.
“หากอยู่ในร่างของมนุษย์จะอยู่ในระดับขอบเขตครึ่งขั้นเม็ดยาเซียน หากอยู่ในร่างมังกรจะเทียบได้กับสัตว์อสูรระดับที่ 11 หรืออยู่ในระดับที่ 7 ของความแข็งแกร่งในระดับชั้นมังกร!”
หวังเสียมองไปที่ระดับความแข็งแกร่งของเสี่ยวหยูและผู้อาวุโสฟาง พร้อมกับอธิบายอย่างคร่าวๆให้กับพวกเธอได้เข้าใจ
ถึงแม้ว่าเสี่ยวหยูและผู้อาวุโสฟางจะมีความแข็งแกร่งในระดับที่ 7 ของระดับชั้นมังกร แต่เมื่อเทียบกับหวังเสียนนั้นค่อนข้างจะห่างไกลกันอย่างมากเลยทีเดียว
หวังเสียนนั้นเป็นมังกรระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ซึ่งได้รับสายเลือดและการยอมรับโดยตรงผ่านระบบ ย่อมมีความแข็งแกร่งกว่าสายเลือดมังกรในร่างกายของเสี่ยวหยูและผู้อาวุโสฟางที่ได้รับการปรับเปลี่ยนสายเลือดจากสระน้ำมังกรของวังมังกรที่หวังเสียนนั้นเป็นเจ้าเหนือหัว
แต่อย่างไรก็ตามด้วยการยอมรับจากหวังเสียและการอวยพรจากวังมังกร ความแข็งแกร่งของเสี่ยวหยูและผู้อาวุโสฟางก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆตราบใดที่วังมังกรของหวังเสียนนั้นถูกยกระดับขึ้น แต่การขยันฝึกฝนและบ่มเพาะก็เป็นวิธีการเร่งพัฒนาสายเลือดมังกรในร่างกายของเด็กสาวทั้งคู่ให้ไปถึงระดับชั้นมังกรศักดิ์สิทธิ์ได้รวดเร็วขึ้นเช่นเดียวกัน
และหลังจากนี้หากเสี่ยวหยูและผู้อาวุโสฟางสามารถสร้างรากฐานของความแข็งแกร่งในระดับนี้ของพวกเธอได้แล้ว การที่พวกเธอจะก้าวเข้าสู่ระดับขอบเขตเม็ดยาเซียนก็คงจะใช้เวลาอีกไม่นานมากนัก
“คิกๆๆ! แข็งแกร่งมาก! ตอนนี้ข้าแข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว ฮิฮิฮิ!”
เสี่ยวหยูหัวเราะและแสดงความตื่นเต้นออกมา
ผู้อาวุโสฟางที่อยู่ทางด้านหลังก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเช่นเดียวกัน เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าความแข็งแกร่งของเธอจะสามารถไปถึงระดับที่น่ากลัวเช่นนี้ได้
เธอมองไปที่หวังเสียนด้วยสายตาแปลก ๆ
‘ถ้าไม่ใช่เพราะผู้ชายคนนี้ แม้แต่ระดับก่อกำเนิดลมปราณ ข้าก็คงมิอาจจะก้าวเข้าไปถึงได้อย่างเป็นแน่’
“เสี่ยวหยู ตอนนี้เธอแข็งแกร่งกว่าพี่สาวแล้วนะ ฉะนั้นต้องคอยดูแลพี่สาวอย่าปล่อยให้เสี่ยวเสียนมารังแกพี่สาวได้เชียวล่ะ!”
กวนชูชิงเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ข้างๆเสี่ยวหยูและพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“คิกๆๆ! ถ้าพี่สะใภ้อยากจะแข็งแกร่งพี่สะใภ้ก็ลงไปในสระน้ำมังกรสิ! รับรองได้ว่าพี่สะใภ้จะต้องมีความแข็งแกร่งมากกว่าข้าอย่างแน่นอน! ถึงเวลานั้นพวกเราก็มาช่วยกันจัดการกับพี่ชายกัน ฮิฮิ!” เสี่ยวหยูจับแขนของกวนชูชิงแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“คงจะเป็นไปไม่ได้!” หวังเสียนส่ายหัว “ชูชิงมีสายเลือดระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์อยู่ในร่างกายของเธออยู่แล้ว ฉะนั้นหากว่าเธอลงไปในสระน้ำมังกร ข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่มันคงจะไม่ปลอดภัยอย่างแน่นอน!”
“และอีกอย่างนึงด้วยสายเลือดระดับสูงของฟีนิกซ์ซุซากุของชูชิง อีกไม่นานเธอคงจะก้าวเข้าสู่ระดับก่อกำเนิดลมปราณได้อย่างแน่นอน!” หวังเสียนอธิบายเพิ่มเติม
“อืม! ข้าเองก็รู้สึกได้มันน่าจะใช้เวลาไม่เกินครึ่งเดือน!” กวนชูชิงยิ้มพยักหน้าแล้วตอบออกมา
“มาเถอะ! พวกเราไปจัดงานเลี้ยงฉลองการฟื้นตัวของเสี่ยวหยูและผู้อาวุโสฟางกันเถอะ!” หลานชิงเยว่พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นพวกเขาทุกคนต่างก็เดินกลับไปที่ห้องโถงราชามังกร และนั่งพูดคุยกันอย่างอารมณ์ดีอยู่ครู่ใหญ่ๆ
“กลับไปที่เรือยอชท์กันเถอะ ระหว่างทางพวกเราจะได้จับสัตว์ทะเลกลับไปทำอาหารกันด้วย!” หวังเสียนพยักหน้าและชวนทุกคนกลับไปที่เรือยอร์ช
ทั้งหกคนกลับมาทำอาหารอย่างมีความสุขบนเรือยอชท์ที่ลอยลำอยู่บนผิวน้ำทะเลเหนือวังมังกร
ชีวิตในทะเลยังคงสงบสุขและน่าอยู่เป็นอย่างมาก
พวกเขานั่งรับประทานอาหารทะเลสดๆเกรดพรีเมี่ยมที่จับขึ้นมาด้วยตัวเอง พร้อมกับดื่มดำไวน์แดงนอนดูดวงดาวบนท้องฟ้ากันอย่างผ่อนคลาย
“ช่วงวันหยุดฤดูหนาวพวกเราไปเล่นน้ำทะเลกันสัก 2-3 วันจะดีไหม?”
หวังเสียนที่เอนหลังนอนอยู่บนเก้าอี้หันไปพูดกับกลุ่มเด็กสาวด้วยรอยยิ้ม
“ตกลงค่ะพี่!”
เสี่ยวหยูรีบพยักหน้าตอบกลับไปอย่างมีความสุข
ในขณะนี้กลุ่มสาวๆนั้นต่างยืนรับลมอยู่บนดาดฟ้าของเรือยอร์ช จ้องมองดูทะเลและแสงดาวบนท้องฟ้าพร้อมกับปลดปล่อยความคิดของตัวเองไปไกลกันอย่างผ่อนคลาย
“ชิงเยว่ คุณพอจะรู้หรือไม่ว่ามีสถานที่อื่นอีกไหมที่คล้ายกับเรือการสำราญในก่อนหน้านี้ที่พวกเราเคยไป?”
หวังเสียนหันไปถามหลานชิงเยว่
ตามรายงานของโม่หยวนและด้วยการสืบข่าวของเหล่านักรบมังกร ในมหาสมุทรที่เป็นเขตทะเลหลวงอันกว้างใหญ่ มีหลายพื้นที่ที่ถูกจัดเอาไว้ให้เหล่าเศรษฐีนั้นได้ทำกิจกรรมต่างๆที่พวกเขาต้องการได้กันอย่างเต็มที่โดยที่ไม่มีข้อกฎหมายเข้ามายุ่งเกี่ยว
ในมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาลสำหรับมนุษย์ธรรมดาทั่วไปแล้วนั้นเป็นสิ่งที่ลึกลับและค่อนข้างน่าหวาดกลัวสำหรับพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง
แต่มันเป็นสวรรค์สำหรับกลุ่มผู้ฝึกตนที่ต้องการผ่อนคลายความตึงเครียดหลังจากที่ฝึกฝนและบ่มเพาะมาเป็นเวลานาน
ในสังคมเมืองที่มีกฎหมายของแต่ละประเทศนั้นคอยควบคุมอยู่ เหล่าชาวยุทธ์และผู้ฝึกตนไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งและความสามารถพิเศษของพวกตนกันได้อย่างเต็มที่
ฉะนั้นจึงมีพื้นที่พิเศษในมหาสมุทรที่จัดขึ้นเพื่อตอบสนองกิเลสตัณหาของเหล่าผู้ฝึกยุทธเพื่อที่พวกเขาจะได้ปลดปล่อยกันอย่างเต็มที่ และจะได้ไม่สร้างปัญหาให้กับกลุ่มคนธรรมดาทั่วๆไปให้ได้รับความเดือดร้อน
มีเกาะมากมายในมหาสมุทร และมีหลายสถานที่สำหรับการท่องเที่ยวและพักผ่อนบนเกาะ ซึ่งรับเฉพาะคนรวยและชาวยุทธเท่านั้น
และมีอีกหลายสถานที่ในมหาสมุทรเช่นเดียวกันที่ถูกสร้างขึ้นมาเอาไว้สำหรับการแลกเปลี่ยนทรัพยากรในการบ่มเพาะของเหล่าชาวยุทธ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดแคลนทรัพยากรสำหรับฝึกฝนของเหล่าชาวยุทธ์ที่เกิดขึ้นบนบกนั้นค่อนข้างจะร้ายแรงเป็นอย่างมาก สำนักและตระกูลผู้ฝึกตนบางกลุ่มจึงตั้งเป้าไปที่ทรัพยากรใต้ท้องทะเลและใต้มหาสมุทรอันกว้างใหญ่แทน
“ฉันเคยได้ยินพ่อบอกเอาไว้เหมือนกันว่าในเขตทะเลหลวงบางพื้นที่นั้นเป็นแหล่งรวมตัวของเรือสำราญที่จัดเอาไว้ให้กลุ่มมหาเศรษฐีและผู้ฝึกตนโดยเฉพาะ แต่ฉันก็จำไม่ได้ว่าเป็นที่ไหน อีกสักครู่ฉันจะลองโทรไปสอบถามกับพ่อให้!” หลานชิงเยว่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
ถึงแม้ว่าหวังเสียนจะอยู่ในท้องทะเลค่อนข้างจะบ่อย แต่ส่วนมากเขาจะอยู่ที่ใต้ทะเลลึกซะเป็นส่วนใหญ่เขาจึงไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย
“พ่อบอกว่าเขาจะส่งรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่พวกนั้นมาให้ในอีเมลของฉัน!”
หลังจากที่หลานชิงเยว่โทรศัพท์ไปหาพ่อของเธอได้ไม่นาน เธอก็เดินมาบอกกับหวังเสียนด้วยรอยยิ้ม
“เอาล่ะ! ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ!” หวังเสียนพูดออกมาอย่างคึกคักเหมือนกับเด็กน้อยที่กำลังจะได้ออกไปเที่ยว
หลังจากนั้นหวังเสียนก็เรียกโม่ชิงหลงขึ้นมาจากวังมังกร เพื่อให้เขาเป็นคนขับเรือยอร์ชไปตามเส้นทางที่พ่อของหลานชิงเยว่ส่งมาให้
…..
“ดูนั่นสิเสี่ยวเสียน! ข้างหน้ามีเรืออยู่ 2 ลำ มันคล้ายกับเรือที่เราได้พบเจอในก่อนหน้านี้!”
ในขณะที่เรือยอร์ชของหวังเสียนกำลังแล่นอยู่ในทะเลทเรือ 2 ลำที่ดูคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นอยู่ไม่ไกลจากเรือของพวกเขา
หวังเสียนจ้องมองไปที่เรือทั้งสองลำพร้อมกับหลี่ตาลงเล็กน้อย
เรือทั้งสองลำนั้นเป็นสีดำและดูแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก สัญลักษณ์ของธงบนเรือทั้งสองลำนั้นเป็นรูปดาบอันแหลมคม
บนดาดฟ้าของเรือมีชายวัยกลางคนยืนสีดาบอยู่ด้วยใบหน้าที่เย็นชา
เรือทั้ง 2 ลำนั้นมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันกับเรือ 3 ลำที่พวกเขาได้เคยพบในก่อนหน้านี้ เพียงแต่เรือทั้ง 2 ลำที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาในตอนนี้นั้นมีขนาดเล็กมากกว่า ซึ่งแต่ละลำนั้นมีความยาวเพียงแค่ 30 เมตร
ระหว่างท้ายเรือทั้งสองลำนั้นมีบางสิ่งที่เป็นสีขาวถูกลากมาทางด้านหลัง
ในตอนนี้นั้นเป็นช่วงเวลาเกือบจะเที่ยงวัน กลุ่มของหวังเสียจึงสามารถมองเห็นกันได้อย่างชัดเจน
“นั่นพวกเขากำลังทำอะไรกันอย่างนั้นเหรอ?”
หลานชิงเยว่ถามออกมาด้วยความสงสัย
“พวกเราเข้าไปดูกันเสียหน่อยเถอะ!” หวังเสียนหันไปพูดกับโม่ชิงหลง
เขาจำได้ว่าตอนที่เขาได้พบกับกลุ่มคนบนเรือที่มีลักษณะคล้ายเรือทั้ง 2 ลำนี้ ชายชราคนหนึ่งบนเรือได้โจมตีพวกเขาโดยตรงด้วยระเบิด เพื่อขับไล่ให้พวกเขาให้ออกไป
ในเวลานั้นหวังเสียนกำลังมีความร้อนใจในการที่จะสร้างวังมังกร เขาจึงเพิกเฉย ด้วยความที่เขาไม่อยากจะเสียเวลาไปจัดการกับคนเหล่านั้น คราวนี้หากคนกลุ่มนี้นั้นสร้างความขุ่นเคืองให้กับเขาเหมือนกับที่ชายชราเคยทำเอาไว้ เขาจะไม่นิ่งเฉยเหมือนในครั้งที่แล้วอย่างแน่นอน
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมในช่วง 2-3 วันนี้ถึงไม่พบปลาคริสตัลเลย พวกมันหายไปไหนกันหมด?”
ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่บนเรือสีดำพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดขณะที่เขากวาดสายตามองไปทั่วท้องทะเล
“ใช่! ไม่เพียงแต่ปลาคริสตัลเท่านั้นที่หายไปแม้แต่ปลาชิงเหลียน ก็ไม่ปรากฏขึ้นมาแม้แต่ตัวเดียว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ถัดจากชายวัยกลางคน ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนถือดาบเอาไว้ในมือ ใบหน้าของเขานั้นเชิดขึ้นเล็กน้อยแสดงออกถึงนิสัยอันหยิ่งยโสของเขาได้เป็นอย่างดี
ในขณะนี้ทั้งสองคนต่างพูดคุยกันด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างหงุดหงิด
ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ถือได้ว่าเป็นขุมทรัพย์อันมหาศาลของเหล่ากองกำลังที่มีความแข็งแกร่ง ที่มีถิ่นฐานอยู่ในท้องทะเล
พวกเขานั้นมีเทคนิคพิเศษในการจับปลาและสัตว์อสูรทะเล
ปลาและสัตว์อสูรทะเลบางชนิดนั้นมีพลังงานจิตวิญญาณอยู่ในตัวของพวกมันอย่างมากมาย เมื่อใช้เลือดเนื้อของพวกมันมาปรุงเป็นอาหารสามารถชดเชยพลังงานจิตวิญญาณทางธรรมชาติได้อย่างดีเยี่ยม
ซึ่งส่วนมากพวกเขาจะเรียกปลาที่มีพลังงานจิตวิญญาณทางธรรมชาติว่าปลาวิญญาณ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา พวกเขาไม่สามารถจับปลาวิญญาณและสัตว์อสูรทะเลใดๆได้เลยแม้แต่ตัวเดียว
“ท่านปรมาจารย์หยุ่นและศิษย์พี่หม่า มีเรือยอร์ชลำหนึ่งกำลังวิ่งมุ่งหน้ามาทางพวกเราขอรับ!”
ในขณะนั้นเอง สาวกคนหนึ่งเดินเข้ามารายงานกับชายวัยกลางคนและชายหนุ่ม พร้อมกับชี้นิ้วไปทางเรือยอร์ชที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา
“ขับไล่พวกมันออกไปจากอาณาเขตของพวกเราซะ!”
ทั้งสองคนพูดออกมาเกือบจะพร้อมๆกันด้วยความหงุดหงิด
……….
จบบท