Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 52

ตอนที่ 52

บทที่ 52 เอาชีวิต

ช่วงเช้ามืด เวินจิ้งได้แต่พลิกตัวไปพลิกตัวมา พร้อมกับความฝันที่เกี่ยวกับเรื่องเมื่อสามปีก่อน

“อาเหิง นายไม่เชื่อฉันเหรอ ฉันไม่ได้ขโมยงานทีซิสนั่นไปจริงๆนะ”

“จิ้ง หลักฐานขนาดนี้ เธอยอมรับมาเถอะ ไม่งั้นคนที่จะขายหน้าไปกับเธอด้วยก็คือฉันนะ”

“ฉันบอกว่าฉันไม่ได้ขโมยไง ฉันไม่ยอมรับอะไรทั้งนั้นแหละ!”

“จิ้ง ฟังฉันนะ เธอยอมรับมาเถอะเพื่ออนาคตของเธอเอง เพราะถ้าเธอไม่ยอมรับเธอจะไม่ได้แม้แต่ใบจบ”

ทันใดนั้น เธอก็ตกใจตื่นขึ้นมา พร้อมกับใบหน้าซีดเผือด เรื่องเมื่อตอนนั้น มันยังคงเป็นเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีมีดมากรีดแทงกลางใจเธออยู่จนถึงทุกวันนี้

เห็นได้ชัดว่าเธอถูกใส่ร้าย แต่แม้แต่คนที่เธอรักมากที่สุดก็ยังไม่เชื่อเธอ

เธอมองไปที่ข้อมือของตัวเองด้วยสายตาอิดโรย รอยแผลนั่น ไม่ว่าจะทำยังไงเธอก็ลบมันไม่ออก

ในขณะที่เธอคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ อยู่ดีๆก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็พบว่ามู่วี่สิงได้กลับมาแล้ว

ตัวของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นของแอลกอฮอล์ รู้เลยว่าเขาพึ่งกลับมาจากโรงพยาบาล

เวินจิ้งดูเวลา นี่ก็ตีห้าแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น” มู่วี่สิงเดินเข้ามามองใบหน้าที่ซีดเผือดของเธอ พลางขมวดคิ้วอย่างกังวลใจ

เวินจิ้งส่ายหน้า เพราะเธอไม่อยากพูดถึงความฝันเมื่อกี้นี้

“นอนสักหน่อยเถอะ” เวินจิ้งบอกพลางขยับตัว

สายตาของมู่วี่สิงลดต่ำลง เขามองไปที่ข้อมือของเวินจิ้งด้วยสายตาเย็นเยียบ

ณ บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป

ฉืออี้เหิงที่พึ่งจะกลับมาจากการไปทำงานทางไกลมา พึ่งจะรู้ว่าฉินเฟยได้ทำเรื่องเอาไว้เกี่ยวกับการร่วมงานกันกับบริษัทการผลิตยาเทียนอี

เพราะนี่เป็นโปรเจกต์การวิจัยและพัฒนาโปรเจกต์แรกในเมืองหนานเฉิงซึ่งมันสำคัญสำหรับเขามาก เพราะฉะนั้นจะปล่อยให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นไม่ได้

เขาขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด พอฉินเฟยเดินเข้ามาหาเขา เขาก็ถามเสียงเย็นว่า : “ทำไมคุณถึงปฏิเสธบริษัทเทียนอีไป”

เรื่องนี้ แม้แต่เขาเธอก็ยังไม่เคยมาปรึกษากันก่อน

“ก็บริษัทเทียนอีไม่ได้อยากจะร่วมงานกับเราซะหน่อย” ฉินเฟยขมวดคิ้ว ไม่พอใจกับคำถามของอีกฝ่าย

“นี่ถ้าคุณไม่สร้างปัญหา ป่านนี้โปรเจกต์นี้คงจะเริ่มดำเนินการไปตั้งนานแล้ว” ฉืออี้เหิงต่อว่า

ฉินเฟยไม่รู้เลย ว่ามันยากแค่ไหนกว่าเขาจะติดต่อกับบริษัทเทียนอีได้

“นี่คุณต้องโกรธขนาดนี้เลยหรอ เป็นเพราะเวินจิ้งใช่ไหม! คุณรู้อยู่แล้วนี่ว่าเธอทำงานที่นั่นน่ะ ก็เลยจะทำมาเป็นร่วมงานกับบริษัทนั่นใช่ไหมล่ะ!” ฉินเฟยเกรี้ยวกราดโดยไม่ทันคิด

พอฉืออี้เหิงได้ยินอย่างนั้น เขาก็ตกใจ นี่เวินจิ้งทำงานอยู่บริษัทการผลิตยาเทียนอีอย่างงั้นเหรอ

เรื่องนี้… เขาไม่รู้มาก่อนจริงๆ

“ไม่เกี่ยวกับเธอ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอทำงานที่ไหนอะไรยังไง ฉินเฟย อย่ามาหาเรื่องกันเลยดีกว่า”

“หาเรื่องอะไร! นี่ฉันก็อยากจะคุยกับบริษัทเทียนอีดีๆ แต่ทางนั้นเขาปฏิเสธมา แล้วจะให้ฉันทำยังไง” ฉินเฟยก้มหน้า ไม่อยากพูดถึงรายละเอียดมากไปกว่านี้

“คุณไม่ต้องมาดูแลเรื่องนี้แล้ว เดี๋ยวผมจัดการเอง”

“คุณจะทำอะไร”

“บริษัทฉินซื่อกรุ๊ปพึ่งจะเริ่มขยายตัวในเมืองหนานเฉิงได้ไม่นาน ยังไงก็ต้องร่วมงานกับบริษัทชื่อดังของเมืองนี้อย่างเทียนอีเอาไว้ก่อน เผื่อเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาจะได้ไม่เดือดร้อน”

พอฉินเฟยยิ่งรู้ว่าไม่สามารถโน้มน้าวใจเขาได้ เธอก็ยิ่งกังวลใจ

อาทิตย์หน้าเธอกับเขาก็จะแต่งงานกันแล้ว ถ้าหากถึงตอนนั้นแล้วเวินจิ้งเข้ามาขัดขวางพวกเขาล่ะ

ไม่ ไม่ได้ มันจะเกิดขึ้นไม่ได้

“ไม่ว่าอาเหิงจะทำอะไรให้มารายงานฉันทุกอย่างนะ” เธอบอกกับเลขาของฉืออี้เหิง

ณ บริษัทการผลิตยาเทียนอี

ตอนสี่โมง เวินจิ้งมีนัดให้ไปที่ห้องประชุมเกี่ยวกับเรื่องความคืบหน้าของโปรเจกต์การวิจัยและพัฒนาที่ร่วมงานกันกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป

โดยครั้งนี้หัวหน้าฉืออี้เหิงแห่งบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปได้เข้ามาคุยด้วยตัวเอง และพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการร่วมงานกันครั้งนี้ใหม่อีกครั้ง ซึ่งการแสดงความจริงใจและเป็นมิตรของเขาทำให้เสี้ยวหงตอบตกลงที่จะร่วมงานกัน

ฉืออี้เหิงนั่งตรงข้ามกับเวินจิ้งที่กำลังจดรายงานการประชุมอยู่

เธอก้มหน้าก้มตาจดโดยไม่มองไปที่เขาเลยแม้แต่น้อย

“เวินจิ้ง ช่วยไปส่งหัวหน้าฉือทีนะ” เสี้ยวหงบอกหลังจากจบการประชุม

เวินจิ้งพยักหน้า เดินออกไปพร้อมกับฉืออี้เหิงโดยไม่พูดอะไรสักคำ

จนกระทั่งเข้ามาในลิฟต์ เวินจิ้งที่ยืนอยู่ห่างครึ่งเมตรก็โดนฉืออี้เหิงจับเข้าที่ข้อมือ

เธอขมวดคิ้ว พลางพูดอย่างเกรี้ยวกราด : “หัวหน้าฉือ ช่วยระวังการกระทำของคุณด้วยค่ะ!”

“จิ้ง ฉันไม่ชินกับการที่เธอเย็นชาใส่กันแบบนี้เลย” ฉืออี้เหิงพูดขึ้นหลังจากเงียบมานาน

“แล้วหัวหน้าฉืออยากให้ฉันทำยังไงล่ะคะ นายเป็นอดีตของฉันไปแล้ว และไม่มีวันที่ฉันจะกลับไปข้องเกี่ยวกับนายอีก” เวินจิ้งพูด ไม่แสดงสีหน้าใดๆ

สัมผัสของเขานั้น มันช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน

“ฉันรู้ แต่พวกเราจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้เลยเหรอ ฉันแค่อยากให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนะ” ฉืออี้เหิงลดหน้าต่ำลง

เขาคิดขึ้นมาได้ว่า เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาเขาได้โทรไปหาเวินจิ้ง แต่พอเป็นมู่วี่สิงรับ เขาก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที

ตอนแรกเขาคิดว่าเธอจะไม่คบใครอีกแล้วแน่ๆถ้าเลิกจากเขาไป แต่มันไม่ใช่

เธอกลับแต่งงานแล้ว และผู้ชายคนนั้นก็ดูเหมือนจะดีกว่าเขาซะด้วย

“ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะหัวหน้าฉือ แต่ตอนนี้ชีวิตฉันก็มีความสุขดีค่ะ” เวินจิ้งพูดอย่างเย็นชา

พอประตูลิฟต์เปิด เวินจิ้งก็รอให้ฉืออี้เหิงออกไป

ฉืออี้เหิงขมวดคิ้ว พร้อมกับหยิบการ์ดออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท

“จิ้ง ฉันไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เจอกับเธออีก นี่การ์ดแต่งงานของฉัน เอาไปสิ” ฉืออี้เหิงพูด

“ไม่กลัวว่าฉันจะไปพังงานแต่งนายเหรอ” เวินจิ้งยิ้มพร้อมกับรับการ์ดนั้นมา

ไม่ต้องเปิดดูก็รู้ว่าเป็นงานแต่งของเขากับฉินเฟย

ฉืออี้เหิงเม้มปาก ในจิตใต้สำนึกเขาก็อยากให้เธอทำแบบนั้นเหมือนกัน

“เธอไม่ทำหรอก” เขาพูดอย่างมั่นใจ

ตลอดเวลาที่เขาเคยคบกับเวินจิ้งมา เขารู้ว่าเธอเป็นพวกว่านอนสอนง่ายและไม่ทำตัวงี่เง่าไร้สาระ แม้แต่เรื่องเมื่อตอนนั้น เธอยังไม่โทษหรือต่อว่าเขาสักคำ จะมีก็แต่แค่ร้องไห้ก็เท่านั้นเอง

แล้วเรื่องแบบนี้เธอจะไปทำได้ยังไง ไม่มีทาง

“เอาล่ะๆ หัวหน้าฉืออุตส่าห์ชวนฉันทั้งที ถ้าฉันว่างฉันจะไปแล้วกันนะ” เวินจิ้งถือการ์ดนั้นแน่น พร้อมกับประตูลิฟต์ที่ปิดลง และความเย็นชาที่เธอแสดงออกต่อเขาก่อนหน้านั้นก็ได้พังทลายลงเช่นเดียวกัน

เธออยากจะฉีกการ์ดนี่เป็นชิ้นๆ

แต่ถ้าเธอเกิดอยากไปงานแต่งพวกเขาขึ้นมาจริงๆล่ะ เพราะฉะนั้นจะทำอย่างนั้นไม่ได้

พอกลับมาถึงโต๊ะทำงาน ก็มีพนักงานต้อนรับเอากล่องของขวัญกล่องนึงเข้ามาให้

เวินจิ้งขมวดคิ้ว ช่วงนี้เธอก็ไม่ได้ซื้ออะไรนี่นา แต่ทำไมตรงชื่อคนรับกลับเป็นชื่อเธอล่ะ

ในกล่องเหมือนจะมีเสียงแปลกๆดังขึ้นมา เธอขมวดคิ้วพลางค่อยๆเปิดกล่องนั้นออก ปรากฏว่าในกล่องนั้นเป็นแมวสีดำตัวใหญ่!

พอมันเห็นเวินจิ้ง มันก็กัดเข้าที่หน้าของเธอ แต่โชคดีที่เธอหลบทัน จากที่โดนหน้าก็เลยโดนตรงแขนแทน

เพื่อนร่วมงานรีบเข้ามามุงดู พร้อมกับส่งเวินจิ้งไปที่โรงพยาบาล

ในกล่องของขวัญนั่นยังมีการ์ดอีกหนึ่งใบ พอเธอเปิดดู หน้าเธอก็ถอดสีขึ้นมาทันที

“เวินจิ้ง เธอมันผู้หญิงชั้นต่ำ ไม่คู่ควรกับหมอมู่ของพวกฉันสักนิด!”

ส่วนด้านหลังของการ์ดนั้น ก็มีคำด่าคำสาปแช่งเธอเต็มไปหมด เธอพยายามสงบจิตสงบใจและไม่คิดอะไรอีก

อั้ยเถียนที่รีบมา ทนรอไม่ไหวจึงเข้าไปในห้องที่เวินจิ้งกำลังตรวจอยู่ : “เวินจิ้ง เธอไม่เป็นไรใช่ไหม!”

เวินจิ้งส่ายหน้าทั้งที่แผลนั้นลึกมาก ดูก็รู้ว่าแมวตัวนั้นมันถูกฝึกมาให้ทำร้ายเธอโดยเฉพาะ

“ขนาดหมอมู่ปิดข่าวไปแล้ว พวกแฟนคลับยังจำเธอได้อยู่อีก” อั้ยเถียนพูดอย่างเจ็บใจ

ตอนนี้เวินจิ้งยิ่งเห็นด้วยมากกว่าเดิมว่าดีแล้วที่เธอกับเขาแต่งงานกันแบบเงียบๆตั้งแต่ตอนแรก ไม่งั้นถ้าพวกแฟนคลับรู้ต้องมาเอาชีวิตเธอไปแน่ๆ!

“ไม่เป็นไรหรอก” เวินจิ้งหลับตา เธอไม่คิดด้วยซ้ำว่าเรื่องแต่งงานจะมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเธอ

“ว่าไงนะ! หมอมู่รู้เรื่องนี้ไหมเนี่ย ถ้าเขารู้เขาต้องเอาเรื่องพวกนั้นแน่ๆ” อั้ยเถียนพูดปลอบพลางตบไหล่เธอเบาๆ

“อย่าบอกเขานะ ตอนนี้อาการแพ้ของเขายังไม่หายดี อีกอย่าง ฉันก็แจ้งตำรวจไปแล้วด้วย ปล่อยให้พวกตำรวจเขาจัดการกันไปเถอะ”

อั้ยเถียนขมวดคิ้ว ลังเลว่าจะบอกหรือไม่บอกมู่วี่สิงดี เพราะเรื่องนี้มันอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาก็ได้ถ้าปล่อยไป

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงของมู่วี่สิงลอยมา : “เวินจิ้ง”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท