ความตายของกลุ่มผู้อาวุโสผู้คุมกฎและการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของสำนักเซิ่งเหมินถู!
เมื่อเหล่าชาวยุทธเห็นข้อความที่ถูกโพสต์ลงในเว็บไซต์พวกเขารู้สึกตื่นตะลึงกันเป็นอย่างมาก
กลุ่มผู้อาวุโสผู้คุมกฎและเหล่าสาวกที่แข็งแกร่งของสำนักเซิ่งเหมินถูที่ไปยังเมืองเจียงเฉิงเพื่อทำการลงโทษหมอเทวะหวังถูกสังหารจนหมดทุกคน!
สำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์อย่างสำนักเซิ่งเหมินถูเป็นสำนักที่มีความแข็งแกร่งในระดับที่ 6 แห่งโลกยุทธภพ และกลุ่มผู้คุมกฎจากหอพิพากษาของสำนักก็ถือได้ว่าเป็นกลุ่มชาวยุทธที่มีความแข็งแกร่งในอันดับต้นๆเลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตามการดํารงอยู่ในระดับนี้ก็ยังถูกกวาดล้างอย่างสมบูรณ์
“ข้าสงสัยว่ากลุ่มคนของสำนักเซิ่งเหมินถูถูกสังหารโดยหมอเทวะหวังจริงๆอย่างนั้นหรอ? มันค่อนข้างจะน่าเหลือเชื่อมากเกินไป!”
“ข้าก็คิดเช่นเดียวกันกับเจ้า แต่หากว่าข่าวทั้งหมดนั้นเป็นความจริงมันก็มีความเป็นไปได้อยู่ 2 กรณี ข้อแรกหมอเทวะหวังอาจจะอยู่ในระดับขอบเขตเม็ดยาเซียน หรือไม่ก็มีความเป็นไปได้อีกข้อหนึ่งนั่นก็คือเบื้องหลังของหมอเทวะหวังนั้นจะต้องมีกองกำลังที่มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากคอยให้การสนับสนุนเขา!”
“ข้าไม่รู้ว่าสำนักเซิ่งเหมินถูจะมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้อย่างไร แต่ที่แน่ๆนับตั้งแต่นี้ไปหมอเทวะหวังและสำนักเซิ่งเหมินถู จะเป็นศัตรูกันไปตลอดกาลอย่างแน่นอน!”
“เฮ้อ! ข้าหวังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้นั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อโลกยุทธภพของพวกเรามากนัก ไม่เช่นนั้นกลุ่มคนตัวเล็กๆอย่างพวกเราอาจจะต้องลำบากมากก็เป็นได้!”
กลุ่มชาวยุทธ์ในโลกยุทธภพหลายกลุ่มได้จับกลุ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่พวกเขาได้รับรู้มาผ่านทางเว็บไซต์แห่งโลกยุทธภพ
ในขณะเดียวกันในสำนักเซิ่งเหมินถู เหล่าผู้อาวุโสกลุ่มใหญ่ต่างรวมตัวกันนั่งประชุมกันอยู่ในห้องโถงด้วยท่าทางที่เคร่งเครียด
“ผู้อาวุโสระดับสูงทั้ง 5 คนถูกฆ่าตายพร้อมกับเหล่าสาวกที่อยู่ในหอพิพากษาอีกกว่า 20 คน พวกเขาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มผู้คุมกฎที่ทรงพลัง การที่หมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิงสังหารพวกเขาทั้งหมดเช่นนี้ มันได้สร้างความเสียหายให้แก่สำนักของพวกเราโดยตรง ฉะนั้นตั้งแต่นี้ไปหมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิงผู้นี้จะเป็นศัตรูที่มิอาจอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันกับสำนักของพวกเราได้อีกต่อไป!”
ชายชราคนหนึ่งกัดฟันพูดออกมาด้วยความโกรธแค้น
“ในตอนนี้สำนักของพวกเรานั้นได้สูญเสียผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณไปแล้วถึง 8 คนเมื่อรวมกับผู้อาวุโสเฟิงที่ถูกหมอเทวะหวังสังหารไปที่หุบเขาเทียมเมฆในก่อนหน้านี้ ปัจจัยเหล่านี้สำคัญยิ่งนักมันส่งผลให้สำนักของพวกเรานั้นถูกลดความแข็งแกร่งลงไปเป็นอย่างมากเลยทีเดียว!”
“แต่ไม่ว่าจะอย่างไรศักดิ์ศรีของสำนักเซิ่งเหมินถูของพวกเราก็ไม่สามารถดูถูกได้ ฉะนั้นพวกเราจะต้องล้างความอัปยศที่หมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิงได้มอบให้กับพวกเราโดยเร็วที่สุด!”
ชายชราอีกคนหนึ่งตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าหนักใจไม่ใช่น้อยเช่นเดียวกัน ด้วยความแข็งแกร่งของกลุ่มหมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิง ข้าคิดว่าการจะจัดการกับเขาคงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน!”
“แต่ไม่ว่าจะอย่างไรหมอเทวะหวังผู้นี้ก็จะต้องถูกสังหาร!”
“ถูกต้อง! หากไม่ล้างความอัปยศและคืนศักดิ์ศรีให้แก่สำนักเซิ่งเหมินถูของพวกเรา สำนักของพวกเราคงยากที่จะหาที่ยืนอยู่ในโลกยุทธภพได้อีกต่อไป!”
ผู้อาวุโสระดับสูงหลายคนของสำนักเซิ่งเหมินถูต่างมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันคือต้องการสังหารหวังเสียนเพื่อคืนศักดิ์ศรีให้กับสำนักของพวกเขาโดยเร็วที่สุด
ผู้อาวุโสระดับสูงทั้ง 8 คนของสำนักถูกสังหารโดยเด็กหนุ่มรุ่นเยาว์ที่มีอายุแค่ 20 ปี สิ่งนี้ได้สร้างความอัปยศให้แก่สำนักของพวกเขาอย่างไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่ก่อตั้งสำนักขึ้นมา
“ฮึ! ต้องการสังหารเขาเพื่อกู้คืนศักดิ์ศรีและล้างความอัปยศอย่างนั้นรึ? ข้าคิดว่าพวกเจ้ารนหาที่ตายเสียเปล่าๆ!”
ในขณะนั้นเองก็มีน้ำเสียงที่เย็นชาพูดขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน
“บัดซบ! เจ้าเป็นใคร!”
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักเซิ่งเหมินถูได้ยินคำพูดประโยคนั้น พวกเขาต่างลุกขึ้นยืนและตะโกนออกมาพร้อมแสดงเจตนาฆ่าอันรุนแรงออกมา
“เจ้าเป็นใคร! รีบโผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
“กล้าบุกเข้ามาในสำนักเซิ่งเหมินถูของพวกเราเช่นนี้ อยากตายมากนักใช่ไหม!”
พลังอันน่ากลัวถูกปลดปล่อยออกมาจากเหล่าผู้อาวุโสของสำนักเซิ่งเหมินถู ทำให้อากาศโดยรอบเปลี่ยนไปในทันที
“ฮึ! ช่างอวดดียิ่งนัก!”
น้ำเสียงอันแข็งกร้าวและขุ่นเคืองดังขึ้นในทันที หลังจากนั้นชายชราคนหนึ่งก็ปรากฏตัวในห้องโถงด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว
“ซุย … จักรพรรดิซุย!”
บรรดาผู้อาวุโสระดับสูงในห้องโถงต่างผงะตกตะลึงไปชั่วขณะแล้วรีบโค้งคำนับ “ท่านจักรพรรดิซุยทำไมท่านผู้อาวุโสถึงได้มาที่นี่ล่ะขอรับ?”
“ฮึ่มม! ทำไมข้าถึงมาที่นี่อย่างนั้นรึ? ถ้าข้าไม่มาสำนักของพวกเจ้าก็คงจะต้องถูกทำลายล้างไปนานแล้ว!”
จักรพรรดิซุย พูดออกมาด้วยความโกรธในขณะที่เขากวาดสายตามองไปยังเหล่าผู้อาวุโสของสำนักเซิ่งเหมินถูทั้งหมด
“นี้? … ท่านจักรพรรดิซุย?! … “
เหล่าผู้อาวุโสของสำนักเซิ้งเหมินถูต่างขมวดคิ้วกันจนใบหน้าบิดเบี้ยวพวกเขายังคงสับสนกับคำพูดของจักรพรรดิซุยกันเป็นอย่างมาก
ตระกูลซุยของจักรพรรดิซุยนั้นถือได้ว่าเป็นพันธมิตรที่ดีของสำนักเซิ่งเหมินถูมาอย่างยาวนานโดยเฉพาะตัวของจักรพรรดิซุยนั้นเป็นเพื่อนที่สนิทกับบรรพบุรุษของสำนักเซิ่งเหมินถูมานานหลายสิบปี
ระดับความแข็งแกร่งของจักรพรรดิซุยนั้นถือได้ว่าเป็นตำนานแห่งโลกยุทธภพเลยทีเดียวก็ว่าได้
“ฮึ! พวกเจ้ามันอวดดีและหยิ่งผยองมากเกินไป ไม่รู้จักประมาณตนเสมือนดังกบในกะลาอันโง่เขลา ต่อให้พวกเจ้ายกไปกันทั้งสำนักพวกเจ้าก็จะต้องตายกันทั้งหมดอย่างแน่นอน!”
“ให้ตายเถอะ! หากว่าข้าและตาเฒ่าบรรพบุรุษของพวกเจ้าไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีกันมาก่อน ข้าจะไม่ยุ่งกับกลุ่มคนที่ดิ้นรนวิ่งเข้าไปหาความตายเยี่ยงพวกเจ้าเลยแม้แต่น้อย! ข้าจะขอพูดกับพวกเจ้าตรงๆเลยก็แล้วกัน แม้แต่ข้าก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าเด็กคนนั้นได้!”
จักรพรรดิซุยนั่งลงตรงเก้าอี้ที่ว่างในห้องประชุมพร้อมกับจิบน้ำชา และพูดกับกลุ่มคนทั้งหมดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
” อะไรนะ? “
กลุ่มผู้อาวุโสทั้งหมดของสำนักเซิ่งเหมินถูที่อยู่ในห้องประชุมล้วนแต่ตกตะลึงจนหน้าเปลี่ยนสี
“แต่เรื่องนี้พวกเจ้าก็ไม่ต้องกังวลอะไรมากเกินไป เพราะเมื่อวานข้าได้ขอเวลากับเจ้าสัตว์ประหลาดตัวน้อยตัวนั้นเอาไว้แล้วว่ารอให้ข้าเข้ามาพูดคุยกับเจ้าสำนักของพวกเจ้าเสียก่อน ฉะนั้นในตอนนี้พวกเจ้าเองก็อย่าไปสร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าสัตว์ประหลาดตัวน้อยผู้นั้นในเมืองเจียงเฉิงอีกเด็ดขาด เพียงแค่พวกเจ้าทั้งหมดฟังคำพูดของข้า ข้ารับรองได้ว่าอย่างน้อยๆพวกเจ้าจะไม่ตายอนาถอย่างแน่นอน!”
” ปังง! “
หลังจากพูดจบจักรพรรดิซุยก็โยนถ้วยน้ำชาลงตรงกลางโต๊ะจนเกิดเสียงดัง ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปจากห้องโถงใหญ่อย่างรวดเร็ว
“นี่! … ท่านจักรพรรดิซุยหมายความว่าอย่างไร?”
กลุ่มผู้อาวุโสทั้งหมดต่างสะดุ้งตกใจกันในทันทีก่อนที่พวกเขาจะตั้งสติได้และไปพูดปรึกษากันเบาๆ ด้วยความสับสน
“ข้าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจมากนัก! แต่ดูเหมือนว่าท่านจักรพรรดิซุยเขาน่าจะรู้จักกับเจ้าหนุ่มคนนั้นเป็นอย่างดีเลยทีเดียว!”
น้ำเสียงและการแสดงออกของกลุ่มผู้อาวุโสในห้องประชุมเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ท่าทางที่ก้าวร้าวของพวกเขาในก่อนหน้านี้หายไปอย่างสิ้นเชิง
“ท่านจักรพรรดิซุยพยายามไม่ให้พวกเราเข้าไปยั่วยุและให้วางมือจากหมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิงอย่างนั้นรึ?”
“จากคำพูดของเขาเมื่อครู่นี้แสดงว่าหมอเทวะหวังผู้นี้จะต้องมีเบื้องหลังที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นท่านจักรพรรดิซุยที่เป็นผู้นำตระกูลซุยที่ยิ่งใหญ่คงจะไม่พูดออกมาโดยตรงว่าเขานั้นอาจจะไม่สามารถเอาชนะหมอเทวะหวังคนนี้ได้ และจากน้ำเสียงของเขาดูเหมือนว่าเขาจะปฏิบัติต่อเจ้าหนุ่มผู้นี้ในฐานะที่เท่าเทียมกันกับเขา!”
“ข้าคิดว่าพวกเราควรรอการตัดสินใจของเจ้าสำนักเสียก่อนดีกว่า หากท่านเจ้าสำนักตัดสินใจไปในทิศทางใดพวกเราก็ควรทำตามความคิดของเขาของเขา!”
หลังจากที่ผู้อาวุโสเหล่านั้นได้พูดคุยกันพวกเขาก็ตัดสินใจว่าจะรอฟังคำพูดของผู้นำของพวกเขา
แต่อาการตกใจที่แสดงออกทางสีหน้าของพวกเขานั้นก็ยังไม่ได้หายไป
โดยเฉพาะสองประโยคที่จักรพรรดิซุยได้พูดออกมาว่า ตัวเขาได้ขอเวลาเข้ามาพูดคุยกับเจ้าสำนักแห่งสำนักเซิ่งเหมินถูเพื่อช่วยไกล่เกลี่ยปัญหา อีกประโยคหนึ่งที่ว่าตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะหมอเทวะหวังได้หากพวกเขาต่อสู้กันขึ้นมา
เพียงแค่คำพูดเหล่านี้ที่หลุดออกมาจากปากของจักรพรรดิซุยก็ทำให้พวกเขารู้สึกตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี
“ถ้าชายหนุ่มคนนั้นมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับจักรพรรดิซุยจริงๆ การที่ผู้อาวุโสเฟิงไปวางยาพิษน้องสาวของเขา ก็เทียบเท่าได้กับเป็นการลบหลู่ผู้ที่มีความแข็งแกร่งในระดับของเขตเม็ดยาเซียน และหากท่านจักรพรรดิซุยไม่ได้ขอร้องเขาเอาไว้ ข้านึกภาพไม่ออกจริงๆว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสำนักของพวกเรา ฮึๆๆ!”
ผู้อาวุโสเยี่ยหยาง พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แดกดันผู้อาวุโสคนอื่นๆเล็กน้อย
การที่พวกเขาตกลงจะแก้แค้นผู้อื่นโดยไม่สนใจเหตุผลเช่นนี้เป็นการใช้อำนาจของสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลมากนัก
ในหลายๆเหตุการณ์ก่อนหน้านี้พวกเขาก็มักใช้อำนาจของสำนักไปในทางที่ทิชอบเช่นนี้อยู่บ่อยๆ
แต่ในคราวนี้เหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนักเซิ่งเหมินถูได้เตะแผ่นเหล็กที่แหลมคมเข้าอย่างจัง!
“แล้วในตอนนี้พวกเราควรจะทำอย่างไรกับความนึกคิดของคนในโลกยุทธภพ! พวกเราควรอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลยจริงๆอย่างนั้นหรือ?”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ
“มันไม่ใช่อย่างนั้น! พวกเราก็แค่ต้องรอการตัดสินใจของท่านเจ้าสำนัก!”
ผู้อาวุโสอีกคนแสดงความคิดเห็นออกมา
ในตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสในห้องประชุมนั้นต่างนั่งกันอยู่อย่างเงียบๆ ด้วยสีหน้าที่หมองคล้ำ
ในตอนเย็นโลกยุทธภพต้องสั่นสะเทือนขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมีข้อความข่าวออกมาจากสำนักเซิ่งเหมินถู
[เหล่าผู้อาวุโสผู้คุมกฎและสาวกของสำนักเซิ่งเหมินถูที่เดินทางไปเมืองเจียงเฉิง ได้ถูกโจมตีโดยสัตว์อสูรระดับสูงกลางท้องทะเล จนพวกเขาเสียชีวิตเกือบจะทั้งหมดมีเพียงแค่สาวกสามคนเท่านั้นที่รอดชีวิตกลับได้ หลังจากนี้ทางสำนักจะรอการตัดสินใจของท่านเจ้าสำนักและจะทำการรายงานข่าวความคืบหน้าทางเว็บไซด์แห่งโลกยุทธภพให้ทุกๆท่านได้ทราบ]
ข้อความข่าวชิ้นนี้ทำให้ทุกคนในโลกยุทธภพนั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในความตกตะลึง
เกิดอะไรขึ้น? เรื่องจริงมันเป็นอย่างไรกันแน่? เหล่าผู้อาวุโสและสาวกผู้คุมกฎของสำนักเซิ่งเหมินถูไม่ได้ถูกตัดหัวโดยหมอเทวะหวังอย่างนั้นหรือ? แต่เป็นสัตว์อสูรระดับสูงที่อยู่ในทะเลปั๋วไห่?
ข้อมูลนี้เกินความคาดหมายของทุกคนเป็นอย่างมาก แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นานผู้คนในโลกยุทธภพส่วนใหญ่ต่างก็เลือกที่จะเชื่อข่าวที่ออกมาจากสำนักเซิ่งเหมินถู
ท้ายที่สุดแล้วนี่คือการประกาศของสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่พวกเขานั้นจะสร้างข่าวเท็จออกมาเพื่อหลอกลวงเหล่าชาวยุทธ มันไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น!
แต่สิ่งที่ทุกคนไม่รู้ว่านี่คือทางออกเดียวและทางออกสุดท้ายของพวกเขาที่จะสามารถรักษาหน้าตาสำนักของพวกเขาเอาไว้ได้!