Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 889

ตอนที่ 889

บทที่ 889 ความรู้สึกเหงาที่พูดไม่ออก

ฉินซีฟังไม่ผิดแน่นอน น้ำเสียงมีความยืดหยุ่นแบบนี้ เป็นเสียงของหซู่เป่ย

เธอหันไปมอง

หซู่เป่ยเดินมาทางตัวเองอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ข้างๆก็มีผู้จัดการเดินตามมาด้วย

เขาเงยหน้าขึ้นมา สบตากับฉินซีพอดี

ฉินซีพยายามทำให้แววตาตัวเองดูนิ่ง แต่หซู่เป่ยกลับยักคิ้วเล็กน้อย

ในใจของฉินซีวูบลง

“ช่างภาพคนนี้แค่ชั่วคราว ผมให้เธอถ่ายให้ผมดูชุดหนึ่ง……”ผู้จัดการเฉินอธิบายตามหลังเขา

“ผมว่าถ่ายได้ดี” หซู่เป่ยยกคางขึ้นบนจอแสดงผล

ผู้จัดการเฉินก็หันไปมอง

สิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์คือภาพถ่ายที่ถ่ายโดยฉินซีในเมื่อกี้

ฉากดูเรียบง่าย มีแค่ไฟดวงหนึ่งที่ฉายบนตัวนางแบบ นางแบบนั่งหันข้าง สายตาที่มองกล้องนั้นดูไม่แยแส

แวบแรกที่มองภาพถ่ายดูไม่มีอะไรพิเศษ แต่กลับให้คนรู้สึกถึงความเหงาอย่างหนึ่งที่พูดไม่ออก

อานหยันก็เห็นผลงานที่ถ่ายโดยฉินซี ความเซอร์ไพรส์บนใบหน้าของเธอครั้งนี้เป็นจริง เธอมองไปที่ฉินซีด้วยสายตาที่โล่งใจ จากนั้นก็หันไปพูดกับผู้จัดการว่า “ฉันพูดแล้ว แม้ว่าฉินซีจะค่อยถ่ายปก แต่ฝีมือนี้ดีมากดั งนั้นคุณไว้ใจได้เลย”

ความสงสัยในดวงตาของผู้จัดการเฉินจางหายไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยากจะยอมง่ายๆแบบนี้ ในจังหวะไม่ได้พูดอะไรออกมา

อานหยันรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ สุดท้ายก็เป็นฝ่ายนิตยสารที่ผิดสัญญา ผู้จัดการที่ขี้เหนียวคนนี้คงจะทำยังไงให้ได้ถ่ายถ่ายภาพและเงินทดแทน

ฉินซีไม่เข้าใจความอ้อมค้อมในนี้ นึกว่าเขาแค่ไม่พอใจกับผลงานตัวเองถ่าย กำลังจะอธิบาย แต่ก็หยุดโดยสายตาของอานหยัน

ในความเงียบงัน หซู่เป่ยพยักหน้าอย่างเต็มใจ “ผมว่าช่างภาพนี้โอเคนะ ถ่ายแบบนี้เลย อย่าให้ผมต้องรออีก”

ฉินซีตะลึงเล็กน้อย

เดิมทีเธอคิดว่าหซู่เป่ยอาจจะรู้จักตัวเอง……คงไม่อนุญาตให้ตัวเองมาถ่ายให้

แต่ไม่คิดว่าเขาจะตอบได้อย่างใจ

ในใจของฉินซีมีข้อสงสัย แต่สุดท้ายก็โล่งอกแทนอานหยัน

หซู่เป่ยพูดตกลงแล้ว ผู้จัดการจ้องมองเธออย่างไม่ได้ใจไปทีหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถตบหน้าศิลปินของตัวเองได้ ได้เพียงแต่ตกลงอย่างทื่อๆ “งั้นก็ถ่ายแบบนี้เลย แต่เรื่องที่ผิดสัญญา ไว้เราค่อยคุยกันทีหลัง”

อานหยันดีใจอย่างออกหน้าออกตา และรีบสั่งให้ช่างแต่งหน้าแต่งเติมแป้งให้หซู่เป่ย จากนั้นก็เดินไปทางฉินซี

“เธอนี่ก็ใช้ได้นะเนี่ย” อานหยันทุบไปบนไหล่ของฉินซี “ไม่ว่าฉันโม้นะ เธอถ่ายได้ดีจริงๆ”

ฉินซียิ้ม “สามารถช่วยเธอได้ก็ดี”

อานหยันมองหซู่เป่ยที่กำลังเติมแป้ง เก็บรอยยิ้มบนสีหน้าไปหน่อย แล้วสงสัยไปทีหนึ่ง ก้มหน้ามาถามที่หูของฉินซี “เธอว่าเขารู้จักเธอไหม?”

ฉินซีก็เก็บรอยยิ้มบนใบหน้า พยักหน้าเบาๆ “ฉันว่า……เมื่อกี้เขา……เหมือนจะรู้จักฉัน”

“แล้วทำไมเขาถึงยังเต็มใจให้เธอถ่ายภาพ……” อานหยันพึมพำเบา ๆ แต่จากนั้นก็เอื้อมมือไปตบไหล่ฉินซี “ถ้ารู้จักแล้วยังตกลงให้เธอถ่ายภาพอีก ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เธอสู้ๆนะ ”

ฉินซีกวาดสายตาไปมองแผ่นหลังของหซู่เป่ยไปทีหนึ่ง

อานหยันเดินไปทำงานอย่างอื่น มีพนักงานคนหนึ่งเข้ามาเพื่ออธิบายเรื่องเล็กน้อยให้กับฉินซี

“ดังนั้นธีมในปกครั้งนี้คือ——ความเหงาภายใต้แสง?”ฉินซีมองเอกสารที่อยู่ในมือ

พนักงานพยักหน้า “แต่ว่าเมื่อกี้คุณจับภาพได้อารมณ์มาก ฉันก็นึกว่าบรรณาธิการอานบอกกับคุณไว้แล้ว”

ฉินซียิ้มส่ายหัว

นี่ถือว่าเธอมั่วถูกสินะ

“ช่างภาพครับ เราเริ่มกันเลยไหมครับ?”เสียงของหซู่เป่ยลอยเข้าหู

ฉินซีเงยหน้า ดูเขายิ้มอย่างตามอารมณ์ พยักหน้า

เดินไปอยู่กลางสตูดิโอ ไม่ได้นั่งบนเก้าอี้เหมือนกับนางแบบ แต่กลับเอนตัวพิงบนเก้าอี้ เชิดคางของฉินซีขึ้น “เอางี้ไหม”

ฉินซีไม่คัดค้าน ยกกล้องในมือขึ้น และปรับพารามิเตอร์

แฟลชในสตูดิโอเริ่มสว่างขึ้น

ฉินซีจ้องมองหซู่เป่ยจากกล้อง

อดีตเธอคบกับหซู่หนานเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆหนึ่งเดือน ยังไม่ได้ถึงขั้นพบครอบครัว ดังนั้นก่อนที่จะเกิดเรื่องอื้อฉาวตามถ่ายเขาครั้งที่แล้ว กับน้องชายคนนี้ของหซู่หนานก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย

แต่สถานการณ์วุ่นวายมากในครั้งที่แล้ว เธอไม่ได้ใช้โอกาสพิจารณาหซู่เป่ยให้ละเอียด

จริงๆใบหน้าของหซู่เป่ยเธอไม่ใช่ว่าไม่รู้จัก สามารถเห็นได้ในโฆษณาบนท้องถนนและตรอกซอกซอย แต่เมื่อถ่ายด้วยกล้องตัวเองก็ยังให้ความรู้สึกที่แตกต่างอีกแบบหนึ่ง

ยังไงแล้วก็เป็นน้องชายของหซู่หนาน โครงหน้าของทั้งสองมีส่วนคล้ายๆกัน หซู่หนานก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่หล่อน่ามองอยู่คนหนึ่ง ดังนั้นในอดีตฉินซีได้ข่าวว่าน้องเธอเป็นดารา ไม่รู้สึกแปลกสักเท่าไหร่

มันแตกต่างจากนิสัยอ่อนโยนของหซู่หนานเท่านั้น โครงหน้าของ หซู่เป่ยคมชัดกว่ามาก ถ้าเทียบแล้วกระดูกของเขาคมกว่าของ หซู่หนาน ดังนั้นออร่าของเขาจึงดูก้าวร้าว แต่เขาแตกต่างจากความเย็นชาที่ไม่เข้าหาคนของลู่เซิ่น ดวงตาดึงดูดมีเสน่ห์นั้นทำลายท่าทีที่เย็นชาของเขา ยิ่งไปกว่านั้นมุมคิ้วและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่น่าดึงดูด ซึ่งทำให้ผู้คนหลงระเริงไปในสายตาของเขาถ้าไม่ระวัง

ก็ว่าทำไมถึงมีเรื่องอื้อฉาวเยอะ ผู้หญิงมากมายที่พร้อมที่จะยอมร่วมเตียงเคียงหมอน

ฉินซีคิดอย่างสงบ

หซู่เป่ยสมควรแล้วที่เป็นดารา แต่ละท่าโพสต์ได้อย่างเป็นมืออาชีพ ทำให้ฉินซีสามารถจับมุมที่ดีที่สุดของเขา ในขณะเดียวกันก็ซ่อนข้อบกพร่องของเขาไว้ด้วย

ความร่วมมือของทั้งสองคนเข้ากันอย่างไม่คาดคิด

ฉินซีไม่จำเป็นต้องอธิบายมากเกินไป หซู่เป่ยก็สามารถปรับเองได้โดยอัตโนมัติและภาพที่ฉินซีถ่ายออกมา ให้ผู้จัดการที่เรื่องมากของหซู่เป่ยมาดู ก็ไม่สามารถพูดคำที่ไม่ดีออกมาได้

งานถ่ายทำจบลงเร็วกว่าที่คิด ผู้จัดการกำลังเลือกรูปถ่ายอีกฝั่ง แต่หซู่เป่ยดูเหมือนจะไม่สนใจ เขาเหลือบมองไปรอบข้าง สายตาจับจ้องไปที่ช่างภาพที่กำลังแก้จุดบกพร่องของอุปกรณ์อีกฝั่ง

“ผมออกไปสูบบุหรี่ม้วนหนึ่ง”เขาตบไหล่ของผู้จัดการ อีกฝ่ายก็โบกมือให้เขา ให้สัญญาณว่าตามใจ

หซู่เป่ยลุกขึ้น เดินไม่กี่ก้าวมาที่ฉินซี

ฉินซีกำลังเงยหน้าพูดคุยกับอานหยัน

ใบหน้าของอานหยันเต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์ “ฉินซี! ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะถ่ายภาพบุคคลได้ดีขนาดนี้! ในอนาคตเธอสามารถพิจารณาเปลี่ยนอาชีพมาถ่ายภาพดาราได้!”

ฉินซียิ้มแล้วส่ายหัว “ก็ถ่ายๆไปเท่านั้นแหละ ฉันชอบถ่ายภาพธรรมชาติมากกว่า”

เบ้ปาก “ถ่ายดาราได้เงินเยอะจะตาย……แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินอะไร ที่บ้านก็มีคนให้เกาะอยู่แล้ว”

เมื่อเธอพูดขึ้นแบบนี้ ฉินซีก็นึกถึงผู้ชายที่กินข้าวเที่ยงกับเธอแล้วจากกันไม่ดีคนนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าก็อ่อนลง กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ก็ถูกเสียงที่ลอยมาจากข้างหลังขัดจังหวะซะก่อน

“ไม่ทราบว่าผมจะมีเกียรติไหม ที่จะคุยกับคุณหญิงฉินเพียงลำพังหรือเปล่าครับ?”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท