Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 64

ตอนที่ 64

บทที่64 ได้ความช่วยเหลือ

“เดี๋ยวฉันทำมื้อดึกให้คุณเองคะ?” เวินจิ้งลุกพรวดขึ้นมา ผลักไสเงาร่างใหญ่ที่กำลังเข้าใกล้เธอ

มู่วี่สิงขมวดคิ้วอย่างไม่เต็มใจ และแขนยาวยื่นกางออกมา เวินจิ้งก็ประชิดเข้าโอบกอดเขา

“ผมไม่หิว” เขาหรี่ตา

“งั้น……” เวินจิ้งมองเขาอย่างเกรง

ใบหน้าคมคายของมู่วี่สิงยิ่งใกล้ชิดมากขึ้น และเวินจิ้งรู้สัมผัสได้ว่าเขาจะทำอะไร จนใบหน้าแดงระเรื่อราวลูกตำลึงสุก แล้วก้มหลบเลี่ยงเขา

มันใช่คู่แข่งของคนอย่างมู่วี่สิงได้ไงเล่า จูบของเขานั้นมักนุ่มนวลหวานละมุนเหลือเกิน เพียงประกบลงริมฝีกปากเธอเท่านั้นเอง เวินจิ้งก็มักจะหลบเลี่ยงไม่ทันเสมอ

“ทำไงดี ยังไม่พอ” รัดกอดด้านหลังทรวงอกเธอไว้ แววตาเย็นเหยียดเปล่งประกาย

เวินจิ้งสั่นหวิวถี่ ๆ รู้ถึงความหมายคำพูดของมู่วี่สิง และครั้งนี้ก็ผลักไสอย่างสุดแรง และแววตาแปรเปลี่ยนเตือนภัยพิบัติก็มา

พอกลับถึงห้องนอน เวินจิ้งก็ทำการล็อคห้องให้เรียบร้อย แม้รู้ว่าจะไร้ประโยชน์ แต่ก็ยังรั้งมู่วี่สิงให้อยู่ด้านนอกได้ครู่หนึ่ง

ถึงแม้ว่าหลังแต่งงานทั้งสองจะเลี่ยงเรื่องพิศวาสรัญจวนใจบางเรื่องไม่ได้ก็ตาม แต่หากปล่อยให้มันเติบโตก้าวหน้าไป เกรงว่า……เธอจะหักห้ามใจควบคุมตัวเองไม่ได้

มู่วี่สิงนั้นเป็นคนอย่างไร ตอนนี้เธอก็ค่อย ๆ รู้เข้าใจดีชัดขึ้นแล้ว

เขาไม่ได้เป็นเพียงหมอเท่านั้น เบื้องหลังเขาคือทั้งตระกูลมู่ และไม่มีข้อมูลตระกูลมู่ปรากฏอยู่บนอินเตอร์เน็ตเลยแม้แต่สักนิด แต่กลับเป็นตระกูลที่มีอำนาจทรงพลังล้มช้าง

ถ้าหากเป็นไปได้ เธอไม่อยากมีอะไรลึกซึ้งกับเขาไปมากกว่านี้แล้ว

เธอเพียงอยากใช้ชีวิตแบบธรรมดาเรียบง่าย

ในขนาดที่มู่วี่สิงนั้นเดินขึ้นมา ประตูดันถูกล็อคไว้

แม่สาวน้อยคนนี้นี่ เมื่อไหร่จะยอมเปิดอกเปิดใจเปิดทางให้กับเขาสักที

หลายวันมานี้อั้ยเถียนได้ลาแทนเวินจิ้งแล้ว เธอเลยไม่ไปบริษัท แต่ว่าก็มีจัดการเคลียร์งานบางครั้งรางคราวบ้าง

ในยามเช้าเห็นมู่วี่สิงยังอยู่ เวินจิ้งจึงประหลาดใจเล็กน้อย

ปกติแล้วเขาจะไปทำงานเช้ากว่าเธอเสียอีก มีบางครั้งเองที่ทั้งสองจะออกไปทำงานพร้อมกัน

“วันนี้จะไปโรงพยาบาลมั้ยคะ?” เวินจิ้งเอ่ยถามตามประสา แล้วนั่งลงทานข้าวเช้า

“มีไปเช็คอาการผู้ป่วยหน่อย แต่ว่าไม่นานก็กลับมา”

เวินจิ้งเงียบงัน ก้มหน้างุดไม่พูดไม่จาราวน้ำท้วมปาก

บรรยากาศการพบปะของเธอและมู่วี่สิงนั้น มีความเก้อ ๆ อาย ๆ อยู่ไม่น้อย

ก่อนออกจากบ้าน แม่บ้านก็ยื่นเสื้อกันหนาวให้เวินจิ้ง เธอเลยตะลึงอึ้ง

และฝีเท้ามู่วี่สิงก็ชะงักอยู่ตรงประตู

เธอขมวดคิ้ว แล้วค่อย ๆ วิ่งไปอย่างเชื่องช้า

“ใส่เถอะค่ะ”

“ช่วยใส่ให้ผมหน่อยสิ” น้ำเสียงมู่วี่สิงแฝงดั่งคำสั่งอยู่

เวินจิ้งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่อำนาจบังคับของมู่วี่สิงช่างแข็งแกร่ง จนเธอต้านทานไม่ไหว

เดินไปยังหลังมู่วี่สิง แล้วเวินจิ้งก็เขย่งปลายเท้าขึ้น ใช้เรี่ยวแรงยกแขนมู่วี่สิงขึ้น

ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงได้ตัวสูงขนาดนี้เนี่ย เวินจิ้งพยายามเงยหน้าขึ้นไม่ขาดสาย กว่าจะใส่เสื้อกันหนาวให้กับมู่วี่สิงได้นั้นไม่ง่ายเลย

พอเสร็จเลยพรูหายใจออกอย่างโล่งอก และมู่วี่สิงกลับรัดกุมไหล่เธอไว้ ภายใต้แววตาที่อบอุ่นละมุนละไมนั้น ชายหนุ่มย่องตัวลงเล็กน้อย ใบหน้าคมหล่อเหลาดั่งเทพบุตรประชิดใกล้

เวินจิ้งคิดไปไกลเถิดนึกว่าเขาจะจุมพิตเธอ จนใบหน้างามนั้นเงยขึ้นตอบสนอง

ทว่ามู่วี่สิงเพียงจูบลงบนหน้าผากของเธอเท่านั้นเอง เวินจิ้งเปี่ยมไปด้วยความอายเก้อ ใบหน้างามแดงก่ำ

มู่วี่สิงยกยิ้มที่มุมปาก เปลี่ยนเป็นลูบศีรษะเธออย่างปลื้มปีติเอ็นดู “รอผมกลับมาดี ๆ นะ”

มองดูมู่วี่สิงเดินจากไปแล้ว เวินจิ้งขมวดคิ้ว ทำไมรู้สึกอิด ๆ ออด ๆไม่อยากให้ไปเลยนะ?

เพราะคืนนี้มู่วี่สิงและมู่เฉิงอยู่ทานข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งคู่ ส่วนแม่บ้านก็ได้จัดเตรียมไว้แต่เนิบ ๆ แล้ว เวินจิ้งว่าง จึงเข้าครัวไปช่วยจัดเตรียมอีกแรง

แม่บ้านเปี่ยมไปด้วยความเกรงกลัวตระหนก แต่เวินจิ้งนั้นยืนยันว่าจะลงมือทำเอง แม่บ้านจึงไม่กล้าเข้าไปยุ่งด้วย

เพราะวัถุดิบมีไม่ครบ เวินจิ้งเลยไปซุปเปอร์มาเก็ตเพื่อหาซื้อมา ระหว่างไปนั้น ก็ได้รับสายเรียกเข้าสายหนึ่ง

และมาถึงร้านกาแฟร้านหนึ่ง ฉือซินมาถึงก่อนอยู่แล้ว

“น้าฉือคะ” เวินจิ้งเอ่ยเรียกอย่างมีมารยาท

สำหรับฉือซินนั้น ท่าทางบุคลิกของเวินจิ้งก็ถืออยู่เกณฑ์ดี ตอนที่เธอและฉืออี้เหิงรักกันอยู่ ฉือซินก็เอ็นดูดูแลเธอเป็นอย่างดี

“เสี้ยงจิ้ง ลูกสาวคนนี่ สวยยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะจ๊ะ” ฉือซินยิ้มแย้ม ท่าทางที่สง่าอ่อนโยนดูเป็นผู้ดีสูงส่ง

เป็นหญิงสาวคนละคนต่างจากเมื่อสามปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง

“คุณน้าก็พูดเกินไปแล้วค่ะ” เวินจิ้งก้มหน้าลงเก้อ

ฉือซินหรี่ตาขึ้น โดยไม่อ้อมค้อมเรื่องมาก จึงยื่นเช็กเงินใบหนึ่งให้เวินจิ้ง “เสี้ยงจิ้ง ฉันหวังมาเธอจะไม่ว่ายุ่งวุ่นวายกับอาเหิงอีก เมื่อหลายปีก่อนลูกนั้นลำบากขนาดไหน ผู้เป็นแม่อย่างฉันก็เห็นอยู่ในสายตา….”

เวินจิ้งขมวดคิ้วมุ่น มองดูเช็กเงินที่อยู่ตรงหน้า มูลค่าหนึ่งล้านถ้วน

เวินจิ้งยิ้มหยันขัน “คุณน้าคะ คุณน้าเชื่อข่าวนั่นหรอค่ะ?

“ไม่ว่าฉันจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม เรื่องนี้มันกระทบต่ออาเหิงไปแล้ว ในฐานะแม่อย่างฉันคงทำเช่นนี้เพื่อช่วยเขาแล้ว เสี่ยวจิ้ง เมื่อก่อนฉันไม่ได้คัดค้านไม่ให้เธอรักกับอาเหิงเลย แต่ว่าพอมาวันนี้ ฉันทนเห็นพวกหนูยุ่งเกี่ยวกันอีกไม่ได้แล้ว….”

“คุณน้าคะ คุณน้าคิดผิดแล้วหละค่ะ” เวินจิ้งพูดตัดความของฉือซินขึ้น “คำพูดพวกนี้ คุณน้าไปบอกฉืออี้เหิงจะดีกว่าค่ะ เพราะคนที่มายุ่งวุ่นวายกับหนูมาตลอด คือเขาค่ะ”

“เป็นไปได้ไง? ตอนนี้เขากับฉินเฟยใกล้แต่งงานกันแล้วนะ…….” แววตาฉือซินบ่งบอกว่าเธอไม่เชื่อ

“มันเป็นเรื่องจริงค่ะ”

เวินจิ้งไม่อยู่นานต่อไป

ก่อนไป ฉือซินเอ่ยเรียกรั้งเธอไว้ “เสี่ยวจิ้ง เธอจะมาทำลายพังความก้าวไกลของอาเหิงไม่แล้วจริง ๆ นะ”

เวินจิ้งใบหน้าเย็นเฉียบลง เขาเองนั่นแหละ ที่มาทำลายพังชีวิตของเธอ

น้ำตาคลอเต็มเบ้าตาที่จะหลั่งไหลในช้า เวินจิ้งสูบหายใจเข้าลึก ๆ หันรีหันหัวกลับ

ทันใดนั้น ก็มีแรงถมทับบนไหล่เธอ เมื่อเวินจิ้งหันกลับไปดู ก็มีบอร์ดี้การ์ดสองรายจับตัวเธอไว้

ฉือซินเดินไปยังเบื้องหน้าเธอก่อนเอ่ย “เสี่ยวจิ้ง คงลำบากใจหนูหน่อยนะ”

ถ้อยคำสิ้นสุดลง บอร์ดี้การ์ดสองรายใช้แรงแข็งแกร่งดั่งช้างนำตัวเธอขึ้นรถ

เวินจิ้งขัดขืนสุดกำลัง แต่มันจะไปเทียบแรงอะไรของบอร์ดี้การ์ดได้หละ ดวงตามองที่กำลังจะถูกจับขึ้นรถไปนั้น ก็มีลมกระโชกอยู่ข้าง ๆ อย่างมากโข ร่างบอดี้การ์ดก็ถูกเตะล้มพรวดกองพื้น

ฉีเซินสะบัดข้อมือตัวเอง มุมปากยิ้มเยือกเย็น “ไม่คิดว่าแรงกำลังหมัดของฉันยังไม่ถดถอยเลยสักนิดเลยนะ”

“คุณเป็นใครกัน?” ฉือซินใจเสาะจ้องมองชายหนุ่มอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย

ฉีเซินยิ้มขบขำ เห็นบอดี้การ์ดตรงหน้าทำท่าจะลุก เท้าของเขาก็ฟาดเตะอย่างสุดแรงลงไปอีกครั้ง

คราวนี้ โอบกอดเวินจิ้งในอ้อมแขนไว้

“ฉีเซิน”

ประโยคสิ้นลง เขาโอบเวินจิ้งไปยังรถตัวเอง

เวินจิ้งพรูหายใจโล่งอกมา เงยมองฉีเซินไว้ ไม่คิดว่าจะเป็นเขาอีกแล้ว

“ขอบคุณนะค่ะ” เวินจิ้งโล่งอก

สำหรับฉีเซินนั้นเธอไม่ต้องกลัวหลบเลี่ยงอะไร เมื่อครู่….เธอจะจับตัวเธอไปงั้นเหรอ?

เธอคิดจะทำอะไรกัน…..เวินจิ้งไม่กล้าขบคิดฟุ้งซ่านต่อ

“เมื่อกี้ผมเสี่ยงไปช่วยชีวิตคุณเลยนะ แค่คำขอบคุณคำเดียวไม่พอหรอกนะครับ” ฉีเซินหรี่ตาเปลั่งเสน่ห์ชวนหลงไหลดั่งดอกไม้หวานชื่น

“งั้น……คุณต้องการอะไรค่ะ?” เวินจิ้งมองดูเขา

“เลี้ยงข้าวผมมื้อหนึ่ง” เห็นสีหน้าเวินจิ้งตระหนกตื่นเต้นนั้น ฉีเซินจึงขบขำออกมา

เวินจิ้งยิ้มขำ “ได้สิ แต่ว่าวันนี้ฉันจะกลับบ้านแล้ว หรือไม่ไว้วันอื่นละกันค่ะ?”

เธอซื้อวัถุดิบเสร็จเรียบร้อยแล้วตั้งใจเตรียมลงมือเข้าครัวเอง

ฉีเซินชำเลืองตาเห็นถุงช็อปปิ้งในมือเธออย่างไม่ต้องสงสัย แล้วเอ่ย “พรุ่งนี้ผมต้องไปต่างจังหวัด ไปหนึ่งอาทิตย์กว่าจะกลับมา”

เวินจิ้งมองดูปฏิทินก่อนเอ่ย “งั้นพฤหัสหน้าละกันค่ะ?”

“อืม งั้นโอเคครับ ห้ามเบี้ยวหละ”

เวินจิ้งพยักหน้ารับ เตรียมลงจากรถ

ฉีเซินก็ปริปากเอ่ยขึ้น “ไม่ทิ้งเบอร์คุณไว้ให้ผมหน่อยเหรอครับ นี่คุณคิดจะโกงผมเหรอ?”

เวินจิ้งผวาอึ้ง การสานรักก่อนหน้านี้นั้นเธอได้รับสายโทรศัพท์ผ่านเขาก็จริง แต่ว่าต่อมาก็ลบทิ้งไปแล้ว

แล้วเธอเอ่ยทิ้งเบอร์ตัวเองไว้ก่อนลงจากรถไป

ฉีเซินจ้องมองเบื้องหลังเขาอย่างพึงพอใจล้นทะลัก แล้วเม้มปากแน่น

กลับมายังบ้านตระกูลมู่ หลังจากที่เวินจิ้งจดจำอาหารที่ต้องเลี่ยงสำหรับมู่เฉิงและมู่วี่สิงแล้ว จึงเริ่มลงมือจัดเตรียมอาหารเย็นขึ้น

มู่เฉิงเป็นคนกลับมาถึงก่อน แม้ว่าอายุราวปานครึ่งชีวิตไปแล้ว แต่เขาก็ขยันเข้าสังคมและออกกำลังอย่างไม่ขาดสาย

มู่วี่สิงกลับมาตอนเกือบค่ำแล้ว และเวินจิ้งก็ยังอยู่ในห้องครัวเตรียมอาหารจานสุดท้ายอยู่ ส่วนมู่วี่สิงอยู่ด้านนอก มองดูหญิงสาวที่หันหลังก้มหน้าก้มตาทำซุปให้กับเขาที่กำลังล้างมืออยู่

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท