เปรี๊ยะๆๆ!
ท่ามกลางหมอกสีดำทมิฬที่ลอยปกคลุมอยู่เหนือลานกว้างบนเกาะลอยน้ำ เสียงคล้ายกับกระดูกเสียดสีกันดังลั่นออกมาจากร่างกายของเหล่านักรบมังกรทั้ง 50 คน
เงาร่างของมังกรอสูรทมิฬลอยอยู่เหนือหัวของพวกเขาอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงค่อยๆซ้อนทับเข้าไปในร่างกายของเขา
กระดูกและกล้ามเนื้อของพวกเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว บริเวณแต่เดิมที่เคยเป็นเกล็ดมังกรได้เปลี่ยนไปกลายเป็นเกราะกระดูกซึ่งยึดติดกับร่างกายของพวกเขาโดยตรง
นิ้วทั้งห้าของพวกเขาค่อยๆยาวและแหลมคมขึ้นจนกลายเป็นกรงเล็บกระดูกสีดำ
“เม็ดยาที่ทำจากเลือดของมังกรกลายพันธุ์ที่ได้มาจากเสี่ยวหยู ดูเหมือนว่าจะพิเศษเป็นอย่างมากเลยทีเดียว!”
เหล่านักรบมังกรทั้งหมดมีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิมหลายเท่าตัวเนื่องจากว่าได้รับการหนุนเสริมจากเม็ดยาจิตวิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายและกระดูกรวมถึงพลังงานธาตุแห่งความมืด
“ความแข็งแกร่งของนักรบมังกรที่สามารถทะลวงผ่านระดับก่อกำเนิดลมปราณได้ในตอนนี้ สามารถเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นสูงของสำนักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว นี่คือความน่ากลัวของพลังแห่งสายเลือดมังกรกลายพันธุ์!”
หวังเสียนแสดงรอยยิ้มที่ตื่นเต้นออกมาขณะที่มองไปยังกลุ่มนักรบมังกรที่กำลังเพิ่มความแข็งแกร่งกันอย่างต่อเนื่อง
ความแข็งแกร่งของมังกรทั้ง 50 คนกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมๆ กัน พลังงานออร่าสีดำที่ลอยอยู่เหนือหัวของพวกเขาได้รวมตัวกันกลายเป็นมังกรกลายพันธุ์อสูรทมิฬขนาดยักษ์
ด้วยแรงกดดันและคลื่นพลังชีวภาพที่แข็งแกร่งในขณะนี้ แม้แต่ระดับขอบเขตเม็ดยาเซียนขั้นสูงก็คงจะต้องตัวสั่นสะท้านเมื่อต้องยืนอยู่ต่อหน้านักรบมังกรทั้ง 50 คน
…….
“บัดซบ! ไอ้เจ้าเด็กคนนั้นหนีรอดไปจนได้!”
“แต่ทำไมระดับความแข็งแกร่งของมันถึงเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน? เวลาเพียงแค่ไม่นานแต่ระดับความแข็งแกร่งของมันกลับอยู่ในระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณแล้ว!”
“ระยำเอ้ยย! พรสวรรค์ของโจรบัดซบตัวน้อยผู้นี้นั้นจะน่ากลัวมากเกินไปแล้ว! ไม่น่าแปลกใจเลยที่นายหญิงต้องการจะสังหารมันทิ้งตั้งแต่แรก!”
“ผู้เชี่ยวชาญระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณอายุ 15 ปี และหลังจากนี้อีกไม่นานมันคงจะก้าวเข้าสู่ระดับก่อกำเนิดลมปราณได้แน่ๆ! และหากให้เวลามันมากกว่านี้ระดับขอบเขตเม็ดยาเซียนก็คงจะไม่เกินความพยายามของมันอย่างแน่นอน!”
“เจ้าเด็กคนนี้คงจะได้รับขุมทรัพย์โบราณมาอย่างแน่นอน พวกเจ้าไม่เห็นเปลวเพลิงสีน้ำเงินที่มันใช้สังหารคนของเราอย่างนั้นรึ! เปลวเพลิงสีน้ำเงินนั้นอย่างน้อยๆจะต้องเป็นสมบัติจิตวิญญาณแห่งธาตุไฟระดับ 11 เป็นแน่!”
ในมุมของถนนที่ห่างไกลจากเมืองเจียงเฉิงไม่มากนัก กลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณห้าคนยืนพูดคุยกันด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
บนพื้นดินโดยรอบมีศพที่ไหม้เกรียมกระจัดกระจายอยู่จนทั่ว กลิ่นของเนื้อมนุษย์ที่ถูกเผาไหม้เหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
เลือดและชิ้นเนื้อบางส่วนยังแสดงให้เห็นว่าในก่อนหน้านี้ได้มีการต่อสู้อันดุเดือดเกิดขึ้นที่นี่
จากคำพูดของกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งห้าคน แสดงว่าเด็กชายอายุ 15 ปีที่อยู่ในระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณผู้นี้นั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
“ถ้านายหญิงได้รับรู้ข่าวเรื่องนี้ ข้าเกรงว่าข้าวของในบ้านจะต้องพังยับเยินอย่างแน่นอน!”
ชายวัยกลางคนมองหน้ากัน ในหมู่ของพวกเขามีระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณอยู่สองคน และชายอีกสามคนที่เหลือนั้นเป็นนักรบระดับขั้นที่ 9
ในก่อนหน้านี้กลุ่มของพวกเขาได้เคยไล่ล่าเด็กชายผู้นี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ในครั้งนั้นพวกเขาไม่สามารถจับเด็กหนุ่มกลับไปได้
และในคราวนี้พวกเขาได้ยินข่าวมาว่าเด็กชายผู้นี้นั้นปรากฏตัวอยู่ที่เมืองเจียงเฉิง พวกเขาจึงรวมทีมกันออกมาไล่ล่าเด็กชายผู้นี้ แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพวกเขาส่วนใหญ่กลับมาถูกฆ่าตายโดยเด็กชายที่พวกเขาเคยไล่ล่าเหมือนหมาจนตรอกมาแล้วครั้งหนึ่ง
“ไม่ว่าจะอย่างไรก็จะต้องรีบรายงานเรื่องนี้กลับไปให้นายหญิงทราบโดยเร็วที่สุด!”
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเช็ดเหงื่อออกจากบนหน้าผากของเขาในขณะที่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
ในห้องโถงแห่งศิลปะการต่อสู้แห่งหนึ่ง สตรีวัยประมาณ 30 ปีที่ดูสง่างามและสูงศักดิ์ กำลังยืนดูการประลองบนเวทีด้วยรอยยิ้ม ในขณะที่เธอรับสายโทรศัพท์ด้วยวีดีโอคอลล์
“นายหญิงของรับ! เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับนายหญิง!”
ชายวัยกลางคนรายงานข่าวเกี่ยวกับเด็กชายผ่านวีดีโอคอลล์ กับสตรีผู้สูงศักดิ์ด้วยท่าทางที่วิตกกังวล
“อะไรนะ? เจ้าเด็กคนนั้นสามารถหนีรอดไปได้อีกแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
ดวงตาของสตรีผู้สูงศักดิ์คนนั้นเย็นชาขึ้นมาในทันที ในขณะที่จ้องมองไปยังชายวัยกลางคนผ่านหน้าจอโทรศัพท์
“ขะ…ขอรับ!!”
แม้จะคุยกันผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือแต่ชายวัยกลางคนก็สามารถรู้สึกถึงเจตนาสังหารอันน่าสะพรึงกลัวผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือได้เป็นอย่างดี เสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อยในขณะที่กำลังรายงานนายหญิงของเขา
“พวกเราพยายามสกัดกั้นเจ้าเด็กคนนั้นกันอย่างเต็มที่ แต่พวกเราก็ไม่สามารถจะจับตัวมันเอาไว้ได้และพี่น้องของเรายังถูกฆ่าตายไปถึงห้าคนเลยขอรับนายหญิง!”
” อะไรนะ? มีคนมาช่วยมันเอาไว้อย่างนั้นเหรอ?”
สตรีผู้สูงศักดิ์คนนั้นถามออกมาเสียงดังผ่านหน้าจอมือถือ ด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง
“ไม่ครับ! … ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับนายหญิง! เป็น… เป็นเจ้าเด็กบัดซบคนนั้นที่ฆ่าพี่น้องทั้งห้าคนของเราด้วยตัวของมันเองคนเดียว และ… และระดับความแข็งแกร่งของเจ้าเด็กคนนั้นก็อยู่ในระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณแล้วขอรับ!”
“เจ้า! … เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่? มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
เสียงของสตรีผู้นั้นแหลมสูงขึ้นมาในทันที ความสง่างามและความสูงศักดิ์ของเธอถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์
“ไม่เพียง… ไม่เพียงแต่มันจะอยู่ในระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณเพียงเท่านั้น แต่มันยังมีจิตวิญญาณแห่งธาตุไฟอันน่าสะพรึงกลัวอยู่อีกด้วยขอรับ!”
ชายวัยกลางคนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
” ครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณที่มีอายุเพียงแค่ 15 ปี เจ้าแน่ใจแล้วอย่างนั้นหรือว่าเจ้าไม่ได้โกหกข้า!”
สตรีผู้สูงศักดิ์จ้องเขม็งไปยังชายวัยกลางคนผ่านหน้าจอมือถือ ในขณะที่ถามออกมาด้วยเสียงอันดังคล้ายกับแม่ค้าในตลาดสด
“พวกเรามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลยขอรับนายหญิง! และความสามารถทางด้านการต่อสู้ของมันนั้นก็น่ากลัวเป็นอย่างยิ่งเลยอีกด้วยขอรับ!”
ชายวัยกลางคนพยักหน้าตอบกลับไปอย่างหนักแน่นด้วยใบหน้าที่ยังคงซีดเซียว
” ครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณ! มันสามารถก้าวเข้าสู่ระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณได้ด้วยอายุเพียงเท่านี้จริงๆอย่างนั้นหรือนี่!”
สตรีผู้สูงศักดิ์คนนั้นบ่นพึมพำออกมาอย่างเหม่อลอย ในขณะที่เธอจ้องมองไปยังบุตรชายของเธอที่อยู่บนเวทีประลอง
ชายหนุ่มอายุ 18 ปี ที่กำลังยิ้มอย่างหยิ่งผยองอยู่กับคู่ซ้อมบนเวทีของเขา เขาเองก็อยู่ในระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณเช่นเดียวกัน
แต่ถึงกระนั้นกว่าที่บุตรชายของเธอจะสามารถเข้าสู่ระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณได้เขาก็ใช้ทรัพยากรในการบ่มเพาะไปอย่างมากมายมหาศาลเลยทีเดียว
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็ยังขึ้นชื่อได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับสูงเป็นอย่างมาก แม้แต่บรรพบุรุษของตระกูลก็ยังยกย่องบุตรชายของเธอว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์มากที่สุดในตระกูล และมีแนวโน้มว่าจะมอบหมายให้บุตรชายของเธอนั้นได้เป็นผู้นำตระกูลรุ่นต่อไป
“แต่ในขณะนี้เจ้าเด็กชั้นต่ำผู้นั้นที่หนีออกจากตระกูล กลับก้าวเข้าสู่ระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณแล้ว ทั้งๆที่มีอายุเพียงแค่ 15 ปีและไม่ได้รับการสนับสนุนทางด้านทรัพยากรใดๆจากตระกูลเลยแม้แต่น้อย!”
“ไม่ว่าจะอย่างไรเจ้าเด็กบัดซบคนนั้นจะต้องตาย! หากมีคนในตระกูลรู้ว่าเจ้าเด็กชั้นต่ำคนนั้นมีพรสวรรค์มากกว่าฟางเอ๋อของข้า ท่านบรรพบุรุษจะต้องรับมันกลับเข้ามาเป็นทายาทสายตรงของตระกูลแทนฟางเอ๋อของข้าอย่างแน่นอน!”
แววตาของสตรีผู้สูงศักดิ์คนนั้นเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
“ไม่ว่าจะอย่างไรข้าก็จะต้องเร่งมือสังหารมันให้เร็วที่สุด! คงจะไม่สามารถปล่อยเวลาให้เนิ่นนานมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว!” สตรีผู้นั้นยังคงบ่นพึมพำออกมาอย่างต่อเนื่อง
“พวกเจ้าทั้งหมดจงรออยู่ที่เมืองเจียงเฉิงก่อน ข้าจะส่งผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณไปสมทบกับพวกเจ้า!”
สตรีผู้สูงศักดิ์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชากับชายวัยกลางคนผ่านโทรศัพท์มือถือ
“ขอรับนายหญิง!” ชายวัยกลางคนรีบพยักหน้าตอบรับคำสั่งของสตรีผู้สูงศักดิ์ด้วยความหวาดกลัว
หลังจากวางสายแล้ว สตรีผู้สูงศักดิ์คนนั้นก็กำโทรศัพท์ในมือของตัวเองจนแทบจะระเบิด
“ท่านแม่! ฝีมือของข้าในตอนนี้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง ด้วยระดับความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้นั้นพอจะสามารถติดอันดับเทียนเจียวหนึ่งในสิบได้หรือไม่?” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา พูดกับสตรีผู้สูงศักดิ์คนนั้นด้วยท่าทางที่มั่นใจในขณะที่เขาเดินลงมาจากเวทีประลอง
“แน่นอนอยู่แล้ว! ฟางเอ๋อ ลูกชายของแม่เก่งมากที่สุดในยุทธภพอยู่แล้ว ในกลุ่มผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่มีอายุเท่ากัน ลูกชายของแม่มีพรสวรรค์ที่สูงที่สุด มิหนำซ้ำยังมีความหล่อเหลาและสง่างามมากที่สุดอีกด้วย!”
สตรีผู้สูงศักดิ์คนนั้นยิ้มออกมาด้วยดวงตาที่เป็นประกายในขณะที่เธอพูดกับบุตรชายของเธอ
“ในตอนนี้ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเด็กบัดซบเสี่ยวหรัน กับแม่ของมันและน้องสาวของมันนั้นหนีไปอยู่ที่ไหน พวกมันทั้งหมดได้หนีออกไปจากตระกูลของพวกเรามากกว่า 1 ปีแล้ว หากว่าข้าได้พบเจอมันอีกครั้ง ด้วยความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้ข้าก็คงจะสามารถจัดการมันได้ด้วยมือเพียงข้างเดียวอย่างแน่นอน ฮ่าฮ่าฮ่า!”
……….
