Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 641

ตอนที่ 641

บทที่ 641 ความสบายใจที่ห่างหายไปนาน

เวินจิ้งหันหน้ากลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็พยักหน้าช้าๆ

คุณยายยิ้มตาหยีพร้อมทั้งมองไปทางมู่วี่สิง “ผู้ชายอาบน้ำเย็นกลางลานก็ได้”

เวินจิ้งมองไปทางลานเล็กๆที่ขั้นอยู่ตรงหน้าต่างโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็หลุดขำออกมาในทันที คุณหมอมู่ที่ใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติมาเสมอจะสามารถอาบน้ำในที่อาบน้ำสาธารณะได้ไหมนะ?

แต่ว่าเวินจิ้งก็เพิ่งเคยอาบน้ำในห้องน้ำสาธารณะเป็นครั้งแรกเหมือนกัน รู้สึกเป็นอะไรที่แปลกใหม่ แต่ที่มากกว่านั้นก็คือความประหม่า

เพราะว่าเป็นฤดูร้อน คนที่มาอาบน้ำเลยไม่เยอะ คนในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าจึงมีน้อย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้เห็น “ของขาวๆ”ของผู้หญิงคนอื่นๆเหมือนอย่างที่จินตนาการไว้เท่าไหร่นัก

เธอไม่เคยมีประสบการณ์อาบน้ำในที่แบบนี้มาก่อน ดังนั้นในตอนนี้เธอเลยทำตัวลับๆล่อๆเหมือนโจรขโมยของ หอบเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนเอาไว้แนบอกแล้วรีบวิ่งเข้าห้องถัดไปอย่างเร่งรีบ จากนั้นก็ใช้ความเร็วขั้นสุดในการอาบน้ำให้เสร็จแล้วก็ใส่รองเท้าแตะเดินออกมา

คุณยายรอเธออยู่ตรงประตู จากนั้นทั้งสองคนก็เดินไปด้วยกันพร้อมกับคุยกันไปด้วย “หิวหรือยัง? กลับไปก็ได้กินข้าวแล้วล่ะ เสี่ยวมู่น่ะชอบกินซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานที่สุดเลยนะ เดี๋ยวอีกสักพักคุณก็จะได้ลองชิมเองล่ะ”

เวินจิ้งรวบผมเปียกๆไปเหน็บไว้หลังหู จากนั้นก็ตอบรับไปหนึ่งที ลังเลอยู่พักใหญ่ถึงได้เอ่ยถามขึ้นว่า “คุณยายคะ เขามาที่นี่บ่อยไหมคะ?”

“ปีละครั้ง”

“เขามาทำอะไรเหรอคะ?”

“คนในเมืองแบบพวกคุณชอบมาเที่ยวพักผ่อนกันไม่ใช่เหรอ? ก็มาดื่มชาเอย ตกปลาเอย กินอาหารพื้นบ้านอะไรพวกนี้แหละ”

เวินจิ้งเงียบไป สามปีก่อนตอนที่ยังคบกับเขาอยู่ เธอไม่เคยรู้เลยว่าเขาจะมีด้านที่ไม่ธรรมดาแบบนี้

เมื่อก่อนเวลาไปเที่ยวกับเขา ก็มักจะไปพักโรงแรมมีระดับ แต่นึกไม่ถึงเลยว่ามู่วี่สิงจะชอบการเที่ยวพักผ่อนแบบติดดินอย่างนี้ด้วย

รองเท้าแตะเหยียบย่ำลงบนพื้นหินอ่อนจนเกิดเสียงดังตึกๆ เมื่อบังเอิญเจอเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งเลิกเรียนเข้าพอดี ก็มีเสียงเจี๊ยวจ๊าวตามมา ทางเดินที่ตอนแรกเงียบเชียบตอนนี้พลันแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะร่าเริง

เวินจิ้งคิดอะไรอยู่ในหัวมาตลอดทาง จนกระทั่งเดินมาถึงลานเล็กๆ เมื่อเปิดประตูออกไปก็นิ่งอึ้งไปในทันที

ตอนนี้แสงตะวันกำลังบ่ายคล้อย บนพื้นหินอ่อนเฉอะแฉะ มีขันน้ำพลาสติกวางอยู่ มู่วี่สิงกำลังหันหลังให้เธอ ด้วยท่อนบนที่เปลือยเปล่า น่าจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ

แสงอาทิตย์สีนวลสาดส่องลงมา กระทบผิวของเขาจนกลายเป็นสีแทนๆ ช่วงเอวบางแต่กลับดูแข็งแรงสวมกางเกงผ้านวมเอาไว้หลวมๆ ในตอนที่เขาหันหน้ามาเห็นเวินจิ้ง ก็มีท่าทีนิ่งไปนิด

เวินจิ้งไม่ได้เช็ดผมให้แห้ง บนร่างกายสวมใส่ชุดกระโปรงสีหม่นที่สุดแสนจะเรียบง่ายเหมือนกับผู้หญิงในท้องที่แห่งนี้ แววตาก็ดูเป็นประกายสดใส

รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาในดวงตาของมู่วี่สิงจางๆ แต่ไม่นานเขาก็เก็บอาการเอาไว้ได้ หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าภายในบ้าน

เวินจิ้งยืนอยู่ตรงบริเวณลานบ้าน จากนั้นก็ย้ายสายตาหนีอย่างเงอะงะด้วยแก้มแดงเรื่อง ในหัวมีแต่ภาพรูปร่างสูงโปร่งของมู่วี่สิง

จนกระทั่งคุณยายมาเรียกไปกินข้าว เวินจิ้งถึงได้มีสติกลับมา

อาหารบนโต๊ะไม่ได้มีมากมาย มีซี่โครงผัดเปรี้ยวหวาน แกงเต้าหู้เนื้อกุ้ง และซุปหัวปลา แต่ละอย่างดูน่ารับประทานทั้งนั้น

เวินจิ้งก้มหน้าก้มตากินข้าว ส่วนมู่วี่สิงทานไปคุยกับคุณปู่ไป

เมื่อเจ้าของที่พักพูดถึงลูกชายลูกสาวที่ออกไปทำงานต่างเมืองตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มเป็นสาว เขาก็ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด ตั้งใจฟังเป็นพิเศษ

ในตอนที่เวินจิ้งเงยหน้าขึ้นมา แล้วเห็นว่ามุมปากของเขายกโค้งขึ้นอย่างอบอุ่นเข้าพอดี เธอก็ตะลึงไปชั่วขณะ รู้สึกเหมือนกับว่ามู่วี่สิงในตอนนี้ ราวกับย้อนกลับไปเป็นผู้ชายที่เคยอบอุ่นอ่อนโยนเมื่อสามปีที่แล้ว

ช่วงที่ผ่านมานี้ ความรู้สึกที่เขามีให้เธอมีแต่ความเย็นชา ไม่มีความรู้สึกรักให้เลยสักนิด

“เอาล่ะ กินข้าวเสร็จแล้วเรามาดวลหมากล้อมกันสักตา” มู่วี่สิงยิ้มออกมานิดๆ เมื่อหันหน้าไปเห็นสีหน้าประหลาดใจของเวินจิ้ง นัยน์ตาลึกล้ำของเขาก็ท่วมท้นไปด้วยรอยยิ้มผ่อนคลาย

เวินจิ้งกลับคิดแค่ว่าตัวเองตาฝาดไป

หลังจากทานข้าวเสร็จพวกเขาก็จัดวางหมากล้อมไว้บนโต๊ะเรียบร้อย ด้านเวินจิ้งก็นั่งดูทีวีอยู่ข้างๆคุณยาย

ในวินาทีที่โทรทัศน์ถูกเปิดขึ้นมา หัวใจของเวินจิ้งก็ลุกลี้ลุกลน มรสุมที่ได้ประสบพบเจอมาเมื่อตอนเช้ายังคงติดตา แต่เมื่อถูกมู่วี่สิงพามาในที่แห่งนี้ ก็ราวกับได้ตัดขาดกับโลกภายนอก

ในโทรทัศน์ไม่มีการรายงานข่าวซุบซิบพวกนั้นเป็นธรรมดา มู่วี่สิงบอกว่าเขาจะกำจัดข่าวพวกนั้นออกไป เวินจิ้งก็เชื่อเขาโดยทันที

เขาเป็นคนพูดจริงทำจริงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

ณ บริเวณไม่ไกล ในระหว่างที่มู่วี่สิงกำลังรอให้คุณปู่ลงหมากล้อม สายตาก็เสไปมองใบหน้าด้านข้างของเวินจิ้ง เมื่อจับสังเกตได้ถึงท่าทีผ่อนคลายของเธอเขาก็ใช้นิ้วมือเคาะลงบนโต๊ะเบาๆ แต่เพราะอยู่ในที่เงียบ เสียงจึงดังชัดเจน

“ตั้งใจเล่นหน่อยสิ!” คุณปู่มองมู่วี่สิง จากนั้นก็พูดกลั้วยิ้มออกมา “คิดถึงแฟนเหรอ?”

เขาดึงสติกลับมา จากนั้นก็ทำเพียงแค่ยิ้ม แล้วตั้งสมาธิเล่นหมากล้อมต่อ

คุณยายเฝ้าหน้าจอทีวีทุกวัน และสนใจละครพีเรียดที่กำลังออกอากาศอยู่เป็นอย่างมาก “เสี่ยวจิ้ง นางเอกคนนี้หน้าตาคล้ายๆคุณเลย”

ในตอนที่ละครเปลี่ยนมุมกล้อง คุณยายก็มองเวินจิ้งขึ้นๆลงๆพร้อมกับพูดขึ้นมา

เวินจิ้งนิ่งไป ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็มีมือคู่หนึ่งพาดลงบนไหล่ของตัวเอง จากนั้นมู่วี่สิงก็พูดแทนเธอกลับไปว่า “เหมือนจริงๆด้วยครับ”

เธอไม่ได้หันกลับไปมอง และก็ไม่ได้พูดอะไร คุณยายลุกขึ้นไปเอาเก้าอี้อีกตัวมานั่งอย่างรวดเร็ว ส่วนมู่วี่สิงก็นั่งลงข้างๆเวินจิ้ง

ในโทรทัศน์กำลังซูมเข้าใกล้ใบหน้าของไป๋ซีพอดี ริมฝีปากกระจับ จมูกโด่งรั้น เป็นใบหน้าที่สวยหมดจรดเอามากๆ

เวินจิ้งเหลือบมองผ่านๆจากนั้นก็ละสายตาหนี

“ทำไมไม่ดูล่ะ?” จู่ๆเสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้นมาข้างๆหู

เวินจิ้งยกริมฝีปากขึ้นพูดอย่างเฉยชา “ดูเหมือนว่าการที่ไป๋ซี เคยอยู่กับคุณ จะทำให้เธอได้ดิบได้ดีถึงขนาดนี้เลยนะเนี่ย”

ในถ้อยคำเต็มไปด้วยความประชดประชัน ในความคิดของเวินจิ้ง เวินจิ้งคิดว่าเพราะไป๋ซีเคยมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับมู่วี่สิง บางทีการที่เธอได้รับบทบาทที่ค่อนข้างเด่นในละครแต่ละเรื่อง อาจจะเป็นเพราะมีมู่วี่สิงคอยดันอยู่ข้างหลังก็ได้

ตอนแรกคิดว่ามู่วี่สิงไม่น่าจะมีปฏิกิริยาอะไรกับคำพูดของเวินจิ้ง เพราะถึงอย่างไรเธอก็คิดว่าไม่มีตรงไหนที่ตัวเองพูดผิดสักหน่อย

แต่เธอกลับเห็นแววความโกรธในสายตาของมู่วี่สิงได้อย่างชัดเจน ยังดีที่ไม่นานคุณปู่ก็จัดเรียงหมากล้อมตาที่สองเสร็จ และเรียกมู่วี่สิงกลับไปเล่นด้วย

เวินจิ้งบีบหัวคิ้วอย่างรู้สึกอ่อนล้า จากนั้นก็บอกลากับคุณยายแล้วกลับเข้าห้องไปพักผ่อน

ด้านหลัง มู่วี่สิงมองตามแผ่นหลังของเธอไป จากนั้นใบหน้าก็อึมครึมจนถึงขั้นสุด

ในห้องนี้ไม่มีเครื่องปรับอากาศ เพราะว่าอยู่ท่ามกลางภูเขา อากาศตอนกลางคืนจึงเงียบและเย็นสบาย

เวินจิ้งนั่งอยู่บนเตียงสักพัก กลิ่นอายความชื้นลอยอยู่ในอากาศ ปะปนไปกับกลิ่นยากันยุงจางๆ แพร่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมในห้อง

สภาพแวดล้อมแสนสงบสุขแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกราวกับฝันไป

อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ศรีวิไลมานาน ถ้าไม่ได้มู่วี่สิงพาเธอมาที่นี่ เธอก็คงไม่ได้มีโอกาสสัมผัสกับอะไรแบบนี้

ในวินาทีนี้ เธอรู้สึกได้ถึงความสบายใจที่ห่างหายไปนาน

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นมาจากบันได เวินจิ้งรีบหยิบผ้าห่มผืนบางมาคลุมร่างกายตัวเองทันที จากนั้นก็กระถดตัวไปอยู่ขอบสุดของเตียง

เสียงฝีเท้าของมู่วี่สิงไม่ได้ถือว่าดังอะไรเลย เพียงแต่ว่าเมื่อนั่งลงข้างเตียง เตียงนอนตัวเก่าก็ยังส่งเสียงอี๊ดแอดออกมาอยู่ดี

เขายื่นมือออกไปปิดไฟ จากนั้นก็กางมุ้งให้ครอบเสื่อที่ปูบนเตียง แล้วถึงได้ค่อยๆเอนตัวนอนลง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท