Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ – ตอนที่ 404 งานชุมนุมของมณฑลทางตอนใต้

ตอนที่ 404 งานชุมนุมของมณฑลทางตอนใต้

“ส่วนกลุ่มนักรบมังกรที่เป็นสาวกแห่งสำนักมังกรนั้นก็มีอยู่ 50 คน เมื่อพวกเขาบรรลุระดับก่อกำเนิดลมปราณกันหมดทุกคนแล้ว ในเวลานั้นก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะเริ่มขยายฐานอำนาจบนภาคพื้นดินในโลกยุทธภพ!”

“ส่วนตามเกาะต่างๆในท้องทะเล คงต้องยกหน้าที่ให้แก่เผ่าพันธุ์ปลาดาบซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์อย่างแยกไม่ออกเป็นผู้ปราบปรามและขยายอิทธิพล ด้วยความแข็งแกร่งของพวกมันคงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะสามารถยึดครองอาณาเขตในท้องทะเลและมหาสมุทรของทวีปเอเชียได้!”

การอัพเกรดเพื่อยกระดับวังมังกรจะต้องใช้ทรัพยากรอีกเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นหวังเสียนจึงวางแผนที่จะเริ่มสร้างฐานอำนาจในท้องทะเลและภาคพื้นดิน เพื่อดึงดูดทรัพยากรให้กับวังมังกรได้อย่างเต็มที่

“สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกนั่นก็คือต้องสร้างฐานอำนาจของวังมังกรให้มีความแข็งแกร่งมากพอกับระดับสากล!”

หวังเสียนคิดใคร่ครวญเล็กน้อยก่อนที่จะแสดงรอยยิ้มออกมา หลังจากนี้อีกไม่นานเขาจะนำผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเข้าสู่เวทีโลกอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นชนชาติอื่นๆต้องคิดทบทวนอีกหลายครั้งหากพวกเขาคิดจะรุกรานเข้ามาในดินแดนของประเทศจีน

“เมื่อถึงเวลานั้นคงจะไม่มีใครกล้าพูดว่าคนในโลกยุทธภพของประเทศจีนนั้นอ่อนแอกว่าพวกเขาอีกต่อไป!” หวังเสียนเผยรอยยิ้มอันเย็นชาออกมา

บี๊บบบบบ!~~

ในทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของหวังเสียนก็ดังขึ้นมาขัดความคิดของเขา

เมื่อเขาก็มองดูโทรศัพท์ก็พบว่าเป็นสายจากผู้อาวุโสฉินแห่งเมืองเจียงเฉิง (ฉินกัวะฮุ่ย ตอนที่ 59 )

“น้องชายหวังเสียน ในตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนอย่างนั้นรึ?”

เสียงของผู้อาวุโสฉินดังขึ้นมาจากอีกฝั่งนึงของโทรศัพท์

“ผมขับเรือยอร์ชออกมาเที่ยวเล่นในทะเลและอีกไม่นานก็คงจะกลับถึงเมืองเจียงเฉิงแล้ว! เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือผู้อาวุโสฉิน?”

หวังเสียนพูดคุยกับผู้อาวุโสฉินอย่างเป็นกันเอง ตัวเขากับผู้อาวุโสฉินและผู้อาวุโสซูนั้นมีความสนิทสนมกันมากและยังคงพูดคุยติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์อยู่เสมอๆ เพราะผู้อาวุโสทั้งสองคนนี้เป็นผู้สนับสนุนและช่วยเหลือตัวเขาตั้งแต่แรกๆ ฉะนั้นตัวเขาจึงมีความรู้สึกที่ดีกับผู้เฒ่าทั้งสองคนนี้เป็นอย่างมาก

และครั้งล่าสุดการรวบรวมวัสดุสำหรับการสร้างวังมังกรศักดิ์สิทธิ์ของเขา ก็ยังคงได้รับการช่วยเหลืออย่างเต็มที่จากผู้อาวุโสทั้งสองคน

“อีกไม่นานก็จะใกล้จะถึงวันปีใหม่แล้ว ฉันอยากถามว่าน้องชายหวังเสียนพอจะมีเวลาว่างมาสังสรรค์ด้วยกันกับพวกเราหรือเปล่า? และในอีกประมาณ 2 วันมณฑลทางตอนใต้กำลังจะจัดงานชุมนุมชนชั้นสูงขึ้น พวกเขาต่างส่งบัตรเชิญให้แก่ตะกูลผู้ร่ำรวยและผู้มีชื่อเสียงเพื่อเข้ามาร่วมในงานเลี้ยงครั้งนี้ ฉันจึงหวังว่าน้องชายหวังเสียนน่าจะมาร่วมสนุกด้วยกัน!” ผู้อาวุโสฉินถามหวังเสียนด้วยรอยยิ้มในขณะที่เขาพูดโทรศัพท์

“การชุมนุมของชนชั้นสูงแห่งมณฑลทางตอนใต้อย่างนั้นหรือ?”

หวังเสียนรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “การชุมนุมครั้งนี้นั้นเป็นการชุมนุมแบบไหนและพวกเขามีวัตถุประสงค์อะไรอย่างนั้นเหรอ?”

“มันเป็นการรวมตัวของเหล่ายักษ์ใหญ่ของมณฑลทางตอนใต้ซึ่งนำโดยตระกูลกู่หวู่ และชนชั้นสูงซึ่งเป็นเศรษฐีอันมีชื่อเสียงจากเมืองต่างๆจะมารวมตัวกันเพื่อจัดงานเลี้ยงสังสรรค์พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์แก่กัน และในงานนี้ยังมีกิจกรรมอีกมากมาย รวมถึงการประมูลสิ่งของมีค่าทั้งของทางโลกสำหรับคนธรรมดาและสมบัติจิตวิญญาณอันล้ำค่าสำหรับผู้ฝึกตนก็รวมอยู่ในรายการสินค้าของการประมูลด้วยเช่นเดียวกัน!” ผู้อาวุโสฉินอธิบายแกหวังเสียนอย่างคร่าวๆ

“อืมม? ผมคิดว่าพรุ่งนี้พวกเราก็น่าจะกลับถึงเมืองเจียงเฉิงกันแล้ว หลังจากนั้นพวกเราก็ไปร่วมรับประทานอาหารและพูดคุยกันที่ร้านอาหารอี้ปิง (ร้านอาหารชั้น 1) ของผมก็แล้วกัน!” หวังเสียนตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม

“ฮ่าฮ่า เยี่ยมเลย! ฉันเองก็มีเรื่องอยากจะคุยกับน้องชายหวังเสียนอยู่หลายเรื่องเลยทีเดียว!” ผู้อาวุโสฉินพูดออกมาอย่างอารมณ์ดี

หลังจากที่ได้พูดคุยกับผู้อาวุโสฉินได้สักพัก หวังเสียนก็กลับเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นของเรือยอร์ช กลุ่มเด็กสาวทั้งหมดยังคงนั่งเล่นไพ่นกกระจอกกันอย่างกระตือรือร้น หวังเสียนยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในห้องครัวของเรือยอร์ชเพื่อทำของว่างให้แก่พวกเธอ

ในตอนกลางคืนขณะที่ทุกคนนอนหลับพักผ่อนกันอย่างสบาย โม่ชิงหลงก็ขับเรือยอร์ชกลับเข้ามาถึงเขตทะเลปั๋วไห่ของเมืองเจียงเฉิงแล้ว

เมื่อถึงเวลารุ่งสางเรือยอร์ชก็กลับเข้ามาจอดที่ท่าเรือของวิลล่าริมชายหาดอย่างเรียบร้อยแล้ว

กลุ่มคนทั้งหมดก็เดินกลับเข้าไปในวิลล่าด้วยความสดชื่นในขณะที่สูดอากาศยามเช้ากันอย่างเต็มปอด

“เจ้ากลับมาแล้วหรือน้องชายหวังเสียน!”

ไม่นานหลังจากนั้นเสียงของจักรพรรดิซุยก็ดังขึ้น และข้างๆเขายังมีชายชราหนวดขาวเคราขาวท่าทางภูมิฐานเดินตามเขามาด้วย

เมื่อเทียบจักรพรรดิซุยแล้วชายชราดูตัวเล็กบอบบางกว่ามาก แต่ผิวพรรณของเขานั้นไม่มีรอยเหี่ยวย่นลักษณะท่าทางของเขานั้นคล้ายกับนักวิชาการ ดวงตาของชายชราก็สดใสส่อให้เห็นถึงความฉลาดหลักแหลม การแต่งตัวโดยรวมของเขานั้นคล้ายกับนักพรตในภาพยนตร์กำลังภายในเลยทีเดียว

“เข้ามานั่งพูดคุยกันก่อนสิตาเฒ่าซุย!”

หวังเสียนตะโกนออกไปในขณะที่เขานั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับหยอกล้อเล่นหัวอยู่กับเห่าฟ้าซึ่งย่อตัวกลายเป็นสุนัขตัวน้อย ส่วนกลุ่มเด็กสาวๆทั้งหมดก็เริ่มเล่นไพ่นกกระจอกกันอีกครั้ง ดูเหมือนว่ากลุ่มเด็กสาวทั้งหมดนั้นค่อนข้างจะติดใจกับการเล่นไพ่นกกระจอกกันเป็นอย่างมาก

“หือ?” หวังเสียนค่อนข้างรู้สึกแปลกใจ เมื่อเห็นชายชราชุดขาวที่เดินตามหลังจักรพรรดิซุยเข้ามา

นี่คือการดำรงอยู่ของผู้แข็งแกร่งในระดับเดียวกันกับจักรพรรดิซุย

มีออร่าของปรมาจารย์ที่สงบและเยือกเย็นออกมาจากร่างกายของชายชราชุดขาว ซึ่งค่อนข้างจะแตกต่างจากจักรพรรดิซุยที่ออร่าของเขานั้นเป็นเปลวไฟอันร้อนแรง แต่ระดับความแข็งแกร่งของคนทั้งคู่นั้นน่าจะอยู่ในระดับเดียวกันอย่างแน่นอน

ในขณะที่หวังเสียนจ้องมองและสังเกตชายชราชุดขาวอย่างถี่ถ้วนอยู่นั้น ชายชราเองก็จ้องมองและสังเกตเขาอยู่ด้วยเช่นเดียวกัน

“อาการบาดเจ็บของเสี่ยวหยูและเสี่ยวฟางหายดีแล้วอย่างนั้นหรือ?”

จักรพรรดิซุยมองไปที่เสี่ยวหยูและผู้อาวุโสฟาง ที่กำลังนั่งเล่นไพ่นกกระจอกอย่างสนุกสนานด้วยความแปลกใจ

“ใช่ค่ะ! ไม่มีปัญหาใดๆอีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ!”

เสี่ยวหยูและผู้อาวุโสฟางหันมาตอบจักรพรรดิซุยพร้อมกันด้วยรอยยิ้ม

“นี่! … ระดับความแข็งแกร่งของพวกเจ้า!?”

จักรพรรดิซุยพูดพึมพำออกมาด้วยความตกใจ เขาสามารถรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเสี่ยวหยูและผู้อาวุโสฟางได้อย่างชัดเจน

ไม่เพียงเท่านั้น หลานชิงเยว่ ที่นั่งอยู่กับพวกเธอก็ทำให้ตัวเขานั้นรู้สึกได้ถึงวิกฤตและความตึงเครียดได้มากเช่นเดียวกัน

สิ่งนี้ทำให้จักรพรรดิซุยรู้สึกตื่นตะลึงและไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้นั้นจะเป็นเรื่องจริง

ก่อนหน้านี้เขาได้ตรวจสอบพิษที่อยู่ในร่างกายของเสี่ยวหยูและผู้อาวุโสฟางแล้ว พิษชนิดนี้เรียกได้ว่าน่ากลัวเป็นอย่างมากเลยทีเดียวและแทบจะไม่มีความเป็นไปได้ในการที่จะรักษา

และนอกจากนี้เขายังเคยได้ไปสอบถามหมอเทวะอันดับ 2 แห่งโลกยุทธภพมาก่อนแล้วด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อหมอเทวะอันดับ 2 ได้รู้ถึงความร้ายกาจของพิษกระดูกดำจากตัวอย่างเลือดที่จักรพรรดิ์ซุยนำไปให้เขาทดสอบ เขาก็ถึงกับส่ายหัวและบอกกับจักรพรรดิซุยว่าพิษชนิดนี้นั้นไม่มีทางรักษาได้

แต่ในตอนนี้ไม่เพียงแต่เด็กสาวทั้งคู่จะฟื้นตัวขึ้นมาอย่างสมบูรณ์เพียงเท่านั้น แต่เด็กสาวทั้งคู่กลับมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนถึงระดับที่น่ากลัวเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าจักรพรรดิซุยจะไม่รู้ระดับความแข็งแกร่งที่แน่ชัดของเสี่ยวหยูและผู้อาวุโสฟาง แต่เขาก็มั่นใจว่าเด็กสาวทั้งคู่นั้นต้องอยู่ไม่ต่ำกว่าระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน

‘เจ้ามารร้ายสาระเลวตัวน้อยผู้นี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ มีความลับอันน่าแปลกประหลาดอยู่อย่างมากมาย!’

จักรพรรดิซุยส่ายหัวอย่างจนใจ เขารู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อยที่เขาไม่เคยมองว่าหวังเสียนนั้นเป็นคนปกติธรรมดาทั่วไป ไม่เช่นนั้นแล้วเขาอาจจะตกใจและหัวใจวายตายจากการกระทำอันน่าแปลกประหลาดของหวังเสียนไปนานแล้วก็ได้

และด้วยสิ่งนี้ชายชราชุดขาวที่อยู่ข้างๆจักรพรรดิซุยก็แสดงความตื่นตกใจและแปลกใจออกมาด้วยเช่นเดียวกัน

ทุกคนที่อยู่ในวิลล่าหลังนี้ทำให้เขารู้สึกผิดปกติเป็นอย่างมาก

หากสังเกตให้ดีๆแล้วแม้แต่สุนัขตัวน้อยที่นอนอยู่ตรงนั้นก็ทรงพลังและน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก มันไม่ง่ายอย่างแสดงออกมาอย่างแน่นอน

ในเขตวิลล่าหลังนี้เขาสามารถรู้สึกได้ถึงภัยคุกคามได้อย่างแผ่วเบา โดยเฉพาะกับเด็กหนุ่มคนนั้น

“ดี! นั่นเป็นเรื่องที่ดีมากเลยทีเดียว! สามารถหายจากการถูกพิษที่ร้ายแรงเช่นนั้นได้ ช่างยอดเยี่ยมมากเลยจริงๆ!”

จักรพรรดิซุยยิ้มและมองไปที่หวังเสียน “ข้าจะแนะนำเจ้าให้รู้จักกับผู้นำของสำนักเซิ่งเหมินถู นี่คือสหายของข้า หวงเหลา เขาถือได้ว่าเป็นหมอเทวะที่ทรงพลังที่สุดในประเทศจีนของเรา สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในก่อนหน้านี้ระวังพวกเจ้าทั้งสองฝ่ายเกิดมาจากความเข้าใจผิดและล่วงเลยมาถึงในตอนนี้ มันจะต้องได้รับการแก้ไข!”

“ยินดีที่ได้รู้จักท่านผู้อาวุโสหวง!” หวังเสียนมองไปยังผู้นำของสำนักเซิ่งเหมินถูด้วยรอยยิ้ม

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันหมอเทวะหวัง ดังที่โบราณได้กล่าวเอาไว้ วีรบุรุษย่อมเกิดจากคนหนุ่มสาว! เฮ้อออ พวกเราแก่แล้วจริงๆ!”

หวงเหลามองไปที่หวังเสียนและถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนที่จะพูดออกมาว่า “ข้าได้ทราบมาว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนได้เกิดเรื่องเข้าใจผิดระหว่างสาวกในสำนักของข้ากับน้องชายหวังเสียน และตาเฒ่าซุยก็ได้อธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดให้ข้าได้รับรู้แล้ว ฉะนั้นข้าจึงหวังว่าน้องชายหวังเสียนจะเมตตามองผ่านเรื่องนี้และปล่อยสาวกในสำนักของพวกเราไป!”

“ข้านั้นเป็นคนง่ายๆและไม่ชอบสร้างปัญหา! ตราบใดที่สาวกในสำนักของผู้อาวุโสหวงไม่เข้ามาวุ่นวายและยั่วยุข้า ข้าก็สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนได้!”

“โอ้ขอบคุณ! ขอบคุณน้องชายคนเล็กมากจริงๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ตั้งแต่ต้นนับว่าเป็นความผิดของสาวกในสำนักเซิ่งเหมินถูของเราอย่างแท้จริง!” หวงเหลาพูดออกมาด้วยความจริงใจและยิ้มออกมาบางๆให้แก่หวังเสียน

“โดยปกติแล้วข้านั้นเป็นคนที่ค่อนข้างจะสันโดษและชอบใช้ชีวิตแบบสบายๆ แต่หากมีใครก็ตามที่พุ่งเป้าหมายมาที่ข้าหรือคนสนิทรอบๆตัวของข้า ข้าก็ทำได้เพียงแค่ขจัดต้นตอของปัญหาทั้งหมดทิ้งไปก็เท่านั้น!”

หวังเสียนพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พร้อมกับอธิบายให้เห็นถึงหลักการของเขาอย่างจริงใจเช่นเดียวกัน

“เมื่อได้ยินคำพูดที่จริงใจของน้องชายหวังเสียนในที่สุดข้าก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก ข้าในฐานะเจ้าสำนักของสำนักเซิ่งเหมินถูขอรับรองว่าจะไม่มีสาวกในสำนักของข้าคนใดเข้ามาวุ่นวายและสร้างปัญหาให้กับน้องชายหวังเสียนอย่างแน่นอน แต่หากมีสาวกคนใดกล้าฝ่าฝืนคำสั่งเข้ามายุ่งวุ่นวายกับน้องชายจริงๆ น้องชายหวังเสียนสามารถจัดการกับคนเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่!” หวงเหลาแสดงความจริงใจของเขาออกมาอย่างเปิดเผย

“ฮ่าฮ่า! ในเมื่อเรื่องนี้สามารถจบลงได้ด้วยดีเช่นนี้ข้ารู้สึกดีใจมากจริงๆ ข้าขอรับรองกับน้องชายหวังเสียนโดยใช้ชื่อของจักรพรรดิซุยเป็นประกัน หากมีสาวกคนใดของสำนักเซิ่งเหมินกล้ามาสร้างปัญหาให้กับเจ้า ข้าขอประกาศเอาไว้ตรงนี้เลยว่าข้าจะจัดการคนเหล่านั้นด้วยมือของข้าเอง!”

เมื่อจักรพรรดิซุยเห็นทั้งสองสามารถพูดคุยตกลงยุติปัญหาที่เกิดขึ้นได้แล้ว เขาก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับใช้ชื่อของตัวเองค้ำประกันกับหวังเสียน และแสดงถึงเจตจำนงของเขาออกมาอย่างเต็มที่ว่าหากเกิดปัญหาระหว่างทั้งสองฝ่ายขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เขานั้นจะอยู่เคียงข้างหวังเสียนอย่างแน่นอน

” และสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งก่อนข้าเองก็ต้องกล่าวคำขอโทษน้องชายหวังเสียนอย่างจริงใจอีกครั้งหนึ่ง เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นความผิดของสาวกในสำนักเซิ่งเหมินถูของเราจริงๆ!”

หวงเหลาโค้งตัวประสานมือคารวะและกล่าวคำขอโทษออกมาอีกครั้งอย่างจริงใจ

“เรื่องทั้งหมดมันได้ผ่านไปแล้ว! ผู้อาวุโสหวงอย่าได้คิดมากอีกต่อไป เชิญนั่งลงก่อนเถอะ!”

หวังเสียนยิ้มออกมา เขารู้สึกว่าผู้นำของสำนักเซิ่งเหมินถูเป็นคนที่อัธยาศัยดีและซื่อตรงเป็นอย่างมาก การที่คนระดับนี้กล้ากล่าวคำขอโทษและยอมรับผิดต่อคนรุ่นเยาว์นั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากเป็นอย่างมากในโลกยุทธภพ ฉะนั้นถึงแม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้ แต่ก็จะไม่กลายเป็นศัตรูกันอย่างแน่นอน

โดยมีจักรพรรดิซุยเป็นตัวเชื่อมสัมพันธ์อยู่ตรงกลาง พวกเขาทั้งสามคนก็พูดคุยกันได้อย่างผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากพวกเขาพูดคุยกันอย่างเปิดใจ หวังเสียนก็ถามผู้อาวุโสหวงว่าในสำนักของเขานั้นยังมีพิษกระดูกดำอยู่อีกหรือไม่

แต่คำตอบที่ได้รับนั้นก็น่าผิดหวังเล็กน้อยเพราะผู้อาวุโสหวงส่ายหัวและบอกกล่าวกับหวังเสียนออกมาตามตรงว่ายาพิษชนิดนี้นั้นโอรสสวรรค์ของสำนักได้รับมาเพียงเล็กน้อยจากผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักที่ได้บังเอิญเข้าไปในซากอารยธรรมโบราณ และผู้อาวุโสคนนั้นเองก็เสียชีวิตลงด้วยยาพิษกระดูกดำชนิดนี้เช่นเดียวกัน

ภายใต้การสอบสวนของเขา เขาจึงทราบมาว่าโอรสสวรรค์ของสำนักได้ส่งมอบยาพิษชนิดนี้ให้แก่ผู้อาวุโสเฟิง เพราะว่ายาพิษชนิดนี้นั้นไม่มียาแก้พิษเขาจึงไม่ต้องการเก็บชนิดนี้เอาไว้กับตัวเพราะมันไม่มีประโยชน์ใดๆแก่เขา มิหนำซ้ำยังเพิ่มความเสี่ยงและอาจจะเป็นอันตรายต่อตัวเองอีกด้วย

หลังจากที่จักรพรรดิซุยและผู้อาวุโสหวงเหลาจากไป หวังเสียนก็ใช้เวลาพักผ่อนอยู่ในวิลล่าของเขาอย่างสบายอยู่อีกสองวัน ในระหว่างนั้นเขาได้ออกไปทานอาหารกับผู้อาวุโสฉินและผู้อาวุโสซูเพื่อพูดคุยกันอยู่หลายเรื่อง

เช้าตรู่ของวันที่สาม หวังเสียนกับผู้อาวุโสฉินและคนอื่นๆก็ได้ออกเดินทางไปยังที่ที่พวกเขาได้นัดหมายกันเอาไว้

การจัดงานเลี้ยงรวมตัวกันของชนชั้นสูงในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดยชายที่ร่ำรวยที่สุดของมณฑลทางใต้ และโดยพื้นฐานแล้วใครที่พอมีชื่อเสียงในเขตมณฑลทางตอนใต้ก็จะถูกเขาเชิญเข้ามาร่วมในงานครั้งนี้ด้วย

“ซุนไคอัน เป็นมหาเศรษฐีในมณฑลทางตอนใต้ เขาเป็นคนรวยที่สามารถติดอันดับต้นๆในประเทศได้เลยทีเดียว ทรัพย์สินในตระกูลของเขานั้นน่าจะมีอยู่หลายแสนล้าน ภูมิหลังและความแข็งแกร่งของเขานั้นค่อนข้างจะลึกซึ้งเป็นอย่างมาก มีตระกูลผู้ฝึกตนและกลุ่มกองกำลังที่ทรงอิทธิพลหลากหลายกลุ่มที่เข้ามาอยู่ใต้อิทธิพลของเขา แต่อย่างไรก็ตามน้องชายหวังเสียนถือได้ว่ามีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในโลกยุทธภพ ระดับความเกรงใจของเขาที่มีต่อน้องชายหวังเสียนคงจะไม่ต่ำกว่า 8 แต้มอย่างแน่นอน ฮึๆๆ!”

Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ

Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ

Status: Ongoing

แปลงร่างเป็น มังกรศักดิ์สิทธิ์ และครองโลก! ด้วยระบบมังกร เขาจะเป็นมังกรศักดิ์สิทธิ์ผู้เดียวในมหาสมุทรที่ก่อตั้งวังมังกรใต้มหาสมุทร ด้วยทหารฝูงปลาและเหล่าขุนพลสัตว์ทะเลในฐานะผู้ติดตามของเขา รวมทั้งสัตว์ทะเลขนาดมหึมาในฐานะลูกน้องคนสนิทของเขา เขาคือจักพรรดิ์มังกรผู้ปกครองวังมังกรศักดิ์สิทธิ์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท