Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 502

ตอนที่ 502

บทที่ 502 ยอมเสียสละเพื่อหล่อน

“จะไปเรียนต่อที่ไหน?” มู่วี่สิงถามต่อ

“ยังไม่คิดเลย”

บรรยากาศภายในรถดูอึมครึม

“มู่วี่สิง คุณไปส่งฉันที่มหาวิทยาลัยก่อนดีกว่า” เวินจิ้งกล่าว

ตอนนี้หล่อนอยากรู้ว่าทางมหาวิทยาลัยหลินไห่มีแผนรับมืออย่างไร

“อือ เดี๋ยวผมไปด้วย”

มู่วี่สิงบอกคนขับให้ออกรถ

มือน้อย ๆ ของเวินจิ้งถูกมู่วี่สิงกุมเอาไว้ ทว่ากลับห่อหุ้มไว้ด้วยความเยือกเย็น

สีหน้าของชายหนุ่มเกร็งตึง เมื่อครู่เขาดื่มเหล้าไปไม่มาก แต่ในยามนี้บนร่างกายยังคงมีกลิ่นเหล้าติดอยู่ราง ๆ ระคนกลิ่นลมหายใจเย็นชื่นที่แผ่ออกมา

จมูกของเวินจิ้งพลันแสบขึ้นมา

เมื่อคิดว่าถ้าไปเรียนต่างประเทศ รักทางไกลระหว่างหล่อนกับมู่วี่สิงก็คงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้

มือน้อยของหล่อนคู่นั้นเกาะกุมมือใหญ่ของมู่วี่สิงเอาไว้ อย่างแน่นมาก ๆ

“มู่วี่สิง ถ้าฉันจะบอกว่า ฉันอาจจะไปเรียนต่อต่างประเทศล่ะ” เวินจิ้งกล่าวพึมพำ

วินาทีต่อมา ออร่าที่แผ่ออกมาจากร่างของมู่วี่สิงก็ยิ่งเยือกเย็นลงจริง ๆ

เวินจิ้งไม่พูดไม่จาไปชั่วขณะ

มู่วี่สิงขมวดคิ้วมุ่น สักพักหนึ่งถึงหันหน้ากลับมา ไอเย็นในแววตาถูกเขากลบปิดไว้จนมิด

เขากล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล “จิ้งจิ้ง ถ้าหาก ฉันไม่ยอมล่ะ”

น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยอำนาจกดดันอยู่หลายส่วน

“งั้นฉันจะคิดอีกที” เวินจิ้งพึมพำตอบ

ตอนนี้ ทุกอย่างยังไม่มีข้อสรุป

ครั้นมาถึงมหาวิทยาลัยหลินไห่ อาคารที่แสนคุ้นตาก็ทำให้เวินจิ้งบังเกิดความรู้สึกพร่าเบลอบางอย่าง

“คุณกลับไปทำงานต่อเถอะ ฉันไปคนเดียวก็ได้” เวินจิ้งปลดเข็มขัดนิรภัยออก

แววตาของมู่วี่สิงลุ่มลึก มองเวินจิ้งจนหล่อนประดักประเดิด

วินาทีต่อมา มู่วี่สิงพลันฉุดข้อมือของเวินจิ้งเอาไว้ ก่อนที่หล่อนจะสะดุดเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขาในทันใด

ถูกเขารัดรึงจนไม่มีที่จะหนี

“คุณกำลังจะหนีผมไป” น้ำเสียงของมู่วี่สิงบ่งบอกว่ายืนยันมั่นใจ

เวินจิ้งขบริมฝีปาก หล่อนเองก็ไม่รู้ว่าทำไม

อาจเป็นเพราะมู่เฉิงขัดขวาง หล่อนไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ระหว่างมู่วี่สิงกับมู่เฉิง

สิ่งที่หล่อนต้องการมาโดยตลอด คือความรักที่มั่นคงยืนยาว

หากมีอุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ มาขัดขวาง หล่อนย่อมถอยหนีออกมาโดยอัตโนมัติ

“เปล่านะ มู่วี่สิง คุณคิดมากไปแล้ว” เวินจิ้งผลักเขาออก

พอหลุดคำพูดออกมา ก็แทบจะหนีลงจากรถ

มู่วี่สิงไม่ยอมจากไป แต่ยังคงรอหน้ามหาวิทยาลัยอยู่เช่นนั้น จนกระทั่งเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือทำลายความเงียบลง

เป็นสายเรียกเข้าจากเลี่ยวหยง

“มู่วี่สิง เรามาทำข้อตกลงกัน”

สำนักอธิการบดี

“เวินจิ้งมาแล้วเหรอ” สีหน้าของอธิการบดีดูค่อนข้างเหนื่อยล้า

เวินจิ้งยืนอยู่ห่างจากโต๊ะทำงานระยะหนึ่ง ทอดสายตามองอธิการบดีอย่างชืดชา

เข้าเรียนมานานขนาดนี้แล้ว หล่อนจึงสัมผัสได้ว่าอธิการบดีดูจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าหล่อนเสียเท่าไร

“ถึงแม้ฉันจะเป็นอธิการบดี แต่เหนือฉันขึ้นไปยังมีคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย เรื่องบางเรื่อง ฉันคนเดียวไม่อาจตัดสินใจได้” อธิการบดีกล่าวอย่างมีความนัยแฝง

เวินจิ้งฟังแล้วก็เข้าใจ

“อธิการบดีคะ อย่างน้อยตัวหนูเองก็ไม่เคยอยากจะย้ายที่เรียน แต่ผลการเรียนของหนูได้รับการตอบรับจากสถาบันอื่นแล้ว หรือนี่ไม่ใช่ความผิดของมหาวิทยาลัยคะ?”

“ทางมหาวิทยาลัยน่ะ ก็คิดทำเพื่อความก้าวหน้าของตัวเธอเอง ชื่อเสียงของ มหาวิทยาลัยของประเทศB ก็ไม่ได้ขี้เหร่ไปกว่ามหาวิทยาลัยหลินไห่ของเราเลยสักนิด เธอยังได้เรียนฟรีอีกต่างหาก ไม่ดีหรือไง?”

“ดังนั้น อธิการบดีเลยอยากให้หนูไปเรียนที่ มหาวิทยาลัยของประเทศB เหรอคะ?” เวินจิ้งย้อนถามอย่างไม่สบอารมณ์

“ตอนนี้น่ะ อธิการบดีเองก็อยากจะถามความคิดของเธอเหมือนกัน ถ้าเธออยากจะอยู่ต่อ ก็ไม่มีปัญหา”

เวินจิ้งเม้มริมฝีปาก ขนคิ้วเชิดสวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

“ถ้าหนูอยู่ต่อ อธิการบดีคิดว่าจะให้ศาสตราจารย์ท่านไหนสอนหนูต่อคะ?” เวินจิ้งเอ่ยถามเสียงเย็น

อธิการบดีอับจนถ้อยคำไปชั่วขณะ นี่แหละที่เป็นสิ่งที่ลำบากที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ เบื้องบนต้องการให้เขารั้งตัวเวินจิ้งเอาไว้ แต่ปัญหาคือไม่มีศาสตราจารย์คนไหนยอมรับเวินจิ้ง เพราะถ้ารับหล่อนเป็นลูกศิษย์แล้ว ใครจะรู้ว่าภายหน้าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอีก

เห็นสีหน้าลำบากใจของอธิการบดีแล้ว เวินจิ้งเลยเข้าใจ

หล่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อธิการบดีคะ ในเมื่อศาสตราจารย์ไป๋เกษียณออกไปแล้ว หนูเองก็หมดหวังที่จะอยู่ต่อที่มหาวิทยาลัยหลินไห่แล้วเหมือนกัน ช่วงเวลาเกือบปีมานี้ อย่างไรเสียก็ต้องขอบคุณอธิการบดีที่คอยอบรมสั่งสอนหนู”

อธิการบดีมองเวินจิ้งอย่างเหนือความคาดหมาย ถึงกับนิ่งอึ้ง

เรื่องนี้ตัวเขาเองก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไรจริง ๆ แต่ถ้าหากเวินจิ้งยอมลาออกเอง เช่นนั้นผลลัพธ์ก็นับว่าไม่เลวทีเดียว

หลังออกมาจากสำนักอธิการบดี เวินจิ้งก็กลับไปที่หอพักก่อน

อย่างน้อยเรื่องนี้ ก็ต้องบอกหลิงเหยาให้ชัดเจน

หลิงเหยาเกือบจะร้องไห้ออกมา ความอยุติธรรมที่เวินจิ้งได้รับตั้งแต่เข้าเรียนมาล้วนอยู่ในสายตาหล่อนมาโดยตลอด ไม่นึกว่าตอนนี้ยังต้องออกจากมหาวิทยาลัย หล่อนทั้งเศร้าใจและตัดอาลัยไม่ได้

“เวินจิ้ง เธอตัดสินใจแน่แล้วเหรอ? ทำไงดี ฉันไม่อยากจากเธอไปเลย…”

เวินจิ้งฝืนยิ้มขื่น โอบกอดหลิงเหยาเบา ๆ “ฉันก็ไม่อยากจากเธอไปเหมือนกัน แต่ในเมื่อตัดสินใจเลือกแล้ว ก็มาเสียใจทีหลังไม่ได้”

“เป็นเพราะศาสตราจารย์ไป๋เกษียณเหรอ?” หลิงเหยาเอ่ยถามงึมงำ

“อื้อ การเกษียณของศาสตราจารย์ไป๋เป็นสาเหตุใหญ่ที่สุด แล้วฉันเองก็ไม่อยากเรียนกับศาสตราจารย์คนอื่นแล้วด้วย”

“เอาเถอะ ฉันเคารพการตัดสินใจของเธอ แต่เธอวางแผนจะไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยไหนล่ะ?”

“ยังไม่รู้เลย…”

“ฟู่ แต่ คุณนายหลิน น่าจะปูทางไว้ให้เธอแล้วล่ะ เวินจิ้ง เธออยู่มหาวิทยาลัยหลินไห่นี่ ลำบากจริง ๆ นะ” หลิงเหยาสะท้อนใจ

มีแต่คนคิดปองร้ายเวินจิ้งทั้งในที่แจ้งที่ลับ หล่อนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงนัก

บางที การเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมอาจจะดีขึ้นก็ได้

“ลำบากน่ะไม่เท่าไร คนเป็นหมอใครบ้างไม่ลำบาก? แต่ฉันรู้สึกเสียดายมากกว่า ที่ไม่ได้อยู่กับศาสตราจารย์ไป๋ไปจนจบการศึกษา”

“เธอจะได้เจอกับอาจารย์เก่ง ๆ คนอื่นแน่” หลิงเหยากล่าวให้กำลังใจ

ในสายตาของหล่อน ทั้งคุณสมบัติและความสามารถของเวินจิ้งล้วนอยู่ในขั้นสุดยอด หล่อนคู่ควรกับสิ่งที่ดีกว่า

เวินจิ้งแย้มยิ้ม ก่อนจะเก็บเสื้อผ้าบางส่วนในหอไปพลาง ๆ หลังจากบอกลาหลิงเหยาแล้ว ถึงได้ออกจากมหาวิทยาลัย

ข้าวของในหอย้ายทีเดียวไม่หมด หล่อนยังต้องหาเวลากลับมาเก็บข้าวของอื่น ๆ อีก

พอเดินออกมาจากหอพัก คิดไม่ถึงว่ามู่วี่สิงก็เข้ามาแล้ว

เห็นเวินจิ้งลากกระเป๋าสัมภาระ ก็ไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมายอะไร

มู่วี่สิงรับกระเป๋าสัมภาระในมือของหล่อน แล้วส่งให้คนขับรถ เขาจูงมือน้อย ๆ ของหล่อนพาหล่อนขึ้นรถ

ตอนนี้เป็นช่วงสุดสัปดาห์ ในมหาวิทยาลัยมีคนไม่มาก แต่ก็ยังมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยที่เห็นภาพฉากนี้

ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสวมเสื้อขาวกางเกงดำจูงมือสาวน้อยหน้าตาสะสวย ในเบื้องลึกดวงตาของชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยความรักความเอาใจใส่อย่างลึกซึ้งที่มิอาจปกปิดเอาไว้ได้ ทว่าเวินจิ้งกลับเอาแต่เหม่อลอย

“มู่วี่สิง คุณไม่ถามฉันเหรอ?” พอเข้าไปนั่งในรถ เวินจิ้งก็ทอดมองมู่วี่สิง

“เมื่อครู่ตอนคุณพูดกับผม ผมก็เข้าใจความคิดของคุณหมดแล้ว”

ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปได้ไม่นาน แต่การล่วงรู้ใจคนเป็นทักษะอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้

“ฟู่” เวินจิ้งพ่นลมหายใจจนแก้มป่อง เอาเถอะ อยู่ต่อหน้ามู่วี่สิง ความคิดใด ๆ ก็ไม่อาจปกปิดเขาได้จริง ๆ

“สุดท้ายคุณก็ตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยหลินไห่ เพราะไม่อยากให้ผมช่วยเหลืออีก” มู่วี่สิงกล่าวเสียงทุ้มต่ำ

นิสัยของเวินจิ้งก็เป็นเช่นนี้แหละ หล่อนอยากจะไปเผชิญเรื่องราวทั้งหมดด้วยตัวเองมากกว่านี้ ต่อให้ผลลัพธ์จะไม่ออกมาดีที่สุด หล่อนก็รับได้

แต่ถ้ามีคนคอยช่วยหล่อน หล่อนก็จะรู้สึกติดค้าง

แม้ว่าคนคนนั้น คือคนรักที่สนิทสนมกับหล่อนก็ตาม

นิสัยทำอะไรด้วยตัวเองเป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งเป็นเช่นนั้น

“ฉันไม่อยากให้คุณยื่นมือเข้ามาช่วยอีกแล้วจริง ๆ” เวินจิ้งกอดมู่วี่สิงเอาไว้ พลางกล่าวพึมพำ

ตั้งแต่ที่รู้ว่ามู่วี่สิงรับช่วงสืบทอดบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปเพราะหล่อน หล่อนก็รู้สึกว่าตนเองทำให้ชีวิตของมู่วี่สิงต้องเดือดร้อนโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย

เขาควรจะยึดมั่นในความตั้งใจของตัวเอง ไม่ควรต้องมาอยู่ผิดที่ผิดทางเพราะหล่อนอีก

“จิ้งจิ้ง เรื่องทั้งหมดที่ผมทำเพื่อคุณ ผมเต็มใจทำทั้งสิ้น” น้ำเสียงของมู่วี่สิงเย็นชาเล็กน้อย ตอนนี้เขาสามารถที่จะปกป้องหล่อนได้อย่างเต็มที่แล้ว

การยอมเสียสละบางสิ่งเพื่อหล่อน เขารู้สึกเสมอว่า มันคุ้มค่าเหลือเกิน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท