Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 928

ตอนที่ 928

บทที่ 928 ห้ามลืม ห้ามยอมแพ้

ฉินซีหลุบตาลงโดยไม่พูดอะไร ลู่เซิ่นจึงบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น

“จริง ๆ แล้วเธอไม่ได้ถือสาเรื่องที่สูหวั่นจะอยู่กับฉันหรือไม่เลยใช่ไหม”

ฉินซีเงยขึ้นเล็กน้อย ประสานสายตาเข้ากับลู่เซิ่น “นี่เป็นงานของคุณ ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่ง”

ลู่เซิ่นหัวเราะออกมาเบา ๆ ฟังไม่ออกว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน “เยี่ยม เธอช่างแบ่งแยกได้ชัดเจนดีจริง ๆ ”

ฉินซีไม่ได้พูดอะไรต่อ ลู่เซิ่นก็กดร่างของเธอลงไป

เมื่อรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นบนริมฝีปาก ฉินซีจึงหลับตาลง

เธอกับลู่เซิ่นมักจะเป็นแบบนี้เสมอ ยังพูดกันไม่ทันจะเข้าใจ ทั้งสองคนก็แยกเส้นด้ายไม่กี่ชั้นนั้นออกจากกัน พูดจาวกวนไปมา

มีเพียงตอนที่ร่างกายกำลังแนบชิดกันเท่านั้น จึงจะสามารถสารภาพความจริงออกมาได้

กลับมาที่ตระกูลลู่ได้ไม่กี่วัน วิถีชีวิตของฉินซีก็คล้ายจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม

บางครั้งก็พากล้องถ่ายรูปออกไปถ่ายภาพเพื่อหาแรงบันดาลใจ บางครั้งก็ไปจัดการงานที่บริษัทฉินซื่อกรุ๊ป และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการตกแต่งรูปภาพอยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวน

สองวันหลังจากนั้นอานหยันก็โทรศัพท์มาหาเธอ พูดชี้แจงเรื่องงานของนิตยสารก่อน หลังจากนั้นก็ค่อยพูดขึ้นมาอย่างคลุมเครือว่า “ช่วงนี้เสิ่นโหลวต้องออกไปถ่ายทำละคร สองสามวันนี้ก็ยังไม่ได้กลับ เรื่องแผนการถ่ายภาพก็คงต้องรอไปก่อน”

ฉินซีรู้ดีว่านี่หมายถึงแผนการถ่ายภาพยังจัดการไม่เรียบร้อย จึงไม่ได้รีบร้อนอะไร

ทว่าหลังจากที่วางสายโทรศัพท์ เธอก็เอาข้อมูลของเสิ่นโหลวขึ้นมาทบทวนซ้ำอีกครั้ง

ประวัติของเสิ่นโหลวเรียบง่ายมากจริง ๆ แทบจะหาเรื่องที่ต้องระวังไม่เจอเลย เพียงแต่หลังจากได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วเมื่อปีก่อน ประสบการณ์ทำงานของเขาก็ค่อย ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ

ฉินซีเห็นชีวิตส่วนตัวที่สับสนวุ่นวายของเขาแล้วก็อดส่ายหัวไม่ได้

หลังจากที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็ร่ำรวยขึ้นมาก คงไม่ได้สูญเสียความเป็นตัวเองไปแล้วหรอกใช่ไหม

เมื่อกี้ถึงตรงนี้ก็บังเอิญคิดเรื่องอะไรหลาย ๆ อย่างขึ้นมาได้ จึงถอนหายใจออกมาเบาๆ ๆ แล้วลุกออกไปข้างนอก

ดูเหมือนว่าช่วงนี้ลู่เซิ่นจะยุ่งเอามาก ๆ ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกัน แต่ก็ได้พบหน้ากันแค่เพียงไม่กี่ครั้ง ในรีสอร์ทชิงหยวนที่ใหญ่โตแห่งนี้จึงไม่มีใครมารบกวนเธออีก ฉินซีจึงมีความสุขเป็นอย่างมาก

วันนี้อากาศไม่เลว ฉินซีซึ่งถือโอกาสเอากล้องฟิล์มไปถ่ายรูปที่สวนด้านหลัง แล้วมานำมันกลับมาล้างข้างในห้องมืด

หลายปีมานี้คนใช้กล้องฟิล์มน้อยลงมาก กล้องดิจิตอลพกพาได้สะดวกกว่า ทั้งยังสามารถมองเห็นเนื้อหาข้างในได้ด้วยตาเปล่า แต่ฉินซีมักรู้สึกว่ารูปถ่ายที่ล้างออกมาจากกล้องฟิล์มมีความรู้สึกเฉพาะที่ไม่สามารถทดแทนที่ได้

ไม่ต้องพูดถึงว่าระหว่างขั้นตอนการล้างรูปต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก หลังจากที่ล้างรูปเสร็จแล้ว หัวใจของเธอก็จะสงบลง

ระหว่างที่กำลังรอรูปถ่ายที่แขวนอยู่ ฉินซีก็หยิบข้อมูลที่นำกลับมาจากอานหยันออกมา

ถึงแม้ว่าจะตรวจไม่พบเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของแม่ แต่เธอก็ยังเอาข้อมูลส่วนหนึ่งกลับมา

มันเป็นการยืนยันกับตัวเองมากกว่าการคาดหวังที่จะหาอะไรจากนั้นพบ

ห้ามลืม ห้ามยอมแพ้

ตอนที่หยิบข้อมูลนี้ขึ้นมา เธอรู้สึกสงบนิ่งกว่าตอนที่อยู่บ้านอานหยันตอนนั้นมาก

ในตอนนั้นคืนแล้วคือเล่าที่เธอรู้สึกเป็นกังวลเพราะว่าเธอหาจุดทะลวงไม่พบ ตอนที่หลับตาลงเสียงของแม่ที่โทรศัพท์มาร้องไห้สะอึกสะอื้นกับเธอก็ปรากฏขึ้นเต็มหัว ทำให้ช่วงสี่ห้าวันนั้นเธอไม่เคยได้หลับสบายเลยสักครั้ง

แต่หลังจากปล่อยให้ตกตะกอนไปสักสองสามวันแล้วกลับมาดูอีก ฉินซีก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากแล้ว

เธอรอมาปีหนึ่งแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องรีบร้อน

แม้ว่าหนทางข้างหน้าจะมีอุปสรรคมากมาย แต่ในเมื่อฉินซึ่งเทียนเป็นคนทำเรื่องนี้ ก็ไม่มีทางที่จะไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้

ความเสียใจยังคงมีอยู่ ความรู้สึกถูกทอดทิ้งไม่ได้พูดว่าจะหายไปก็หายไปได้ทันที แต่ฉินซีรู้ดีว่า เธอไม่สามารถที่จะถูกผูกติดกับความรู้สึกนี้ไว้ได้ตลอด

เธอปิดโน้ตบุ๊กอย่างเบามือแล้วยัดมันไว้ที่ตู้เก็บของ จากนั้นก็หันกลับไปมองรูปถ่ายที่ถูกตากเอาไว้จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

นักออกแบบสวนของลู่เซิ่นทำให้รีสอร์ทชิงหยวนออกมาสง่างามมาก จะถ่ายมุมไหนก็ออกมาสวยอยู่ดี ฉินซีตั้งใจเลือกรูปที่พ่อบ้านเดินผ่านมาโดยไม่ทันระวังมารูปหนึ่ง วางแผนเอาไว้ว่าจะส่งมันไปให้เขา

ปีนี้ตอนที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวน ในตอนแรกสถานะก็ค่อนข้างที่จะคลุมเครือ แต่หลังจากที่แต่งงานกับลู่เซิ่น พ่อบ้านก็ยังคงปฏิบัติกับเธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่น้อบน้อมและไม่เย่อหยิ่งจนเกินไป ไม่ซ้ำเติมคนและไม่ประจบสอพลอ ดูแลเอย่างรอบคอบและเหมาะสม ทำให้เธอไม่รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย

หลังจากนี้ถ้าต้องไปจากรีสอร์ทชิงหยวน เรื่องที่เธอไม่รู้สึกคุ้นชินที่สุดก็คงเป็นการที่ไม่มีพ่อบ้านคนนี้มาคอยดูแล

ในเมื่อเขาดูแลเธออย่างดีเธอก็ต้องตอบแทน ยิ่งกว่าการพูดว่าขอบคุณ ฉินซีหวังว่าเธอจะสามารถมอบอะไรให้เขาได้บ้าง

ตอนที่พ่อบ้านได้ภาพถ่าย ดวงตาของเขาก็เป็นประกายวาบ

ฉินซีเป็นช่างภาพมืออาชีพจริง ๆ เธอถ่ายภาพของพ่อบ้านแค่พริบตาเดียว แต่แววตาและภาพลักษณ์ของเขาข้างในภาพ กลับทำให้คนยากที่จะลืมเลือน

“ฉันถ่ายภาพของคุณเอาไว้ได้โดยบังเอิญ คงไม่ดีถ้าจะเก็บเอาไว้เอง ก็เลยอยากจะมอบให้คุณค่ะ” ฉินซีกลัวว่าเขาไม่กล้ารับ เลยพูดเสริมเข้าไป

พ่อบ้านเก็บมันไว้กับตัวอย่างระมัดระวัง แล้วกล่าวขอบคุณด้วยท่าทีเคร่งขรึมจริงจัง

ฉินซีถูกท่าทีเอาจริงเอาจังนี้ของเขาทำให้รู้สึกเขินอายเล็กน้อย “มันก็แค่รูปถ่ายรูปหนึ่งเท่านั้นเอง…”

ทว่าพ่อบ้านกลับส่ายหน้า “ประธานลู่บอกว่าช่วงนี้คุณอารมณ์ไม่ค่อยดี ผมเองก็เห็นว่าเป็นอย่างนั้น แต่ภาพนี้ที่คุณเพิ่งจะถ่ายออกมา ทำให้ผมรู้สึกว่าคุณอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว ผมก็เลยรู้สึกมีความสุขกับคุณด้วย”

ฉินซีแปลกใจเล็กน้อย เผลอพูดปฏิเสธออกมาว่า “ฉันไม่ได้ไม่มีความสุข…”

พ่อบ้านก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “หลังจากที่อยู่กับคุณมานาน เป็นธรรมดาที่จะสามารถรับรู้เรื่องพวกนี้ได้ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่พูด ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน แต่ก็ยังคงสามารถรู้สึกถึงความไม่สบายใจนั้นได้”

ฉินซีไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาไปชั่วขณะ

พ่อบ้านเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เขาเพียงกล่าวขอบคุณอีกครั้งก่อนจะขอตัวจากไป

ตอนที่ลู่เซิ่นกลับมาในช่วงเย็น เขาก็พูดถึงเหตุการณ์นี้คล้ายกับว่าไม่ได้ตั้งใจ “ได้ยินพ่อบ้านบอกว่าเธอถ่ายภาพให้เขาอย่างนั้นเหรอ”

ฉินซีหัวเราะเบา ๆ “แค่ถือโอกาสถ่ายก็เท่านั้น”

ลู่เซิ่นดึงเนกไทออก อยู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา “ดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่เคยถ่ายรูปด้วยกันเลย”

ฉินซีเลิกคิ้ว “ในทะเบียนสมรสก็มีนี่คะ”

ลู่เซิ่นนึกย้อนไปถึงการถ่ายภาพที่เต็มไปด้วยความรีบร้อนในวันนั้น ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “รูปนั้นไม่นับ”

น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยอารมณ์ความเป็นเด็กนิด ๆ ฉินซีหัวเราะเบา ๆ “ ยังไม่ได้แต่งงานจริง ๆ สักหน่อย คุณจะถ่ายภาพพรีเวดดิ้งจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ”

ฉินซีเพียงแค่พูดออกมาโดยไม่คิด ทว่าลู่เซิ่นกลับหันไปมองทันที “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

ฉินซีคิดไม่ถึงว่าเขาจะเอาจริงเอาจังขนาดนี้ จึงรีบโบกมืออย่างรวดเร็ว “ยุ่งยากเกินไปแล้ว”

ท่าทางต่อต้านบนใบหน้าของเธอนั้นชัดเจนเกินไป สีหน้าของลู่เซิ่นจึงเริ่มที่จะมืดครึ้ม “เธอไม่อยากจะรับรู้เรื่องการแต่งงานกับฉันขณะนี้เชียวเหรอ”

ฉินซียิ้ม “จะเป็นไปได้ยังไงกันละคะ ตำแหน่งคุณนายลู่นี้ คนอื่นอยากจะได้ก็ใช่ว่าจะได้ไป ฉันจะไม่อยากได้ยังไง”

ลู่เซิ่นกวาดตามองใบหน้าของเธอรอบหนึ่ง ราวกับสิงโตที่กำลังลาดตระเวนอาณาเขตของตัวเอง ตอนที่ฉินซีรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มบนแก้มของตัวเองแข็งค้าง อยู่ ๆ เขาก็ละสายตาออก

“หาเวลาถ่ายได้ ไม่มีอะไรที่ไม่ดี”

น้ำเสียงของลู่เซิ่นไม่ได้เป็นการขอความคิดเห็น มุมปากของฉินซีตกลงทันที

ถึงแม้ว่าเธอจะชอบถ่ายภาพให้คนอื่น แต่เธอไม่ชอบถ่ายภาพตัวเองเป็นที่สุด มักจะรู้สึกว่าการทำแบบนี้มันก่อให้เกิดความรู้สึกอึดอัดที่ไม่สามารถอธิบายได้

เมื่อเห็นท่าทีที่ไม่สามารถเจรจาต่อรองได้โดยง่ายของลู่เซิ่น ฉินซีจึงระงับความอยากที่จะโต้เถียงกับเขาชั่วคราว คิดว่าพอถึงตอนนั้นคงหาเหตุผลมาขายผ้าเอาหน้ารอดไปได้

ถึงอย่างไรทันทีที่ลู่เซิ่นเห็นแบบนี้ก็รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท