Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1004

ตอนที่ 1004

บทที่ 1004 ไม่ต้องมีข้อตกลง

เวลาตอนนี้ก็สายมากแล้ว ทั้งสองคุยกันอยู่สองสามประโยค ลู่เหวยก็ลุกขึ้นยืนเตรียมที่จะกลับ

ฉินซีลุกตาม จากนั้นก็เดินไปส่งเขาที่หน้าประตู

“เรื่องนี้ ฉันจะจัดการให้เร็วที่สุด ถ้าเรียบร้อยแล้ว ฉันจะบอกหนูนะ” เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น ลู่เหวยก็ไม่ได้พูดออกไปให้ชัดเจน เพียงแค่ชูมือข้างซ้ายที่กำเป็นกำปั้นโบกไปโบกมาให้ฉินซี

และฉินซีรู้ ว่ามีแฟลชไดรฟ์ของตัวเองอยู่ในกำปั้นนั้น

เธอพยักหน้า แล้วพูดกำชับเสียงเบาอีกรอบว่า “คุณลุงก็ต้องระวังนะคะ”

ลู่เหวยยิ้ม ทำหน้ารับรู้ จากนั้นก็ขึ้นรถไป

รถขับออกไปจากรีสอร์ทชิงหยวนนานแล้ว แต่ฉินซีก็ยังคงใจลอย

เธอยังจำวันที่ตัวเองสิ้นหวังจนอยากกระโดดลงแม่น้ำได้ว่าตัวเองอยู่ในอารมณ์แบบไหน

ตอนนั้นเธอรู้สึกว่าเธอไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับโลกใบนี้แล้ว เธอก็เป็นแค่ใบไม้ที่ร่วงหล่น สามารถสลายหายไปได้ตลอดเวลา

แต่วันนี้ ทนายจ้าวและลู่เหวย ทำให้เธอได้เข้าใจ

ถึงแม้เหยาหมิ่นจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ความรักของเธอที่ยังหลงเหลืออยู่ ยังคงปกป้องคุ้มครองฉินซีต่อไป

ฉินซีเม้มริมฝีปาก เตรียมจะกลับไปนอนสักตื่นที่ห้อง ทว่าโทรศัพท์กลับสั่นขึ้นมาเสียก่อน

เมื่อก้มหน้าดู ก็พบว่าไม่ใช้ใครคนอื่น แต่เป็นคนที่ลู่เหวยเพิ่งพูดถึงอ้อมๆไปเมื่อสักครู่——ลู่เซิ่น

เมื่อมองหน้าจอจนแน่ใจ ฉินซีก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ

น้อยครั้งมากที่ลู่เซิ่นจะโทรมา และวิดีโอคอลมาอย่างนี้…..ก็เหมือนจะเป็นครั้งแรกด้วย

ฉินซีงุนงง แต่กระนั้นก็กดรับสาย

คลื่นสัญญาณดีมาก เมื่อกดรับสายทั้งสองฝ่ายก็พากันเงียบ ไม่มีใครเป็นฝ่ายเริ่มเอ่ยปากพูด

เมื่อเป็นวิดีโอคอล ทั้งสองฝ่ายจึงต้องคุยกันผ่านกล้อง และเมื่อมองอีกฝ่ายจากหน้าจอ ฉินซีก็แทบจะไม่สงสัยเลยว่าลู่เซิ่นอาจจะเผลอกดโทรผิดหรือเปล่า เพราะเขาไม่ได้นำโทรศัพท์มาไว้ข้างกาย แต่กลับถือไว้ข้างหน้าแทน

สุดท้ายก็เป็นลู่เซิ่นที่ทำลายความเงียบ

“พ่อบ้านบอกผมว่า เมื่อกี้พ่อผมมา?”

เสียงของลู่เซิ่นผ่านสายโทรศัพท์ ทุ้มลึกกว่าปกติ

ฉินซีพยักหน้า “ใช่ แต่คุณช้าไปหน่อย เขาเพิ่งกลับไปเมื่อกี้เลย”

ลู่เซิ่นเบ้ปาก “ผมก็ไม่ได้อยากคุยกับเขาสักหน่อย”

เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกมา ทั้งสองก็ต่างเงียบ

ฉินซีอดพึมพำขึ้นมาในใจไม่ได้ว่า

ไม่ได้อยากคุยกับเขา….แล้วอยากคุยกับฉันเหรอ?

ฉันก็อยู่นี่แล้วนี่ไง ทำไมยังไม่พูดล่ะ?

ครั้งนี้ทั้งสองเงียบกว่าครั้งแรกนานนิดหน่อย มาคราวนี้ถึงตาฉินซีทนไม่ไหวบ้าง จึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดออกไปก่อนว่า “คุณอยู่เมืองหนานเหรอ? เเครื่องเพิ่งแลนดิ้ง? ถ้าคำนวณเวลาจากที่นั่นแล้ว…..ตอนนี้คงดึกมากแล้วสินะ?”

ลู่เซิ่นรู้สึกแปลกๆ “คุณรู้ได้ไงว่าผมอยู่เมืองหนาน?”

ฉินซีกระแอมไอออกมาเบาๆ “พ่อบ้านบอก”

เธอไม่ได้โกหกสักหน่อย เธอถามพ่อบ้านตั้งหลายครั้ง เขาถึงบอก

ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นก็นึกถึงภาพนี้เหมือนกันหรือเปล่า น้ำเสียงของเขาถึงได้ร่าเริงขึ้นเยอะ “ใช่ครับ ทางนี้ดึกแล้ว แต่ว่าผมเจ็ตแล็กนิดหน่อย นอนไม่ค่อยพอเลย”

เมื่อฉินซีได้ยิน ก็ขมวดคิ้วเบาๆ “เจ็ตแล็ก? งั้นตอนนี้คุณก็รีบไปนอนสิ คุณยุ่งมาทั้งวัน นอนก็ไม่พอ แล้วทำไมตอนกลางคืนจะไม่หลับล่ะ?”

เมื่อลู่เซิ่นเห็นความเป็นห่วงในสายตาของเธอ มุมปากก็คลี่ยิ้มออกมา พูดเสียงเบาว่า “ไม่แน่อาจจะเป็นเพราะว่า…..ผมต้องนอนคนเดียว เลยนอนไม่หลับมั้ง?”

ประโยคนี้ของเขาจริงครึ่งไม่จริงครึ่ง และก็มีหยั่งเชิงดูบ้าง ในตอนที่อยากเห็นว่าฉินซีจะมีปฏิกิริยายังไงนั้น——

หน้าจอฝั่งตรงข้ามก็พลันมืดสนิท

ต่อมาหน้าจอก็แสดงผลว่า “ปลายสายวางสายไปแล้ว” จากนั้นหน้าจอก็เด้งออกอัตโนมัติ

สีหน้าของลู่เซิ่นเจื่อนลง

ฉินซี……รับไม่ได้เหรอ?

ทำไมจู่ๆกดวางไปอย่างนั้น?

เธอหมายความว่ายังไง?

ในขณะที่เขากำลังคิดไปต่างๆนานา ก็มีข้อความใหม่ส่งเข้ามาในโทรศัพท์

ลู่เซิ่นเปิดดูด้วยความรีบร้อนเล็กน้อย จึงพบว่าเป็นข้อความจากพ่อบ้าน

“คุณนายฝากมาบอกว่า โทรศัพท์ของเธอแบตหมด ถ้ามีเรื่องอะไร รอให้เธอชาร์จแบตก่อนแล้วค่อยพูดกันอีกที”

เมื่อลู่เซิ่นอ่านข้อความนี้ มุมปากก็ค่อยๆยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง………..

เมื่อเขาอ่านข้อความที่พ่อบ้านส่งมา ก็พอจะนึกภาพทางนั้นออกว่า ฉินซีต้องถือโทรศัพท์ด้วยสีหน้าที่พูดอะไรไม่ออกแน่ๆ

เมื่อเครื่องบินลงจอด หลินหยังกับหลินยี่ก็เดินออกมาจากห้องโดยสารของตัวเอง

เมื่อเห็นลู่เซิ่นถือโทรศัพท์ พร้อมทั้งใบหน้าที่มีรอยยิ้มจางๆ หลินยี่ก็อดเดินเข้าไปถามอย่างนึกสนใจไม่ได้ว่า “เป็นอะไรไป? ใครให้ยาวิเศษอะไรมาเหรอ?”

ลู่เซิ่นหันหลังให้เขา แต่ใครๆก็ฟังออกว่าน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความอารมณ์ดี “ยาวิเศษอะไร”

หลินยี่หัวเราะพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นมา “โอเคๆ ฉันรู้แล้ว ว่าเป็นภรรยานาย”

เขาเดินถอยหลัง จากนั้นก็โบกมือให้ลู่เซิ่น “งั้นฉันไปก่อนนะ”

ลู่เซิ่นโบกมือไล่เขา โดยที่ไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมอง

ดังนั้นวินาทีต่อมาที่ประตูเครื่องบินเปิดออก หลินยี่ก็หายเข้าออกไปนอกตัวเครื่อง

ส่วนหลินหยังที่ยืนมองอยู่ข้างๆตลอด ก็อ้าปากค้าง

ในฐานะที่เขาเป็นผู้ช่วยเต็มสปิริต ดังนั้นในระหว่างการบินสิบชั่วโมงกว่าๆนี้ จึงพยายามสืบค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหลินยี่ให้ได้มากที่สุด เพื่อกันไม่ให้เกิดบรรยากาศอึดอัดตอนต้องเผชิญหน้ากัน

แต่เหมือนเครือข่ายเก็บรวบรวมข้อมูลของเขาจะเกิดการขัดข้อง เขาทำการสืบค้นอยู่ตั้งนาน กลับไม่ได้ข้อมูลสำคัญอะไรเลย

หลินหยังจึงทำได้เพียงพยายามหวนนึกสุดความสามารถ แต่ก็ยังไม่ได้อะไรกลับมา

ราวกับว่าผู้ชายที่ชื่อหลินยี่ ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีตัวตนบนโลกนี้มาก่อนอย่างไรอย่างนั้น

หลินหยังระแวงกับปืนในมือของเขา ดังนั้นในตอนที่เดินออกมาจากห้องโดยสารของตัวเอง ถึงได้เดินห่างจากเขาพอสมควร

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่พริบตาเดียว หลินยี่จะหายวับไปกับตา

“หยุดมองได้แล้ว” เหมือนลู่เซิ่นสังเกตเห็นว่าเขากำลังงงงวย จึงเอ่ยพูดนิ่งๆโดยที่ไม่ได้หันมามองว่า “เขาลงจากเครื่องไปแล้ว”

หลินหยังเบิกตากว้าง “แต่ว่าบันไดเครื่องยังไม่แตะพื้นเลยนะครับ…….”

ลู่เซิ่นหัวเราะเบาๆ “แล้วนายคิดว่าเขาขึ้นมายังไงล่ะ?”

หลินหยังสะอึก ตอนนี้ถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าตอนที่พวกเขาขึ้นเครื่องมาเมื่อกี้ จู่ๆหลินยี่ก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นเดียวกัน

“ประธานลู่ หลินยี่คนนี้ ตกลงแล้ว…..เป็นใครมาจากไหนเหรอครับ?” หลินหยังยังคงสงสัย จึงเอ่ยปากถามออกไปอย่างอดไม่ได้

ลู่เซิ่นเก็บโทรศัพท์ เหลือบมองหลินหยังที่มองมาอย่างรอคอยคำตอบ

เขาไม่มีทางพูดเรื่องที่หลินยี่เคยเป็นทหารกองกำลังพิเศษออกมาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงตอบคำถามของหลินหยังออกไปอย่างรวบรัดว่า “จำเอาไว้ก็พอว่า เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน”

แม้หลินหยังจะได้รับคำตอบที่ไม่ค่อยตรงคำถามเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่กล้าถามต่อแล้ว จึงเหยียดกายลุกขึ้นแล้วไปติดต่อรถยนต์ให้มารับ

ในที่สุดภายในห้องผู้โดยสารเครื่องบินก็เหลือแค่ลู่เซิ่นคนเดียว

ทั้งๆที่เป็นเหตุการณ์เดียวกันกับตอนขึ้นเครื่อง แต่ตอนนี้ลู่เซิ่นกลับไม่รู้สึกว่างเปล่าเท่าไหร่แล้ว

ตลอดทางเขานอนไม่เต็มอิ่มเลยสักนิด เพราะในฝันมีแต่ประโยคนั้นของฉินซีฉายเข้ามาซ้ำๆ

“ระหว่างเราไม่ต้องมีข้อตกลงก็ได้”

แต่ทุกครั้งที่เขากำลังจะเอ่ยปากถามให้ชัดเจน ฉินซีก็หายไปจากความฝันเสียแล้ว

ดังนั้นเมื่อเครื่องบินลงจอด เขาก็ไม่สามารถทนรอได้อีกต่อไป ถึงได้วิดีโอคอลไปหาฉินซี

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท