ในขณะที่นั่งอยู่ในรถโรสรอยส์ของตระกูลฉิน หวังเสียนและผู้อาวุโสฉินพูดคุยกันไปตลอดทางอย่างอารมณ์ดี
ในครั้งนี้เสี่ยวหยูและกลุ่มสาวๆไม่ได้ติดตามหวังเสียนมาที่งานชุมนุมด้วย
จะมีก็แต่หลานชิงเยว่เท่านั้นที่มาร่วมในงานนี้ เพราะตระกูลหลานของเธอนั้นถือได้ว่าเป็นตระกูลมหาเศรษฐีที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงตระกูลหนึ่งเลยทีเดียว
แต่หลานชิงเยว่ก็ไม่ได้มาพร้อมกับหวังเสียน เธอต้องไปพร้อมกับคนในตระกูลของเธอและเหล่าผู้บริหารในบริษัทเครื่องประดับทะเลคราม
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการจัดงานเลี้ยงสำหรับตระกูลชนชั้นสูงของมณฑลทางตอนใต้ คนของตระกูลซุนจะจัดงานเลี้ยงขึ้นปีละครั้งเพื่อสรรหาการร่วมมือและการลงทุนในบริษัทต่างๆ
เป็นเพราะเหตุนี้เองที่ทรัพย์สินของชายที่ร่ำรวยที่สุดของมณฑลทางตอนใต้จึงเป็นของผู้นำตระกูลซุน เขาสามารถติด 1 ใน 10 อันดับแรกของประเทศได้ ถือได้ว่าเขานั้นเป็นเศรษฐีและผู้ประกอบการรายใหญ่อย่างแท้จริง
แม้แต่ผู้อาวุโสฉินที่ขึ้นชื่อว่าร่ำรวยและมีอิทธิพลมากในเมืองเจียงเฉิงก็ยังไม่สามารถเทียบกับตระกูลซุนได้
แต่อย่างไรก็ตามตระกูลฉินก็ยังติด 1 ใน 3 ของมณฑลทางตอนใต้
“แล้วทำไมเหล่าชาวยุทธ์ของกองกำลังต่างๆ ในมณฑลทางตอนใต้ถึงมารวมกันอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ?” หวังเสียนถามออกมาด้วยความสงสัย
“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มีเหตุผลบางประการ เมื่อตอนที่ผู้นำตระกูลซุนยังหนุ่ม เขาได้รับมรดกบางอย่างโดยบังเอิญซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมรดกจากหลูปัน ดังนั้นเขาจึงเริ่มอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล เขาใช้เวลา 30 ปีในการก่อตั้งกลุ่มเครื่องจักรกลที่ใหญ่ที่สุดใน ประเทศจีน ต่อมาเขาได้รับสูตรยาโบราณโดยบังเอิญและได้ก่อตั้งบริษัทยาขึ้นมา ซึ่งบริษัทยาของเขาในปัจจุบันนี้คือกลุ่มบริษัทที่วิจัยเกี่ยวกับยาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน มันจึงเกี่ยวพันโดยตรงกับกลุ่มผู้ฝึกตนแห่งโลกยุทธภพ ฉะนั้นเขาจึงเชิญกลุ่มผู้ฝึกตนมาในงานชุมนุมชนชั้นสูงเป็นประจำทุกปี ซึ่งหนึ่งในนั้นนั่นก็คือตระกูลกู่หวู่!” ผู้อาวุโสฉินอธิบายด้วยรอยยิ้ม
หวังเสียน พยักหน้าด้วยความประหลาดใจ
การใช้มรดกหลูปันเพื่อสร้างโรงงานเครื่องจักรกล และใช้ใบสั่งยาโบราณเพื่อสร้างกลุ่มเภสัชกรรมอาจถือได้ว่าผู้นำของตระกูลซุนคนนี้นั้นเป็นอัจฉริยะทางด้านการค้าอย่างแท้จริง
ในที่สุดรถยนต์ของพวกเขาก็มาถึงเมืองหลวงของมณฑลทางตอนใต้
“คฤหาสน์หลางฮวน! นี่คือคฤหาสน์ของผู้นำตระกูลซุนบุรุษที่ร่ำรวยที่สุดแห่งมณฑลทางตอนใต้!” เมื่อรถยนต์เข้าจอดยังที่จอดรถริมทะเลสาบ ผู้อาวุโสฉินก็ชี้ไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่อันสวยงามที่อยู่ตรงด้านหน้า
“สมควรแล้วที่เป็นถึงมหาเศรษฐีในมณฑลทางใต้!” หวังเสียนหันไปมองด้วยรอยยิ้ม
คฤหาสน์ทั้งหลังอยู่ใกล้กับทะเลสาบ หากพูดกันตามตรงแล้วไม่อาจเรียกว่าคฤหาสน์ได้ สมควรจะเรียกว่าปราสาทจะดีกว่า
ตัวอาคารมีพื้นที่อย่างน้อยสี่ถึงห้าพันตารางเมตรและอยู่ใกล้ทะเลสาบซึ่งมีความสวยงามมาก และตรงตามกับชื่อของคฤหาสน์หลางฮวงหรือนั่นก็คือคฤหาสน์แดนสวรรค์
“เอ๊ะ?” เมื่อหวังเสียนและผู้อาวุโสฉินลงจากรถ หวังเสียนก็เห็นรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งดูคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
ที่บริเวณลานจอดรถหน้าทะเลสาบมีรถหรูอยู่หลายร้อยคัน มิหนำซ้ำยังมีเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์จอดอยู่อีก 4-5 ลำ
และในจำนวนรถเหล่านั้นหวังเสียนได้เห็นรถมอเตอร์ไซค์ฮาเล่ย์คันหนึ่งที่ดูคุ้นตาเป็นอย่างมาก
“นี่มันรถมอเตอร์ไซค์ฮาเล่ย์ ที่ฉันให้หวังต้าไห่เอาไว้ใช้ไม่ใช่หรอกหรือ?”
หวังเสียนมองไปยังป้ายทะเบียนของรถมอเตอร์ไซค์ฮาเล่ย์ และรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ถึงแม้ว่าสภาพครอบครัวของหวังต้าไห่จะประกอบธุรกิจและมีเงินอยู่หลายล้านหยวน แต่การที่จะถูกเชิญให้เข้ามาร่วมในงานเลี้ยงที่นี่นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
“หือ? มีอะไรอย่างงั้นรึน้องชายหวังเสียน?” ผู้อาวุโสฉินถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่าท่าทางของหวังเสียนนั้นแปลกออกไป
“ไม่มีอะไรมากหรอกผู้อาวุโสฉิน พอดีผมเห็นรถของคนคุ้นเคย ผมขออนุญาตโทรศัพท์หาเขาสักครู่หนึ่ง!”
หวังเสียนตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดหมายเลขของหวังต้าไห่เพื่อโทรออก
“เฮ้! เฒ่าหวังทำไมนายถึงโทรหาฉันได้?”
“ต้าไห่ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?”
“พอดีฉันมาร่วมงานเลี้ยงอยู่ เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอเฒ่าหวัง?”
“นายอยู่ในคฤหาสน์หลางฮวงใช่หรือไม่? ในตอนนี้ฉันก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน แต่ฉันเพิ่งจะมาถึงและยังไม่ได้เข้าไปในงาน!”
“โอ้ว จริงเหรอเฒ่าหวัง นายอยู่ที่นี่จริงๆอย่างนั้นเหรอ! นั่นยอดเยี่ยมมากเลย นายรอฉันอยู่ที่นั่นสักครู่นึงฉันจะรีบไปหาในทันที!”
เสียงของหวังต้าไห่นั้นแสดงออกถึงความกระตือรือร้นอย่างเต็มที่เมื่อรู้ว่าหวังเสียนนั้นมาร่วมงานเลี้ยงเดียวกันกับเขา
หลังจากหวังเสียนวางสายโทรศัพท์แล้วเขาก็หันไปพูดกับผู้อาวุโสฉิน “ผู้อาวุโสฉิน คุณเข้าไปก่อนก็ได้ผมจะรอเพื่อนอยู่ตรงนี้สักครู่หนึ่งแล้วจะรีบตามเข้าไป!”
“โอ้? ตกลง ถ้าอย่างนั้นฉันและผู้อาวุโสซูจะรอน้องชายหวังเสียนอยู่ที่ในงานก็แล้วกันนะ!” ผู้อาวุโสฉินพยักหน้า และไม่ได้ถามอะไรอีกต่อไป
หวังเสียนยิ้มและพยักหน้าก่อนที่จะเดินไปรอที่ด้านหน้าของประตูทางเข้า
“เฮ้! เฒ่าหวัง~~!”
ภายในไม่กี่นาทีร่างอันค่อนข้างอวบอ้วนของหวังต้าไห่ก็ปรากฏขึ้น เขารีบวิ่งมาหาหวังเสียนแล้วตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงที่ยาวเหยียด
“ต้าไห่! นายมาที่นี่ด้วยได้อย่างไร?” หวังเสียนถามออกมาขณะที่เดินเข้าไปหาหวังต้าไห่
“ช่วงนี้เป็นช่วงวันหยุดฉันก็เลยไปเที่ยวเล่นที่บ้านของคุณตา ฉะนั้นคุณตาก็เลยชวนฉันให้ติดตามเขามาด้วยเพื่อเปิดหูเปิดตา!”
หวังต้าไห่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างตื่นเต้น “ไปเถอะ! ฉันจะพานายเข้าไปข้างใน!”
“คุณตาของนาย?” หวังเสียนรู้สึกค่อนข้างจะประหลาดใจ
“ตาของฉันเคยเป็นอดีตคนใกล้ชิดของผู้นำตระกูลซุนมาก่อน และในตอนนี้ตาของฉันนั้นดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการของโรงงานที่เปิดอยู่ในเมืองหลี่เฉิง!” หวังต้าไห่อธิบายด้วยรอยยิ้ม
“แต่คุณตาของฉันนั้นค่อนข้างจะดูถูกพ่อของฉันเล็กน้อย เพราะพ่อของฉันนั้นมาจากชนบทและเป็นตระกูลที่ค่อนข้างธรรมดา แต่พ่อของฉันก็ยอดเยี่ยมมากเช่นเดียวกันที่สามารถทำให้แม่ของฉันหลงรักได้!” หวังต้าไห่อธิบายอย่างคร่าวๆพอให้หวังเสียนเข้าใจ
“ว่าแต่นายเถอะ! นายมาที่นี่ได้ยังไงล่ะเฒ่าหวัง?”
“ฉันมากับเพื่อนน่ะ!” หวังเสียนตอบด้วยรอยยิ้ม
“ดูคฤหาสน์หลังนี้สิกว้างใหญ่ราวกับปราสาทของราชวงศ์ในต่างประเทศเลยทีเดียว หากในชีวิตนี้ฉันสามารถอยู่ในคฤหาสน์แบบนี้ได้ก็คงจะดี!”
หวังต้าไห่กวาดสายตามองไปรอบๆคฤหาสน์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโหยหา “เฒ่าหวัง! ต่อไปหากว่านายร่ำรวยจนมีโอกาสได้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่สวยงามเช่นนี้ นายอย่าลืมชวนให้ฉันไปเที่ยวเล่นแล้วพักผ่อนอยู่กับนายสัก 2-3 วันนะ!” หวังต้าไห่หันไปพูดทีเล่นทีจริงกับหวังเสียน เขารู้ดีว่าหวังเสียนเพื่อนของเขานั้นมีความสามารถที่สูงมาก และในอนาคตอาจจะมีโอกาสร่ำรวยจนได้อยู่ในคฤหาสน์เช่นนี้ก็ได้
หวังเสียนมองไปยังคฤหาสน์ที่อยู่ตรงหน้าและยิ้มออกมาเล็กน้อย แค่ห้องนอนราชามังกรของเขาก็มีขนาด 2,000 ตารางเมตรแล้ว เกือบจะมีความกว้างถึงครึ่งหนึ่งของที่นี่ ฉะนั้นคฤหาสน์หลังนี้ไม่สามารถเทียบได้กับวังมังกรศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้แม้แต่หนึ่งในร้อยส่วน
แต่ในสายตาของคนปกติทั่วไปคฤหาสน์หลังใหญ่ขนาดนี้นั้นก็หรูหราอย่างที่สุดแล้ว เพียงแค่คนที่ต้องคอยดูแลทำความสะอาดที่นี่นั้นก็ต้องใช้คนงานมากกว่า 12 คน และนี่ยังไม่รวมถึงคนงานที่ทำหน้าที่อื่นๆ ในคฤหาสน์
หลังจากนั้นหวังต้าไห่ก็พาเขาไปที่ห้องโถงจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ ห้องโถงสำหรับจัดเลี้ยงนั้นหรูหราเป็นอย่างมากมีคนหลายร้อยคนยืนและนั่งจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ในห้องโถงแห่งนั้นด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ดวงตาของหวังเสียยกวาดสายตามองไปยังกลุ่มคน แต่เขาก็ไม่สามารถมองเห็นผู้อาวุโสฉินและผู้อาวุโสซู
“ไปเฒ่าหวัง! เราไปหาที่นั่งพูดคุยกัน คงอีกครู่ใหญ่ๆ กว่าพิธีการในงานเลี้ยงจะเริ่มขึ้น!”
หวังต้าไห่เดินนำหวังเสียนไปยังด้านหนึ่งของห้องโถงพร้อมกับรับเครื่องดื่มสองแก้วจากบริกร และพาเข้าไปนั่งยังโต๊ะที่ถูกจัดไว้ให้แก่กลุ่มคนหนุ่มสาว
ที่โต๊ะตัวนั้นมีสาวงามกำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ 7-8 คน และในกลุ่มนั้นยังมีชายหนุ่มที่แต่งกายอย่างสุภาพเรียบร้อย หวีผมไปทางด้านหลังคล้ายกับคุณชาย ลักษณะโดยรวมของเขานั้นค่อนข้างที่จะดูดีมากเลยทีเดียว
“ลูกพี่ลูกน้อง! นี่คือเพื่อนของนายอย่างนั้นเหรอ?”
เด็กสาวคนหนึ่งที่มีใบหน้าอันสดใสจ้องมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของหวังเสียน พร้อมกับหรี่ตาลงเล็กน้อย
“ใช่! นี่คือเพื่อนรักของฉัน พวกเราเรียนอยู่ห้องเดียวกันและพักอยู่ในหอพักเดียวกันอีกด้วย! และเขายังมีความสามารถที่สูงมากเลยทีเดียว!”
หวังต้าไห่พูดกับเด็กสาวด้วยความภาคภูมิใจ
“โอ้?” ลูกพี่ลูกน้องของหวังต้าไห่จ้องมองไปที่หวังเสียนพร้อมกับเม้มริมฝีปากลงเล็กน้อย
ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาและอารมณ์ที่สงบนิ่งบวกกับกลิ่นอายของฮอร์โมนแห่งความเป็นชายของสายเลือดมังกรศักดิ์สิทธิ์อันแข็งแกร่งที่ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเบาบางโดยไม่ได้ตั้งใจของหวังเสียน สามารถกระตุ้นความรู้สึกและอารมณ์ของเด็กสาวทั้งหมดให้หันมาสนใจเขาได้ในทันที พวกเธอรู้สึกว่าเขานั้นมีความโดดเด่นมากกว่าแฟนของพวกเธอเป็นอย่างมาก
“แล้วทำไมคุณถึงใส่ชุดลำลองแบบนี้เข้ามาร่วมงานเลี้ยงชั้นสูงเช่นนี้กันล่ะ?”
ในขณะนั้นเอง ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆลูกพี่ลูกน้องของหวังต้าไห่เห็นแฟนสาวของเขามองที่หวังเสียนด้วยดวงตาที่เป็นประกาย เขาก็แสดงความไม่พอใจออกมาในทันที ก่อนที่จะมองไปที่หวังเสียนตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับพูดออกมาเชิงประชดประชัน
เมื่อกลุ่มเด็กสาวและเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่อยู่รอบๆได้ยินคำพูดของชายหนุ่มคนนั้น พวกเขาก็มองไปที่การแต่งตัวของหวังเสียนกันในทันที
สวมเสื้อสเวตเตอร์ กางเกงยีนส์ทรงวัยรุ่นและรองเท้ากีฬา ชุดเช่นนี้นั้นไม่เหมาะกับงานเลี้ยงเช่นนี้เป็นอย่างยิ่ง!
เมื่อเด็กสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของหวังต้าไห่ เห็นการแสดงออกที่ไม่พอใจของแฟนของเธอ เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยและจ้องมองไปยังเสื้อผ้าบนร่างกายของหวังเสียน ก่อนที่สูดลมหายใจออกมาเบาๆ เพื่อยับยั้งอารมณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นในก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะหันไปพูดกับหวังต้าไห่เสียงเบา
“ฉันเองก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างจะไม่เหมาะสมจริงๆนะต้าไห่ ฉันว่านายควรจะพาเพื่อนของนายไปเปลี่ยนเป็นชุดที่เป็นทางการมากกว่านี้จะดีกว่า การแต่งตัวด้วยชุดลำลองแบบนี้ในงานเลี้ยงที่มีผู้หลักผู้ใหญ่มาอย่างมากมายเช่นนี้มันดูเหมือนว่าเป็นการไม่ให้เกียรติและไม่เคารพผู้อื่นสักเท่าไหร่ มันดูไม่มีมารยาทและดูไม่ดีเลยจริงๆ!”
……..