Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1002

ตอนที่ 1002

บทที่ 1002 แอบทำอะไรบางอย่าง

เมื่อมาเห็นว่าฉินซียังอยู่ที่นี่ ลู่เหวยก็พอจะเข้าใจลูกชายตัวเองขึ้นมาบ้าง ว่าแล้วลู่เซิ่นต้องแอบทำอะไรบางอย่าง และไม่ได้ยอมหย่าแต่โดยดีเหมือนที่แสดงออกมาแน่ๆ

ส่วนเขาแอบทำอะไรงั้นเหรอ

ลู่เหวยส่ายหัวยิ้มๆ ไม่คิดจะไปสืบสาวราวเรื่องต่อหรอก

เขาไม่ได้เป็นผู้ปกครองประเภทที่ชอบควบคุมและบีบบังอย่างที่สูหยิงเป็น ขอแค่ลู่เซิ่นมีชีวิตที่ดี เขาก็ไม่คิดจะเข้าไประรานตัวเลือกของลู่เซิ่น

เพราะเขารู้ว่า ถึงยังไงลู่เซิ่นก็รู้ตัวเองดี ขอแค่เขาไม่ทำอะไรเกินไปก็พอแล้ว

และที่เขายิ้มอย่างมีเลศนัยเมื่อกี้ จริงๆแล้วแค่อยากแกล้งให้ฉินซีรู้สึกหวั่นๆเล่นเท่านั้น

คนเอื่อยๆอย่างลู่เหวย ถ้าหากคิดจะทำอะไร ไม่ว่าใครก็อย่าคิดที่จะถาม

ทานข้าวลงไปได้คำหนึ่ง ฉินซีก็ว่าจะถามอ้อมๆว่า”มาไม่เสียเที่ยว”ที่เขาพูดมาเมื่อสักครู่มันหมายความว่ายังไง แต่กลับถูกตอกกลับมาอย่างอ้อมๆเสียหลายครั้ง

จนสุดท้าย จึงทำได้แค่ปล่อยข้อสงสัยนี้ไปเพียงชั่วคราว

“ทานซุปอีกสักหน่อยสิ” ลู่เหวยยิ้มตาหยีพร้อมกับตักซุปให้ฉินซีอีกถ้วยหนึ่ง “หนูผอมเกินไปแล้ว ต้องกินเยอะๆนะ”

ฉินซีกำลังจะพูดปฏิเสธออกมา แต่เมื่อเห็นใบหน้าใจดีของลู่เหวย สุดท้ายก็ต้องกลืนอาหารเหล่านั้นลงไป จากนั้นก็ฝืนพยักหน้า แล้วรับเอาซุปถ้วยนั้นมา

ลู่เหวยตักซุปให้เธออยู่หลายถ้วย จากนั้นถึงได้ตบมือแล้วลุกขึ้น “มา ไปเดินเล่นกับฉันหน่อย”

ฉินซีรู้สึกเหมือนในท้องมีแต่น้ำ จึงอยากจะเดินย่อยอยู่พอดี เลยไม่ได้ปฏิเสธอะไร เดินตามหลังลู่เหวยไปติดๆ

ลู่เหวยไม่ค่อยสนใจตึกใหญ่เท่าไหร่นัก เมื่อเดินออกมาจากห้องอาหาร ก็เดินตรงออกไปข้างนอก

ทั้งสองค่อยๆเดินไปช้าๆ จู่ๆลู่เหวยก็ถามขึ้นมาว่า “นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันมาที่นี่”

ฉินซีมีใบหน้าแปลกใจ “คะ?”

ลู่เหวยก้มหน้าแล้วยิ้มขมขื่นออกมา “ลู่เซิ่นซื้อที่นี่ได้ไม่นาน ก็ย้ายออกจากตระกูล พร้อมทั้งพูดย้ำอีกว่าที่นี่เป็นที่พักส่วนตัวของเขา ห้ามไม่ให้พวกฉันเข้ามาตามอำเภอใจ”

ฉินซีขมวดคิ้วนิดๆ

ถึงยังไง ลู่เหวยกับสูหยิงก็เป็นพ่อแม่ของลู่เซิ่น ถึงที่นี่เขาจะเป็นคนซื้อมาเอง แต่การที่ไม่ให้พ่อแม่มาหาเลย มันก็ออกจะเกินไปหน่อย

เมื่อลู่เหวยเห็นสีหน้าของเธอ ก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ในเมื่อเขาย้ำมาขนาดนี้ ฉันเลยไม่คิดจะเสนอหน้ามาที่นี่เหมือนกัน แต่แม่ของเขาไม่เชื่อ เลยมาหาเขาที่นี่อยู่ไม่กี่ครั้ง แม้ว่าพ่อบ้านจะต้อนรับเธอเป็นอย่างดี แต่ก็ให้เธออยู่แค่ในบริเวณตึกใหญ่ ไม่เคยพาเธอเดินรอบๆบริเวณนอกบ้านเลย เธอจึงโกรธมาก คิดว่าคนใช้ที่นี่ไม่เคารพเธอ เลยไม่คิดกลับมาที่นี่อีก”

เมื่อลู่เหวยพูดออกมาอย่างนี้ ในหัวของฉินซีก็พอจะนึกภาพตอนที่สูหยิงโกรธจนกระหืดกระหอบออก จึงรู้สึกขำขึ้นมาทันที

“ที่ฉันไม่มา จริงๆแล้วก็เพราะว่าฉันพอจะเดาออก ว่าที่ลู่เซิ่นคัดค้านไม่อยากให้พวกฉันมาขนาดนี้ คงเพราะซ่อนอะไรเอาไว้ที่นี่” ลู่เหวยพูดเนิบๆออกมา

ฉินซีครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่

ซ่อนอะไรเอาไว้?

เท่าที่เธอรู้ ของสำคัญของลู่เซิ่น จะฝากเอาไว้กับธนาคารที่รับฝากทรัพย์สิน เขาไม่น่าจะซ่อนอะไรไว้ที่บ้านหรอก

แต่พอคิดดีๆ

ของที่ย้ายเข้ามาได้ไม่นาน และถูกซ่อนเอาไว้ไม่อยากให้คนรับรู้มาก ก็มีอยู่แค่อย่างเดียวไม่ใช่เหรอ?

——ก็ตัวของฉินซีนี่ไง

ในที่สุดฉินซีก็รู้แล้วว่าสีหน้าล้อๆแบบนั้นบนหน้าของลู่เหวยมาจากไหน

เขากำลังแซวเธอกับลู่เซิ่นอย่างไม่ต้องสงสัย

“เห็นเขาซ่อนเอาไว้มิดซะขนาดนี้ ฉันก็เลยรู้ว่าเขาคงหวงแหนเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่คิดจะมาที่นี่ให้เขารำคาญใจหรอก”

ลู่เหวยเอ่ยปากพูดออกมาอยู่คนเดียว ราวกับมองไม่เห็นสีหน้าของฉินซี

ฉินซีนิ่งไป ทันใดนั้นก็ค้นพบเรื่องหนึ่ง

ตามที่ลู่เหวยพูดมา แสดงว่าหนึ่งปีก่อนหน้านี้เขารับรู้ถึงการมีอยู่ของเธอมาตลอด?

แต่ว่าหนึ่งปีก่อน สถานะของเธอ เป็นอะไรที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากๆ…..

ลู่เหวยหันกลับมา ก็สังเกตเห็นท่าทางของเธอ จึงยิ้มออกมาบางๆ “หนูไม่ได้ฟังผิดหรอก ฉันรู้จักหนูตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ไม่สิ ต้องพูดว่า ฉันรู้จักหนู มากกว่าที่หนูจินตนาการเอาไว้เยอะ”

สีหน้าของฉินซีเปลี่ยนไปนิดหน่อย

ถ้าลู่เหวยรู้เรื่องข้อตกลงของเธอกับลู่เซิ่นแล้ว……เขายังใจดีกับเธอได้ขนาดนี้เลยเหรอ?

แต่ว่าคำถามนี้มันอันตรายมากเกินไป ฉินซีไม่อยากเสี่ยงลองหยั่งเชิงถามออกไปหรอก และเธอก็ไม่คิดจะถามอะไรต่อด้วย

ลู่เหวยเองก็คงอยากพูดถึงแค่นี้ ผ่านไปสักพักถึงได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วพูดขึ้นมาช้าๆว่า “ลูกชายของฉันคนนี้น่ะ มีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ตอนที่เขาอยู่กับหนู ฉันรู้สึกได้ ว่าข้อดีของเขาถูกขยายกว้างขึ้น และข้อเสียของเขาก็ค่อยๆหายไป หนู….ให้เวลาเขาสักหน่อยได้ไหม?”

ในที่สุดฉินซีก็เข้าใจแล้ว ที่ลู่เหวยลากเธอออกมาคุย ก็เพราะอยากเกลี้ยกล่อมเธอ

แต่พอนึกถึงความสัมพันธ์คลุมเครือของทั้งสองคนในตอนนี้ ฉินซีก็ไม่รู้จะอธิบายออกไปยังไง จึงทำได้แค่พยักหน้าพอเป็นพิธี

เมื่อลู่เหวยเห็นเธอรับปาก ก็รู้สึกเบาใจลงบ้าง จากนั้นก็เดินเอามือไขว้หลังนำหน้าไป

รีสอร์ทชิงหยวนใหญ่มาก แต่ก็เป็นสถานที่ที่ควรมาเดินเล่นเป็นอย่างยิ่ง ฉินซีพาลู่เหวยเดินไปรอบหนึ่ง ก็พอจะเดาได้ว่าเขาคงเหนื่อยบ้างแล้ว จึงคิดจะพาเขากลับ

แต่จู่ๆลู่เหวยกลับเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “ได้ยินว่าที่ตรงนี่ แต่ก่อนเคยเป็นบ้านเก่าของตระกูลฉินเหรอ?”

เรื่องนี้เคยเป็นข่าว มันไม่ใช่ความลับอะไร ฉินซีจึงพยักหน้าตอบกลับไปว่า “ใช่ค่ะ เป็นที่ที่คุณปู่ของฉันเคยอยู่”

ลู่เหวยพยักหน้า ตอนแรกฉินซีคิดว่าเขาแค่ถามไปเรื่อย แต่ไม่คิดเลยว่าพอเดินมาถึงมุมเลี้ยวถัดมา จู่ๆเขาก็หยุดเดิน แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นมาว่า “ต่อไป หนูคิดจะทำยังไงกับบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป?”

ฉินซีแปลกใจนิดๆ เงยหน้าขึ้นไปมองเขา “หมายความว่ายังไงคะ?”

ลู่เหวยโบกมือ “คนที่แถลงแทนหนูตอนที่ประชุมในครั้งนั้นน่ะ เป็นเพื่อนเก่าของฉันเอง เขาบอกฉันแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับบอร์ดบริหารของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปบ้าง ที่หนูต้องการให้ฉินซึ่งเทียนชำระเป็นเงินสดให้กับคุณ เพราะมีแผนอะไรหรือเปล่า?”

ฉินซีเพิ่งจะนึกได้ ว่าเมื่อวานเธอถามลู่เซิ่นว่าคนที่แถลงแทนเธอเป็นใคร

………เป็นเพื่อนของลู่เหวยจริงๆด้วยสินะ

ฉินซีไม่รู้ว่าตอนนี้ในใจรู้สึกยังไง จึงพยายามตั้งสมาธิเพื่อตอบคำถามของลู่เหวย

สิทธิ์ถือครองหุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปมีการเปลี่ยนแปลง ไม่นานก็คงประกาศสู่สาธารณะ ดังนั้นจึงไม่ใช่ความลับอะไร

แต่ทำไมลู่เหวยรู้เรื่องชำระด้วยเงินสดล่ะ เหมือนจะมีอะไรแปลกๆนะ?

ฉินซีเกิดความไม่เข้าใจในทันที

เธอไว้ใจลู่เหวยอยู่แล้ว จากการที่ลู่เหวยทุ่มเทแรงกายและแรงใจช่วยเหยาหมิ่นหาพยาน มันก็เพียงพอที่จะทำให้เธอรู้แล้วว่าลู่เหวยไม่มีทางเอาเปรียบเธอแน่นอน

แต่เรื่องจัดการบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป เธอไม่เคยบอกให้ใครหลายคนรู้

เพราะมันเปรียบเสมือนหลุมเลน ยิ่งมีคนรู้เยอะมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่ปลอดภัยมากเท่านั้น

ดังนั้นเธอจึงพยายามแกล้งทำทีว่าไม่มีอะไร “ไม่ได้มีแผนอะไรหรอกค่ะ ฉันก็แค่คิดว่า ได้หุ้นจากฉินซึ่งเทียนคงไม่สบายใจเท่าได้เงินมาสดๆ ก็เลยไม่ค่อยอยากได้พวกหุ้นสักเท่าไหร่

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท