Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 964

ตอนที่ 964

บทที่ 964 ทะเลาะกันแบบนี้ครั้งแรก

“ทำไมพวกคุณอยู่ข้างนอกกันหมด?”

ลู่เซิ่นเห็นร่างหลายคนยืนอยู่หน้าประตูห้องผู้ป่วยจากไกลๆ ก็ขมวดคิ้ว

เดินมาถึงหน้าประตูห้องผู้ป่วย เห็นชัดๆ ว่าทุกคนยืนอยู่หน้าประตูผู้ป่วย ฉินซีก็สูดหายใจเข้าเบาๆ

อาการป่วยของสูหยิงครั้งนี้ไม่ได้ทำให้หลายๆ คนตกใจ ดังนั้นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูจึงมีแต่คนในครอบครัว

ลู่โยวโยวร้องไห้อย่างงดงาม หน้าก็แต่งแล้ว ลู่เจิ้นก็มีใบหน้ากังวลเช่นกัน

นี่มันอยู่ในความคาดหมายทั้งหมด

สิ่งที่ทำให้ฉินซีประหลาดใจ ก็คือลู่เหวย

ลู่เหวยเหมือนก่อนหน้านี้ที่เคยพบกัน สวมชุดสูทรองเท้าหนัง แต่กลับไม่มีความสง่าผ่าเผยเลย

——เพราะเขาดูเหมือนได้รับความทรมานอะไรบางอย่าง

ทรงผมถูกดึงจนยุ่งเหยิง ใบหน้าข้างหนึ่งบวม มีรอยนิ้วมือห้านิ้วอย่างชัดเจน ใบหน้าอีกข้างหนึ่งถึงจะไม่บวม แต่ก็ยังมีรอยขีดข่วนหลายจุด คอเสื้อขาดและยับยู่ยี่ มีรอยรองเท้าบนกางเกง

สีหน้าลู่เซิ่นอึมครึมและตึงเครียด เอ่ยประโยคหนึ่งโครมๆ “พ่อ! เกิดอะไรขึ้นกับพ่อ!”

ลู่เหวยไม่ได้อธิบาย แค่ส่ายศีรษะ “พ่อไม่เป็นไร……”

ลู่เซิ่นเห็นเขาทำหน้าไม่อยากพูด หันศีรษะไปมองลู่โยวโยวและลู่เจิ้น แต่ทั้งสองคนกลับส่ายศีรษะด้วยใบหน้าซับซ้อน

ลู่เซิ่นกำลังจะเอ่ยปากถาม ก็ถูกลู่เหวยตบบ่าเบาๆ “แม่ตื่นแล้ว ลูกเข้าไปหาเธอก่อนเถอะ”

ลู่เซิ่นหายใจเข้าลึกๆ ทิ้งประโยคหนึ่งไว้ด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เดี๋ยวผมออกมาคุยต่อ”

ถึงได้เปิดประตูห้องผู้ป่วย

ฉินซีอยากตามเข้าไปด้วยจิตสำนึก แต่ถูกลู่เหวยมาขวางไว้เบาๆ

ฉินซีเงยศีรษะมองเขาด้วยความสงสัยนิดหน่อย ลู่เหวยแค่ส่ายศีรษะให้กับเธอ

……สูหยิงและลู่เซิ่นอาจจะมีอะไรที่ไม่อยากให้คนนอกได้ยินก็ได้มั้ง

คิดถึงตรงนี้แล้ว ฉินซีก็ไม่ได้เดินไปข้างหน้า

ลู่เหวยยื่นมือไปปิดประตูให้ลู่เซิ่น

แต่ช่องว่างตอนปิดประตู ฉินซีเหมือนเห็นสูหวั่นนั่งข้างเตียงสูหยิง

เธอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว

มีเรื่องอะไร……ที่สูหวั่นเข้าร่วมได้ แต่เธอเข้าร่วมไม่ได้?

……

ลู่เซิ่นเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย ไม่รอให้ฉินซีเดินตามเข้ามา ก็ได้ยินเสียงประตูถูกปิดลง

……สูหยิงไม่ได้ชอบฉินซีตั้งแต่แรก ที่เธอไม่เข้ามาก็อาจจะอยากให้สูหยิงได้พักฟื้นอาการป่วยเป็นอย่างดี

ถึงจะคิดแบบนี้ แต่ลู่เซิ่นก็ยังแอบกัดฟัน คิดว่าเดี๋ยวจะออกไปคิดบัญชีกับเธอ

ตอนนี้ในเมื่อเขาเข้ามาแล้ว จึงทำได้เพียงเดินไปข้างเตียงสูหยิง

“แม่? เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ผมได้ยินว่าแม่หัวใจวาย หลายปีแล้วที่ไม่เป็นอะไร ทำไมตอนนี้จู่ๆ ก็เกิดอาการ? ”

สูหยิงได้ยินเสียงเขาก็หันศีรษะมา สายตาจ้องเขาอย่างแผดเผา

ลู่เซิ่นถูกแววตาเธอจ้อง ลางสังหรณ์ก็รู้สึกแปลกๆ แต่ก็ยังถามต่อ “ทำไมทุกคนยืนข้างนอกกันหมดเลย ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนแม่เลย? ”

สูหวั่นที่นั่งข้างเตียงผู้ป่วยก็ถูกเขาเมินเฉยแบบนี้

สูหยิงกลับไม่ตอบแม้แต่คำถามเดียว แค่จ้องมองเขา

ขณะที่ลู่เซิ่นกำลังจะหมดความอดทน คิดจะกดกริ่งเรียกให้แพทย์เข้ามาดู สูหยิงก็เอ่ยปากทันที

“ลู่เซิ่น” เสียงเธอค่อนข้างแหบพร่า “ถ้าลูกอยากให้แม่รอดชีวิต หย่ากับฉินซีเดี๋ยวนี้”

สีหน้าลู่เซิ่นแย่ลงทันที “แม่ แม่เป็นบ้าแล้วเหรอ? ”

……

นอกประตูห้องผู้ป่วย ลู่เหวยสั่งให้ลู่โยวโยวและลู่เจิ้นเฝ้าประตูให้ดี จากนั้นก็บอกให้ฉินซีเดินตามตนมา

ฉินซีรู้สึกสับสน มีลางสังหรณ์ว่าลู่เหวยอยากพูดอะไรที่ไม่ดี แต่ก็ยังเดินตามไป

สูหยิงอาศัยในห้องผู้ป่วยที่ดีที่สุดในโรงพยาบาล ไม่มีคนอยู่ชั้นนี้เลย แต่ลู่เหวยก็ยังเลือกมุมที่จะไม่มีใครได้ยินแน่นอน พูดกับฉินซีว่า “มาสิ ฉันจะค่อยๆ พูดกับเธอ”

ฉินซีเดินไปอย่างช้าๆ

ลู่เหวยไม่มองเธอ แต่พิงราวจับ ยื่นบุหรี่มวนหนึ่งออกมา จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าไม่สามารถสูบบุหรี่ในโรงพยาบาลได้ จึงถือไว้ในมือ

เขาผลุบตาลงมองบุหรี่ในมือ เอ่ยปากถาม “แปลกมากใช่ไหม ว่าทำไมฉันถูกคนต่อยจนเป็นแบบนี้? ”

ฉินซีพยักหน้า

ตามสถานะของลู่เหวย คนธรรมดาไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้ คนที่สามารถเข้าใกล้เขาได้……และไม่มีใครที่สามารถต่อยเขาแบบนี้ได้

เทียบกับการสั่งสอนลู่เหวยอย่างจริงจัง มันเหมือนการตบตีจากผู้หญิงอารมณ์ร้ายมากกว่า

จริงๆ ในใจฉินซีมีการคาดเดาแล้ว คนที่ทำอะไรตามอำเภอใจกับลู่เหวยได้แบบนี้ มีแค่สูหยิงเท่านั้น

แต่เห็นท่าทางย่ำแย่ของเขาแบบนี้ ก็ปฏิเสธการคาดเดานี้

สูหยิงเป็นคนที่มาจากครอบครัวใหญ่โต ทำไมทะเลาะจนกลายเป็นแบบนี้

ลู่เหวยหัวเราะขมขื่น “ภรรยาเป็นคนตบตีฉันเองแหละ”

ฉินซีเบิกตากว้าง

เป็นเธอจริงๆ ด้วย

“ทำไมเธอ……”

ฉินซีสงสัยมากเกินไป แต่ไม่รู้ว่าควรเอ่ยปากพูดอย่างไรถึงจะเหมาะสม

อย่างไรแล้วลู่เหวยและสูหยิงก็เป็นผู้ใหญ่ของเธอ ไม่ว่าเธอจะถามอย่างไรก็ดูเหมือนเป็นการละเมิด

ลู่เหวยส่ายศีรษะ “ถึงสูหยิงเธอจะเป็นคนที่อารมณ์ร้อนจริงๆ แต่แต่งงานกันมาตั้งหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เธอทะเลาะแบบนี้”

ฉินซียังคงขมวดคิ้วเล็กน้อย “แต่ไม่ว่าจะยังไง……เธอก็ไม่ควรตบตีคุณแบบนี้นะคะ”

เธอยังรู้สึกว่ามันแปลกๆ ถ้าเป็นเรื่องในครอบครัวลู่เหวยและสูหยิง ตามนิสัยของพวกเขาทั้งสอง จะต้องไม่ทะเลาะกันต่อหน้าเด็กๆ เป็นไปไม่ได้ที่ลู่เหวยจะอยากคุยกับเธอโดยลำพัง

แต่……ความขัดแย้งของพวกเขาทั้งคู่ จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเธอเหรอ?

ฉินซีกำลังคิดเพ้อเจ้อ ก็ได้ยินลู่เหวยเอ่ยปาก “ตอนฉันรีบมาที่โรงพยาบาล เธอเพิ่งฟื้นพอดี พอเห็นฉัน เธอก็ทั้งเตะทั้งต่อย ปากก็ด่าว่าฉันมีชู้ สมควรตาย”

ฉินซีเผยอปากเบาๆ หันศีรษะไปมองลู่เหวย “คุณ……”

“แต่ฉันไม่รู้เลยว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร” ลู่เหวยส่ายศีรษะยิ้มขมขื่น “ฉันมาก่อนพวกเธอนิดหน่อย โดนเธอข่วนไปหนึ่งที หมอกลัวว่าเธอจะเกิดอารมณ์ผันผวนมากเกินไปมันจะไม่ดีกับเธอ เลยให้ฉันออกมา สูหวั่นส่งพวกเราออกมา บอกรอพวกเธอมา ก็จะได้รู้เหตุผล”

ฉินซีทำหน้าตาประหลาดใจ “รอเรามาเหรอคะ? ”

“ใช่” ลู่เหวยพยักหน้า “ฉันเลยมาถามเธอโดยเฉพาะ สูหยิงเธอรู้อะไรมา ถึงได้เข้าใจผิดคิดว่าฉันมีชู้?”

ใบหน้าฉินซีเต็มไปด้วยความสับสน “แต่……เราไม่รู้อะไรเลยนะคะ……”

“งั้นเหรอ?” ลู่เหวยขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไม่ออกว่าเชื่อคำพูดของฉินซีหรือไม่

“คืนนี้คุณนายเธอไปไหนมา?” ฉินซีคิดสักพักก็ถามขึ้น “คุณบอกว่าคุณรีบมาที่โรงพยาบาลทีหลัง แล้วตอนที่คุณนายเป็นลม คุณไม่ได้ข้างๆ เหรอคะ?”

ลู่เหวยพยักหน้า “คืนนี้เธอมีธุระออกไปข้างนอก ผู้ช่วยตัวเองก็ไม่ได้พาไป พาแค่สูหวั่นออกไป ที่เธอเป็นลมไปสูหวั่นก็เป็นคนมาแจ้งข่าวกับฉัน”

สูหวั่น……

ฉินซีครุ่นคิดไม่กี่วินาที เงยศีรษะขึ้นมองลู่เหวย “ถ้างั้นคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้น อาจจะมีแค่สูหวั่นเท่านั้นที่รู้คำตอบ”

ลู่เหวยยังไม่ทันพูด ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าผ่านมา

ลู่โยวโยวรีบวิ่งเข้ามา “พ่อ! พี่สะใภ้! พวกคุณอยู่ที่นี่เองเหรอ! แม่เรียกให้พวกคุณรีบเข้าไปในห้องผู้ป่วย!”

ฉินซีและลู่เซิ่นมองหน้ากัน ยกเท้าเดินตามไป

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท