กลุ่มพเนจรนั้นไม่มีอาณาเขตเป็นของตัวเอง พวกเขาจะพึ่งพาการปล้นเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์อันมหาศาล
สำหรับกลุ่มพเนจรที่ชั่วร้ายเหล่านี้ กลุ่มกองกำลังจำนวนมากที่อยู่ในทะเลล้วนเกลียดชังพวกเขา โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับขนส่งขนาดใหญ่ผ่านทางเรือ ถ้าพวกเขาไม่จ่ายค่าคุ้มครองพวกเขาก็จะโดนปล้นสินค้าพร้อมกับสังหารคนทั้งหมดที่มากับเรือสินค้า
ความน่ากลัวของกลุ่มพเนจรนั้นกลุ่มโจรสลัดทั่วๆไปไม่สามารถนำมาเทียบได้
“จิ๊ จิ๊ ครบกำหนดเวลา 1 นาทีแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเจ้านั้นตั้งใจจะปฏิเสธเงื่อนไขของพวกข้าอย่างนั้นสินะ ก็ดี! หวังว่าหลังจากนี้พวกเจ้าคงจะไม่คุกเข่าร้องขอความเมตตาหรอกนะ ฮ่าฮ่า!”
เสียงหัวเราะของผู้นำบนเรือสีฟ้าดังก้องไปทั่วทั้งเกาะ
“ไอ้พวกกลุ่มร้อยภูตผีระยำ กลับไปที่ประเทศญี่ปุ่นที่เป็นเกาะเล็กๆของพวกเจ้าเสียเดี๋ยวนี้! ไม่เช่นนั้นข้าจะแจ้งให้กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ในโลกยุทธภพแห่งประเทศจีนออกไล่ล่าพวกเจ้า!”
เสียงคำรามอันทรงพลังและโกรธเกรี้ยวดังขึ้นมาจากด้านหน้าของเกาะ
“ฮ่าฮ่า! อย่าอวดดีให้มันมากนัก ในครั้งก่อนโน้นหากว่าไม่ใช่สัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ผู้พิทักษ์ของประเทศจีนออกมาช่วยเหลือพวกเจ้า ผู้ฝึกตนในประเทศของพวกเจ้าคงจะถูกกวาดล้างจนสิ้นซากไปนานแล้ว!”
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยอย่างดูถูกดังขึ้นมาอีกครั้ง “เอาละ! นี่ก็เลย 1 นาทีไปนานแล้ว! ในเมื่อพวกเจ้าไม่รู้อะไรดีชั่ว เช่นนั้นก็จงตายกันเสียให้หมด!”
บูม บูม บูม!
เมื่อเสียงของผู้นำบนเรือสีฟ้าพูดจบประโยค ใต้ท้องทะเลของเรือสำราญทั้ง 5 ลำก็เกิดสั่นสะเทือนขึ้นมาในทันที
มีกลุ่มนักรบเป็นจำนวนมากอยู่ใต้ท้องทะเลบริเวณที่เรือสำราญจอดอยู่!
“ไอ้พวกบัดซบ! พวกแกทั้งหมดจะต้องตาย!” เมื่อกลุ่มคนในกองกำลังซิงไป๋เห็นเรือสำราญของพวกเขาถูกโจมตีโดยกลุ่มนักรบหน้ากากคาบูกิของกองกำลังร้อยภูตผีที่อยู่ใต้ท้องทะเล พวกเขาก็รีบพุ่งทะยานออกไปต่อสู้กับกลุ่มกองกำลังร้อยภูตผีด้วยความโกรธ
“จิ๊ จิ๊! อยากตายเร็วกันมากขนาดนั้นเลยหรืออย่างไร ฮ่าฮ่า แต่ก็เอาเถอะข้าจะให้พวกเจ้าได้สมหวัง!” ชายที่สวมหน้ากากอยู่บนเรือลำสีฟ้าที่มีลักษณะคล้ายผู้นำหัวเราะออกมาอย่างดูถูกก่อนที่เขาจะยกดาบในมือของเขาขึ้นสูงพร้อมกับตะโกนออกมา
“ฆ่าพวกมันให้หมด!”
ในทันใดนั้นเหล่านักรบที่สวมหน้ากากคาบูกิของกองกำลังร้อยภูตผีบนเรือสีฟ้าก็กระโดดเข้าไปต่อสู้กับคนของกองกำลังซิงไป๋บนเรือสำราญ
ในคืนที่มืดมิดการต่อสู้ของกองกำลังร้อยภูตผีเหมือนกับเหล่าภูตผีสมชื่อของพวกเขา ร่างกายของพวกเขานั้นเป็นเงาดำผสานไปกับความมืดคล้ายกับหมอกควันดูเหมือนกับว่าพวกเขานั้นไม่มีตัวไม่มีตน
“โอ้พระเจ้า! เรือสำราญกำลังจะจมแล้ว!
“ทุกคนรีบขึ้นไปที่เกาะเร็วเข้า! รีบไปเดี๋ยวนี้เลย!”
“แบ่งนักรบบางส่วนไปช่วยอพยลูกค้าที่อยู่บนเรือสำราญไปที่เกาะ! ปฏิบัติตามคำสั่งในทันที!”
ในขณะนั้นเรือสำราญทั้งห้าลำที่อยู่รอบๆเกาะก็เริ่มส่ายไปมาอย่างรุนแรงและน้ำทะเลก็เริ่มไหลเข้ามาที่ใต้ท้องเรือสำราญอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าน้ำทะเลบริเวณรอบๆเกาะจะไม่ลึกมากนัก แต่มันก็ยังสามารถท่วมเรือสำราญได้ถึงครึ่งลำเลยทีเดียว
กลุ่มหัวหน้ากองกำลังซิงไป๋ยืนออกคำสั่งเสียงดังอยู่หน้าเรือสำราญ
“พวกมันสามารถระเบิดใต้ท้องเรือสำราญจากก้นทะเลได้จริงๆ!”
เสียงอันเกรี้ยวกราดของกลุ่มกองกำลังซิงไป๋ตะโกนกันออกมาอย่างโกรธแค้น
“พวกเราก็ลงไปที่เกาะด้วยเถอะ!” หวังเสียนหันไปพูดกับกลุ่มสาวๆด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขากระโดดนำสาวๆไปที่เกาะ
กลุ่มของหวังเสียนนั้นไม่ได้เกรงกลัวว่าจะได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ พวกเขาเพียงแค่ต้องการมองดูเหตุการณ์อย่างใกล้ๆก็เท่านั้น
บริเวณหน้าหาดรอบๆเกาะมีกลุ่มนักรบและกลุ่มมหาเศรษฐีทยอยหลบเข้ามาบนเกาะอย่างต่อเนื่อง
“ดูนั่น! ฝ่ายซิงไป๋กำลังจะพ่ายแพ้แล้ว!”
“กองกำลังของทางด้านซิงไป๋มีเพียงผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นกลาง 2 คนเพียงเท่านั้นที่คอยปกป้องอยูบนเกาะนี้ แต่ว่ากันว่าผู้นำของกองกำลังพเนจรร้อยภูตผีงั้นอยู่ในระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นสูง มิหนำซ้ำเขายังสำเร็จวิชาดาบขั้นสูงอีกด้วย!”
ชาวยุทธวัยกลางคนสองคนที่เป็นเจ้าของที่ดินบนเกาะ กำลังพูดคุยกันด้วยความวิตกกังวล
แต่ระหว่างนั้นการต่อสู้ของฝ่ายซิงไป๋กับกองกำลังร้อยภูตผีก็กำลังอยู่ในช่วงที่ดุเดือด นักรบของทั้งสองฝ่ายนั้นเสียชีวิตรวมกันหลายสิบคน
แต่ฝ่ายของกองกำลังพเนจรร้อยภูตผีนั้นดูเหมือนว่าจะมีประสบการณ์การต่อสู้ที่เหนือกว่าฝ่ายกองกำลังซิงไป๋
หลังจากเกิดการต่อสู้ได้ไม่นานนักนักรบของกองกำลังซิงไป๋ก็เริ่มล้มตายลงมากกว่าทางด้านของกองกำลังร้อยภูตผี
ความได้เปรียบและความเสียเปรียบของการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นเริ่มแสดงออกให้เห็นได้อย่างชัดเจน
หลังจากนั้นเสียงกรีดร้องของกองกำลังฝ่ายซิงไป๋ ก็ทยอยดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พร๊วดดด!
“เฒ่าหวู่!”
ในขณะนั้นเองหนึ่งในสองผู้แข็งแกร่งระดับก่อกำเนิดลมปราณของกองกำลังซิงไป๋ ก็กระอักเลือดออกมา สหายของเขาตะโกนร้องเรียกชื่อเขาด้วยความตกใจ
“จิ๊ จิ๊ จิ๊! มีเพียงแค่พวกเจ้าสองคนที่อยู่เพียงในระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นกลางเท่านั้น แต่กลับกล้าคิดจะมาหยุดข้าอย่างนั้นรึ ฮึๆๆ!”
ชายสวมหน้ากากที่เป็นผู้นำกลุ่มของฝ่ายกองกำลังพเนจรร้อยภูตผี หัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่าสะพรึงกลัว
“ไปตายซะ!
ชายวัยกลางคนระดับก่อกำเนิดลมปราณอีกคนหนึ่งของฝ่ายกองกำลังซิงไป๋ตะโกนออกมาอย่างดุร้ายพร้อมกับยิงหมัดไปยังชายสวมหน้ากากอย่างรุนแรง
ตูมมมมม!
ซ่าาาาาา!
แต่เมื่อพลังหมัดของชายวัยกลางคนกำลังจะกระทบกับร่างกายของชายสวมหน้ากากคลื่นพลังหมัดของชายวัยกลางคนก็ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนและไประเบิดน้ำทะเลที่อยู่ทางด้านหลังของชายสวมหน้ากากจนน้ำทะเลเกิดระเบิดขึ้นอย่างแรง และพร้อมกันนั้นชายวัยกลางคนก็ถูกคลื่นพลังกระแทกจนตกน้ำทะเลลงไปอีกด้วย
“ไอ้บัดซบ! ข้าจะแลกชีวิตกับเจ้า!”
ชายวัยกลางคนที่กระอักเลือดคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว ในขณะที่เขาปลดปล่อยพลังของเขาออกมาอย่างเต็มที่
บรึมมมม!
ผู้นำของกองกำลังร้อยภูตผีแสดงสีหน้าเยาะเย้ยอยู่ภายใต้หน้ากากของเขา แสงสีฟ้าอันน่ากลัวกลายเป็นคลื่นดาบขนาดใหญ่ฟันไปที่ชายวัยกลางคนจนเขากระเด็นไปตกที่ชายหาดของเกาะ เลือดทะลักออกมาจนท่วมตัวของเขาจนไม่ทราบว่าเป็นหรือตาย
“นักบวชดำ, จิ้งหรีดม่วง, ตัวตุ่นเลือดและลิ้นแดง พวกเราไปจับปลาตัวใหญ่กันเถอะ ส่วนพวกเจ้าที่เหลือไปที่เรือสำราญทั้ง 5 ลำขนเอาสมบัติที่อยู่ในนั้นออกมาให้หมด ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ผู้นำของกองกำลังร้อยภูตผีตะโกนสั่งงานลูกน้องของเขาด้วยเสียงหัวเราะ
นักรบหลายสิบคนของกองกำลังร้อยภูตผีรีบวิ่งไปที่เรือสำราญทั้ง 5 ลำด้วยความกระตือรือร้นในทันที
ในเรือสำราญลำใหญ่ที่สุดนั้นเป็นเรือสำหรับประมูลสินค้า ในเรือลำนั้นมีสมบัติที่มีค่าอยู่อย่างมากมาย
หลังจากนั้นผู้นำของกองกำลังร้อยภูตผีและคนสนิทของเขากว่าสิบคนก็ลงมาหยุดยืนอยู่ที่ชายหาด พวกเขาก็กวาดสายตาจ้องมองไปยังทุกคนบนเกาะด้วยความเย็นชาราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังจ้องมองเหยื่อของมัน
“ผู้ฝึกตนของฝ่ายซิงไป๋ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของกลุ่มร้อยภูตผีได้แล้ว!”
“รีบหนีกันเถอะ! เป้าหมายของคนพวกนี้น่าจะเป็นพวกเราและกลุ่มมหาเศรษฐีคนอื่นๆที่อยู่บนเกาะ!”
“หนีงั้นรึ! เกาะเล็กๆแค่นี้เจ้าจะให้พวกเราหนีไปที่ไหน? ข้าจะยอมจำนนและใช้เงินแลกกับชีวิตของข้า!”
“นั่นมันก็แล้วแต่เจ้าเถอะ! ข้าได้ยินมาว่ากลุ่มร้อยภูตผีนั้นโหดร้ายมาก หากโชคร้ายเจ้าอาจจะได้ตายก่อนที่จะยอมจำนนก็ได้!”
เมื่อผู้คนบนเกาะเห็นกลุ่มพเนจรร้อยภูตผีบุกทะลวงฝ่าแนวป้องกันของกองกำลังซิงไป๋ขึ้นมาบนเกาะได้อย่างง่ายดาย พวกเขาก็เริ่มหนีเอาชีวิตรอดกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย และยังมีบางคนที่รีบนั่งคุกเข่าเอามือประสานไว้ที่หัวแสดงออกถึงการยอมจำนน
ผู้ฝึกตนบางคนที่มีระดับการบ่มเพาะที่สูง พวกเขารีบวิ่งหนีไปบนผิวน้ำทะเลและออกจากเกาะไปในทันที
ความหมายของการจับปลาย่อมหมายถึงการกำหนดเป้าหมายไปที่ผู้ฝึกตนและกลุ่มคนธรรมดาที่ร่ำรวย คนกลุ่มนี้นั้นถือได้ว่าเป็นปลาตัวใหญ่สำหรับพวกเขาเลยทีเดียว
และหากมีผู้ที่พกสมบัติติดตัวมามากมายพวกเขาก็จะโดนสังหารและปล้นชิงอย่างโหดร้ายในทันที
ตูมมมม!
อ๊ากกกกก!
เสียงคล้ายระเบิดและเสียงกรีดร้องดังขึ้นจากทะเลในจุดที่กลุ่มผู้ฝึกตนหนีออกไป
“จิ๊ จิ๊ จิ๊ คิดจะหนีอย่างนั้นรึ? ฮ่าฮ่า พวกเจ้าคิดว่าจะสามารถหนีรอดจากเงื้อของพวกข้าในเขตท้องทะเลได้จริงๆอย่างนั้นรึ ฮ่าฮ่า!?”
เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งดังไปทั่วทั้งเกาะ นักรบของกลุ่มพเนจรร้อยภูตผีหลายสิบคนก็พุ่งทะยานขึ้นมาจากใต้ทะเลเพื่อโจมตีเหล่าผู้ฝึกตนที่หนีออกจากเกาะ
อ๊ากกกกก!
ในตอนนี้เหล่านักรบที่สวมหน้ากากคาบูกิของกลุ่มพเนจรร้อยภูตผีได้ล้อมรอบเกาะท่องเที่ยวแห่งนี้จากทุกทิศทุกทาง นักรบบางคนในกลุ่มของพวกเขายังตรงเข้าไปสังหารมหาเศรษฐีคนธรรมดาด้วยความโหดเหี้ยม
“เริ่มการจับปลาได้แล้ว!”
หลังจากสิ้นเสียงของผู้นำกลุ่มพเนจรร้อยภูตผี เหล่านักรบหน้ากากนับร้อยคนก็ค่อยๆก้าวเดินเข้าไปหาคนบนเกาะด้วยท่าทางที่ดุร้าย
นักรบหน้ากากบางคนก็เริ่มฉุดกระชากหญิงสาวที่หน้าตางดงามออกไปด้วยท่าทางที่หื่นกระหาย
“คนพวกนี้นั้นไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน!”
เมื่อซุนหลิงซิ่วเห็นการกระทำของนักรบแห่งกองกำลังพเนจรร้อยภูตผี ดวงตาของเธอก็เต็มเปี่ยมไปด้วยเจตนาสังหารอันรุนแรงในทันที
“ฮึ! อย่านำพวกมันไปเทียบกับสัตว์เดรัจฉานเลย! พวกมันต่ำชั้นกว่าสัตว์เดรัจฉานมากยิ่งนัก สมควรจะต้องตายเสียให้หมด!”
หวังเสียนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา หลังจากนั้นเขาก็พุ่งตรงไปยังนักรบหน้ากากคาบูกิที่อยู่ตรงหน้าเขา
“จับปลางั้นรึ! ข้าจะทำให้พวกเจ้ากลายเป็นอาหารปลาเอง!”
เสี่ยวหยูพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น ในที่สุดเธอก็จะสามารถทดสอบความแข็งแกร่งของเธอที่พึ่งจะเลื่อนระดับขึ้นมาได้อย่างเต็มที่เสียที
ลมหายใจของเธอนั้นค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เกราะกระดูกสีดำแวววาวปรากฏขึ้นบนร่างกายของเธอในทันที
หลังจากนั้นบนฝ่ามือของเธอก็ปรากฏกระบี่ยาวขึ้นมา ด้ามของกระบี่นั้นเป็นสีดำสนิทและมีรูปหัวมังกรสลักเอาไว้ที่ตรงส่วนท้ายของด้าม ส่วนตัวของคมกระบี่นั้นเป็นสีแดงเพลิงคล้ายกับลาวาหลอมเหลวดูแล้วน่ากลัวเป็นอย่างมาก
ดวงตาของเธอนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเย็นชาของนักฆ่า เจตนาสังหารอันรุนแรงทำให้บรรยากาศรอบๆหนาวเย็นลงในทันที เธอค่อยๆเดินเข้าไปหานักรบหน้ากากคาบูกิคนที่ฉุดหญิงสาวเข้าไปที่มุมมืดอย่างช้าๆ
………..