ตอนที่ 415 สร้างฐานอำนาจบนผืนแผ่นดินใหญ่!
.
เตาปรุงยาโบราณระดับที่ 5 สามารถรองรับการหลอมกลั่นและปรุงยา ตั้งแต่เม็ดยาจิตวิญญาณระดับที่ 1 จนถึงเม็ดยาจิตวิญญาณระดับที่ 5
เตาปรุงยานั้นมีค่ามากกว่าเครื่องมือจิตวิญญาณชนิดอื่นๆ และบางทีเตาปรุงยาระดับสูงอาจจะมีค่ามากกว่าอาวุธวิญญาณระดับก่อกำเนิดจิตวิญญาณด้วยซ้ำไป
แต่ความต้องการของเตาปรุงยานั้นก็ต่ำเป็นอย่างมาก เพราะว่าเตาปรุงยานั้นจะไม่มีประโยชน์อันใดต่อผู้ฝึกตนที่ไม่มีความสามารถทางด้านการหลอมกลั่นและปรุงยา
ในสมัยโบราณผู้ฝึกตนที่มีความสามารถในการหลอมสร้างจึงไม่นิยมสร้างเตาปรุงยาออกมามากนัก เพราะว่าเตาสำหรับการปรุงยานั้นสร้างออกมาได้ยากและต้องใช้สินแร่ที่สำคัญอย่างมากมายในการขึ้นรูปและหลอมสร้างมันออกมา
มิหนำซ้ำยังต้องใช้ผู้ที่มีความสามารถทางด้านจิตวิญญาณลงอักขระอาคมสร้างการก่อตัวเป็นวงเวทย์อาคมไว้ภายในเตาปรุงยาอีกด้วย และที่สำคัญที่สุดคือเตาปรุงยาขายออกไปได้ยากและมีผลกำไรค่อนข้างน้อย
ฉะนั้นปรมาจารย์ในการหลอมสร้างสมัยโบราณจึงรับสร้างเตาปรุงยาตามความต้องการของลูกค้าเพียงเท่านั้นและพวกเขาจะคิดค่าใช้จ่ายในราคาที่สูงเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
ซึ่งแตกต่างจากอาวุธวิญญาณและชุดเกราะวิญญาณ ที่สร้างออกมาเมื่อไหร่ก็สามารถขายออกไปได้อย่างรวดเร็วและมีผลกำไรค่อนข้างสูง
นี่จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ในยุคปัจจุบันนี้การหาเตาสำหรับการปรุงยานั้นหาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง
“เตาหลอมกลั่นสำหรับการปรุงยา?”
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังเสียน ชายวัยกลางคนร่างท้วมก็หรี่ตาที่แสนจะตี่ของเขาลงอีกเล็กน้อย และพูดทวนคำของหวังเสียนออกมาด้วยความสงสัย
เห็นได้ชัดเลยว่าเตาสามขาที่สูงประมาณครึ่งเมตรเตานี้นั้นมันคือกระถางธูปโบราณในสายตาของเขา เขาไม่รู้ว่าการหลอมกลั่นและการปรุงยาคืออะไร แต่ในประวัติศาสตร์ของชนชาติจีนนั้นเตา 3 ขามีไว้เพื่อประกอบพิธีกรรมตามศาสนาหรือตามความเชื่อของลัทธิต่างๆ ในสมัยโบราณ ซึ่งโดยส่วนมากเตา 3 ขาประเภทนี้นั้นมีไว้ใช้สำหรับการจุดธูป การเผาประทีป การบูชาเครื่องหอมหรือเผาสิ่งของอันมีค่าต่างๆเพื่อเป็นการเซ่นสังเวยและบูชาเหล่าเทพเจ้า
ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่ากระถางธูปโบราณใบนี้นั้นมีลวดลายแปลกๆ และสามารถส่งอุณหภูมิอุ่นๆออกมาได้เล็กน้อยตลอดเวลา ผู้นำตระกูลซุนคงจะโยนมันทิ้งไปนานแล้ว
“ใช่! เตาสามขาใบนี้นั้นคือเตาปรุงยาอย่างแน่นอน!”
หวังเสียนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มือของเขาตบเบาๆ ไปที่มุมของเตาปรุงยาอย่างหลงไหล
พรึบบบบ!
เปลวไฟต้นกำเนิดลุกโชนออกจากมือของหวังเสียน หลังจากนั้นเขาก็ส่งเปลวไฟต้นกำเนิดเข้าไปในเตาปรุงยา
บูมมม!
ทันใดนั้นก็เกิดเปลวไฟสีแดงพวยพุ่งออกมาจากเตาปรุงยาราวกับว่าเปลวไฟนั้นมีชีวิต และดูเหมือนว่าเตาปรุงยาจะพร้อมจะใช้งานได้ทุกเมื่อ
ถึงแม้ว่าเปลวไฟสีแดงจะสว่างเจ้าออกมาแต่อุณหภูมิโดยรอบนั้นก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เฉพาะแค่ภายในเตาปรุงยาเท่านั้นที่มีอุณหภูมิเพิ่มมากขึ้น
เมื่อหวังเสียนขยับมือของเขาเล็กน้อยเตาปรุงยาก็ลอยขึ้นไปในอากาศ หลังจากนั้นเขาก็ขยับมือของเขาด้วยท่าทางที่แปลกประหลาด
ปังงง!
มีเสียงคล้ายกับเสียงของประทัดขนาดเล็กดังขึ้นภายในเตาปรุงยา หวังเสียนมองเข้าไปภายใน เขาเห็นช่องว่างที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับลำเรือขนาดเล็ก 25 ช่องปรากฏขึ้นด้านในของเตาปรุงยา
ช่องว่างที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับลำเรือทั้ง 25 ช่องนั้นส่องประกายแสงสีอ่อนๆ ออกมา ซึ่งเป็นร่องรอยของการผ่านการหลอมกลั่นสมุนไพรจิตวิญญาณชั้นสูงมาอย่างมากมาย
การหลอมกลั่นสมุนไพรจิตวิญญาณเพื่อสร้างให้เป็นน้ำยาจิตวิญญาณ ก่อนจะควบแน่นให้เป็นเม็ดยาจิตวิญญาณระดับ 5 จะต้องใช้สมุนไพรจิตวิญญาณมากถึง 25 ชนิด และช่องว่างทั้ง 25 ช่องนั้นก็คือช่องสำหรับบรรจุสมุนไพรจิตวิญญาณ
แต่นี้ก็ยังแสดงถึงขีดจำกัดของระดับการหลอมกลั่นและปรุงยาของเตาปรุงยาใบนี้อีกด้วย
ซุนหลงเซวียนและชายหนุ่มอีกสองคนเดินตามเข้ามาในห้องพิเศษ พวกเขาต่างอ้าปากค้างกันในทันทีเมื่อเห็นเตาปรุงยาลอยอยู่ตรงหน้าของหวังเสียน
พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานของเปลวไฟอันน่าสะพรึงกลัวที่ออกมาจากเตาปรุงยาได้
ภายในห้องพิเศษกลุ่มนักธุรกิจชนชั้นสูงและกลุ่มผู้ฝึกตนระดับผู้อาวุโสของกองกำลังต่างๆในมณฑลทางตอนใต้ ต่างก็อยู่ในความตกตะลึงเช่นเดียวกันเมื่อพวกเขาเห็นเปลวไฟสีแดงที่พุ่งออกมาจากเตาปรุงยา
“ยอดเยี่ยมมาก! เตาปรุงยาใบนี้ถือได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมากเลยทีเดียว!”
หวังเสียนยิ้มออกมา หลังจากนั้นเขาก็สะบัดมือเบาๆและวางเตาปรุงยาลงบนพื้นอย่างนุ่มนวล
“นี่คือเม็ดยาจิตวิญญาณระดับสาม 10 เม็ดและเม็ดยาจิตวิญญาณระดับสองอีก 10 เม็ด ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับเตาปรุงยาของท่าน และต่อไปในอนาคตหากว่าท่านมีสมุนไพรจิตวิญญาณที่ต้องการจะปรับแต่งเป็นเม็ดยาจิตวิญญาณ ข้าจะปรับแต่งเม็ดยาให้แก่ท่านโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายสามครั้ง!”
หวังเสียนส่งเม็ดยาจิตวิญญาณระดับสองและระดับสามให้แก่ผู้นำตระกูลซุนโดยตรง พร้อมกับสัญญาว่าจะปรับแต่งและปรุงยาให้แก่เขาโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนสามครั้ง
“อะไรนะ!! เม็ดยาจิตวิญญาณระดับสองและระดับสามอย่างละ 10 เม็ดอย่างนั้นหรือ?” ผู้นำตระกูลซุนตะโกนออกมาด้วยความตื่นตกใจ เขารู้คุณค่าของเม็ดยาจิตวิญญาณพวกนี้เป็นอย่างดี หากว่าตีเป็นมูลค่าเงินหยวนมันคงจะมีมูลค่าหลายหมื่นล้านหยวนเลยทีเดียว
และที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือต่อมีเงินก็คงจะไม่สามารถหาซื้อมาได้
ซุนหลงเซวียนเห็นเม็ดยาจิตวิญญาณที่อยู่ในมือของบิดาของเขา ลมหายใจของเขาก็ร้อนแรงขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยกินเม็ดยาจิตวิญญาณมาก่อน แต่เขาก็รู้และเข้าใจถึงมูลค่าของเม็ดยาจิตวิญญาณได้เป็นอย่างดี
การที่หมอเทวะหวังสามารถมอบเม็ดยาจิตวิญญาณ 20 เม็ดออกมาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ย่อมแสดงว่าทรัพยากรการบ่มเพาะของเขานั้นต้องน่ากลัวเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
“ไม่ๆ! ข้าไม่สามารถรับสิ่งเหล่านี้จากท่านหมอเทวะหวังได้จริงๆ สิ่งนั้นเป็นเพียงแค่กระถางธูปโบราณในสายตาของข้าเพียงเท่านั้น และมันคงจะอยู่อย่างไร้ประโยชน์ต่อไปอีกนานหากยังอยู่ในมือของข้า ในเมื่อท่านหมอเทวะหวังสามารถค้นพบได้ว่าสิ่งนี้นั้นคือเตาปรุงยาโบราณ ข้าจึงขอมอบเตาปรุงยาใบนี้ให้แก่ท่านโดยตรง และข้าคงจะไม่กล้ารับเม็ดยาจิตวิญญาณที่มีมูลค่ามากมายมหาศาลเช่นนี้จากท่านได้!”
ผู้นำตระกูลซุนรีบส่ายหัวและโบกมือไปมาปฏิเสธที่จะรับเม็ดยาจิตวิญญาณจากหวังเสียนด้วยความร้อนรน
“รับไปเถอะ! ข้าได้พูดเอาไว้แล้วว่าข้าจะไม่เอาเปรียบท่านอย่างแน่นอน เตาปรุงยาโบราณใบนี้นั้นมีค่ามากกว่าเม็ดยาทั้ง 20 เม็ดนี้เป็นอย่างมาก ฉะนั้นข้าจึงได้เพิ่มข้อเสนอโดยการจะปรับแต่งเม็ดยาให้แก่ท่านฟรีๆ 3 ครั้ง!”
หวังเสียนโบกมือและหันไปพูดกับผู้นำตระกูลซุนด้วยสีหน้าที่จริงจัง
เม็ดยาจิตวิญญาณระดับสองและระดับสามนั้นไร้ประโยชน์สำหรับตัวเขาและกลุ่มคนของเขา นอกจากเม็ดยาจิตวิญญาณระดับสี่และระดับห้าแล้ว เม็ดยาที่ต่ำกว่านั้นถือได้ว่าไม่อยู่ในสายตาของเขา
“เอ่อ!… แต่นี่มัน… ดูไม่ค่อยจะเหมาะสมจริงๆนะขอรับท่านหมอเทวะหวัง!”
ผู้นำตระกูลซุนยังคงอยากจะปฏิเสธหวังเสียน แต่เมื่อเขาเห็นว่าหวังเสียนแสดงสีหน้าที่จริงจังออกมาเขาก็ไม่กล้าปฏิเสธอีกต่อไป
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ต้องขอขอบคุณท่านหมอเทวะหวังเป็นอย่างมาก! ฉะนั้นหากท่านหมอเทวะหวังถูกใจสิ่งใดที่อยู่ในห้องนี้ท่านหมอเทวะหวังสามารถหยิบออกไปได้ตามใจชอบถือว่ามันเป็นของขวัญแห่งมิตรภาพระหว่างเรา!”
ผู้นำตระกูลซุนพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาชี้ไปยังสิ่งของทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะ
หวังเสียนกวาดตามองไปยังสิ่งของทั้งหมดและส่ายหัวเบาๆ
เตาปรุงยาโบราณใบนี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งของที่ดีที่สุดที่อยู่ในห้องนี้แล้ว ส่วนสิ่งของอื่นๆสำหรับเขานั้นถือได้ว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำและไม่เป็นที่ต้องการสำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นก็ถึงเวลาสำหรับการนำสิ่งของต่างๆของบุคคลในห้องพิเศษมาแลกเปลี่ยนกันตามความพึงพอใจของแต่ละฝ่าย ในบรรดาสิ่งของเหล่านั้นมีสิ่งที่พอจะดูได้ในสายตาของหวังเสียนเพียงแค่ไม่กี่รายการ
และสิ่งของที่เขาสนใจนั่นก็คือสิ่งที่ซุนหลงเซวียนนำออกมา
ปีกโลหะสีดำปนเทาที่สร้างมาจากแร่โลหะระดับ 8 มันสามารถทำให้ผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับขั้นนักรบสามารถบินขึ้นไปในท้องฟ้าได้
ปีกโลหะถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์เสริมที่ค่อนข้างจะดีมากเลยทีเดียว มันใช้พลังลมปราณเพียงน้อยนิดในการขับเคลื่อน และในการบังคับทิศทางก็เพียงแค่ขยับกล้ามเนื้อบริเวณส่วนที่สวมใส่ปีกอยู่เพียงเท่านั้น
“พี่ใหญ่หวังเสียน! ฝีมือในการประดิษฐ์ยุทธภัณฑ์ของข้าใช้ได้หรือไม่ขอรับ! ปีกโลหะชิ้นนี้ข้าต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการสร้างมันขึ้นมา!”
“พี่สะใภ้ขอรับ! ดูสร้อยข้อมือเส้นนี้สิขอรับ มันสามารถเปลี่ยนเป็นถุงมือใช้สำหรับการต่อสู้ได้เพียงแค่กดปุ่มโลหะตรงสร้อยข้อมือเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!”
ซุนหลงเซวียนที่ยืนอยู่ข้างๆ หวังเสียนและหลานชิงเยว่ หันไปพูดคุยกับพวกเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง เหมือนกับว่าตัวเขาเองนั้นเป็นน้องชายคนเล็กของหวังเสียน
พฤติกรรมของเขาในตอนนี้นั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากชายหนุ่มที่เย่อหยิ่งและอวดดีกลายมาเป็นเด็กชายตัวน้อยที่คอยวิ่งเอาอกเอาใจหวังเสียนและหลานชิเยว่อยู่ตลอดเวลา
อาจจะเป็นเพราะว่าตัวเขานั้นเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของผู้นำตระกูลซุนและถูกเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เล็กตัวเขานั้นจึงมีความอวดดีและหยิ่งยโสอยู่ในตัวตลอดเวลา
แต่เมื่อเขาได้พบเจอกับผู้ที่อยู่เหนือกว่าเขาอย่างแท้จริงตัวเขาก็แสดงตัวตนอันแท้จริงของเขาออกมา บางทีตัวเขาอาจจะมีความปรารถนาอยู่ในใจลึกๆที่ต้องการจะมีพี่ชายที่แข็งแกร่งอย่างเช่นหวังเสียนอยู่นานแล้วก็เป็นได้
การแสดงออกที่เขามีต่อหวังเสียนในตอนนี้นั้นจึงมีแต่ความเคารพและชื่นชมอย่างจริงใจ อาจจะถึงขั้นเรียกได้ว่าเทิดทูนอย่างคลั่งไคล้เลยทีเดียว
หวังเสียนยิ้มออกมาบางๆ และพยักหน้าเห็นด้วยกับความสามารถในการสร้างสิ่งประดิษฐ์ของเขา
“น้องชายเจ้ารู้จักวิธีการหลอมสร้างด้วยอย่างนั้นหรือ!”
“การหลอมสร้าง? ไม่ขอรับพี่ใหญ่! สิ่งเหล่านี้นั้นไม่ถือว่าเป็นการหลอมสร้างในแบบสมัยโบราณได้ สิ่งที่ข้าประดิษฐ์ขึ้นมานั้นถือได้ว่าเป็นมรดกงานฝีมือทางช่างของท่านปรมาจารย์หลูปันเพียงเท่านั้น!”
ซุนหลงเซวียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบคำถามของหวังเสียน
มันแตกต่างจากการหลอมสร้างและปรับแต่งในแบบของปรมาจารย์สมัยโบราณ หลักการที่เขาสร้างขึ้นมานั้นเพียงแค่ใช้เครื่องมือสมัยใหม่ในการนำชิ้นส่วนต่างๆที่ถูกขึ้นรูปเอาไว้แล้วนำมาประกอบกันเพียงเท่านั้น
ยุทธภัณฑ์ที่เขาได้กล่าวเอาไว้แล้วในตอนต้นนั้นมีลักษณะคล้ายกับการประกอบมอเตอร์หรือรถยนต์โดยการนำชิ้นส่วนต่างๆมาประกอบกันเท่านั้นเอง
“ช่างฝีมือหรือ? มันก็คล้ายกันไม่ใช่หรอกหรือ เพียงแต่เจ้าไม่ได้ผ่านกระบวนการหล่อหลอมและขึ้นรูปโลหะด้วยตัวเองเพียงเท่านั้น!” หวังเสียนแสดงความคิดเห็นออกมา
“ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับพี่ใหญ่! ถึงแม้ว่างานของช่างฝีมือนั้นจะนับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการหลอมสร้าง แต่ถ้าให้เทียบกันจริงๆแล้วกลุ่มงานช่างฝีมือนั้นอาจจะมีความสามารถไม่ถึง 1 ใน 10 ส่วนของปรมาจารย์หลอมสร้างที่แท้จริงได้ เพราะงานช่างฝีมือนั้นคล้ายกับคนงานประกอบรถยนต์ ที่ทำตามสิ่งที่ได้กำหนดเอาไว้อยู่แล้ว เพียงแค่นำชิ้นส่วนต่างๆนำมาประกอบกันตามต้นแบบเท่านั้นเอง!” ซุนหลงเซียนอธิบาย
“ระดับความสามารถของปรมาจารย์หลอมสร้างในสมัยโบราณนั้นมีความสามารถที่สูงล้ำเป็นอย่างมาก พวกเขานั้นต้องรู้จักจุดเด่นจุดด้อยของแร่ธาตุและแร่โลหะต่างๆ พวกเขาต้องออกแบบยุทธภัณฑ์รวมถึงต้องหลอมรวมแร่หลากหลายชนิดตามอัตราส่วนให้ได้อย่างแม่นยำ และต้องผนวกจิตวิญญาณของอาวุธเข้าไปอีก ดังนั้นการจะเป็นปรมาจารย์หลอมสร้างได้นั้นจะต้องผ่านขั้นตอนการศึกษามาเป็นอย่างดีโดยใช้เวลาอย่างมากมายกว่าจะสามารถก้าวเข้าสู่การเป็นผู้หลอมสร้างขั้นต้นได้ ไม่ใช่ว่าใครๆก็จะสามารถเป็นได้อย่างง่ายๆ!” ซุนหลงเซวียนอธิบายเพิ่มเติม
หลังจากที่หวังเสียนได้ฟังคำอธิบายของซุนหลงเซวียน เขาก็พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้และคิดใคร่ครวญอะไรบางอย่างอยู่ในใจอย่างเงียบๆ
‘การที่ข้าจะสามารถอัพเกรดเพิ่มระดับของวังมังกรให้เป็นวังมังกรศักดิ์สิทธิ์ระดับ 2 ได้นั้นจะต้องใช้สิ่งประดิษฐ์ระดับ 9 ขึ้นไปนับพันชิ้น ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงจะต้องศึกษาวิธีการหลอมสร้างยุทธภัณฑ์ด้วยตัวเองเสียแล้วล่ะ!’
หลังจากที่อยู่พูดคุยกับกลุ่มชนชั้นสูงในห้องพิเศษอยู่ได้ไม่นาน หวังเสียนและหลานชิงเยว่ก็กลับไปที่เมืองเจียงเฉิงกันในตอนเย็น
เมื่อพวกเขามาถึงเมืองเจียงเฉิง ก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว
หลังจากที่ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงในการช่วยหลานชิงเยว่สำรวจทุกจุดบนร่างกายของเธอบนเตียง หลานชิงเยว่ก็นอนหลับไหลไปด้วยความอ่อนเพลีย
ส่วนตัวของหวังเสียนนั้นเขาเดินลงไปที่ทะเลเพื่อไปที่เกาะลอยน้ำของเขา
“ถวายพระพรองค์ราชามังกร!”
โม่ชิงหลงและโม่หยวนที่อาศัยอยู่บนเกาะลอยน้ำต่างรู้สึกได้ถึงการมาถึงของหวังเสียน พวกเขาต่างรีบออกมาต้อนรับพร้อมกับคุกเข่าลงทำความเคารพองค์ราชาของพวกเขาในทันที
“อืมม! ลุกขึ้นเถอะอย่ามากวิธีไปเลย!”
หวังเสียนผายมือออกมาเป็นการบ่งบอกให้พวกเขาลุกขึ้นทำตัวตามสบายและไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์พูดกับเขาเหมือนกับกลุ่มของสาวกแห่งวังมังกรใต้ท้องทะเล เพราะอสูรทะเลซึ่งเป็นสาวกแห่งวังมังกรเหล่านั้นอยู่ภายใต้ระบบศักดินาของวังมังกรศักดิ์สิทธิ์โดยตรง
“ในตอนนี้กลุ่มนักรบมังกรอยู่ในระดับก่อกำเนิดลมปราณกันแล้วกี่คน?” หวังเสียนหันไปถามโม่หยวน
“ในตอนนี้นักรบมังกรที่ทะลวงผ่านเข้าสู่ขอบเขตของระดับก่อกำเนิดลมปราณมีทั้งหมด 13 คนขอรับองค์ราชา ส่วนกลุ่มนักรบมังกรที่เหลือนั้นน่าจะใช้เวลาไม่นานหลังจากนี้ขอรับ!” โม่หยวนตอบ
“ภายใน 20 วันนี้ เหล่านักรบมังกรทั้งหมดจะสามารถเข้าสู่ระดับก่อกำเนิดลมปราณได้หรือไม่?” หวังเสียนถามออกมาอีกครั้ง
“คงจะอยู่ในช่วงเวลานี้อย่างแน่นอนขอรับ!” โม่หยวนพูดโดยไม่ลังเล
“เรียกพวกเขาทั้งหมดให้มาที่นี่ วันขึ้นปีใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว!” หวังเสียนพูดช้าๆ แล้วค่อยๆเดินออกไปทางสวนยาจิตวิญญาณ
“มันถึงเวลาที่แล้วที่สำนักมังกรจะได้เป็นที่รู้จักแห่งโลกยุทธภพ!”
“และการสร้างฐานอำนาจของข้าบนแผ่นดินใหญ่ก็จะเริ่มขึ้นหลังจากนี้ไปเช่นเดียวกัน!”
รอยยิ้มอันเย็นชาปรากฏขึ้นที่มุมปากของหวังเสียนและดวงตาของเขาก็สาดประกายอันคมกล้าออกมาในขณะที่เขาจ้องมองออกไปยังหมู่ดาวที่อยู่ไกลบนฟากฟ้า
……….
จบบท