Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1036

ตอนที่ 1036

บทที่ 1036 เงื่อนไขการแลกเปลี่ยน

สำหรับฉินซี ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับการรอคอยพิจารณาการตัดสินคดี

เธอไม่รู้ว่าตัวเองแสร้งทำเหมือนหรือไม่ ไม่รู้ว่าสีหน้าตัวเองแข็งทื่อเกินไปจนทรยศตัวเองไหม ถึงขั้นสงสัยว่าหัวใจตัวเองจะเต้นดังเกินไป และทำให้คนได้ยิน

ดาบที่แขวนอยู่บนเหนือศีรษะ เธอรอให้คนข้างกายพูดขึ้น ตัดสินใจว่าดาบนี้จะตกลงมาหรือบินออกไปไกล

“ยังเร็วไป” ชายที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวอู๋สังเกตเธออย่างระมัดระวังแล้ว สุดท้ายก็พูดขึ้น “ฉันว่ายังสลบอยู่นะ”

ฉินซีโล่งใจเงียบๆ

แต่เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวอู๋ยังคงมองเธออยู่ เธอไม่กล้าผ่อนคลาย

“จริงเหรอ?” ชายที่นั่งเบาะผู้โดยสารข้างคนขับค่อนข้างระมัดระวังตัวอย่างเห็นได้ชัด “เมื่อกี้หลิวลี่บอกว่าเธอลงมาเร็วเกินไป สารอีเทอร์ยังไม่ทันทะลุผ้าขนหนูเลย เขากลัวว่ายาจะไม่พอ ไม่งั้นนายเอาผ้าขนหนูโปะยาอีกหน่อยไหม?”

เสี่ยวอู๋ยังไม่ทันเอ่ยปาก ชายที่ขับรถอยู่ก็พูดขึ้น “กลัวอะไร! ตื่นแล้วยังไง เราเป็นผู้ชายทั้งคัน จัดการผู้หญิงคนเดียวยังจัดการไม่ได้เหรอ? ยามันกลิ่นแปลกๆ ดมแล้วรำคาญ!”

ฉินซีก็รู้สึกได้ เสี่ยวอู๋ก็ไม่ขยับทันที ประมาณว่าไม่รู้ควรจะฟังใครดี

ไม่กี่วินาทีต่อมา คนที่นั่งเบาะผู้โดยสารข้างคนขับก็ถอนหายใจเบาๆ ยอมประนีประนอม “ได้ เสี่ยวอู๋นายจับตาดูให้ดี ผู้หญิงคนนี้มีเล่ห์เหลี่ยมไม่น้อย ถ้าตื่นขึ้นมาต้องคอยดูให้ดีหน่อย”

เสี่ยวอู๋ตอบตกลง

ฉินซีก็โล่งใจ

ที่แท้ตัวเองก็ตื่นขึ้นก่อนกำหนด เพราะปริมาณสารอีเทอร์ที่ใช้

จริงๆ ด้วย เธอเลือกที่จะแสร้งทำเป็นหลับยังไม่ตื่นขึ้นมา นอกจากได้ยินสถานการณ์นิดหน่อยแล้ว สิ่งที่ต้องพิจารณาก็คือ เธอเพียงคนเดียวไม่สามารถจัดการกับทุกคนบนรถได้

สภาพแวดล้อมปิดกั้นอย่างรถยนต์ อีกฝ่ายมีสารอีเทอร์ในมือ ถ้าเธอจะต่อสู้กับทุกคน มันก็เหมือนกับการเอาไข่ไปกระทบหิน

เธอทำได้แค่แสร้งหลับต่อไป รอคอยโอกาส

สองคนด้านหน้าเริ่มคุยกันอีกครั้ง ฉินซียังมีคำถามมากมายในใจ

ตอนนี้รถคันนี้กำลังมุ่งไปที่ไหน?

คนของตระกูลฉินลักพาตัวเธอ คิดจะสอนบทเรียนให้เธอนิดหน่อย หรือว่าเอาเงื่อนไขอะไรมาแลกเปลี่ยนกับเธอ?

ทั้งๆ ที่มีอย่างน้อยหกคนในกลุ่มนี้ ตอนนี้มีสามคนนั่งข้างๆ ตน แล้ว……ที่เหลือล่ะ?

นอกจากรู้ว่าคนเหล่านี้คือคนของตระกูลฉินจ้างมา ตอนนี้ฉินซีก็แทบไม่รู้อะไรทั้งนั้น

เธอทำได้เพียงหายใจเบาๆ ขณะที่ไม่ให้เสี่ยวอู๋พบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาแล้ว ก็พยายามดึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากบทสนทนาของพวกเขาไปด้วย

เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนตรงหน้าเริ่มโต้เถียงกันเรื่องอื่นอีกครั้ง

“ฉันบอกให้หลิวลี่มา ฉันจะไปส่งพวกเขาที่โรงพยาบาล แต่นายไม่ยอมทำ?” คนที่นั่งเบาะผู้โดยสารข้างคนขับพูดขึ้น “บอดี้การ์ดคนนั้นมันโหดมาก พวกพี่น้องเราสองคนที่ไปขวางมันน่าจะซี่โครงหักหมด หลิวลี่ทำงานสะเพร่า จะไปดูแลใครได้ยังไง?”

คนที่ขับรถทำเสียงฮึดฮัด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูถูก “บอดี้การ์ดคนเดียวก็จัดการไม่ได้ สองคนนั้นมันได้กินข้าวหรือเปล่า? มีคนคอยดูก็ดีแล้ว ถ้าไม่ใช่นาย ฉันคิดจะให้พวกมันไปเองแล้ว!”

คนที่นั่งเบาะผู้โดยสารข้างคนขับไม่พอใจแล้ว “ยังไงก็พี่น้องกัน นายพูดแบบนี้ อย่าเย็นชาหน่อยเลย”

เห็นได้ชัดว่าคนที่ขับรถไม่ได้เก็บคำพูดเขามาใส่ใจ “ช่างเถอะ พี่น้องอะไรกัน ก็เพราะคำสั่งใหญ่ไม่ใช่เหรอ ถึงได้กังวลตามออกมา ถ้านายไม่ได้ใจอ่อน ฉันไม่ต้องการคนที่อยู่ในรถสองคันหลังด้วยซ้ำ”

คนที่นั่งเบาะผู้โดยสารข้างคนขับพูดเสียงดังขึ้น “ฉันเนี่ยนะใจอ่อน? ซุนจึ้น นายไม่มีจิตสำนึกเลยใช่ไหม? ถ้าคนไม่เยอะมากพอ ผู้หญิงคนนี้ที่มีบอดี้การ์ดมาด้วยสามารถหนีออกไปได้ต่อหน้าต่อตาเรา! ถ้าเธอหนีไปแล้ว ธุรกิจนี้ก็จะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง คนของตระกูลฉินจะทำยังไงกับนายก็ไม่รู้จริงๆ!”

เมื่อฉินซีได้ยินถึงตรงนี้ ก็เข้าใจบางอย่างคร่าวๆ

คนที่ขับรถอาจจะเป็นหัวหน้าในกลุ่มคนพวกนี้ ตำแหน่งของคนที่นั่งเบาะผู้โดยสารข้างคนขับก็ไม่น่าต่ำ คนของตระกูลฉินให้พวกเขามาลักพาตัวเธอ เสนอราคาสูงมาก ดังนั้นคนกลุ่มนี้ก็เลยออกมา

สี่คนที่ล้อมรอบตัวเธอหนึ่งในนั้นบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ส่วนที่เหลือ……

ฉินซีนึกถึงรถสองคันที่อยู่ด้านหลัง อย่างน้อยก็มีหกคน อารมณ์ค่อนข้างบูดบึ้ง

ตอนแรกเธอคิดว่า โอกาสเธอคือตอนที่รถหยุด

ไม่ว่ารถคันนี้จะไปที่ไหน เมื่อรถจอดและเปิดประตู พวกเขาต้องหาทางเอาเธอลงจากรถอย่างแน่นอน เพราะพวกเขาคิดหนักในการเคลื่อนย้ายเธอ การระมัดระวังของพวกเขาจึงไม่แข็งแกร่งมาก และฉินซีก็จะใช้พื้นที่คับแคบในการลงจากรถ มันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับเธอในการหนีออกไปจากรถ

แต่ถ้าด้านหลังยังมีรถ แถมมีอีกสองคัน……

ระหว่างการเคลื่อนย้าย คนด้านหลังคงไม่คลายการระมัดระวัง แต่จะยิ่งจับตามองเธออย่างระมัดระวังยิ่งขึ้น ถ้าฉินซีเลือกหนีในตอนนี้ เกรงว่าสถิติของความสำเร็จจะไม่สูงมาก

ฉินซีแอบถอนหายใจอย่างลับๆ

ดูเหมือนต้องหาเวลาอื่น รู้ช่วงจังหวะในการปฏิบัติการ

ตอนนี้ สองคนด้านหน้าเถียงกันจบแล้ว หยุดรถลงแล้ว

ภายในรถเงียบทันที

ฉินซีควบคุมลมหายใจตัวเอง ทำให้ตัวเองฟังแล้วเหมือนกำลังสลบอยู่ ในหัวสมองกลับคิดอย่างรวดเร็ว

ตัวเองต้องสลบนานแค่ไหน?

ถึงเธอจะหลับตาอยู่ แต่รู้สึกถึงแสงแดดที่ส่องผ่านเปลือกตา กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือตอนนี้ยังเป็นเวลากลางวัน

ตัดสินจากความเข้มข้นของแสงแดด น่าจะไม่ใช่เที่ยงตรง ยังไม่ถึงตอนเย็น

พวกเขาถูกล้อมรอบตอนเวลากลางวัน ตอนนี้ยังเป็นช่วงบ่าย……เวลาขับรถสูงสุดไม่เกินสามชั่วโมง

รถที่พวกเขาขับไม่ค่อยดีมาก รถไม่ค่อยกันเสียง แต่ฉินซีก็ไม่ได้รู้สึกว่าเสียงดังเกินไป เพราะพวกเขายังไม่ได้เข้าเขตเมือง

ออกเดินทางจากเมืองหลิน เดินทางสามชั่วโมง ยังไม่ถึงเขตตัวเมือง จะไปไหนได้?

ฉินซีสร้างแผนการในหัวสมอง เอาเมืองหลินเป็นจุดศูนย์กลางในวงกลม จำกัดขอบเขตไว้

เมือง R เมือง T และเมือง A——สถานที่ที่พวกฉินซีมา

ฉินซีเกิดสัญชาตญาณรางๆ คนกลุ่มนี้น่าจะพาเธอกลับไปที่เมือง A

เธอกำลังคิดอยู่ คนที่ขับรถก็เอ่ยขึ้น “จึ๊ ทำไมข้างหน้ารถติดอีก? ตอนแรกเวลานี้ควรจะถึงแล้วนะ!”

คนที่นั่งเบาะผู้โดยสารข้างคนขับปลอบใจ “ทางออกทางด่วนนี้มันรถติดง่ายอยู่แล้ว เดี๋ยวก็ถึงแล้ว ไม่ต้องกังวล”

คนที่ขับรถอารมณ์ร้อนอย่างเห็นได้ชัด “นายรีบเปิดGPSเร็วๆ อย่าให้เข้าเมืองแล้วรถติดอีก เราจับไม่ได้ตั้งหลายคน ถ้าตอนนี้ไปสายอีก จะอธิบายกับตระกูลฉินยังไง!”

คนที่นั่งเบาะผู้โดยสารข้างคนขับตอบตกลงอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นสักครู่ เสียงคนก็ดังขึ้นจากโทรศัพท์ “กำลังนำทางท่าแบบเรียลไทม์ ขับตรงไปตามถนนจนถึงสี่แยกแรก เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนไป๋หยู้หลาน……”

ฉินซีได้ยินถึงตรงนี้ ก็เข้าใจทันที

ถนนไป๋หยู้หลาน……เธอถูกพากลับไปที่เมือง A

แต่ตอนนี้รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ก็ไม่ได้ทำให้ฉินซีรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด

เมือง A ใหญ่ขนาดนั้น ถ้าคนของตระกูลฉินจงใจทรมานเธอ ก็มีที่มืดๆ ทุกซอกทุกมุม

เธอทำได้แค่มีสมาธิเท่านั้น สังเกตเส้นทางการนำทางอย่างระมัดระวัง

แต่ยิ่งฟัง ก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ ……

ถนนนี้ ไม่ได้ไปที่อื่น แต่เหมือนไปที่ตระกูลฉินเลย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท