บนที่ 902 การวางแผน
ฉินซีคิดว่าเธอรู้จักแม่ของตัวเองดีพอ ถ้าแม่เป็นคนที่ทำผิดจริงๆ เธอไม่มีทางเผชิญหน้ากับฉินซึ่งเทียนด้วยความเกลียดชังแบบนั้น โดยไม่มีการขอโทษใดๆ หรอก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อเธอถามแบบนั้น โดยไม่อธิบายอะไรเลย
ไม่ได้รู้สึกผิด …ราวกับว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด
แต่ฉินซึ่งเทียนบอกว่าเขาได้เห็นกับตา ฟังจากคำพูดของพ่อบ้านแล้ว เขาก็คงได้ถ่ายภาพอะไรไว้ถึงได้พูดแบบนั้น
เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ตกลงเป็นยังไง…
ฉินซียิ่งคิดยิ่งปวดหัว เธอยกมือขึ้นบีบนวดขมับของตัวเอง
พ่อบ้านเห็นแล้ว คิดว่าเธอเป็นหวัดและปวดหัว เลยตะโกนให้ทำซุปขิงให้เธอ
ฉินซีไม่มีแรงตอบเขา มีแต่พยักหน้า ลุกขึ้นคิดจะกลับห้องนอน
เธอยืนขึ้น มองกระเป๋าเดินทางของแม่ที่ทิ้งไว้ในสวน ลังเลสักพักแล้วบอกเบาๆว่า”ไปเก็บกระเป๋าของคุณแม่ให้เรียบร้อย แล้วเอาไปไว้ที่ห้องนอนของฉันด้วย”
พ่อบ้านมองออกไปข้างนอก สีหน้ามีความลังเลเบาๆ แต่ในที่สุดก็พยักหน้า
ฉินซีขอบคุณด้วยเสียงเบาและเดินขึ้นชั้นบน
พ่อบ้านทำงานเร็วมาก เมื่อฉินซีอาบน้ำเสร็จออกไป กระเป๋าของเหยาหมิ่นก็ถูกวางไว้อย่างเรียบร้อยในห้องของเธอแล้ว
สิ่งของเหยาหมิ่นไม่ค่อยเยอะ มีแค่กระเป๋าไม่กี่ใบเอง ฉินซีมองมันและลังเลสักพัก สุดท้ายก็ได้ตัดสินใจ
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หลีกเลี่ยงคนรับใช้และวางกระเป๋าเดินทางสองใบไว้ที่เบาะหลังรถ และบอกพ่อบ้านว่าเธอจะไปหาเพื่อน แล้วออกจากตระกูลฉินเลย
เธอมีข้อสงสัยกับเรื่องนี้เยอะมาก ฉินซีไม่มีวันปล่อยมันไปอย่างไม่สนใจหรอก
ขับรถออกจากตระกูลฉิน ฉินซีก็จอดอยู่ริมถนนและโทรหาแม่ของเธอ
เธอคิดไว้แล้ว ถ้าแม่ของเธอไม่รับโทรศัพท์ เธอจะจ้างนักสืบส่วนตัวสืบหาที่อยู่ของเธอ
แต่ไม่คิดว่าแม่เธอรับสายแล้ว
“คุณแม่” ฉินซีพยายามทำให้ตัวเองสงบ “แม่อยู่ที่ไหน”
…
เมื่อเจอเหยาหมิ่นที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ฉินซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจเบาๆ
ตระกูลเหยาก็ถือเป็นตระกูลที่โดดเด่น เมื่อแต่งงานกับๆฉินซึ่งเทียน ก็ถือว่าตระกูลฉินได้ผลประโยชน์มากกว่า
คุณแม่เติบโตมาอย่างมีชีวิตที่สบาย บอกได้เลยว่าเป็นคุณหนูที่เติบโตมาด้วยความรักอย่างมากมาย หลังจากเธอแต่งงานกับฉินซึ่งเทียน ก็มีชีวิตที่สบายมาตลอด
ในความทรงจำของฉินซี คุณแม่วาดรูปเป็น และเล่นเปียโนได้ดีมากด้วย เป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนมาตลอด ดูแลผมอย่างดี เสื้อผ้าและเครื่องประดับก็ต้องคัดเลือกอย่างใส่ใจ ไม่จำเป็นต้องหรูหรา แต่ก็ยังมองออกคุณค่าของมันแน่
แต่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า มีความยากจนที่ไม่สามารถบรรยายได้
ห้องพักของโรงแรมนั้นแคบมาก และไม่มีหน้าต่างด้วย แสงสีขาวส่องไปที่ผนัง ทำให้สีผนังที่ลอกออกและโมลด์ไม่มีที่ซ่อน
เหยาหมิ่นน่าจะอาบน้ำแล้ว แต่ผมยังไม่แห้ง ปล่อยลงมาอย่างเปียกๆ น้ำไหลลงเต็มเลย เธอไม่ได้เอาเสื้อผ้ามา บนตัวเธอใส่ชุดที่ซื้อมาใส่ชั่วคราวจากร้านค้าที่ชั้นล่าง ไม่เหลือท่าทางของเมื่อก่อนเลยสักนิด
“คุณแม่ … ทำไมแม่ถึงพักอยู่ที่แบบนี้ล่ะคะ “ฉินซีทนอยู่ตั้งนาน สุดท้ายก็อดไม่ได้เลยถามออกมา
เหยาหมิ่นไม่ได้พูดอะไรมาก ได้แต่ส่ายหัวและยิ้ม “แม่มีเงินสดไม่เยอะ”
ฉินซีแค่คิดว่าเธอไม่สะดวกรูดบัตร เลยไม่ถามอะไรมาก แต่ผลักกระเป๋าเดินทางสองใบที่อยู่ข้างหลังเธอออก “คุณแม่ นี่คือกระเป๋าเดินทางของแม่ แม่… เก็บไว้จะดีกว่า”
เหยาหมิ่นจ้องกระเป๋าเดินทางอย่างงุนงงสักพัก ยิ้มอย่างเศร้าและพยักหน้า”ขอบใจนะ ลูกแม่”
ฉินซีเห็นว่าอารมณ์ของเธอสงบลงบ้างแล้ว เลยลองถามว่า “คุณแม่ วันนี้ตกลง …เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
การแสดงออกบนใบหน้าของเหยาหมิ่นอึ้งไป
ฉินซีแอบรู้สึกไม่ดี กำลังจะพูดอะไร ก็ได้ยินเหยาหมิ่นพูดเบาๆ “มันเป็นแผนของฉินซึ่งเทียนที่วางไว้”
ฉินซีเงยหน้าขึ้นทันที “อะไรนะคะ”
เหยาหมิ่นค่อยๆส่ายหัว “แม่รู้ว่าสิ่งที่แม่พูดมันดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ แต่ … ”
ฉินซีอดไม่ได้ที่จะขัดจังหวะเธอ “คุณแม่ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นเรื่องของหนู คุณแม่พูดมาเลยค่ะ”
เหยาหมิ่นเงยหน้าขึ้นมองลูกสาว หยุดไปสักพัก แล้วก็พูดว่า”ทุกอย่างที่ฉันทำในวันนี้ มันเป็นแค่แผนที่ฉินซึ่งเทียนวางไว้เฉยๆ”
สิ่งต่างๆต้องเริ่มจากเมื่อหลายสัปดาห์ที่แล้ว
วันนั้นเหยาหมิ่นอยู่บ้านเหมือนปกติ แต่จู่ๆก็ได้รับโทรศัพท์จากฉินซึ่งเทียน บอกว่าเขามีประชุมด่วน และให้เธอส่งชุดไปที่ห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง
เหยาหมิ่นไม่ได้สงสัยอะไร เลยไปที่นั่นโดยตรง
ตอนแรกเธอวางเสื้อผ้าลงก็จะกลับแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมประตูห้องถึงเปิดไม่ได้ เธอเลยนั่งอยู่ข้างในสักพัก พนักงานของโรงแรมถึงมาเปิดประตูให้เธอ
เธอรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดมากและจากไปเลย
ไม่คิดว่าผ่านไปไม่กี่วันเอง ฉินซึ่งเทียนให้เธอไปส่งของไปโรงแรมอีกแล้ว คราวนี้เหยาหมิ่นระวังมาก ฝากของที่แผนกต้อนรับเสร็จก็กลับเลย ตอนฉินซึ่งเทียนกลับบ้านโมโหมาก
เหยาหมิ่นไม่มีทางอื่น มีแต่เมื่อเขาโทรมาอีกครั้ง ก็ส่งของไปที่ห้องตามที่เขาสั่งไว้
ทุกคำพูดของเหยาหมิ่น ทำให้ฉินซีหนักใจมาก
“เมื่อเช้านี้ เขาโทรมาหาฉันอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่ได้ให้แม่ส่งของ แต่แค่บอกว่ามีธุระกับแม่ แม่คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไร ก็เลยรีบออกไปทันที แต่เมื่อแม่ไปถึงโรงแรม แผนกต้อนรับก็บอกว่าเขายังมาไม่ถึง ให้แม่ดื่มน้ำแล้วพักก่อน แม่ก็เลยดื่มน้ำและนั่งพักที่ล็อบบี้ ตอนแม่ตื่นมาอีกที … ”
เหยาหมิ่นสำลักเบาๆ
ฉินซีอดไม่ได้จะยื่นมือออกไปโอบไหล่แม่ของเธอ
เหยาหมิ่นหายใจเข้าลึกๆและพูดต่อ “เสียงตะโกนของฉินซึ่งเทียนปลุกให้แม่ตื่น แม่เวียนหัวมาก ไม่ได้ยินอะไรเลย กำลังจะลุกขึ้นนั่งด้วยความงุนงง ถึงรู้ว่าไม่มีอะไรอยู่บนตัวเลยหรอ”
ฉินซีหยุดการหายใจ
เหยาหมิ่นส่ายหัว “แม่ก็ตกใจมาก รับหาเสื้อผ้ามาใส่ แต่ฉินซึ่งเทียนถือโทรศัพท์อยู่ และถ่ายรูปแม่ไปเรื่อยๆแม่หันหน้าไปและเห็นว่า ที่หน้าประตูนอกจากเขาแล้ว ยังมีคนอีกหลายคน และมีคนตะโกนว่า “อย่าให้ชู้หนีไปได้”
ฉินซีรู้สึกหายใจยากขึ้นเรื่อยๆ เธอค่อยๆพูดว่า “เพราะฉะนั้น คุณแม่ แม่รู้สึกว่าร่างกายมีตรงไหนผิดปกติหรือเปล่า… ”
เหยาหมิ่นเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร และส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ถ้ามีเกิดอะไรจริงๆ แม่ไม่มีทางไม่มีความรู้สึกใดๆเลย อาจจะเป็นแค่… ถูกถอดเสื้อและวางไว้บนเตียงเฉยๆ”
แต่ฉินซีไม่เข้าใจ “แต่ทำแบบนี้ เพื่ออะไรล่ะ”
เหยาหมิ่นยิ้มอย่างเย็นชาโดยไม่ตอบ
ฉินซีรู้สึกว่าเหยาหมิ่นเหมือนมีอะไรปิดบังเธออยู่
เธอหันไปมองแม่ของเธอ “คุณแม่ แม่มีอะไรที่ไม่ได้บอกหนูหรือเปล่าคะ”
เหยาหมิ่นจ้องมองเธอสักพักและถามว่า “เสี่ยวซี ลูกเชื่อแม่ไหม