Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 871

ตอนที่ 871

บทที่ 871 ไม่ควรเข้าไปแทรกแซงในเรื่องที่ไม่ควร

ฉินซีหยุดการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ

ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว แล้วเงยหน้าขึ้นมองสูหยิง“แม่?”

สูหยิงไม่สนใจว่าเขาจะพูด หรือจะแสดงออกอย่างไร เธอแค่มองตรงไปที่ฉินซี

ฉินซีทำได้เพียงตบไปที่หลังมือของลู่เซิ่น แล้วเดินเข้าไปหาสูหยิง

มุมปากของสูหยิงค่อยๆ ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แล้วชี้ไปที่ข้างๆ ลู่เซิ่น หันหน้าไปกำชับสูหวั่น“เธอไปนั่งตรงนั้น”

สูหวั่นน้อมรับด้วยความยินดี เดินเข้าไปอย่างมีความสุข ฉินซียักไหล่ไปทางลู่เซิ่น แล้วนั่งลงข้างๆ สูหยิง

เมื่อคนรับใช้นำอาหารเข้ามา ก็ทำให้บรรยากาศครึกครื้นในช่วงเวลาสั้นๆ แต่เมื่อประตูห้องอาหารถูกปิดลง ห้องอาหารก็กลับมาเงียบอีกครั้ง

เป็นลู่เหวยที่ยื่นแก้วไวน์มาอยู่ตรงหน้าก่อน“มันยากที่จะได้มาอยู่ร่วมกัน มาชนแก้ว”

สูหยิงหยิบแก้วขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วรุ่นเด็กกว่าก็ค่อยๆ หยิบแก้วตาม อย่างเป็นธรรมชาติ

ภายในแก้วเต็มไปด้วยเหล้าขาว ฉินซีไม่ค่อยได้ดื่มเหล้าประเภทนี้บ่อยนัก เพียงแค่จิบเบาๆ หลอดอาหารทั้งหมดก็เหมือนกับถูกแผดเผา ความร้อนพุ่งตรงไปยังกระเพาะอาหาร

เธอสำลัก แล้วไอออกมาเล็กน้อย อย่างช่วยไม่ได้

“ไม่ค่อยชินใช่ไหม?”ลู่เหวยยิ้มอย่างใจดี“ดื่มน้ำซุปสักหน่อย ก็จะดีขึ้น”

ฉินซียิ้มให้เขา แล้วพยักหน้า

สีหน้าของสูหยิงดูเหมือนจะน่าเกลียดอีกครั้ง

เธอเหลือบมองไปที่ฉินซีที่อยู่ข้างๆ แล้วเงยหน้าขึ้นพูดกับลู่เซิ่น“น้องสาวของบ้านลุงสู สูหวั่น ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ?”

ลู่เซิ่นพยักหน้าอย่างไม่สนใจนัก และไม่ได้ตอบอะไร

ฉินซีรู้ดีว่า ในตอนนี้ตัวเธอเองไม่ควรเข้าไปขัดจังหวะ ดังนั้นจึงดึงชามซุปที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง เข้ามาอย่างเงียบๆ ตั้งใจที่จะดื่มซุปสักเล็กน้อย

ทันใดนั้นสูหยิงก็ยื่นมือออกมา แล้วเลื่อนชามซุปไปอยู่ตรงหน้าของลู่เซิ่น“ให้เธอดื่มซุปหน่อยสิ”

ฉินซีมองไปที่ชามเปล่าของตัวเอง หมดคำที่จะพูด

หากยังไม่เห็นว่าสูหยิงกำลังพุ่งเป้ามาที่ตัวเธอ ก็แสดงว่าตาบอดแล้วล่ะ

สูหวั่นไม่คาดคิดว่าเธอจะตรงไปตรงมาขนาดนี้ และรีบโบกมืออย่างเก้ๆ กังๆ“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทำเองก็ได้ค่ะ”

ในตอนนี้สูหยิงก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วพูดปลอบใจว่า“ให้เขาดูแลหนูนั่นแหละ เป็นสิ่งที่ต้องทำจ๊ะ”

ลู่เซิ่นกลับไม่ได้ขยับมือ เพียงแค่มองไปที่สูหยิง ด้วยสีหน้าที่เย็นชา“แม่”

สูหยิงกลับยืนกรานหนัก“เอาซุปให้เธอ”

ลู่เซิ่นไม่พูดอะไรต่อ แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ อย่างไม่แยแส

สถานการณ์เริ่มน่าอึดอัดใจมากขึ้น

ในที่สุดลู่เหวยก็ออกมาไกล่เกลี่ย โดยกดกระดิ่ง เพื่อเรียกคนรับใช้ด้านนอกให้เข้ามา“แบ่งซุปให้เรียบร้อย หลังจากนี้อาหารจานใหญ่แบบนี้ ให้แบ่งก่อนมาเสิร์ฟ”

คนรับใช้ที่ไม่สามารถพูดอะไรได้ จึงได้เพียงแค่พยักหน้า แล้วทำตาม

เมื่อเห็นการแสดงออกของลู่เซิ่นหนักแน่น สูหยิงจึงไม่สามารถแสร้งทำเป็นว่า ฉินซีไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป จึงทำได้แค่พูดขึ้นว่า“ลู่เซิ่น ลูกคิดได้ยังไง บอกว่าแต่งงานก็แต่งงานเลย แล้วยังปิดบังภายในครอบครัวอีก”

สีหน้าของลู่เซิ่นยังคงไม่แยแส“อยากแต่งก็แค่แต่งเลย”

สูหยิงเลิกคิ้วขึ้น และเห็นการแสดงออกของลู่เซิ่น ยังคงไม่คืบหน้า ก็หันหน้าไปมองฉินซี ด้วยแรงอาฆาต“เธอก็อีกคน ลู่เซิ่นที่ไม่รู้เรื่อง เธอก็ให้เขาจัดการ?พ่อแม่ของเธอก็ไม่รู้จักสั่งสอน?”

ฉินซีก้มหน้าลง ก้มลงให้ต่ำ แต่คำพูดที่พูดออกมา กลับไม่อ้อมค้อมเลยแม้แต่นิด“พ่อแม่ของฉัน ไม่ได้จำกัดเสรีภาพในการแต่งงานของฉันค่ะ”

ความหมายก็คือ สูหยิงไม่ควรเข้าไปแทรกแซงในเรื่องที่ไม่ควรนั่นเอง

สูหยิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลายๆ ครั้งด้วยความโกรธ เมื่อลู่เหวยเห็นว่า เธอดูเหมือนจะพูดอะไรไม่ดีเข้า ก็รีบพูดแทรก“ทานข้าวกันก่อนเถอะ อะไรก็ยังไม่ได้กินเลย!มา ลองชิมอันนี้”

เขาเลื่อนจานอาหารจานหนึ่ง มาอยู่ตรงหน้าของฉินซี ฉินซีเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วยิ้มให้กับความปรารถนาดีของเขา เป็นการตอบแทน

สูหยิงกลอกตาไปมา แล้วผลักชามซุป ที่คนรับใช้เสิร์ฟมาให้ออกไป แต่หลังจากนั้น ก็ไม่ได้พุ่งเข้าไปพูดอะไรกับฉินซีอีก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า“ยังจะทานอะไรได้อีก โกรธจนอิ่มแล้วเนี่ย”

ลู่เหวยหันไปทำปากแบะ ให้กับคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ“ได้ยินหรือยัง เอาของอะไรก็ได้ ที่ช่วยลดไฟให้กับคุณผู้หญิงหน่อย”

สูหยิงที่ถูกเขาแกล้ง ในที่สุดก็มีสีหน้าที่ดีขึ้น เป็นครั้งแรกในคืนนี้ และคลายความโกรธลงได้ชั่วคราว แล้วก้มหน้าลงไปทานอาหาร

ลู่เหวยแสดงสีหน้าให้กับลู่เซิ่น หลังจากนั้นก็ยิ้มให้เขา

ทันใดนั้นฉินซีก็คิดว่า ลู่เซิ่นเมื่อกลับมาตระกูลลู่ และเมื่อเทียบกับวันธรรมดาแล้ว……มีชีวิตชีวามากกว่าเดิม

บางทีความสัมพันธ์ของเขากับตระกูลลู่ ก็ถือว่าดีกว่าข่าวลือมากๆ

ถ้าอย่างนั้น……การแต่งงานที่หลบๆ ซ่อนๆ ของเขาและตัวเธอ ก็ยิ่งทำให้คนอื่นๆ มีข้อสงสัยมากขึ้น

ว่าท้ายที่สุด ทำไมเขาถึงยอมทำเรื่องแบบนี้ เพื่อท้าทายครอบครัวของเขาด้วย?

ฉินซีทานข้าวด้วย และคิดฟุ้งซ่านไปด้วย

เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ที่จะให้เธอคิดฟุ้งซ่านได้อีก เพราะความอยากอาหารของสูหยิงน้อยมาก หลังจากที่ทานไปเพียงไม่กี่คำ ก็เริ่มบทสนทนาขึ้นมาอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เธอดูเหมือนจะรู้ว่าจะไม่ได้ประโยชน์ใดๆ จากฉินซี และท่าทีของลู่เซิ่นนั้นยังเด็ดเดี่ยวมาก จึงยอมแพ้ไม่กล้าที่จะพูดออกมาตรงๆ แล้วก็พูดว่า“ลู่เซิ่น สูหวั่นก็เรียนการค้าระหว่างประเทศ ที่ประเทศMมาก่อน และเพิ่งจะเรียนจบในปีนี้ กำลังจะกลับประเทศ ลุงสูของลูกโทรมา ให้พวกเราดูแลเธอให้ดี แม่ก็คิดดูแล้ว ว่าจะให้ลูกเป็นคนดูแลเธอ ลูกก็ดูแลดีๆ แล้วกัน”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว“แม่ครับ?แม่จัดการคนมาให้ โดยไม่ถามผมสักคำ?”

สูหยิงยังไม่ได้พูดอะไร สูหวั่นก็รีบพูดก่อน“พี่ลู่คะ ฉันรู้ว่าตัวเองเพิ่งจะเรียนจบ และอาจจะช่วยเรื่องยุ่งๆ ของพี่ไม่ค่อยได้……”

สูหยิงก็ขัดจังหวะเธอ“แม่ก็ไม่ได้ให้ลูกจัดตำแหน่งที่แท้จริงให้เธอ ลูกไม่ใช่มีผู้ช่วยหลายคนเหรอ?ให้เสี่ยวหวั่นไปช่วยลูกก็ได้”

สีหน้าของลู่เซิ่นดูน่าเกลียดมากกว่าเดิม“แม่จะให้สูหวั่นมาเป็นผู้ช่วยของผมเหรอ?”

น้ำเสียงของเขาดูไม่เต็มใจ อย่างเห็นได้ชัด และไม่ได้สนใจสูหวั่นที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วย ใบหน้าแดงก่ำ

สูหยิงเงยหน้าขึ้น“ทำไมเหรอ?งั้นบอกหน่อยสิ ว่าจะให้สูหวั่นอยู่ที่ไหน ถึงจะดีที่สุด?”

ลู่เซิ่นหัวเราะเยาะ“ให้ผมจัดการ?ผมจะไม่ให้เธอเข้าบริษัทลู่ซื่อ”

สูหวั่นที่ดูเหมือนกำลังจะร้องไห้ในไม่ช้า สูหยิงก็ตบโต๊ะ“หุบปาก!ฉันได้จัดการไว้หมดแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะนัดคน ให้พาเธอไปทำงาน!”

ลู่เซิ่นพูดอย่างเย็นชา“ไม่ใช่ให้ผมร่วมปรึกษาเหรอ แจ้งผมแค่นี้?ผมจะเอาผู้ช่วยที่ไร้ประโยชน์มาทำไม?”

สูหยิงจ้องเขา“ปรึกษากับเธอจะได้ประโยชน์อะไร?เด็กผู้หญิงก็นั่งอยู่ข้างๆ เธอ!เธอยังกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นอีก!”

ในที่สุดสูหวั่นก็หาโอกาสที่จะพูดได้ โดยแสร้งทำเป็นกลัวๆ ว่า“ฉัน……ฉันไม่คิดว่าจะทำให้พี่ลู่โกรธขนาดนี้ ป้าสะใภ้คะ คุณป้าก็ไม่ต้องโกรธนะคะ พี่ลู่ พี่ก็ไม่ต้องโกรธแล้วค่ะ ฉัน……ฉันอาจจะไม่ไป……”

ฉินซีกลอกตาไปมาอย่างเงียบๆ ในใจ

แค่เห็นแวบแรก ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าเห็นเงียบๆ แต่ฟาดเรียบนะคะ

จุ๊ๆ เมื่อพูดอย่างนั้น ตอนนี้ลู่เซิ่นไม่ให้เธอเป็นผู้ช่วย ก็รู้สึกเขินอายทันที

ลู่เซิ่นไม่คาดคิดว่าสูหวั่นจะร้องไห้ หันหน้าเหลือบไปมองเธอ สีหน้าก็หงุดหงิดมากขึ้น

สูหยิงที่ไม่รับปากแต่แรก จึงพูดปลอบใจ“หนูอย่าไปฟังพี่ลู่เลย ฟังที่ป้าพูดนี่ อย่าไปสนใจเขา สัปดาห์หน้า ป้าจะจัดการให้หนูไปทำงานที่บริษัทลู่ซื่อ!

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท