Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 921

ตอนที่ 921

บทที่ 921 ตอบรับตามคำร้องขอ

ในเมื่อลู่เซิ่นสร้างบันไดให้เธอก่อนแล้ว ฉินซีเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบหักหน้าคนอื่น จึงไม่ได้ท่าทีปฏิเสธต่ออีก ก่อนจะรับคำเสียงเบา แล้วรับนามบัตรมาเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ

มีเรื่องมากมายหลายอย่างอัดอยู่ในหัวของเธอ จึงอยากจะใช้น้ำร้อนมาบรรเทามันสักหน่อย

เมื่อน้ำเต็มอ่าง ฉินซีก็ถอดเสื้อออก นามบัตรที่ยัดไว้อย่างลวก ๆ ก็หล่นลงมา

ฉินซีลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา

“หลินยี่…”

เธอมักจะรู้สึกว่าชื่อนี้ค่อนข้างที่จะคุ้นหู แต่เธอจำไม่ได้ว่าเคยได้ยินมาจากไหน

ลู่เซิ่นตั้งใจแนะนำหลินยี่ให้เธออย่างจริงจัง ทั้งยังบอกว่า ‘เกิดเรื่องอะไรขึ้นให้ไปหาเขา’ อีก ลู่เซิ่นไม่เคยพูดอะไรแบบนี้มาก่อน…

ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย

หรือว่าลู่เซิ่นรู้เรื่องภารกิจของเธอ

เป็นไปไม่ได้ ฉินซีส่ายหน้าปฏิเสธ

ลู่เซิ่นอาจจะเดาเรื่องงานของเธอออก แต่ไม่มีทางที่จะรู้เนื้อหาของภารกิจลับสุดยอดนี้ได้

เธอเก็บนามบัตรไว้ในกระเป๋า

หลินยี่…

ถ้ามีโอกาสครั้งต่อไป เธอจะต้องลองตรวจสอบชื่อนี้ดูอย่างแน่นอน

ส่วนเรื่องการขอความช่วยเหลือ…

ฉินซีหัวเราะเบา ๆ

นี่เป็นเรื่องของเธอ เธอจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะทำมันให้สำเร็จด้วยตัวเอง ดังนั้นเธอจึงไม่คิดจะลากลู่เซิ่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จะให้โทรหาเพื่อนของเขาเพื่อขอความช่วยเหลือก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้แล้วใหญ่

ฉินซีเปิดประตูห้องน้ำ แต่ทางเดินข้างหน้ากลับถูกขวางกั้นไว้

ร่างกายสูงใหญ่ของลู่เซิ่นยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เขาสวมเสื้อคลุมอาบน้ำไว้บนตัว เผยให้เห็นแผงอกที่ยังคงเต็มไปด้วยหยดน้ำ

ฉินซีเงยหน้าสบตากับลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นหรี่ตา สายตาเหมือนกำลังมองเหยื่ออันโอชะอย่างไรอย่างนั้น

ฉินซีรู้ได้ทันทีว่าเขาคิดจะทำอะไร

เธอจึงขยับตัวไปด้านข้าง “ขอฉันเป่าผมให้แห้งก่อน…”

ยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นเธอก็ถูกลู่เซิ่นกอดรัดเอาไว้

“เดี๋ยวมันก็แห้งเอง”

ตอนที่ทำมันเสร็จแล้ว ผมของฉินซีก็แห้งจริง ๆ

ใบหน้าของเธอยังแดงก่ำไม่หาย พอหันไปมองลู่เซิ่น ก็พบว่าเขายังคงมีเหงื่ออยู่เต็มหน้าผาก

“ลู่เซิ่น” เธอพูดขึ้นเสียงเบา น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย “ถอนบอดี้การ์ดออกเถอะนะคะ”

ลู่เซิ่นชะงัก เขาหันไปมองเธอแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย

ฉินซีรู้ว่านี่เป็นสัญญาณที่เขากำลังบอกว่าไม่เห็น แต่ในเมื่อหลังจากนี้เธอต้องไปทำงานให้หน่วยข่าวกรอง จึงไม่สะดวกที่จะมีคนติดตาม

“ไม่ใช่ว่าตรวจสอบชัดเจนแล้วเหรอ คนที่ต้องการทำร้ายฉันก็คือคนจากตระกูลฉิน ครั้งก่อนพวกเขาลงมือไม่สำเร็จ คงไม่มาสร้างปัญหาให้ฉันอีกในเร็ว ๆ นี้แน่ ฉินซึ่งเทียนเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมาก เขาชอบลอบแทงข้างหลัง ไม่มีทางที่จะทิ้งจุดอ่อนไว้ ดังนั้นฉันจะจัดการดูแลคนของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ส่งคนมาคอยติดตามฉันก็ไม่มีประโยชน์” น้ำเสียงของฉินซีไม่ได้มีอะไรมาก แต่ฟังแล้วกลับเหมือนมีพลังที่ทำให้คนยอมแพ้ได้อย่างง่ายดาย “ฉันเองก็ไม่ชอบให้มีคนคอยจ้องมองเวลาไปที่ไหน”

ลู่เซิ่นคิดอยู่สักพัก และในที่สุดก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เหลือบอดี้การ์ดไว้คอยติดตามเธอสักคน”

น้ำเสียงของเขาฟังแล้วทำให้รู้สึกว่ายากที่จะปฏิเสธ ทว่าฉินซีกลับส่ายหน้า “ฉันมีงานกับชีวิตของตัวเอง การที่มีคนคอยติดตาม มันค่อนข้างที่จะไม่สะดวกเอามาก ๆ แล้วฉันก็มั่นใจว่าอย่างน้อยตอนนี้คนจากตระกูลฉินก็คงไม่มีโอกาสลงมือกับฉัน”

ช่วงเวลาต่อจากนี้เธอจะต้องทำงานให้อานหยัน เวลานั้นคนจากหน่วยข่าวกรองจะคอยปกป้องเธอ

นอกจากนี้เธอยังกลัวว่าคนของหน่วยข่าวกรองกับบอดี้การ์ดของลู่เซิ่นจะปะทะกัน เธอจึงอยากให้ลู่เซิ่นรีบถอนบอดี้การ์ดออกไปเร็ว ๆ

ลู่เซิ่นมองตรงไปที่เธอ หลังจากผ่านไปเนิ่นนานก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกฉันได้ตลอด”

เธอหลับตาลง ไม่ได้ตอบรับเขา

ลู่เซิ่นคิดว่าเธอหลับไปแล้วจึงไม่ได้ไล่ถามอะไรต่ออีก เพียงปิดไฟที่หัวเตียง ลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ แล้วเดินออกจากห้องไปอีกครั้ง

หลังจากสิ้นเสียงปิดประตู ฉินซีก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืด

ถึงแม้ว่าเรื่องสนิทสนมที่เธอเพิ่งทำเมื่อคืนนี้จะอยู่นอกเหนือความคาดหมาย แต่กลับเป็นไปตามแผนแผนที่เธอวางเอาไว้

ลู่เซิ่นเป็นคนเจ้าอารมณ์ ชอบใช้ไม้อ่อนไม่ใช่ไม้แข็ง หลายครั้งที่เขามักจะไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น การจะเปลี่ยนความคิดของเขามันยากเสียยิ่งกว่ายาก

ฉินซีไม่กลัวว่าเขาจะโมโห ทว่าการแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดโดยใช้ความพยายามเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้น แต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นบรรทัดฐานของเธอมาตลอด

ลู่เซิ่นมักจะคุยง่ายมากหลังจากที่ทำเรื่องแบบนั้นเสร็จ เป็นช่วงเวลาอันน้อยนิดเพียงไม่กี่ครั้งที่เขาจะยอมตอบรับตามคำร้องขอ

นี่เป็นกฎเกณฑ์ที่ฉินซีสรุปเอาไว้ในช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา

ไหล่ของเธอรู้สึกเย็นเล็กน้อย จึงลุกขึ้นไปหยิบเสื้อคลุมมาสวม คิดอยู่ครู่หนึ่งก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้วอาบน้ำใหม่เป็นครั้งที่สอง

ถึงแม้ว่าผมจะแห้งแล้ว แต่มันกลับพันกันยุ่งเหยิง ไม่ง่ายที่จะจัดการ

ตอนที่น้ำอุ่น ๆ ไหลลงมา ทันใดฉินซีก็รู้สึกว่าฉากนี้คุ้นเอามาก ๆ

เหมือนภาพที่เธอขึ้นเตียงกับลู่เซิ่นครั้งแรก

เธอเซ็นสัญญา จากนั้นก็ย้ายมาอยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวน

ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอเช่าบ้านอยู่ก็ไม่ได้มีสัมภาระอะไรมาก และยังไม่มีคนให้ต้องบอกลา เธอเพียงบอกอานหยันคำหนึ่ง แล้วเข้ามาอยู่ที่รีสอร์ทชิงหยวนทันที

ถึงแม้อานหยันจะไม่เห็นด้วยที่ฉินซีเซ็นสัญญากับลู่เซิ่น แต่เธอก็ไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ ทำได้เพียงช่วยฉินซีเก็บข้าวของ แล้วมาส่งเธอที่หน้าประตูรีสอร์ทชิงหยวน จากนั้นก็ขับรถออกไป

พ่อบ้านยิ้มทักทายว่า “คุณฉินใช่ไหมครับ ตามผมมา ผมจะพาคุณไปทำความคุ้นเคยกับที่นี่”

ฉินซีพยักหน้า พวกคนรับใช้มารับสัมภาระที่อยู่ในมือของเธอไป เธอทำได้เพียงเดินตาม

ลู่เซิ่นไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรรีสอร์ทชิงหยวนมากนัก อย่างน้อยสถานที่ที่ฉินซีคุ้นเคยก็ไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลง ดูเหมือนว่าพ่อบ้านจะพอรู้เรื่องนี้ หลังจากพาเธอแนะนำอย่างคร่าว ๆ เสร็จก็กลับไปที่อาคารหลัก

ตอนที่ฉินซีเดินไปตามอาคารหลัก เธอก็ค่อนข้างที่จะสับสนอยู่พักหนึ่ง

พ่อบ้านเหมือนจะไม่ได้บอกว่าหลังจากนี้เธอต้องพักอยู่ที่ไหน

โชคดีที่เขาช่วยคลายความสงสัยให้เธอได้อย่างรวดเร็ว เขาหยุดยืนที่หน้าประตูห้องนอน แล้วชี้มาที่เธออย่างสุภาพ “คุณฉิน หลังจากนี้คุณจะพักอยู่ที่นี่”

ฉินซีรู้สึกไม่สงบใจเป็นอย่างมาก

หลังจากที่พ่อบ้านผลักประตูให้เปิดออก เธอก็ค่อย ๆ หลับตาลง

เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ

“นี่เป็นห้องนอนหลัก และเป็นห้องนอนของคุณลู่ด้วยเช่นกัน” เขายื่นมือไปหาฉินซี ทว่ากลับไม่ได้เข้าไปข้างใน “ผมไม่สะดวกที่จะเข้าไปข้างใน แต่คุณสามารถเข้าไปทำความคุ้นเคยกับมันได้”

ฉินซีเม้มริมฝีปากแล้วหันกลับไปถาม“ ที่อาคารหลักไม่มีห้องนอนแขกเหรอคะ”

สีหน้าของพ่อบ้านแข็งค้างไปชั่วขณะ เขาส่ายหน้า “แม้ว่าจะมีห้องนอนแขก แต่ก่อนหน้านี้คุณชายได้สั่งเอาไว้ว่าให้คุณเข้าพักในห้องนอนใหญ่…”

ฉินซีกัดฟัน ไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจต่อ “ค่ะ เข้าใจแล้ว”

พ่อบ้านดูเหมือนจะโล่งใจ น้ำเสียงที่พูดเปลี่ยนเป็นเบาและช้าลง “พวกเราจัดการเรื่องเสื้อผ้าของคุณเรียบร้อยแล้ว ห้องแต่งตัวอยู่ทางฝั่งนั้น คุณต้องการที่จะไปดูไหมครับ”

ฉินซีมองไปที่ห้องนอน จากนั้นก็ส่ายหน้า “ไม่ค่ะ”

ถึงยังไงเธอก็ต้องอยู่ที่นี่ หลังจากนี้ก็ยังมีโอกาสไปดู

ดูเหมือนว่าลู่เซิ่นจะไม่อยู่บ้าน ตอนกินข้าวฉินซีก็นั่งกินคนเดียว

ต้องขอบคุณลู่เซิ่นที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างรีสอร์ทชิงหยวนมากมายสักเท่าไหร่ ความคุ้นเคยที่มีต่อสถานที่แห่งนี้ค่อย ๆ กลับเข้ามาในหัวใจของฉินซีอย่างช้า ๆ ความระแวดระวังและความรู้สึกไม่คุ้นเคยในช่วงแรกค่อย ๆ หายไป

เธอเดินไปรอบ ๆ รีสอร์ทชิงหยวน เมื่อเห็นว่าเวลาไม่เช้าแล้ว ไม่มีวิธีอื่นที่จะสามารถถ่วงเวลาได้อีก จึงทำได้เพียงกัดฟันแล้วกลับไปที่ตึกหลัก เดินขึ้นไปข้างบนช้า ๆ จากนั้นก็หยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องนอน

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็หลับตา เปิดประตูแล้วเดินเข้าไปทีละก้าว

ประตูถูกปิดตามหลัง

ฉินซีคิดว่าเธอไม่ใช่คนหัวโบราณมากมายอะไรนัก แต่ความจริงนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเหยียบเข้ามาในห้องของผู้ชายที่โตเต็มวัย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท