Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1101

ตอนที่ 1101

บทที่ 1101 วัวสันหลังหวะ

สีหน้าอาสามชะงักงัน น้ำเสียงก็นิ่มนวลขึ้น : “ที่พวกเรามาถามก็เพราะเป็นห่วงลู่เซิ่น เนื่องจากเขาไม่ได้อยู่เมืองหนานมานาน นิสัยใจคอของหญิงสาวที่หมายปองไว้ก็คงรู้ดีไม่เท่าพวกเรา อีกอย่างถ้าเขาขอหญิงสาวแต่งงานสำเร็จ อย่างนั้นเรื่องแต่งงานก็คงไม่พ้นให้ผู้ใหญ่จัดการ ขั้นตอนพิธีต่างๆของการแต่งงานบ้านตระกูลลู่นั้นยุ่งยากมาก พวกเราก็เลยต้องเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ คุณบอกฉันเถอะ ลู่เซิ่นไม่ว่าอะไรคุณหรอก”

แต่ว่าท่าทีหลินหยังยังคงดึงดัน ส่ายหน้ายิ้มอย่างนอบน้อม : “ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากบอกท่าน แต่ผมนั้นก็ไม่ทราบจริงๆครับ”

อาสามมีสีหน้าเข้มทันที

เขาเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าหลินหยังคนนี้เป็นผู้ช่วยที่ติดตามลู่เซิ่นมานาน เรื่องของลู่เซิ่นบางทีเจ้าตัวยังรู้ดีไม่เท่าผู้ช่วยคนนี้ด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้กลับมาบอกว่าเขาไม่รู้เรื่อง?

อาสามไม่พอใจที่ถูกลู่เซิ่นหลอกให้ตกหลุมพรางต่อหน้าผู้คน ตอนนี้ยังต้องมาอยู่กับหลินหยังด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่นานสองนาน หลินหยังก็ยังมาทำเสแสร้งอีก เป็นธรรมดาที่ในใจเขาจะรู้สึกไม่พอใจ น้ำเสียงก็เลยรุนแรงไปหน่อย “ผู้ช่วยหลิน คุณติดตามอยู่ข้างกายลู่เซิ่น การให้ความซื่อสัตย์ภักดีต่อลู่เซิ่นนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าอย่าเป็นคนหัวโบราณมากไป ทั้งหมดนี้ก็เพื่อหวังดีกับลู่เซิ่น อะไรที่ไม่ใช่ พวกผู้ใหญ่ย่อมรู้ดีกว่าคุณ”

หลินหยังถอนหายใจอยู่ในใจ

ครั้งนี้เขาไม่ได้เสแสร้ง แต่เขานั้นไม่ทราบจริงๆ

เมื่อเช้าตอนที่ลู่เซิ่นออกมาจากห้องของหลินยี่นั้น เขาไม่มีการพูดเรื่องไร้สาระแม้แต่ประโยคเดียว มีเพียงต้องการให้จัดเตรียมเครื่องบินเพื่อบินไปเมืองหนาน เขายังคิดว่ามีเรื่องสำคัญให้ต้องจัดการ ดังนั้นจึงได้รีบจัดเตรียมให้ทันที

แต่ในระหว่างทางลู่เซิ่นอยากกลับบ้านอีก ทั้งโอบกอดกับฉินซีอีกทั้งยังกล่าวคำล่ำลา ทำให้เสียเวลาไปไม่น้อยก่อนที่จะขึ้นเครื่องบิน เดิมทีก็ทำให้หลินหยังเกิดความสงสัยอยู่แล้วว่าที่ลู่เซิ่นมาเมืองหนานนั้น มีเรื่องเร่งด่วนจริงๆหรือ

แต่ว่าหลังจากที่ออกจากรีสอร์ทชิงหยวน เห็นได้ชัดว่าลู่เซิ่นมีอารมณ์ไม่ดี หลินหยังก็ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว จึงไม่ได้ถามอะไร

คิดไม่ถึงว่าเมื่อลู่เซิ่นลงจากเครื่องบินแล้ว เขาได้ปล่อยระเบิดด้วยคำพูด : เขาจะขอแต่งงาน

อย่าว่าแต่ผู้อาวุโสที่อยู่ตรงหน้าเลย แม้แต่หลินหยังในหัวสมองก็มีแต่เครื่องหมายคำถาม

ขอแต่งงาน? ขอใคร? ทำไม?

ก็เห็นอยู่โทนโท่ว่าก่อนขึ้นเครื่องบินลู่เซิ่นยังโอบกอดกับฉินซีอยู่ ด้วยใบหน้าท่าทีที่ไม่อยากจะจากลา ทำไมเพียงแค่สิบกว่าชั่วโมงหลังจากนั้น ถึงได้อยากมาหาคนแต่งงานที่เมืองหนานด้วย

แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพของหลินหยัง ทำให้เขาสามารถรักษาใบหน้าให้เรียบนิ่งได้ ไม่เสียอาการเหมือนกับอาสาม

แต่แล้วกลับคิดไม่ถึงว่าอาสามจะมาถามเขาถึงที่

…..ท่านอย่าได้ถามอีกเลยครับ ผมไม่ทราบจริงๆ

หลินหยังถอนหายใจอยู่ในใจ เขาทราบดีว่าอาสามนั้นปักใจเชื่อไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ทราบเรื่องราว คำพูดนี้ถ้าได้พูดออกไป เกรงจะทำให้เขายิ่งรู้สึกว่าตัวเองนั้นดูเสแสร้งยิ่งกว่าเดิม

เพราะถึงอย่างไรหลินหยังก็ไม่ใช่ลู่เซิ่น ลู่เซิ่นสามารถเพิกเฉยต่อผู้อาวุโสเหล่านี้ได้ แต่หลินหยังนั้นทำไม่ได้

เขาครุ่นคิดอยู่สองสามวินาที ก้มสายตาต่ำลง น้ำเสียงนุ่มนวลขึ้น : “อาสามครับ ท่านอย่าทำให้ผมลำบากใจเลยครับ เพราะถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องส่วนตัวของประธานลู่ ถ้าพวกท่านทราบเรื่อง ประธานลู่จะทราบได้ทันทีว่าหลุดมาจากผมอย่างแน่นอน และที่ผมติดตามประธานลู่ก็เพื่อมีข้าวไว้ประทังท้อง…..”

เมื่อเห็นใบหน้าที่ทุกข์ใจของเขา อาสามก็ได้ถอนหายใจยาวๆ และเห็นอกเห็นใจหลินหยังทันที

พวกเขาคลุกคลีกับลู่เซิ่นแค่เพียงชั่วครั้งชั่วคราวยังรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว แต่ผู้ช่วยคนนี้ติดตามลู่เซิ่นมานานนับหลายปี ก็คงได้รับความทุกข์ทรมานอยู่ไม่น้อย

ครั้นแล้วอาสามก็ไม่ได้ถามเพิ่มอีก เพียงยื่นมือมาตบที่ไหล่เขาเบาๆ : ช่างเถอะๆ ฉันก็ไม่ได้มาเพื่อทำให้คุณลำบากใจ คุณพักผ่อนไปเถอะ ฉันจะกลับแล้ว

หลินหยังจึงมาส่งพวกเขาถึงหน้าประตูอย่างนอบน้อม เมื่อประตูปิดลง เขาก็ยิ้มขึ้นทันที

อาสามคนนี้ยังมาถามตัวเองถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น หรือว่า…..ตัวเองต้องไปถามลู่เซิ่นจริงๆ

…..

และแน่นอนว่าหลินหยังในฐานะผู้ช่วยที่ทรงคุณวุฒิ สุดท้ายก็ไม่ได้ถามเรื่องส่วนตัวของลู่เซิ่น

แต่กลับเป็นลู่เซิ่นเองที่เปิดเผยปริศนานี้

หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง ตอนที่หลินหยังได้มาเคาะประตูห้องนอนของลู่เซิ่นเพื่อปลุกเขาตื่น

ปรากฏว่าเขานั้นได้ตื่นจากที่นอนแล้ว

ท่าทีลู่เซิ่นยังคงดูนิ่งๆ แต่ได้ยื่นเอกสารให้เขา : “คุณไปสืบค้นเวินจิ้งให้ที”

หลินหยังรีบทำการสแกนข้อมูลในหัวสมองทันที จากนั้นนึกขึ้นได้——เวินจิ้ง น้องสาวของหลินยี่

เมื่อเช้าลู่เซิ่นออกมาจากห้องผู้ป่วยของหลินยี่ จากนั้นก็มาเมืองหนาน เมื่อลงจากเครื่องบินก็บอกว่าจะขอแต่งงาน เมื่อตื่นขึ้นมาก็บอกให้ตามหาน้องสาวของหลินยี่

…..ตอนนี้ทุกอย่างได้เชื่อมต่อกันหมดแล้ว

คู่ครองที่ลู่เซิ่นต้องการจะขอแต่งงาน ชัดเจนว่าเป็นเวินจิ้งคนนี้

หลินหยังถอนหายใจเฮือกหนึ่งในใจ

เขาติดตามลู่เซิ่นมานมนาน เมื่อสองปีก่อนจู่ๆลู่เซิ่นก็ตามหาฉินซีอย่างบ้าคลั่งเหมือนกัน จากนั้นก็ไปประเทศF เพื่ออยู่กับฉินซี แต่งงานกัน แล้วก็หย่ากัน จากนั้นก็อยู่ด้วยกันอีก

ลำบากลำบนกันมาขนาดนี้ เขายังคิดว่าในที่สุดลู่เซิ่นกับฉินซีก็สามารถลงเอยกันได้สักที แต่กลับไม่คาดไม่ฝันว่า ผลลัพธ์ที่ได้ที่คือข่าวของลู่เซิ่นขอเวินจิ้งแต่งงาน

แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆออกมา เพียงแค่พยักหน้าตอบรับ หยิบเอกสารแล้วก็ออกไป

ลู่เซิ่นมองดูประตูที่เปิดออกแล้วก็ปิดลง จากนั้นก็ค่อยๆหรี่ตาลง ทันใดนั้นเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เงยหน้าขึ้นทันที แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียง

——ปิดเครื่องจริงๆด้วย

ลู่เซิ่นใจเต้นตึกๆ ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆจิตใจรู้สึกกระวนกระวาย เหมือนมีบางอย่าง…..ทำให้รู้สึกว่าตัวเองได้พลาดเรื่องสำคัญไป

ครั้นแล้วเขาจึงได้เร่งรีบเปิดเครื่องโทรศัพท์

เพียงแค่รอไม่กี่วินาทีเพื่อให้โทรศัพท์เปิดขึ้น ก็กลายเป็นเรื่องที่ยากเย็นไปเสียแล้ว

เมื่อโทรศัพท์เปิดขึ้น เขาก็รีบเปิดดูกล่องข้อความ ทำการรีเฟรชอยู่หลายครั้ง

——ไม่มีข้อความใหม่

ลู่เซิ่นถึงได้ถอนหายใจโล่งอย่างช้าๆ

ตามเวลาที่ประเทศF ตอนนี้ยังเป็นช่วงกลางดึก ไม่มีเหตุผลที่ฉินซีจะไม่หลับไม่นอน หรือตอบข้อความกลับให้ตัวเองดึกดื่นเที่ยงคืน

ความรู้สึกระแวดระวังของตัวเองเช่นนี้ ดูเหมือนกับ…..วัวสันหลังหวะอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อสำนวนสุภาษิตนี้ได้แวบเข้ามาในหัวของลู่เซิ่น ใบหน้าก็มีรอยยิ้มขื่นๆออกมา

เขาได้เริ่มแล้ว ก็ไม่อาจจะหยุดได้

สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้คือ ทำทุกอย่างให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด จากนั้นก็รีบกลับไปหาฉินซี แล้วบอกความจริงให้เธอ

…..

แต่ไหนแต่ไรหลินหยังทำงานได้มีประสิทธิภาพมาก หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป ข้อมูลที่เกี่ยวกับเวินจิ้งก็ได้ถูกวางไว้ตรงหน้าของลู่เซิ่น

ข้อมูลของเวินจิ้งกับเรื่องราวที่ประสบพบเจอในชีวิต ลู่เซิ่นนั้นข้ามผ่านไปไม่ดู เพราะเขาไม่ได้สนใจอยากรู้จริงๆ

เมื่อเปิดถึงเนื้อหาที่เวินจิ้งเข้าเรือนจำ เขาถึงจะเริ่มทำการอ่านอย่างจริงจัง

ชนแล้วหนี ไม่เพียงแต่ชนโดนคน ชนแล้วยังไม่ลงจากรถเพื่อให้ความช่วยเหลืออีก อีกทั้งยังถูกกล้องวงจรปิดบันทึกใบหน้าได้อย่างชัดเจน ถึงได้ถูกจับเข้าเรือนจำ

ดูเหมือนคดีนี้หลักฐานพยานครบถ้วน ไม่มีทางที่คดีจะพลิกได้ หลังจากนี้อีกสองวันก็เป็นเวลาขึ้นศาล

เวลาของเขาเหลือไม่มากแล้ว

แววตาลู่เซิ่นค่อยๆหม่นลง

สถานการณ์ตอนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำตามขั้นตอน ค่อยๆสืบหาว่าหลักฐานนั้นได้สร้างขึ้นมาหรือไม่ พยานนั้นเป็นพยานเท็จหรือเปล่า

เขาจะต้องหาวิธีพบเวินจิ้งให้ได้ก่อนที่จะขึ้นศาล จากนั้นค่อยใช้กลอุบายพาเธอออกมาก่อน

จากนั้นค่อยไปสู้คดีกันที่ศาลอีกที

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท