Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 57

ตอนที่ 57

บทที่ 57 รวยมากนักรึไง

พอกลับมาถึงบ้าน เวินจิ้งก็พยายามที่จะเอาสบู่เหลวมาถูๆมือเพื่อที่จะถอดแหวนออก แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ถอดมันไม่ออก

ในขณะที่เธอกำลังใช้ความพยายามที่จะถอดแหวนนั่นออกอยู่ มู่วี่สิงก็เดินเข้ามา ทำเอาเวินจิ้งตกใจ

“ห้ามถอด!” เขาอ้อมมาทางด้านหลังของเวินจิ้งแล้วรีบล้างสบู่ออกจากมือของเธอ

เวินจิ้งย่นปาก : “ฉันแค่กลัวทำมันหาย”

“หายก็ซื้อใหม่”

เวินจิ้งขมวดคิ้ว เธอไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย…

“ที่จริงเราก็ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆซะหน่อย ไม่เห็นจะต้องซื้อแหวนที่มันแพงขนาดนี้เลย” เวินจิ้งเงยหน้ามองอย่างจริงจัง

แหวนวงนี้สมควรจะอยู่กับคนที่เขารักมากกว่า

“แหวนวงนี้มันก็ไม่ได้แพงอะไรนี่” มู่วี่สิงลากเธอออกมาจากห้องน้ำ

“300 ล้านนี่ไม่แพงหรอ…” เวินจิ้งหน้าเครียด

“มู่วี่สิง นี่นายรวยมากนักรึไง” เวินจิ้งถาม

เท่าที่เธอรู้จักเขามา เขาเป็นทั้งหมอที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ เป็นทั้งผู้อำนวยการโรงพยาบาล เป็นทั้งหุ้นส่วนกับบริษัทการผลิตยาเทียนอี อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าทีมในการทำงานวิจัย

แล้วนี่เขายังจะมีอะไรที่ทำให้เธอแปลกใจได้อีก ไม่ใช่แปลกใจสิ… เรียกว่าตกใจจะดีกว่า!

“อยากรู้ไหมล่ะ” มู่วี่สิงขยับริมฝีปากบาง

เวินจิ้งช็อค…

“ไม่ไม่ไม่ นี่นายไม่กลัวว่าถ้าถึงตอนที่เราหย่ากันแล้วฉันจะฮุบสมบัติของนายไปหมดรึไง” เวินจิ้งถามซื่อๆ

เธอและมู่วี่สิงแต่งงานกันก็จริง แต่ก็ไม่ได้คุยหรือสนใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

เป็นไปได้ไหมว่าพอเธอหย่าแล้ว เธอจะกลายเป็นผู้หญิงตัวน้อยๆที่ร่ำรวยคนนึงน่ะ

“ไม่มีวันนั้นหรอก” มู่วี่สิงหรี่ตา

“หรือว่านายวางแผนที่จะอยู่กับผู้หญิงที่นายไม่ได้รักไปตลอดชีวิต มู่วี่สิง โลกนี้มันสวยงามมากนะ ยังมีคนที่นายรักและรักนายรออยู่” เวินจิ้งพูดด้วยท่าทีที่จริงจัง

เพราะมู่วี่สิงก็พูดกับเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ว่าเขาไม่มีวันมาชอบเธอหรอก แล้วเธอก็รู้ว่าเขาพูดจริง

ถ้าไม่เกี่ยวกับเงื่อนไขของเธอ เขาคงไม่ตาบอดมาแต่งงานกับเธอแน่ๆ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว นี่เธอคิดถึงแต่เรื่องหย่าอยู่ตลอดเวลาเลยงั้นเหรอ

“นายเคยโดนผู้หญิงทิ้งมาใช่ไหม ถึงไม่เชื่อในความรักน่ะ” เวินจิ้งคิดว่าบางทีเขาอาจจะมีบาดแผลทางใจ

หรือไม่งั้นก็อาจจะเป็นเพราะผู้หญิงที่เข้ามาล้วนแล้วแต่เป็นผู้หญิงที่หวังผลประโยชน์จากเขา

ขณะที่เธอกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น มู่วี่สิงก็มองเธอไม่วางตา

“ฉันเชื่อแค่เรื่องการแต่งงาน” เป็นเวลานานกว่าเขาจะเปิดปากพูด

เวินจิ้งไม่เข้าใจ ที่จริงเรื่องความรักมันต้องมาก่อนเรื่องการแต่งงานไม่ใช่เหรอ

แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อเรื่องความรัก แต่ทำไมเขาถึงเชื่อเรื่องการแต่งงานกันนะ

เวินจิ้งคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เลยเลิกคิดแล้วเอาเวลาไปจินตนาการเรื่องสนุกๆเพื่อแก้เผ็ดเขาอย่างเรื่องฮุบสมบัติหลังการหย่าดีกว่า

แต่ถ้าเธอหย่า แม่และคุณปู่ของเธอจะต้องเสียใจมากแน่ๆ

ขอให้วันนั้นมาช้ากว่าที่เธอคิดอีกหน่อยเถอะนะ…

หลังจากนั้นไม่กี่วัน มู่วี่สิงก็มีเคสผ่าตัดแทบทุกวัน กว่าเขาจะกลับเวินจิ้งก็หลับไปแล้ว

วันศุกร์ เป็นวันที่เวินจิ้งต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัด ที่จริงแล้วต้องเป็นอั้ยเถียนที่ไปแต่เธอไม่สบายเลยให้เวินจิ้งไปแทน

วันที่ออกเดินทาง เธอก็พึ่งจะรู้ว่าฉืออี้เหิงก็ไปด้วย โดยที่เขานั้นนั่งอยู่ในที่นั่งชั้นเฟริสคลาส ส่วนเธอนั้นนั่งอยู่ในที่นั่งชั้นธุรกิจ

ส่วนเสี้ยวหงนั้นล่วงหน้ามายังเมืองเป่ยเฉิงอยู่ก่อนแล้ว พอฉืออี้เหิงลงเครื่องมาเขาก็ได้พบกับเสี้ยวหงครั้งแรกแบบตัวเป็นๆ

ฐานการวิจัยและการพัฒนาที่ทั้งสองบริษัทร่วมมือกันครั้งนี้อยู่ในเมืองเป่ยเฉิง และขณะนี้ก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ

เวินจิ้งนั้นทำหน้าที่เป็นเลขาให้เสี้ยวหงเป็นการชั่วคราว ตลอดการเดินทางเธอก็ได้จดบันทึกอยู่ตลอด

กว่าจะกลับมาถึงโรงแรมนั้นก็ปาไปเที่ยงคืน แต่แทนที่เธอจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เธอก็ต้องมานั่งฟังเสียงโทรศัพท์ของเธอที่มีมู่วี่สิงโทรมาหลายครั้งต่อหลายครั้ง

ครั้งนี้เธอมาทำงานที่ต่างจังหวัดกะทันหัน และไม่ทันที่จะได้บอกเขาก่อน…

พอนึกขึ้นได้อย่างนั้น เธอก็รีบโทรกลับไปหาเขาทันที

“ทำไมไปไม่บอกกันก่อน” มู่วี่สิงพูดเสียงโกรธๆ เธอไม่รับสายเขาจนเขาต้องโทรไปหาอั้ยเถียนถึงรู้ว่าเธอเดินทางไปต่างจังหวัด

“มันกะทันหัน ฉันเลยลืม… “ เวินจิ้งเกาหัวอย่างรำคาญ

“แล้วนี่เธอลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าเราแต่งงานกันแล้วน่ะ” มู่วี่สิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เวินจิ้งหน้าเครียด อันที่จริงเธอชอบคิดว่าเธอยังโสดอยู่ตลอด

“เปล่าซะหน่อย” เวินจิ้งตอบอย่างนั้นไปเพราะไม่อยากให้เขาโกรธมากไปกว่านี้

“งั้นก็นอนเร็วหน่อยแล้วกัน เข้าใจไหม” เป็นเวลานานกว่าเขาจะพูดเสียงอ่อนลง

“โอเค นายก็ด้วยนะ” เวินจิ้งเตือนเขาด้วย

แม้จะวางสายไปนานแล้ว แต่เสียงของเขาก็ยังคงดังก้องอยู่ในหู

ในขณะที่เธอกำลังจะเตรียมตัวพักผ่อน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอเดินไปมองตาแมว เลยได้รู้ว่าคนที่เคาะประตูห้องของเธอนั้นคือฉืออี้เหิง

“มีอะไรหรือเปล่า” เธอถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“ฉันเอายามาให้น่ะ เห็นเท้าเธอบวม” ฉืออี้เหิงส่งยาให้เธอ

เวินจิ้งขมวดคิ้ว เขารู้ได้ไงน่ะ

วันนี้เธอต้องอยู่บนรองเท้าส้นสูงทั้งวัน จนตอนนี้เท้าของเธอบวมเคล็ดไปหมด

“ขอบคุณนะ แต่ไม่จำเป็น” เวินจิ้งพูดพลางปิดประตู

แต่ฉืออี้เหิงเร็วกว่า เขาวางยาลงกับพื้นแถวๆประตูแล้วพูดขึ้น : “พรุ่งนี้เธอไม่อยากจะเดินแล้วหรอไง พรุ่งนี้ต้องเดินเยอะนะ ไม่ต้องใส่รองเท้าส้นสูงไปแล้ว”

พูดจบ เขาก็เดินออกไป

เวินจิ้งขมวดคิ้ว หยิบยาขึ้นมาแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ลังเล พลางเรียกให้พนักงานโรงแรมมาเก็บไป

วันถัดมา เวินจิ้งเปลี่ยนไปใส่รองเท้าส้นเตี้ย ที่จริงแล้วเธอต้องโทรไปปลุกเสี้ยวหงด้วย

เธอลุกขึ้นจากเตียงเพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ พอเห็นว่าเป็นสายจากเสี้ยวหงเธอก็รีบกดรับทันที : “ลงมาที่ร้านอาหารนะ”

เวินจิ้งไม่รอช้า รีบอาบน้ำแต่งตัวลงไปหาเสี้ยวหง พอไปถึงเธอก็เห็นร่างที่คุ้นตา

ซึ่งเป็นร่างของคนที่เธอพึ่งคุยด้วยเมื่อ 6 ชั่วโมงที่แล้ว

แต่ตอนนี้เขากลับมาอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว

“หัวหน้าเสี้ยวคะ” เวินจิ้งมองมู่วี่สิง พลางพูดติดๆขัดๆ : “มะ… หมอมู่”

“นั่งสิ ฉันน่าจะให้เธอมาพร้อมกับวี่สิงวันนี้เนอะ” เสี้ยวหงยิ้ม

แต่เวินจิ้งยิ้มไม่ออก ขนาดเธอมาทำงานมู่วี่สิงก็ยังตามเธอมานี่อีก

เธอไม่โอเคที่เขาทำแบบนี้เลย

“คุณผู้หญิงมู่ อย่าตกใจไปสิ ที่ไม่ได้บอกก็เพราะอยากจะมาเซอร์ไพรส์เฉยๆน่ะ” มู่วี่สิงมองเวินจิ้งแบบยิ้มๆ

พอเห็นทั้งสองคนยิ้มแบบนั้นแล้ว เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอเหมือนเป็นตัวตลกยังไงยังงั้น

นี่เขาไม่ได้เรียกว่าเซอร์ไพรส์แล้ว… เขาเรียกว่าทำให้ตกใจต่างหากล่ะ!

“คุณผู้ชายมู่นี่น่ารักจริงๆเลยนะคะ” เวินจิ้งพูดกัดๆพลางยิ้ม

พอฟังอย่างนั้น มู่วี่สิงก็ลูบหัวเธอป้อยๆ

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็คุยเรื่องงานกันต่อ ในขณะที่เวินจิ้งที่นั่งทานข้าวเช้าเงียบๆ ก็ได้มองทั้งสองคนคุยกันในเรื่องที่เธอไม่เข้าใจด้วยสายตาที่ชื่นชม

มู่วี่สิงมองมา แล้วเธอก็ถูกจับได้ว่าเธอกำลังมองเขาด้วยสายตาแบบนั้นอยู่

เธอยิ้มกลบเกลื่อน แล้วค่อยๆก้มหน้าลง

แล้วอยู่ดีๆมู่วี่สิงก็ถามเสี้ยวหงขึ้นมาว่า : “เป็นไงบ้างครับ ภรรยาของผมมาเป็นเลขาให้”

“ดีเลย ถ้าไม่รวมเรื่องที่พิมพ์เอกสารผิดไปสามแผ่น จดรายงานการประชุมผิดไป 18 ตัว และก็ปั๊มตรายางผิดไป 1 ครั้ง”

เวินจิ้งที่ฟังอยู่พยายามสงบสติอารมณ์…

“อืม รวมๆแล้วก็ดีเลย เธอก็ไม่ได้ทำอะไรให้โปรเจกต์นี้เดือดร้อนนี่เนอะ”

เวินจิ้งเงียบไม่พูดอะไร : “… “

เสี้ยวหงยิ้ม เวินจิ้งไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อน ทำได้แค่นี้ก็ถือว่าโอเคมากแล้ว

ถึงเขาจะพูดแรงๆ และจุกจิกมากแค่ไหน เธอก็ไม่ได้ทำหน้าบึ้งตึงหรือบ่นอะไร ซึ่งก็ถือว่าผ่าน

“ขอโทษที่เพิ่มภาระให้หัวหน้าเสี้ยวจริงๆค่ะ วันนี้ฉันจะทำให้ดีกว่าเดิมค่ะ!” เวินจิ้งหายใจเข้าลึกๆ

“ดี แต่ติดที่ว่าวันนี้เธอไม่ต้องมาคอยเป็นเลขาให้ฉันแล้วนี่สิ”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท