บทที่ 484 เป็นความรักข้ามประเทศ
เวินจิ้งก้มหน้ามองแหวนในมือของเธอ ฝ่ามือใหญ่ของมู่วี่สิงห่อมือเล็กๆของเธออยู่ และนิ้วกลางของเขาก็ใส่แหวนอยู่
“มู่วี่สิง ฉันยังไม่ได้รับปากเลย” หลังจากสติกลับมา เวินจิ้งก็จ้องมองเขาอย่างโกรธ
แต่ในสายตาของมู่วี่สิง มันเป็นอ้อนชัดๆเลย
ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน จูบของมู่วี่สิงก็จูบลงมา จูบลงถึงหูของเธอ และกระซิบว่า “จิ้งๆ คุณไม่อยากแต่งงาน ฉันรอได้ แต่คุณต้องเป็นของฉันเท่านั้น”
คำพูดของผู้ชาย แข็งแกร่งและจริงจัง แต่เวินจิ้งก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
เธอถูกกดลงบนโซฟาอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว ดวงตาที่สดใสของเวินจิ้งมองมู่วี่สิง นับเวลาดู ตั้งแต่วันที่เธอกับมู่วีสิงเป็นแฟนกันถึงวันนี้ ผ่านไปสองเดือนแล้ว
แม้ว่าการหมั้นจะเร็วไปหน่อย แต่ก็ดูเหมือนว่า …ปฏิเสธไม่ได้ งั้นก็ยอมรับแล้วกัน
เธอกอดคอของมู่วี่สิง “เอาล่ะ ถูกคุณหลอกอีกครั้ง”
“หลอกเหรอ ฉันหลอกเธอเมื่อไหร่ “มู่วี่สิงบีบคางของเธออย่างไม่พอใจ
“นี่ไม่ใช่เหรอ ฉันยังไม่ได้รับปากเลย ใส่แหวนไปก่อนแล้ว”
“อืม หลอกได้ก็เป็นความสามารถไม่ใช่เหรอ” รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่วี่สิงเยอะไปเรื่อยๆ
เวินจิ้งตบหน้าอกของเขา “ใช่ๆ ศาสตราจารย์มู่เก่งที่สุดเลย”
มู่วี่สิงจูบลงมา ทำเรื่องรักอีกครั้ง ท้องฟ้านอกหน้าต่างก็ค่อยๆมืดลง
หลังจากสองคนออกจากห้อง ก็ไปทานข้าวที่ร้านอาหารจีน มันเป็นเวลาอาหารเย็นพอดี
พอสั่งอาหารเสร็จ มู่ซือซือก็โทรมาเลย
“พี่ชาย พี่จะกลับมาเมื่อไหร่” มู่ซือซือถามอย่างระมัดระวัง
เธอไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น เธอไม่ได้ไปงานเลี้ยง
แต่ว่าคุณปู่อารมณ์ไม่ดีตั้งแต่เขากลับมา และพี่ชายก็ไม่ได้กลับมาทั้งคืน เธอสังเกตว่าอาจเกิดอะไรขึ้น
เมื่อกี้นี้ คุณปู่ได้สั่งว่าให้บอกมู่วี่สิงกลับมาทานข้าวด้วยกัน มู่ซือซือเลยโทรหาพี่ชาย
“ตอนกลางคืน”
“ตอนนี้ได้ไหม”
“อีกสองชั่วโมง คุณปู่เป็นอะไร” มู่วี่สิงขมวดคิ้ว
“ไม่มีอะไร แค่บอกว่ารอพี่กลับมาถึงจะกินข้าว”
“งั้นก็ให้เขารอไป น้องกินไปก่อน”
มู่ซือซือ …
วางสายอย่างกังวล มู่ซือซือมองคุณปู่ที่นั่งอยู่บนที่นั่งหลักและปวดหัวขึ้นมาทันที
ถึงแม้ว่าปกติคุณปู่ก็รักเธอมาก แต่มู่วี่สิงก็เป็นหลานชายที่คุณปู่รักที่สุด เธอเกลี้ยกล่อมเขาไม่ได้
“คุณปู่ เดี๋ยวพี่ชายก็กลับมา เรากินข้าวกันก่อนนะ”
“รอให้เขากลับมาก่อนค่อยกิน” มู่เฉิงทำหน้าโกรธ
สองชั่วโมงผ่านไป มู่วี่สิงกลับถึงบ้านตรงเวลา
เมื่อพ่อบ้านเห็นมู่วี่สิงกลับมา ก็โล่งใจอย่างมากและอดพูดไม่ได้ว่า “คุณวี่สิง คุณกลับมาสักทีครับ”
มู่วี่สิงนิ่งเฉยและเดินตรงไปที่ห้องอาหาร
มู่ซือซือหิวจนหมดอารมณ์ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าก็คิดว่าเป็นคนรับใช้ เลยสั่งโดยที่ไม่ได้ทันดูว่า “เอากับข้าวไปอุ่นใหม่”
เงยหน้าขึ้นเห็นว่าเป็นพี่ชาย…
เธอรีบผลักรถเข็นเข้าไปอย่างดีใจทันที “พี่ชาย พี่กลับมาแล้ว”
สีหน้ามู่เฉิงยังเข้มงวดอยู่ ไม่ได้มองหลานชายเลย
มู่วี่สิงตอบเบาๆ เขากินอิ่มแล้ว ก็ไม่คิดจะกินอยู่แล้ว
“รีบไปกินข้าว พี่บอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอ” มู่วี่สิงพูดอย่างเคร่งขรึม
มู่ซือซือเม้มปากอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม คุณปู่เป็นผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ยังไม่ได้กินเลย หลานอย่างเธอไม่กล้ากินหรอก…
เมื่อเห็นว่าพี่ชายจะกลับห้อง มู่ซือซือรีบดึงเขาไว้ “พี่ชาย นั่งลงกินข้าวกับคุณปู่หน่อยนะ”
มู่วี่สิงมองมู่เฉิง เขายังไม่ได้กินข้าว
มู่วี่สิงเดินไปที่โต๊ะอาหาร
แต่นั่งลงที่ข้างๆมู่ซือซือ และตักกับข้าวให้เธอ
มู่ซือซือหิวแล้วจริง ๆ แต่คุณปู่ยังไม่กิน เธอก็ไม่รู้ทำยังไงดี
แต่วินาทีต่อมา มู่เฉิงก็ยืนขึ้นด้วยไม้เท้า และกลับไปที่ห้องโดยไม่ได้กินข้าวสักคำเลย
มู่วี่สิงสั่งด้วยเสียงต่ำ “ซือซือ รีบกิน”
มู่ซือซือก้มหัวลง ไม่สนแล้ว กินข้าวก่อน
เธอถามอย่างกังวลว่ า”พี่กับคุณปู่เป็นอะไรเหรอ”
“เขาล็อคฉันกับโจวหย่านอยู่ด้วยกัน”
“แค่กๆ – “มู่ซือซือข้าวพุ่งออกมาทันที
มองพี่ชายอย่างประหลาดใจ เขาไม่เคยพูดเล่นอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้น …นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ
“โจวหย่านเหรอ คุณปู่ทำแบบนี้ทำไมล่ะ เขาไม่ชอบโจวหย่านไม่ใช่เหรอ”
เพราะตอนที่พี่ชายจะแต่งงานกับโจวหย่านก่อนหน้านี้ คุณปู่แม้แต่งานแต่งก็ไม่มาเลย โกรธจนเขาอยู่ในประเทศ Cตลอด
มู่วี่สิงไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าของเขามืดมนมาก
“พี่ไม่ได้ทำอะไรใช่ไหม” มู่ซือซือถามอย่างประหม่า
“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันไม่ได้สนใจโจวหย่าน”
พูดเสร็จ เขาก็ขึ้นไปชั้นสอง มู่เฉิงอยู่ในห้องหนังสือ มู่วี่สิงผลักประตูเข้ามา
ต่างคนต่างไม่ได้พูดอะไร นั่งอยู่ตรงหน้ากัน
“คุณปู่ ผมจะหมั้นกับเวินจิ้งในสัปดาห์หน้า ผมขอแจ้งให้คุณปู่ทราบครับ”
“ฉันไม่อนุญาต” มู่เฉิงปฏิเสธโดยตรง
มู่วี่สิงคิดไว้อยู่แล้ว พูดอย่างเยือกเย็นว่า “ไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากคุณปู่”
พูดเสร็จก็หันตัวออกไป
แต่มู่เฉิงเรียกเขา “หยุด”
เขาเดินไปที่มู่วี่สิงด้วยไม้เท้า “แกเป็นประธานของบริษัทมู่ซือกรุ๊ปอยู่แล้ว ยังรับตำแหน่งของโรงพยาบาลเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง และไปเปิดคอร์สรักษาทุกสัปดาห์ด้วย มันใช่เรื่องไหม”
“ผมไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร” สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชามาก
“ฉันคิดว่ามีปัญหา ในเมื่อเวินจิ้งมีอิทธิพลต่อแกมาก งั้นฉันจะจัดผู้หญิงคนอื่นให้แก ตระกูลมู่ของเราต้องการหลานสะใภ้ที่เชื่อฟัง” มู่เฉิงพูดอย่างจริงจังมาก
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ มู่วี่สิงยิ้มอย่างเย็นชา “คุณปู่ นั่นคือผู้หญิงที่ตระกูลมู่ต้องการ แต่ไม่ใช่ผม การแต่ง
งานของผม คนอื่นตัดสินแทนผมไม่ได้เด็ดขาด”
พูดเสร็จ เขาก็กระแทกประตูอย่างเยือกเย็นแล้วเดินออกไป
มู่เฉิงโกรธมาก ยืนด้วยไม้เท้า สักพักค่อยจับกำแพงยืนขึ้น
ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาต้องทำให้มู่วี่สิงออกจากโรงพยาบาลให้ได้
เมื่อมู่วี่สิงออกมา มู่ซือซืออยู่ข้างนอก
เมื่อกี้สองคนทะเลาะกัน เธอได้ยินเล็กน้อย
เธออยู่ข้างพี่ชายแน่นอน ถ้าเป็นเธอ ก็ไม่อยากให้การแต่งงานของตัวเองต้องถูกควบคุม
“มากับพี่” เมื่อเห็นมู่ซือซือ มู่วี่สิงก็พาเธอเข้าห้อง
มู่วี่สิงยื่นเอกสารชุดหนึ่งมา” นี่คือมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่งของต่างประเทศ ลองดูสิว่าน้องชอบมหาลัยไหน”
“พี่ พี่หมายความว่ายังไง พี่จะให้ฉันไปต่างประเทศเหรอ” มู่ซือซือถามอย่างตกใจ
มู่วี่สิงพยักหน้า “อืม พี่อยากให้น้องไปเรียนที่ต่างประเทศ”
“แต่ฉันไม่ได้วางแผนแบบนี้ … ฉันวางแผนจะสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยหลินไห่ … ”
หลิงเหยาอยู่ในมหาวิทยาลัยหลินไห่ ถ้าเธอสอบเข้าไปได้ สองคนจะเจอกันบ่อยๆแล้ว
“ซือซือ ฟังพี่นะ”
มู่ซือซือเงียบไป ลังเลเล็กน้อย
นึกถึงว่าถ้าเธอไปต่างประเทศ งั้นเธอกับส้งวี่… ก็เป็นคู่รักทางไกลแล้ว
ไม่ใช่ มันทางไกลต่างประเทศด้วย
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของมู่ซือซือก็เต็มไปด้วยการปฏิเสธ “พี่ชาย ฉันไม่ไปต่างประเทศ ฉันอยู่หนานเฉิงก็พอค่ะ”
“น้องคิดอย่างนั้นจริงๆหรือ”
“ใช่” มู่ซือซือพยักหน้าอย่างจริงจัง
มู่วี่สิงก็ไม่ได้พูดอะไร นี่ก็แค่คำแนะนำเอง
มู่ซือซือยากอยู่ในหนานเฉิง เขากับส้งวี่ก็จะพยายามปกป้องเธอให้ดีสุด