Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 969

ตอนที่ 969

บทที่ 969 เราหย่ากันเถอะ

ฉินซียังไม่ทันได้พูดออกไป ลู่เซิ่นก็ขมวดคิ้วเปล่งเสียงออกมา “แม่ เมื่อวานผมก็บอกแม่ไปแล้ว ผมจะหย่ากับฉินซีเพราะเรื่องนี้ไม่ได้”

สูหยิงเหลือบมองเขาเบาๆ “งั้นเหรอ?”

สีหน้าเธอสงบนิ่งเกินไป ไม่ว่าจะเป็นฉินซีหรือลู่เซิ่น ก็ไม่มีปฏิกิริยา ในมือเธอมีมีดปอกผลไม้บางๆ หนึ่งด้ามเพิ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไร?

สูหยิงเชิดคางขึ้น วางมีดปอกผลไม้ไว้ที่แขนของตัวเอง

“ลู่เซิ่น แม่ไม่ได้ปรึกษาลูก ลูกต้องหย่ากับฉินซี”

“แม่!” ลู่เซิ่นขมวดคิ้วแน่น เปล่งเสียงตะโกน “แม่วางมีดลง!”

สูหยิงมองเขาหนึ่งที หัวเราะเบาๆ “ลู่เซิ่น อย่าคิดว่าจะทำยังไงเพื่อฉกมีดไปจากแม่ ลูกจะซ่อนมีดทั้งหมดแล้วมันยังไง? แม่เป็นโรคหัวใจ แค่แม่ตื่นเต้น มันก็อาจจะเป็นอะไรขึ้นมาได้ตลอดเวลา”

ลู่เซิ่นหยุดการเคลื่อนไหว ทั้งใบหน้าเริ่มเย็นยะเยือกลง “แม่ สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือการขู่ผม”

“แล้วมันยังไง” สูหยิงไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเขา “ไม่ว่าลูกจะเกลียดยังไง แม่ก็เป็นแม่ของลูก ล้มเลิกความคิดซะเถอะ แม่ไม่มีวันเห็นด้วยที่ฉินซีกับลูกคบกัน”

“แม่!” ลู่เซิ่นก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว

แต่เขายังไม่ทันพูดอะไรทั้งนั้น สูหยิงก็เหวี่ยงมีดทิ้งไป ทันใดนั้นก็ยื่นมือมากุมหัวใจตัวเอง

ที่นิ้วกลางของเธอยังสวมเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ตอนนี้เสียงเตือนแหลมมันดังขึ้นมา

เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีบุกเข้ามาอย่างรวดเร็ว ล้อมรอบเตียงผู้ป่วยของสูหยิง

ฉินซีและลู่เซิ่นถูกปิดกั้นให้อยู่ด้านนอก

แม้ว่าบนใบหน้าไม่มีการแสดงออกอะไร ฉินซีก็สามารถเดาอะไรได้จากแรงที่เขาจับมือตน ตอนนี้เขาค่อนข้างกังวลใจ

——อย่างไรแล้วนั่นก็แม่เขา

ฉินซีเม้มปากเล็กน้อย

โชคดีที่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ยุ่งอยู่สักพักหนึ่ง เสียงเตือนดังขึ้นก็รีบมา แพทย์ก็ยังคงเป็นแพทย์เมื่อคืนวาน ตอนหันตัวมาเห็นฉินซีและลู่เซิ่น ก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ “เมื่อวานผมบอกพวกคุณแล้วไม่ใช่เหรอ? คนไข้ต้องการพักผ่อน ห้ามมีอารมณ์แปรปรวนมากเกินไป พวกคุณคือญาติเธอใช่ไหม? ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ต้องดูแลอารมณ์ของคนไข้!”

ลู่เซิ่นไม่ได้พูดอะไร

แพทย์พูดจบก็ออกไปจากห้องผู้ป่วย หลังจากประตูปิดลง ด้านในก็เกิดความเงียบอีกครั้ง

สีหน้าสูหยิงค่อนข้างซีดเซียว แต่ยังคงถือท่าที หันศีรษะมองลู่เซิ่น “นี่คือความจริง ลู่เซิ่น ถ้าลูกอยากให้แม่รอดชีวิต ต้องหย่ากับฉินซีทันที”

ลู่เซิ่นยังอยากพูดอะไร แต่โดนฉินซีดึงมือไป

“คุณนายลู่ ฉันขอคุยกับลู่เซิ่นก่อนนะคะ”

เธอพยักหน้าเล็กน้อยให้กับสูหยิง จากนั้นก็ดึงลู่เซิ่นเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย

เห็นสีหน้าฉินซี สูหยิงก็เลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้เปล่งเสียงห้าม

ลู่เซิ่นโดนฉินซีดึงออกมาจากห้องผู้ป่วย คิ้วก็ขมวดแน่นขึ้น “คุณลากฉันออกมาทำไม คุณอย่าบอกฉันนะว่าคุณจะ——”

“ลู่เซิ่น” ฉินซีขัดคำพูดเขา เบนสายตาขึ้นมองเขา “เราหย่ากันเถอะ”

สีหน้าลู่เซิ่นจมลงอย่างเห็นได้ชัด อุณหภูมิรอบกายราวกับเย็นลงสิบองศาอย่างกะทันหัน ทุกคำพูดของเขาดูเหมือนบีบเค้นออกจากฟัน “ฉินซี! คุณรู้ไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่!”

ไหล่ของฉินซีถูกมือเขาบีบอยู่ ตอนนี้ถูกบีบจนค่อนข้างเจ็บ แต่เธอก็ยังยืนกรานที่จะพูดออกมา “ลู่เซิ่น ระหว่างเราตอนแรกมันก็แค่ความสัมพันธ์ด้วยข้อตกลง การแต่งงานในตอนแรก……เพราะอยากช่วยฉันได้มรดกของแม่คืนมา ตอนนี้ฉันได้สิ่งที่ควรได้แล้ว การแต่งงานครั้งนี้มันรบกวนจิตใจแม่คุณมาก ฉันรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำมันต่อไป”

เห็นได้ชัดว่าลู่เซิ่นไม่โอนเอนตามที่เธอพูด น้ำเสียงมีความถากถางนิดหน่อย “ฉินซี คุณเห็นฉันเป็นอะไร? เป็นเครื่องมือที่ใช้เสร็จแล้วก็ทิ้งเหรอ? ตอนนี้มีโอกาสจะเลิกกับฉัน คุณก็รอไม่ไหวเลยใช่ไหม”

ฉินซีขมวดคิ้ว เงยศีรษะขึ้นมองเขา แววตาค่อนข้างไม่อยากจะเชื่อ “ทำไมคุณคิดแบบนี้?”

เธอ……ไม่เคยอยากไปจนรอไม่ไหว

ลู่เซิ่นมองสำรวจเธออย่างตั้งใจ ดูเหมือนกำลังสังเกตว่าเธอกำลังโกหกหรือไม่

ฉินซีถอนหายใจเบาๆ “ลู่เซิ่น ทะเลาะกันแบบนี้มันไม่มีความหมายหรอก ฉันรู้ดีกว่าคุณ เราหย่ากันแค่ชั่วคราว มันคือทางเลือกที่ดีที่สุด”

แต่จู่ๆ ลู่เซิ่นก็ถามขึ้นคนละเรื่อง “ฉินซี ตอนแรกคุณเคยคิดไหมว่าจะหย่ากับฉันตอนไหน?”

ฉินซีไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะถามคำถามแบบนี้ สีหน้ามีความสับสนนิดหน่อยแวบผ่านมา

เธอจะอธิบายได้อย่างไร? ตัวเองเตรียมพร้อมที่จะออกจากรีสอร์ทชิงหยวนอยู่เสมอ แต่ไม่เคยวางแผนอย่างจริงจังว่าจะหย่าเมื่อไร?

บางทีการลังเลของเธอมันชัดเจนเกินไป ทันใดนั้นสีหน้าลู่เซิ่นก็ผ่อนคลายขึ้นไม่น้อย “หรือว่าคุณ……ไม่เคยคิดจะหย่ากับฉันเลย?”

น้ำเสียงเขาเหมือนกำลังเล้าโลมอะไรบางอย่าง ฉินซีเลิกคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ “ตอนนี้……มันไม่ใช่ปัญหาว่าฉันเคยคิดไหม ตอนนี้สุขภาพแม่คุณไม่คงที่แบบนี้ เราหย่ากันชั่วคราวก่อน มัน……เป็นสิ่งที่ควรทำ”

ลู่เซิ่นไม่รู้ว่าเพราะคำพูดไหนในคำพูดเธอ ทำให้คิ้วเขาคลายลงอย่างสมบูรณ์ มือที่จับไหล่ฉินซีอย่างแน่นอยู่ตลอดเวลา ก็คลายลงแล้ว

ฉินซีรู้สึกได้โดยธรรมชาติ ถือเอาสิ่งนี้เป็นสัญญาณที่อ่อนลงของทัศนคติลู่เซิ่น

“คุณยืนกรานที่จะหย่า ใช่ไหม?” ลู่เซิ่นถามอีกครั้ง

ฉินซีกวาดตามองห้องผู้ป่วยของสูหยิงโดยไม่รู้ตัว

คนอย่างสูหยิง เธอเห็นมาเยอะแล้ว สูหยิงมักมีวิธีมากมายที่จะบรรลุเป้าหมายของเธอ

วันนี้เอามีดมาขู่ แม้กระทั่งอาการหัวใจวายกะทันหันก็อาจจะเป็นความตั้งใจของเธอ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

หลังจากวันนี้ ถ้าลู่เซิ่นยืนกรานที่จะคบกับตัวเอง ไม่รู้ว่าสูหยิงจะคิดวิธีทรมานตัวเองและทรมานเขากี่วิธี จนกว่าจะเห็นฉินซีเลิกกับเขาตามที่เธอปรารถนา ถึงอาจจะหยุดมัน

ตอนนี้เธอใช้ตัวเองเป็นแต้มต่อ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปอีก ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ฉินซีเบนสายตาขึ้นมองลู่เซิ่น พยักหน้าอย่างระมัดระวัง

“เอาใจเขามาใส่ใจเรา” ฉินซีพูด “ถ้าฉันเป็นแม่คุณ ลูกสาวของคนที่สงสัยว่าเป็นศัตรูหัวใจแต่งงานกับลูกชายฉัน ฉันก็ยากที่จะยอมรับเหมือนกัน”

ลู่เซิ่นจ้องดวงตาเธอ พยักหน้าเบาๆ

“โอเค”

ฉินซีเบิกตากว้างนิดหน่อย

ลู่เซิ่น……เห็นด้วยแบบนี้จริงๆ เหรอ?

ลู่เซิ่นหัวเราะเบาๆ “ในเมื่อคุณยืนกรานแบบนี้ ฉันก็รู้สึกว่าไม่จำเป็นที่จะยืนกรานการแต่งงานครั้งนี้”

ฉินซีอ้าปาก อยากบอกว่าที่พวกเขาหย่ากันก็เพราะสูหยิง ไม่ใช่เธอ

ทำไมคำพูดนี้ของลู่เซิ่นเหมือนเธอทำให้เขาผิดหวัง?

ทั้งๆ ที่เธอเป็นคนบอกให้หย่า ลู่เซิ่นเห็นด้วยแบบนี้แล้ว แต่เธอไม่รู้ทำไมรู้สึกไม่พอใจนิดหน่อย

แต่ฉินซีหายใจเข้าลึกๆ ระงับอารมณ์แปลกๆ ที่ผ่านเข้ามาในหัวใจ แค่ดึงมือลู่เซิ่นที่วางบนไหล่เธอตลอดเวลาลงมา ลังเลสักพักหนึ่ง ยื่นมือออกไปจับไว้

“ลู่เซิ่น ได้เจอคุณ ฉันก็โชคดีมากแล้ว” เธอจ้องมองดวงตาลู่เซิ่น น้ำเสียงจริงใจ “ฉันไม่ควรสร้างความเดือดร้อนเพิ่มให้กับคุณอีก”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท