Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1080

ตอนที่ 1080

บทที่ 1080 ก้าวสุดท้าย

หลังตัดสาย ฉินซีตกอยู่ในภวังค์

ฉินซีให้คำตอบกับความสัมพันธ์นี้เองแท้ๆ ตัวเธอกลับสลด

ไม่เพียงแค่เพื่อน แต่ก็อธิบายมากกว่านี้ไม่ได้

ฉินซีถอนหายใจ ก่อนเอนกายลงนอนบนเตียงดั่งเคย

เมื่อวุ่นวายเช่นนี้เข้า ความง่วงเมื่อครู่หายไปสิ้น เธอพลิกไปมาบนเตียงอยู่นาน ยังไงก็ไม่หลับเสียที

เธอจับจ้องเวลา ลู่เซิ่นคงกำลังหลับอยู่

ฉินซีจึงไม่คิดรบกวนเขา เธอเบิกตากว้างมองเพดานฝ้า

เพื่อน

ขาดเพียงคำสารภาพ เป็นได้เพียงเพื่อนงั้นหรือ?

ฉินซีขมวดคิ้วแน่น พลิกตัว เธอเหลือบตาเห็นภาพที่แขวนอยู่บนผนัง

จากคำบอกเล่าของลู่เซิ่น ก่อนถ่ายรูปภาพนี้ พวกเขาพบกันเป็นครั้งแรก

แม้ฉินซีผ่านการรักษาหลายต่อหลายครั้ง ความทรงจำท่อนนี้ยังคงว่างเปล่า เขาจึงสั่งให้พ่อบ้านย้ายรูปนี้จากห้องทำงานมาที่นี่โดยเฉพาะ ไว้ในห้องนอนของพวกเขา เพื่อย้ำเตือนตนเอง

ไม่แน่สักวันหนึ่ง เธออาจจำขึ้นมาได้

เพียงแต่ในรูปภาพใบนี้เด็กทั้งสองกำลังเป่าลูกโป่ง เธอรู้สึกตระหนกเล็กน้อย

ลู่เซิ่นรู้จักตนก่อนถ่ายรูปนี้ จากนั้น เขาหาตนเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม

หนึ่งปีเต็ม อาจดูเหมือนง่าย แต่ฉินซีรู้ดี สำหรับลู่เซิ่นที่เวลามีค่ายิ่งกว่าอะไร เงินหายังไงก็ไม่หมด เวลาจึงมีคุณค่าที่สุด

เขาเสียเวลาหนึ่งปีเต็มเพื่อแสวงหาตน ถึงขนาดทิ้งงานไว้ข้างหลัง

หลังจากที่ได้พบตน เขาใช้เงินเป็นข้ออ้างเพื่อรั้งตนเอาไว้ แม้รู้ว่าตนแต่งงานเพราะอะไร แต่ก็ยังตอบตกลง

แม้จะรู้สึกผิดปกติอยู่บ้าง หลังจากที่ลู่เซิ่นอธิบาย ทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผลขึ้นมา

ฉินซียากที่จะไม่ใจอ่อน

พวกเขาอยู่ด้วยกันกว่าหนึ่งปี แต่งงานกันแล้วหลายเดือน ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกถึงความดีที่ลู่เซิ่นมีให้ตน

แม้ทั้งสองจะมีปากเสียงกันบ้าง แต่ความช่วยเหลือที่ลู่เซิ่นมีต่อตน ตนเก็บไว้ในใจทุกรายละเอียด

ก่อนที่เธอจะได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทั้งคู่ ความดีของลู่เซิ่น ฉินซีหวั่นไหวเล็กน้อย แต่ในเวลาอันสั้นเธอคิดว่าทั้งคู่เพียงช่วยเหลือกันและกันเท่านั้น

หลังเธอพบว่าตนมีใจให้เขา เธอถึงได้ลังเล

หลังเธอรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนนั้น หลายวันมานี้ฉินซีบอกตัวเองอ่อนลงบ้าง หัดเป็นคนตรงๆสารภาพความรู้สึกของตนไปตรงๆ

เธอคิดว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่คาดคิดในหนึ่งร้อยก้าว ลู่เซิ่นเดินไปแล้วเก้าสิบก้าว

ที่เหลือสิบก้าวต่างหาก ที่เป็นตัวตัดสินความสัมพันธ์ของทั้งคู่

ทั้งคู่เหลือเพียงก้าวสุดท้าย

อันที่จริงฉินซีรอลู่เซิ่นก้าวข้ามเส้นนั้นอยู่ตลอด

เธอรู้ดี หลังจบการเดินทางในครั้งนี้ ตามนิสัยเขาแล้ว เขาไม่มีทางปล่อยให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ชัดเจนเช่นนี้ สารภาพอย่างไร ความสัมพันธ์จะเป็นอย่างไรต่อไป ลู่เซิ่นมีการตัดสินใจของเขาอยู่แล้ว

เธอเพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิม ลู่เซิ่นจะก้าวข้ามมาเอง หยุดอยู่ตรงหน้าเธอ กุมมือเธอเอาไว้

…..แต่เธอจะได้ดั่งใจหวังจริงหรือ?

ลู่เซิ่นเสียสละมามาก เธอ…..ทำอะไรบ้างได้ไหม?

อย่างน้อยให้ลู่เซิ่นได้รับรู้ ความจริงใจของเธอ

คิดได้ดังนี้ ความง่วงของฉินซีหายไปสิ้น เธอผุดลุกขึ้นนั่ง เปิดคอมพิวเตอร์ เปิดคอลเลคชั่นภาพนิทรรศการ พิจารณาครู่หนึ่ง ก่อนพิมพ์ตัวอักษรร

…..

สมแล้วที่ประชาสัมพันธ์ของลู่เซิ่นขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของวงการ ก่อนอาหารเย็น บริษัทได้ส่งแผนการอย่า

ละเอียดให้กับเธอ

เริ่มจากการติดต่อนักข่าว พิธีการแถลงในวันพรุ่งนี้ ไปจนถึงการควบคุมสถานการณ์หลังจากแถลง เขียนวิธีการจัดการเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ให้ฉินซีเลือก

หญิงสาวเสียงหวานคำนวณเวลาอย่างดี เมื่อฉินซีใกล้อ่านจนจบ เธอโทรเข้ามาพอดิบพอดี : “มีหลายจุด ที่ต้องอธิบายให้คุณเข้าใจ…..”

ฉินซีรู้สึกถึงความเป็นมืออาชีพ เธอฟังคำอธิบายหญิงสาวอย่างตั้งใจ

“…..เหตุการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นประมาณนี้” หญิงสาวประชาสัมพันธ์เอ่ยจบในรวดเดียว ก่อนเอ่ยถาม “คุณยังมีคำถามอะไรอีกไหม?”

ทันทีที่ฉินซีเตรียมเอ่ยถาม หน้าจอกลับเด้งกล่องสนทนาขึ้น

เพื่อความสะดวกในการดูอีเมลในคอมพิวเตอร์ ฉินซีเสียบหูฟังวางโทรศัพท์ลง หน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้น เธอเห็นอย่างชัดเจน

“…..ดีมากเลย” ฉินซีเหลือบมองข้อความบนหน้าจอ ก่อนส่ายหน้า “แต่อาจไม่ได้ใช้แล้ว”

“อืม?” หญิงสาวไม่ได้มีปัญหาใดๆ เธอเพียงประหลาดใจ “หากไม่มีปัญหาอะไร…..”

“ฉินซึ่งเทียนหลบหนีไปแล้ว” ฉินซีขัดขึ้นอย่างเรียบง่าย

อานหยันเป็นคนส่งข่าวให้เธอ

“ฉินซึ่งเทียนนำกระเป๋าเดินทางไปสองใบ ขับออฟโรดออกไป” ข้อความสั้นๆของอานหยัน

เมื่อเที่ยงอานหยันโทรศัพท์หาฉินซี ฉินซีกำชับเธอ เธอจึงสั่งคนจับตาดูเขา

นิตยสารเป็นนักสอดแนมที่เชี่ยวชาญที่สุด แอบแฝงอยู่รอบด้านโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ รอข่าวใหญ่

ทีแรกเตรียมใจจับตาดูถึงเที่ยงคืน ไม่คาดคิดนี่ฟ้าเพิ่งดับ ไม่ทันได้มืดสนิทดี ฉินซึ่งเทียนอยากหนีจนรอไม่ไหว

ฉินซีหัวเราะออกมา ก่อนส่ายหน้า

ที่สุดหลี่เหวยไม่เข้าใจในคำเตือนของเธอ

บางทีนี่อาจเป็นชะตากรรมของฉินซึ่งเทียน

ข่าวสารนี้กะทันหันนัก สาวประชาสัมพันธ์มีความมืออาชีพแค่ไหน เธอเองนิ่งอยู่นาน : “ค่ะ เราจะเปลี่ยนแผนการเดี๋ยวนี้”

ฉินซีพยักหน้า : “อืม ฉันบอกไว้ก่อน ฉินซึ่งเทียนน่าจะถึงสนามบินในอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง อีกไม่นานก็ถูกรวบตัวแล้ว คงได้เป็นข่าวเร็วๆนี้ คุณอาจไตร่ตรองสถานการณ์ตรงหน้านี้”

สาวประชาสัมพันธ์ไม่ได้เอ่ยถามฉินซีทำไมถึงได้ใจเย็นเช่นนี้ ได้ยินคำกล่าว เธอรับคำในทันที เธอเตรียมการทันทีหลังวางสายไป

ทางด้านอานหยันยังคงส่งข่าวอย่างต่อเนื่อง

“ฉินซึ่งเทียนออกมาคนเดียว ไม่มีใครมาด้วย แม้แต่คนขับรถ”

“เส้นทางสนามบิน”

“รถติดนิดหน่อย แต่ยังตามอยู่”

“เขาไม่รู้ตัวว่าถูกสะกดรอยตาม

ฉินซีจับจ้องข้อความของอานหยัน ด้วยสีหน้ายากที่จะคาดเดา สักครู่ เธอส่ายหน้า

ที่เป็นชะตาที่ฉินซึ่งเทียนเลือกเอง

เสมือนว่าอานหยันรายงานสด ฉินซึ่งเทียนอยู่ไหน จอดรถที่ไหนซื้ออะไร ไปถอนเงินที่ไหน เสมือนGPSเวอร์ชั่นมนุษย์

หน้าจอโทรศัพท์แจ้งเตือนอย่างต่อเนื่อง พ่อบ้านอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองบ้าง

ฉินซีรับประทานอาหารอย่างเชื่องช้า ก่อนที่จะได้เห็นข้อความที่สำคัญที่สุด

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท