในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของหวังเสียน เขาสามารถรู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งของหวังเสียนในตอนนี้นั้นน่าจะเกินระดับของเขาไปมากพอสมควรเลยทีเดียว เหงื่อเย็นๆปรากฏขึ้นบนมือทั้งสองข้างของเขาจนเปียกโชก
เด็กหนุ่มที่มีอายุเพียงแค่ 20 ปีที่อยู่ตรงหน้าเขา ไม่ได้มีความแข็งแกร่งในระดับเดียวกับเขาอีกต่อไปแล้ว
ในตอนนี้จักรพรรดิซุยเข้าใจได้เป็นอย่างดีแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกยุทธภพต่อจากนี้ไปนั้นไม่ใช่การแก้แค้นของสำนักเซิ่งเหมินถู แต่เป็นการแก้แค้นของหวังเสียนที่มีต่อสำนักเซิ่งเหมินถูต่างหาก
แต่เขาไม่แน่ใจว่าคนของสำนักเซิ่งเหมินถูจะเข้าใจเรื่องนี้หรือไม่! หากพวกเขาไม่สามารถเคลียร์ปัญหากับหวังเสียนได้ สำนักที่มีประวัติมานานนับศตวรรษของพวกเขาอาจจะถึงคราวล่มสลายลงก็เป็นได้
เพราะว่าคนในสำนักของพวกเขาได้ไปแตะเกล็ดย้อนของมังกรเข้าให้แล้ว พวกเขาได้ไปกระตุ้นบรรทัดล่างสุดของชายหนุ่มผู้นี้ นั่นก็คือการวางยาพิษน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา
ต่อจากนี้ไปโลกยุทธภพอาจจะได้เห็นความแข็งแกร่งอันแท้จริงของหมอเทวะหวังคนนี้ก็เป็นได้!
“น้องชายหวังเสียน เจ้าช่วยให้เวลาข้าสัก 5 วันได้หรือไม่? ข้าจะเข้าไปพูดคุยกับเพื่อนของข้าที่เป็นผู้อาวุโสในสำนักเซิ่งเหมินถู ข้ารับรองได้ว่าเจ้าจะได้รับคำตอบที่น่าพอใจ แต่หลังจากนั้นหากพวกเขายังพูดไม่รู้ความ ข้าก็ยินดีที่จะยืนอยู่ข้างเดียวกับเจ้า!”
จักรพรรดิซุยมองไปที่หวังเสียน พร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“หือ?” หวังเสียนตกใจเล็กน้อยกับคำพูดและท่าทางที่จริงจังของจักรพรรดิซุย แต่เขาก็พยักหน้ารับและพูดออกไปว่า “ตกลงตาเฒ่าซุย! ข้าเองก็นับถือท่านดังพี่น้อง ฉะนั้นก็เป็นไปตามที่ท่านพูดเถอะ ข้าจะให้เวลาพวกเขา 5 วันเพื่อเคลียร์ปัญหาเรื่องนี้! แต่หากถ้าพวกเขาทำไม่ได้ หลังจากนี้ภายใน 5 วัน ข้าจะไปเหยียบที่สำนักเซิ่งเหมินถูด้วยตัวข้าเอง!”
“อืม 5 วันก็เพียงพอแล้ว!”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจักรพรรดิซุย ภายใน 5 วันนี้เขาค่อนข้างจะแน่ใจว่าน่าจะสามารถเคลียร์ปัญหาขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายได้ ตราบใดที่เขาบอกระดับความแข็งแกร่งของหวังเสียนกับเพื่อนของเขาโดยตรง ปัญหาขัดแย้งที่เกิดขึ้นก็คงจะสามารถแก้ไขได้โดยไม่ยากเย็นนัก
เดิมทีสาเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นก็เกิดขึ้นมาจากผู้อาวุโสเฟิงซึ่งเป็นผู้อาวุโสของสำนักเซิ่งเหมินถู และพิษที่เสี่ยวหยูและผู้อาวุโสฟางได้รับมานั้นก็มาจากโอรสสวรรค์ในสำนักของพวกเขาอีกด้วย
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะออกไปก่อน! หลังจากที่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องเหล่านี้ได้ ข้าจะขอดูฝีมือการปรุงยาของเจ้าว่าอยู่ในระดับ 3 จริงอย่างที่เจ้าคุยโม้เอาไว้หรือไม่!” จักรพรรดิซุยยิ้มออกมาในขณะที่เขาลุกขึ้นยืน
หวังเสียนก็ยิ้มให้กับจักรพรรดิซุยพร้อมกับพูดคุยเล่นอยู่กับเขาอีกสองสามประโยคในขณะที่เดินออกไปส่งจักรพรรดิซุยยังด้านนอกวิลล่า
หลังอาหารค่ำหวังเสียนกลับไปที่ห้องของเขาพร้อมกับเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าไปที่เว็บไซต์แห่งโลกยุทธภพ
เมื่อเห็นว่ามีกระทู้ข่าวเกี่ยวเขาในเรื่องที่เกิดขึ้นในภูเขาเทียมเมฆ เขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยและไม่ได้สนใจอะไรมันมากนัก
เขาไม่ได้มีความคิดที่ต้องการจะสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง ส่วนมากแล้วเขานั้นต้องการใช้ชีวิตแบบสบายๆเสียมากกว่า เพราะโดยปกติแล้วงานอื่นๆเขาจะมอบให้กับเหล่านักรบมังกรทำเป็นส่วนใหญ่ หากว่าคราวนี้ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับเสี่ยวหยูเขาก็จะไม่ลงมือทำด้วยตัวเอง
และในตอนนี้กระทู้ที่เกิดขึ้นอย่างมากมายในเว็บไซต์ของโลกยุทธภพนั่นก็คือ หวังเสียนหรือหมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิงจะถูกสำนักเซิ่งเหมินถูไล่ล่าเมื่อใด? และเขาจะถูกสังหารหรือถูกทำให้พิการกันแน่?
กระทู้เหล่านี้นั้นเกิดจากความนึกสนุกของเหล่าชาวยุทธคนอื่นๆ บางกระทู้ถึงกับตั้งอัตราการวางเดิมพันเอาไว้เลยทีเดียว
‘ฮึ! ใครจะไล่ล่าใครอีกไม่นานก็คงจะได้รู้!” หวังเสียนยิ้มออกมาเล็กน้อย ในขณะที่เขาพูดพึมพำออกมา
ในคืนนี้หลานชิงเยว่และกวนชูชิงได้กลับไปที่บ้านของพวกเธอ เพราะพวกเธอนั้นได้ออกไปกับหวังเสียนหลายวัน จึงต้องกลับไปนอนที่บ้านของตัวเองบ้าง เพื่อพ่อแม่ของพวกเธอนั้นจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมากนัก
ส่วนหวังเสียนนั้นก็นอนอยู่บนเตียงของเขาโดยคิดถึงวิธีแก้ปัญหาของเสี่ยวหยูและผู้อาวุโสฟาง
“ถ้าหากว่าไม่สามารถหายาแก้พิษมาได้ ก็คงจะต้องพาพวกเธอไปที่วังมังกร!”
ในขณะที่หวังเสียนกำลังพักผ่อนอยู่บนเตียงของเขา โลกยุทธภพก็เกิดความโกลาหลขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนเวลาสามทุ่มตรงบนเว็บไซต์แห่งโลกยุทธภพได้เกิดข้อความข้อความหนึ่งปรากฏขึ้นมา
“หมอเทวะแห่งเมืองเจียงเฉิงเจ้ากล้าที่จะสังหารศิษย์พี่ของข้า ฉะนั้นข้าขอประกาศให้คนทั้งโลกยุทธภพได้รู้เอาไว้เลยว่าข้าจะสังหารเขาด้วยมือของข้าเอง!”
จากโอรสสวรรค์!