Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 907

ตอนที่ 907

บทที่ 907 คนที่รู้สึกไม่สบายใจไม่ใช่ฉันสักหน่อย

เมื่อประตูถูกเคาะเป็นครั้งที่สาม คนที่เข้ามาคือพยาบาล จะให้เธอไปตรวจร่างกาย

ลู่เซิ่นพยักหน้าและเดินมาจะอุ้มเธอนั่งรถเข็น

ฉินซีปฏิเสธอย่างแน่วแน่ “ไม่ต้อง ห้องตรวจอยู่ไม่ไกล ฉันเดินเองได้”

เธอนอนอยู่บนเตียงทั้งวันแล้ว มีโอกาสได้เดินบ้างสักที อีกอย่างเธอก็ไม่ได้เจ็บหนักมาก ไม่จำเป็นที่จะต้องนั่งรถเข็นสักหน่อย

ลู่เซิ่นไม่ยอม “คุณยังไม่หายดี หมอบอกว่าคุณห้ามเดินเยอะไป”

ฉินซีไม่รู้จะทำยังไงดี “ฉันพักผ่อนมาทั้งวันแล้ว และหมอก็ไม่ให้ฉันไม่ขยับเลย ใช่มั้ย”

เธอหันไปถามพยาบาลที่อยู่ข้างๆ

จู่ๆนางพยาบาลก็ถูกลากไปเกี่ยวข้องด้วย ไม่รู้จะทำยังไงดี เธอมองลู่เซิ่นแล้วมองฉินซี ดูเหมือนว่าทั้งคู่ก็ไม่ใช่คนที่ยอมง่ายๆ แต่ฉินซียืนอยู่ข้างๆเธอเลย เธอคิดไปคิดมา และพูดอย่างลำบากว่า “ขยับเบาๆ … ดีต่อการฟื้นตัวค่ะ”

ฉินซีสะใจมาก ราวกับว่าชนะการต่อสู้ และเดินออกไปกับพยาบาล

ลู่เซิ่นยืนอยู่กับที่ ยกยิ้มมุมปากและส่ายหัวเบาๆ แล้วเดินออกจากห้องคนไข้ไปด้วย

ห้องตรวจอยู่ไม่ไกลจริงๆ เธออยากเดิน… ก็ปล่อยให้เธอเดินไปแล้วกัน

ผลการตรวจของฉินซีออกมาเร็วมาก และแพทย์ได้ข้อสรุปว่า พรุ่งนี้เธอจะสามารถออกจากโรงพยาบาลและกลับบ้านไปพักผ่อนได้แล้ว

ฉินซีถอนหายใจอย่างโล่งอก

เธอไม่ชอบอยู่โรงพยาบาลมาโดยตลอด ถ้าให้เธออยู่ต่อไป คงต้องรู้สึกหดหู่ใจแน่

ลู่เซิ่นได้ยืนยันกับคุณหมอหลายครั้ง จนมั่นใจว่ากลับบ้านพักฟื้นไม่มีปัญหาอะไร ถึงพยักหน้าเห็นด้วย

ฉินซีรู้สึกว่าในช่วงหนึ่งวันที่เธอรักษาอยู่โรงพยาบาล ภาพลักษณ์ของลู่เซิ่นที่อยู่ในเธอดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ไม่ได้หมายถึงว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่มาก เหมือนหมอกบางๆบนหน้าต่างกระจกมากกว่า เมื่อมองไป ทิวทัศน์ภายนอกหน้าต่างดูนุ่มนวลกว่ามาก

เธอค่อยๆเดินกลับไปห้องคนไข้ ตอนนี้ลู่เซิ่นไม่โต้เถียงกับเธอแล้ว แต่เดินตามหลังเธอและกลับห้องคนไข้ด้วยกัน

แม่บ้านได้เตรียมอาหารสำหรับทั้งสองคนเรียบร้อยแล้ว ฉินซีนั่งลงบนเตียงโรงพยาบาลและมองลู่เซิ่น

โต๊ะในห้องคนไข้เตี้ยไปหน่อย และลู่เซิ่นตัวสูงมาก ต้องก้มลงมากินข้าว ท่าทางตลกมาก

เธออดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณ … กลับไปกินที่บ้านได้นะ”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วและเงยหน้าขึ้นมองเธอ “คุณไล่ผมกลับเหรอ”

ฉินซีไม่เคยชินที่บอกความห่วงใยออกมาตรงๆ แค่ส่ายหัว ยังไม่ทันพูดอะไร ก็ถูกลู่เซิ่นแย่งพูดไปก่อน

“งั้นคุณก็กินข้าวดีๆ”

น้ำเสียงของเขามีความไม่พอใจ ฉินซีรู้สึกว่าเขาไม่เข้าใจความห่วงใยของตัวเอง โค้งงอปากอย่างไม่พอใจ

เบาๆและก้มหน้าลงกินข้าวของตัวเอง

คนที่อึดอัดไม่ใช่ฉันสักหน่อย

สองคนกินข้าวเสร็จ หลินหยังก็เคาะประตูและเดินเข้ามาพร้อมกับเอกสาร ฉินซีมองเอกสารกองใหญ่ในมือของเขาอย่างสับสน

แต่เมื่อนึกถึงน้ำเสียงของลู่เซิ่นที่พูดกับตัวเองในเมื่อกี้ ฉินซีเลือกที่จะไม่ถาม

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แต่ลู่เซิ่นก็ยังนั่งอยู่ห้องคนไข้จัดการกับเอกสารอยู่

ตอนนี้ฉินซียังรู้สึกไม่สบายเล็กน้อยเมื่อดูไอแพด และทีวีก็ไม่มีรายการที่สนุก ฉินซี

สติลอยอย่างน่าเบื่อ การมีอยู่ของลู่เซิ่นนั้นชัดเจนเป็นพิเศษ

“เอกสารพวกนี้ … กลับบ้านหรือที่บริษัทจัดการก็เหมือนกันใช่มั้ย”

เมื่อพูดจบ ฉินซีก็กลอกตาให้ตัวเองในใจ เธอต้องเบื่อเกินไปแน่ๆ ถึงไปยุ่งกับลู่เซิ่นซ้ำๆแล้วซ้ำอีก

ลู่เซิ่นเงยหน้าขึ้นมองเธอจากแฟ้มและไม่ได้พูดอะไร

ฉินซีอดไม่ได้และพูดว่า”รีสอร์ทชิงหยวนก็ค่อนข้างไกลจากที่นี่นะ เดี๋ยวคุณกลับไปจะไม่ปลอดภัย แถมทำให้คนขับรถเลิกงานล่าช้าด้วย กลับไปทำที่บ้านก็ดีนะ … ”

เธอยังพูดไม่จบ ก็ถูกลู่เซิ่นก็ขัดจังหวะ “ฉันบอกว่าจะกลับไปเหรอ”

ฉินซีอึ้งไปทันที

หมายถึงว่ายังไง ลู่เซิ่นจะพักอยู่ในห้องคนไข้เหรอ

ฉินซีมองไปรอบๆ แม้ว่าห้องคนไข้ของเธอจะหรูหรากว่าห้องธรรมดาเยอะมาก แต่ยังไงที่นี่ก็เป็นโรงพยาบาลไม่ว่าเตียงนอนจะดีแค่ไหน แต่จะเปรียบเทียบกับเตียงของที่บ้านได้ยังไง

ทำไมลู่เซิ่นถึงต้องทำให้ตัวเองลำบากล่ะ

ลู่เซิ่นมองการแสดงออกที่เปลี่ยนไปเรื่อยบนหน้าเธอ และกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าตอนนี้จะรู้แล้วว่าใครเป็นผู้ลงมือ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อพวกเขาทำไม่สำเร็จ และจะไม่มาหาเรื่องเธออีก อีกอย่างตอนที่พวกเขาเก็บสัมภาระ เอาอุปกรณ์ของใช้ของฉันมาด้วย ฉันเลยต้องพักอยู่ที่นี่หนึ่งคืนแหละ”

ก็เพราะว่าสมองของฉินซีในตอนนี้สับสนไปหมด และยอมรับคำพูดที่ไม่ค่อยน่าเชื่อของลู่เซิ่นอย่างง่ายๆ

เธอนึกถึงเช้านี้ตอนที่เธอแต่งตัว เห็นของใช้ของลู่เซิ่นชุดใหญ่ในห้องน้ำ และพยักหน้า “จริงด้วย”

ในเมื่อลู่เซิ่นไม่กลับไป เธอก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากแล้ว

อาจจะเป็นเพราะกินยาไป ตอนนี้เธอรู้สึกง่วงนิดหน่อย เลยไม่ได้ถามลู่เซิ่นอีก หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ขึ้นเตียงโรงพยาบาลไปแล้ว

“ง่วงแล้วเหรอ” ทั้งๆที่ลู่เซิ่นก้มหน้าลงอ่านเอกสารอยู่ แต่ดูเหมือนเขาจะมีตาที่สามคอยเฝ้าดูการกระทำของฉินซีอยู่

ฉินซีพยักหน้า

ลู่เซิ่นลุกขึ้น “ฉันจะไปปิดไฟให้”

ฉินซีรีบโบกมือ “ไม่เป็นไร คุณต้องอ่านเอกสาร ฉันปิดตานอนก็โอเคแล้ว”

แต่ลู่เซิ่นไม่ตอบ เดินไปหน้าประตูและปิดไฟหน้าในห้องคนไข้โดยตรง เหลือเพียงไฟอ่านหนังสืออ่อนๆ อยู่ข้างตัวเขา

“นอนเถอะ” เขาเดินกลับไปที่โต๊ะจากประตูโดยตรง โดยไม่ได้มองฉินซีอีกเลย

ฉินซีรู้สึกว่าฉากนี้ค่อนข้างคุ้นเคยมาก แต่ไม่รู้ทำไม

เธอหัวเราะเยาะตัวเองทันทีที่ เมื่อมีความคิดนี้ขึ้นมา แต่ความรู้สึกนี้อยู่ในหัวตลอด

เมื่อเธอกำลังจะหลับไป ฉินซีก็จำได้ว่า ตอนที่เธอเจอลู่เซิ่นครั้งที่สอง เหมือนว่าก็อยู่ในโรงพยาบาลเหมือนกัน

ฉินซีจำได้ตลอดว่า เมื่อแม่เธอถูกฝังเรียบร้อยและออกจากสุสาน เธอรู้สึกยังไงบ้าง

ดูเหมือนยากที่บรรยายได้ด้วยคำพูด ถ้าบอกว่าความเศร้านั้นเบาเกินไป เธอรู้สึกว่าตัวเองว่างเปล่า ราวกับว่ามีส่วนหนึ่งของตัวเองหายไปจากโลกนี้พร้อมแม่ของเธอที่ถูกฝังอยู่ในดินและจะไม่มีวันฟื้นคืนได้อีก

วันนั้นท้องฟ้าเป็นสีฟ้า แม้กระทั่งแสงอาทิตย์ก็ดีมากๆ เหมือนจะอยู่ตรงข้ามเธอชัดๆเลย

ตอนที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีเพื่อนอะไร ฉินซีก็เลยไม่ได้บอกให้ใครมา กลัวว่าพวกนักข่าวได้รู้ข่าว จะมารบกวนการอำลาครั้งสุดท้ายของเธอ

งานศพร้างค่อนข้างเงียบ มีเพียงอานหยันเท่านั้นที่อยู่เคียงข้างฉินซี เห็นขี้เถ้าของคุณแม่ถูกฝังอยู่ในพื้นไปเรื่อยๆ ฉินซีไม่ได้น้ำตาไหลเลยแม้แต่หยดเดียว แค่ทำพิธีเสร็จอย่างสงบ บอกลากับคุณแม่อย่างสงบ หันหัวอย่างสงบและพูดอานหยันว่า “เราไปกันเถอะ”

อานหยันพยักหน้า แล้วสองคนก็เดินออกไปอย่างเงียบๆ

อารมณ์ของฉินซีสงบเกินไป อานหยันกลับรู้สึกว่าเธอมีอะไรผิดปกติ เป็นห่วงมาก “ให้ผมไปส่งคุณกลับเถอะ”

ฉินซีส่ายหัว “ฉันอยากอยู่คนเดียว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท