Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 923

ตอนที่ 923

บทที่ 923 ขอบคุณที่คอยดูแล

ทันทีที่ลู่เซิ่นได้ยินเสียงฝีเท้า ก็เงยหน้ามองคนที่กำลังเดินเข้ามา จากนั้นก็พูดกับคนในโทรศัพท์ว่า “คุณแม่ ยอมแพ้เถอะครับ ผมไม่สามารถพาเธอไปด้วยได้”

หลังจากพูดจบเขาก็วางสายโดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับมา

“คุณจะเดินทางไปทำธุรกิจอย่างนั้นเหรอคะ” ฉินซีรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาของลู่เซิ่น ดังนั้นเธอจึงพูดแสดงความห่วงใยตามมารยาทออกมา

“อืม” ลู่เซิ่นพยักหน้า “ไปประมาณหนึ่งสัปดาห์น่ะ”

ฉินซีพยักหน้า ทันใดนั้นเธอก็คิดอะไรขึ้นได้

การถ่ายรูปครั้งนี้ต้องใช้เวลาตรวจสอบมากกว่างานที่ผ่านการมา ทั้งยังต้องใช้ประโยชน์จากเครือข่ายภายในของหน่วยข่าวกรองไม่น้อย ดังนั้นฉินซีจึงไม่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ทำทุกอย่างให้สำเร็จด้วยตัวเองเหมือนอย่างก่อนหน้านี้ได้ หลังจากนี้จึงจำเป็นต้องไปที่บ้านของอานหยันบ่อย ๆ

ในเมื่อลู่เซิ่นกำลังจะเดินทางไปทำธุรกิจ ถ้าอย่างนั้นเธอก็สามารถย้ายไปอยู่กับอานหยันเป็นการชั่วคราวได้อย่างพอดิบพอดี ทำแบบนี้จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา

ขณะที่เธอกำลังคิดนี้ สีหน้าของเธอก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาก

หลังจากนั้นไม่นานพ่อบ้านก็เข้ามาบอกว่าเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลู่เซิ่นจึงได้ออกจากบ้านตระกูลลู่

ตอนที่อานหยันเปิดประตู ก็เห็นฉินซีถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เธอเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ “เธอถูกลู่เซิ่นไล่ออกมาแล้วอย่างนั้นเหรอ”

ฉินซีโบกมือ “พูดอะไรของเธอ เขาเดินทางไปทำธุรกิจ ฉันก็เลยจะมาอยู่ด้วยสักสองสามวัน”

อานหยันผายมือต้อนรับ ทั้งสองคนช่วยกันเก็บกวาดห้องนอนแขก จากนั้นก็เดินไปที่ห้องหนังสือ เตรียมลงมือทำงานอย่างตั้งใจ

ถึงแม้ว่าฉินซีต้องการที่จะตรวจสอบเรื่องของเหยาหมิ่นเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรงานก็ต้องมาก่อน ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงนำภารกิจมาไว้เป็นอันดับแรก

“นี่เป็นสถานการณ์ในปัจจุบันของบริษัทผลิตยาจ้าวซื่อ” อานหยันวาดแผนผังต้นไม้บนกระดานไวท์บอร์ดขนาดเล็กข้างโต๊ะทำงาน “จ้าวหมิงเป็นประธานของบริษัทผลิตยาจ้าวซื่อ และยังเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญของเรา เขามีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องของบริษัทผลิตยาจ้าวซื่ออย่างเด็ดขาด”

“คนคนนี้เป็นเป้าหมายของเธอ” อานหยันชี้ไปที่รูปถ่ายข้าง ๆ “เฉินยี้ เขาเป็นผู้มีอำนาจอันดับที่สองของบริษัทผลิตยาจ้าวซื่อ เป็นคนสนิทของจ้าวหมิง พวกเราสงสัยว่าการทำการค้าที่ผิดกฎหมายของบริษัทอาจถูกส่งมอบให้เขาเป็นคนดำเนินการให้สำเร็จ”

ฉินซีพยักหน้า จากนั้นก็จำรูปพรรณสัณฐานของทั้งสองคนเอาไว้ในสมอง

“ตามข้อมูลที่พวกเรามีอยู่ โรงแรมแห่งนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่ทำธุรกิจของบริษัทผลิตยาจ้าวซื่อ ทว่าความเป็นรูปธรรมของกฎเกณฑ์การทำธุรกิจ ยังต้องการดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมขึ้นอีกขั้น”

อานหยันหันกลับมาเปิดคอมพิวเตอร์แล้วคลิกที่อีกหนึ่งโฟลเดอร์ “โชคดีที่ว่าโรงแรมนี้เองก็ไม่ใช่สถานที่ที่ดีอะไรนัก ก่อนหน้านี้ยังเคยถูกถ่ายภาพเรื่องอื้อฉาวของดาราเอาไว้ไม่น้อย ดังนั้นการที่มีนักข่าวเข้าไปนั่งอยู่ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร”

ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย

“แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ โรงแรมนี้ก็ไม่มีความสามารถในการปกปิดที่มิดชิดมากพอ แล้วทำไมคนของบริษัทจ้าวซื่อถึงได้ใช้ที่นี่เป็นฐานปฏิบัติการ”

อานหยันชี้ไปที่รูปภาพบนกระดานไวท์บอร์ด “เพราะว่าจ้าวหมิงมีหุ้นอยู่ในโรงแรมแห่งนี้ ทั้งที่นี่ยังไม่ได้คึกคักและไม่ได้เงียบสงบจนเกินไป แถมยังเป็นพื้นที่ของตัวเองอีก แน่นอนว่าจะต้องปลอดภัยมากที่สุด”

ฉินซีพยักหน้า อานหยันชี้ไปที่ภาพขยายภาพหนึ่งในคอมพิวเตอร์แล้วพูดว่า “ดังนั้นครั้งนี้ภารกิจบังหน้าของเธอก็คือการไล่ตามเรื่องอื้อฉาวของเขา”

ฉินซีเหลือบมองไปที่คอมพิวเตอร์ เห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยข้างในนั้น “นี่คือ…”

อานหยันไม่ได้แปลกใจกับปฏิกิริยาของเธอ เพียงแค่ยักไหล่ “เสิ่นโหลว นักแสดงที่ได้รับความนิยมในช่วงเร็ว ๆ นี้”

ฉินซีไม่เคยสนใจเรื่องของดาราพวกนี้ ก่อนหน้านี้ที่เธอตามกับถ่ายภาพก็เพียงทำตามความต้องการของอานหยัน

“คนของนิตยสารที่คอยติดตามเสิ่นโหลวมักจะเห็นเขาออกมาจากโรงแรมนี้อยู่บ่อย ๆ แถมยังพาผู้หญิงมาด้วยอยู่หลายครั้ง ดังนั้นการใช้เรื่องอื้อฉาวของเขาเป็นฉากบังหน้าจึงค่อนข้างที่จะปลอดภัย” อานหยันพูดต่อ

ฉินซีพยักหน้าเป็นนัยว่าเข้าใจ

“ดังนั้นจุดสำคัญของภารกิจตอนนี้ก็คือการค้นหากฎเกณฑ์ในการปรากฏตัวของเฉินยี้ที่โรงแรมแห่งนี้ ส่วนเรื่องหลังจากนี้ค่อยมาวางแผนกันต่อทีหลัง”อานหยันตบไหล่ฉินซี “ภารกิจก่อนหน้านี้ฉันตรวจสอบข่าวกรองให้ชัดเจนเรียบร้อยแล้วก่อนจะส่งมอบให้เธอ แต่ในเมื่อครั้งนี้เธอมีคุณสมบัติที่จะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของหน่วยข่าวกรองได้แล้ว ฉันก็จะไม่ทำแทนอีก”

เธอเชื่อในความสามารถของฉินซี ดังนั้นเธอจึงกล้าที่จะวางใจ

“นอกจากนี้ฉันยังต้องพูดอีกหนึ่งเรื่อง” สีหน้าของอานหยันเริ่มจริงจังขึ้นมา “ฉันรู้ดีว่า…เคยอยากจะรีบแก้แค้นให้คุณป้า แต่ว่าภารกิจต้องมาเป็นอันดับแรก เธอจะทำอะไรฉันไม่สนใจ แต่มันต้องไม่ส่งผลกระทบต่อภารกิจ”

ฉินซีมองไปที่อานหยันแล้วพยักหน้า “เธอวางใจเถอะ ฉันจัดลำดับได้”

อานหยันตบไหล่เธอ แล้วเดินออกไปจากห้องหนังสือโดยไม่พูดอะไร

ฉินซีมองไปยังคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้า สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วรีบคลิกเข้าไปตรวจสอบรายการกระตุ้นที่ถูกบันทึกเอาไว้เมื่อหนึ่งปีก่อน ตั้งใจค้นหาการเคลื่อนไหวของเฉินยี้ตามข่าวกรองของอานหยัน

ช่วงเวลาของการทำงานผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนที่อานหยันเคาะประตูแล้วเดินเข้ามา ฉินซีก็พบว่าถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้ว

“กินข้าวก่อน” อานหยันวางของลง “ร่างกายสำคัญมากที่สุด”

“ฉินซีเหลือบมองหมาล่าทังที่เธอยกเข้ามา จากนั้นก็เงียบอยู่นาน”

เมื่อเห็นแววตาของฉินซี อานหยันก็พูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “ทำไมยะ นี่ฉันก็สั่งผักให้เธอเยอะเป็นพิเศษแล้วไง อยากกินอาหารของพ่อครัวใหญ่ก็กลับไปตระกูลลู่”

ฉินซีทำหน้ามุ่ยแล้วรับหมาล่าทังมา “ช่างเถอะ หมาล่าทังก็อร่อยดี”

หลังจากที่ทั้งสองทานอาหารกลางวันกันอย่างเงียบ ๆ เสร็จ ฉินซีก็หันกลับมาเปิดคอมพิวเตอร์อีกครั้ง

อานหยันรู้ดีว่ายังไงก็คงโน้มน้าวเธอไม่ได้ จึงได้แต่เก็บอาหารเดลิเวอรี่พวกนี้ออกไป

“ตอนบ่ายฉันต้องไปสำนักพิมพ์นิตยสาร” เธอมองไปที่แผ่นหลังของฉินซี

“อื้อ” ฉินซีตอบกลับมาอย่างไม่ใส่ใจ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอได้ยินหรือเปล่า

อานหยันส่ายหน้าแล้วถือของเดินออกไปจากห้องหนังสือ

ที่ตอนนี้ฉินซีพยายามอย่างสุดชีวิตแบบนี้ก็เพื่อที่จะบีบเคล้นเวลาในการในการสืบหาข้อมูลของเหยาหมิ่นออกมา

นี่เป็นปมที่อยู่ในหัวใจของเธอมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็คว้าประกายแห่งความหวังเอาไว้ได้ แล้วเธอจะไม่พยายามให้เต็มที่ได้อย่างไร

อานหยันออกไปทั้งบ่าย ตอนที่เธอกลับมาหลังจากทำงานเสร็จ ฉินซีก็ยังคงเก็บตัวอยู่ในห้องหนังสือ แต่คิดไม่ถึงว่าทันทีที่เปิดประตูเข้าไป กลับพบว่าฉินซีกำลังนั่งนวดกระบอกตาอยู่บนโซฟา

“กลับมาแล้วเหรอ” ฉินซีหันมามองเธอแวบหนึ่ง จากนั้นก็เหลือบมองไปที่โทรศัพท์ “ฉันกำลังจะโทรสั่งพิซซ่า”

อานหยันชูกล่องอาหารที่ถืออยู่ในมือขึ้นมา “ไม่ต้องสั่งแล้วจ้า ฉันสั่งกับข้าวมาจากร้านอาหารให้เธอแล้ว ถึงแม้ว่าจะอร่อยไม่เท่ากับของพ่อครัวใหญ่ตระกูลลู่ ก็ตั้งใจกินให้ฉันหน่อยนะ”

ฉินซีประหลาดใจเล็กน้อย เธอลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไป “ทำไมถึงได้รู้จักเอาอาหารมาแล้วล่ะ”

ต้องรู้ก่อนว่าอานหยันนั้นเป็นคนที่ชอบสั่งอาหารเดลิเวอรี่มากินเป็นชีวิตจิตใจ เธอชอบกินอาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นที่สุด การต้องไปกินข้าวที่ร้านอาหารเป็นอะไรที่น่ารำคาญเอามาก ๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้เธอจะสามารถซื้อกับข้าวกลับมาได้

อานหยันทำหน้ามุ่ย

ฉินซีเห็นสีหน้าแบบนั้นของเธอแล้วก็แอบลอบยิ้มในใจ

เห็นได้ชัดว่าอานหยันกลัวว่าเธอจะเหนื่อย

อานหยันพึมพำพลางเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อ ฉินซีนำอาหารเข้าไปอุ่นในครัว

ช่วงเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนานนี้ เธอต้องขอบคุณทุกคนที่คอยดูแลเธอมากจริง ๆ

เธอถอนหายใจออกมาเบา ๆ เป็นเพราะเธอยังแข็งแกร่งไม่พอ ดังนั้นจึงต้องให้คนอื่นคอยปกป้องอยู่เรื่อย

“เสร็จหรือยัง! ฉันหิวแล้ว!” อานหยันตะโกนมาจากข้างนอก เธอเก็บอารมณ์ความรู้สึกพวกนั้นกลับไป จากนั้นก็หันไปพูดกับทางข้างนอก “เธอเข้ามายกไปสิ!”

เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ค่อย ๆ พัฒนาให้ดีขึ้นไปทีละก้าวทีละก้าวก็เพียงพอแล้ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท