บทที่ 314 คำถาม
เมื่อตู้ลี่เฉิงเหม่อเล็กน้อย เวินจิ้งรีบวิ่งไปที่ประตู แต่เมื่อเห็นว่าจับลูกบิดประตูได้ ตู้ลี่เฉิงดึงเธอกละบมาอย่างรุนแรง เวินจิ้งเกือบล้มลง
เธอยืนพิงกำแพง มองคนบ้าตรงหน้าเธอ
“เหอะ หากไม่มีเธอ คนที่ศาสตาราจารย์รับก็จะเป็นฉัน เวินจิ้ง พรุ่งนี้เป็นพิธีเปิด ฉันจำได้ว่าเธอต้องพูดในตัวแทนน้องใหม่ เธอว่าหากขาดเธอไป อาจารย์จะมองเธอยังไง…”
ตู้ลี่เฉิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น เชือกในมือมัดข้อมือของเวินจิ้งไว้อย่างรวดเร็ว เธอรีบยกเท้าเตะตู้ลี่เฉิง เขาป้องกันไว้ก่อนแล้ว รีบผลักออก
มัดเวินจิ้งไว้กับเก้าอี้ เขามองด้วยความไม่พอใจ “เธอก็อย่าโทษฉัน ใครให้เธอถูกศาสตราจารย์รับไว้ พรุ่งนี้ฉันจะพูดแทนเธอในฐานะน้องใหม่”
“นายจะปล่อยฉันออกไปเมื่อไหร่?” เวินจิ้งถามอย่างเย็นชา และมองรอบๆ ตอนนี้ดูเหมือนเธอก็หนีออกไปไม่ได้
“ดูอารมณ์ของฉัน”
“หากฉันออกไปได้ เรื่องนี้ต้องถูกร้องเรียนไปถึงอาจารย์แน่นอน” สีหน้าของเวินจิ้งค่อยๆขรึม
เมื่อได้ยินที่พูด ตู้ลี่เฉิงไม่มีท่าทีตื่นตระหนกเลยสักนิด กลับหัวเราะ “งั้นเธอก็คอยดู ใครจะมาเชื่อเรื่องไร้สาระของเธอ”
สิ้นเสียงตู้ลี่เฉิงนำกระเป๋าของเวินจิ้งวางไว้ที่มุม ออกไปแล้วล็อคประตู
ห้องอุปกรณ์แสงน้อยมาก รอบๆเต็มไปด้วยฝุ่น เห็นได้ชัดว่าที่นี่ถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน
เวินจิ้งแกะเชือกออกมาอย่างคล่องและรวดเร็ว ได้ความอิสระแล้ว เธอรีบหามือถือในกระเป๋า แต่ตำแหน่งนี้…ไม่มีสัญญาณ
ใบหน้าเธอท้อแท้
ที่นี่ถูกปิดสนิท ปกติก็ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน เธอควรสังเกตถึงความผิดปกติของตู้ลี่เฉิงก่อนหน้านี้
ลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจ เวินจิ้งเดินมาถึงประตูแล้วทุบประตู “ข้างนอกมีคนไหม…มีคนไหม…”
แต่เสียงที่ย้อนกลับมาก็มีแต่เสียงของเธอเอง
…
ตอนที่หลิงเหยากลับมาก็ใกล้จะเช้าของวันถัดไปแล้ว เมื่อเห็นว่าเวินจิ้งยังไม่กลับมา เธอจึงขมวดคิ้ว
ต่อมาพวกเขาไปร้องเพลงกันเป็นฝูง เหมือนว่าเวินจิ้งจะอยู่กับนักศึกษาอีกคนฝั่งโรงอาหารทางด้านนั้น
ทำไมเธอยังไม่กลับมา?
แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยชอบเวินจิ้ง แต่เมื่อคิดได้ว่าเธออาจต้องมาเป็นพี่สะใภ้ในอนาคตของเธอ ก็มีความกังวลขึ้นมา
แต่เธอไม่มีเบอร์ของเวินจิ้ง ทำได้เพียงโทรหาพี่ชาย
“เรื่องของคืนนี้เธอพูดมาให้ละเอียด ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” หลิงอี้ยังทำงานล่วงเวลาอยู่ที่บริษัท ตอนนี้รีบวางงานในมือแล้วมาอย่างรวดเร็ว
ดึกขนาดนี้ หลิงเหยาก็ไม่กล้าออกไปคนเดียว ทำได้เพียงรอพี่ชายอยู่ชั้นล่าง
ตลอดทางหลิงอี้โทรหาเวินจิ้งตลอด แต่โทรไม่ติด
ความอึมขรึมในดวงตากระจายไปทั่ว เดิมเวลาครึ่งชั่วโมงเขาใช้เวลาแค่สิบนาทีก็มาถึงมหาวิทยาลัยหลิงไห่แล้ว
“พวกเธอกินข้าวกันที่ไหน?” หลิงเฉิงเพิ่งลงจากรถ สีหน้าความกังวลปิดไม่มิด
“อยู่ประตูทางเหนือของร้านอาหารจีน”
ทั้งสองคนเดินไป ตอนนี้ก็ใกล้รุ่งเช้าแล้ว ร้านอาหารไม่ได้เปิดตั้งนานแล้ว
“ไปที่อื่นดูก่อน”
เดินวนรอบมหาลัยหลายรอบแล้ว ยังคงไม่พบเวินจิ้ง
หลิงเหยาส่งข้อความถึงเพื่อนร่วมชั้นแต่ละคนที่ไปสังสรรค์เมื่อวาน ไม่นานก็มีคนตอบกลับ
“เมื่อวานตู้ลี่เฉิงอยู่เป็นคนสุดท้ายกับเวินจิ้ง ฉันให้เพื่อนที่อยู่หอชายถามเขาแล้ว”
หลิงอี้พยักหน้า และไม่ได้หาต่อ ให้หลิงเหยากลับไปที่หอเพื่อรอดูว่าเวินจิ้งกลับไปรึยัง
และเขาไปที่อาคารสำนักงาน ใช้ความสัมพันธ์ในการตรวจดูกล้องวงจรของมหาลัยทุกตัวตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้า
แต่ว่าเมื่อคืน กล้องวงจรของมหาลัยเกิดปัญหาเกือบครึ่ง ภาพเบลอไม่ชัดเจน
“โอ้ ลมอะไรพัดคุณหลิงมาถึงที่นี่?”
ประตูเย่เฉียวเดินเข้ามา
“มีนักศึกษาหายตัวไป ผมกำลังตรวจสอบ” หลิงอี้พูดเงียบๆ
“คุณไม่มีสิทธิ์นี้ ให้ผมดูเถอะ” เย่เฉียวพูด
หลิงอี้ได้ลงทุนและสร้างอาคารที่มหาวิทยาลัยหลิงไห่ในปีแรกๆ เย่เฉียวไม่ได้เจอเขากลับมานานแล้ว
“นักศึกษาชื่ออะไร?” เย่เฉียวถาม
“เวินจิ้ง”
เมื่อได้ยินที่พูด เย่เฉียวหยุดการเคลื่อนไหว และปิดจอทันที
“ไม่ต้องตรวจแล้ว”
หลิงอี้หน้าขรึม “หมายความว่ายังไง?”
“เธอกำลังจะถูกไล่ออก เรื่องของเธอไม่เกี่ยวกับมหาลัยของเรา”
หลิวอี้ขมวดคิ้ว ยังคงไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเย่เฉียว
“เธอเป็นนักศึกษาใหม่ของปีนี้”
“แน่นอนฉันรู้ ความประพฤติของเธอไม่ถูกต้อง มหาวิทยาลัยหลิงไห่ของเราไม่ต้องการนักศึกษาแบบนี้!” เย่เฉียวพูดขรึมๆ
“สาเหตุคืออะไร?” หลิงอี้ถามอย่างตื่นตระหนก
“นี่เป็นเรื่องของทางมหาลัย คุณหลิง มันไม่เกี่ยวกับคุณ” เย่เฉียวไม่พูดมาก ตอนนี้เขารีบไปหาผู้อำนวยการทันที
…
บริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป มู่วี่สิงกำลังดูคอม
ในปัจจุบันบนอินเทอร์เน็ตของทางมหาวิทยาลัยหลิงไห่ได้ออกประกาศว่า เวินจิ้งและนักศึกษาคณะเดียวกันหลี่หมิงผลสอบระดับบัณฑิตวิทยามีความคล้ายคลึงกันมากกว่า80% เพราะเรื่องนี้ เวินจิ้งกำลังถูกตรวจสอบ
เขาสั่งเกาเชียน ”นำเรื่องนี้ไปตรวจสอบให้ชัดเจน รายการวันนี้แคนเซิลให้หมด”
สิ้นเสียง คนก็เดินออกจากห้องทำงานแล้ว
มาถึงมหาวิทยาลัยหลิงไห่ มู่วี่สิงตรงไปที่อาคารสำนักงาน
ประตูทางเข้า เย่เฉียวเพิ่งเดินออกมา
เมื่อเจอมู่วี่สิง สีหน้าก็เย็นชาชั่วขณะ “คุณมาที่นี่ทำไม!”
มู่วี่สิงไม่ได้สนใจเขา รีบเดินตรงขึ้นไปห้องผู้อำนวยการ
แต่เย่เฉียวรีบตามขึ้นมาขวางเขาไว้ “เรื่องเกี่ยวกับการทุจริตของเวินจิ้ง คุณยังต้องการพูดแทนเธอ?”
เมื่อได้ยินที่พูด ดวงตาที่ลึกซึ้งของมู่วี่สิงแคบลงอย่างอันตราย “ฉันดูว่าคุณกำลังทุจริต เธอไม่ได้ทุจริต และไม่มีทางทุจริต!”
เย่เฉียวยิ้ม “มู่วี่สิง คำพูดไม่ควรพูดช้าเกินไป ครั้งนี้มีหลักฐานมั่นคง”
ภายในห้องทำงาน ไป๋สือนั่งอยู่บนโซฟา ตรงหน้าเป็นกระดาษสอบของเวินจิ้งและหลี่หมิง
เมื่อเห็นมู่วี่สิงเข้ามา เขาไม่แปลกใจเลย
“ศาสตราจารย์”
“นั่งลงเถอะ เมื่อครู่เย่เฉียวนำกระดาษสอบมาให้แล้วบอกฉันเรื่องที่เวินจิ้งทำการทุจริต เป็นความจริง ที่คำตอบของทั้งสองคนมีความคล้ายคลึงกัน”
มู่วี่สิงขมวดคิ้ว และหยิบกระดาษสอบขึ้นมา สีหน้าค่อยๆขรึม
ในเวลาเดียวกัน ไป๋สือก็บอกมู่วี่สิง มีอาจารย์ผู้คุมสอบบอก ในวันสอบเวินจิ้งดูแปลกๆ
ตอนใกล้หมดเวลาก่อนหนึ่งชั่วโมง ทันใดนั้นเธอก็หัวเราะออกมา
ในการสอบที่จริงจังนี้ พฤติกรรมแบบนี้ของเธอค่อนข้างแปลก ไม่ทำให้คนสงสัยไม่ได้
“ถ้าหากเรื่องนี้เป็นความจริง ผมก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้” ไป๋สือพูดเงียบๆ
“ศาสตราจารย์ ผมเชื่อคนอย่างเวินจิ้ง เธอไม่มีทางทำเรื่องทุจริต”
“ฉันก็เชื่อเด็กคนนั้น แต่เมื่อครู่ผู้อำนวยการก็ได้ประชุมแล้ว ยกเลิกสิทธิ์ของเวินจิ้งให้ได้มาเข้าเรียนชั่วคราว จนกว่าเรื่องนี้จะถูกตรวจสอบอย่างชัดเจน ใช้เวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์”
เมื่อออกจากอาคารสำนักงาน มู่วี่สิงโทรหาเวินจิ้ง แต่กลับไม่สามารถติดต่อได้
ขณะนี้ ได้เดินผ่านนักศึกษาข้างกายไป แล้วได้ยินเสียงพูดคุยกัน
“เมื่อกี้ตรงสนามหญ้าดูแปลกๆ ห้องอุปกรณ์นั้นจะถูกรื้อแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันกลับได้ยินเสียงแปลกๆ…”
“ฉันรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของผู้หญิง แต่ที่นั่นไม่มีใครเข้าไป เธอว่าเราไปบอกให้อาจารย์ใหญดีไหม?”
“เธอพูดจนทำให้ฉันกลัวมาก…”